สีหน้าของหวังฟางและกู้เจี้ยนหมินซีดเผือดลง ในใจต่างเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอัดแน่น หวังฟางที่ตื่นตระหนกจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่างยื่นมือออกไปทุบหลี่โม่อย่างแรง “แก ไอ้คนระยำ แกก่อเรื่องขนาดนี้ได้ยังไง! ไปยั่วโมโหพี่ใหญ่ของจินไห่ได้ยังไง!” “แม่คะ ใจเย็นลงหน่อย เป็นฮั่วเจี้ยนเฟิงต่างหากที่พาคนพวกนั้นมาหาเรื่องหลี่โม่ ชูจงเทียนก็ช่วยคลี่คลายเรื่องนี้ไปแล้ว” กู้หยุนหลานช่วยอธิบายแทนหลี่โม่ กู้เจี้ยนหมินเอ่ยด้วยสีหน้าบึ้งตึง “เจี้ยนเฟิง ฉันจะให้คุณพูดมาให้ละเอียด ว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่” ฮั่วเจี้ยนเฟิงยิ้มอย่างเก้ ๆ กัง ๆ “ผมบังเอิญเจอกับคู่ค้าทางธุรกิจสองสามราย ก็เลยพูดคุยกันไม่กี่คำ พวกเราเข้ามาก็เจอกับหลี่โม่พอดี จากนั้นหลี่โม่ก็ยั่วโมโหให้พวกเขาไม่พอใจ ผมที่อยู่ตรงกลางเองก็เกลี้ยกล่อมไม่ไหว เรื่องราวก็เลยวุ่นวายใหญ่โตน่ะครับ” “พูดจาเหลวไหล” กู้หยุนหลานมองไปยังฮั่วเจี้ยนอย่างโกรธเคือง “ผมพูดเหลวไหลยังไง ไม่เชื่อจะไปถามต่อหน้าตัวต่อตัวเลยก็ได้นะ แถมเจ้าขยะนี่ยังเดิมพันกับพวกเขาด้วย เดิมพันว่าตอนท้ายสุดของการประมูลหินแร่ หินแร่ที่ประมูลมาของใครจะผ่าออกมาแล้วจะคุณภาพดีกว่ากัน
การประมูลค่อย ๆ ดำเนินไปสู่ตอนจบอย่างช้า ๆ หินแร่ก้อนนั้นที่ถูกผู้เชี่ยวชาญมองว่าจะมีแน้วโน้มที่ดีมากที่สุด ถูกเคาะค้อนประมูลไปในราคาหนึ่งล้านหยวน ซึ่งถูกเฝิงจื่อไฉสอยเข้ากระเป๋าไปได้สำเร็จ “พี่ไฉสุดยอดจริง ๆ เพิ่มราคาสองครั้งก็สยบได้ทั้งห้องแล้ว ไม่มีใครกล้าสู้ราคากับพี่ไฉเลย” “คนที่ได้รับมอบหมายให้ทำการประมูลคงร้องไห้แน่ ฉันได้ยินว่าหินแร่ดิบก้อนนี้มีมูลค่าถึงหกเจ็ดล้านเชียวนะ พี่ไฉได้มาในราคาหนึ่งล้านนี่คุ้มสุด ๆ ไปเลย” “เราประมูลหยกมาได้แล้ว เจ้าขยะนั่นยังไม่ขยับเขยื้อนเลย คงจะไม่ได้กลัวพวกเราจนเอ๋อไปแล้วหรอกนะ ไปดูสักหน่อยดีกว่า” เหอลี่ฉวินและคนอื่น ๆ กำลังจับจ้องการเคลื่อนไหวของหลี่โม่ ตลอดการประมูลหลี่โม่ไม่เคยยกป้ายเสนอราคาเลย จึงทำให้พวกเหอลี่ฉวินสบประมาทหลี่โม่จากส่วนลึกในใจ เฝิงจื่อไฉหัวเราะเย็นชา ลุกขึ้นยืนและพูดขึ้น “ไปกันเถอะ ทำให้ไอ้ขยะนั่นขายขี้หน้าสักรอบ ที่เหลืออยู่ก็แค่หินแร่ดิบที่ไร้ค่าที่สุดก้อนนั้น ฉันเดาว่าเงินของไอ้ขยะนั่นคงจะซื้อได้แค่หินขยะก้อนนั้นนั่นแหละ” เหอลี่ฉวินและคนอื่น ๆ รายล้อมรอบตัวเฝิงจื่อไฉและเดินไปทางหลี่โม่ ตอนนี้การประมูลกำลังจะจบลงแ
เฝิงจื่อไฉพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เพิ่มบ้าอะไร รีบทำตามข้อตกลง ไม่เห็นเหรอว่าฉันมีเรื่องอื่นต้องทำ !""ได้ครับ"ผู้ประมูลหดคอด้วยความตกใจ และยกค้อนไม้ในมือทุบทันทีและทิ้งมัน"ขอแสดงความยินดีกับคุณหมายเลข 99 ผู้ได้รับรางวัลหยกเจไดต์เนื้อหยาบนี้ในราคา 100 หยวน"ทั้งกู้เจี้ยนหมินและหวังฟางถึงกับหน้าเสีย รู้สึกว่าหลี่โม่ทำให้อับอายขายหน้าจริง ๆ และคิดว่าหลี่โม่จะทำให้คนใหญ่คนโตคนอื่น ๆ อับอายมากไปกว่านี้ ทั้งคู่ไม่ต้องการยืนดูมันอีกต่อไป"เจี้ยนเฟิง ลุงกับป้าขอตัวกลับโรงแรมกันก่อนนะ ฝากเธอดูแลหยุนหลานให้ดีด้วย ถ้าไอ้ขยะนั่นมีปัญหาอะไร เธอไม่ต้องสนใจ แค่พาหยุนหลานกลับก็พอ"ฮั่วเจี้ยนเฟิงแสดงสีหน้าด้วยความสะใจ เขาพยักหน้าพูดว่า "คุณป้า คุณลุง กลเบไปก่อนก็ได้ครับ ผมจะดูแลหยุนหลานเป็นอย่างดีเอง"กู้เจี้ยนหมินและหวังฟางจากไปพร้อมกัน ฮั่วเจี้ยนเฟิงก็ยิ้มและจ้องไปที่หลี่โม่"ไอ้อ่อน จะเข้าไปตัดหยกแล้ว แกรอคุกเข่าร้องขอความเมตตาได้เลย" เฝิงจื่อไฉพูดอย่างมั่นใจหลี่โม่ดึงกู้หยุนหลานยืนขึ้นพร้อมกัน ยิ้มและพูดว่า "ผมจะไปจ่ายเงิน""จ่ายเงินอะไรของแก เก็บเงินหนึ่งร้อยของแกไว้ไปโรงพยาบาลเถอะ!"
คำพูดของหลี่โม่ทำให้กู้หยุนหลานเขินจนหน้าแดง เธอมองหลี่โม่ด้วยสายตาที่ยั่วยวน และความกังวลในใจของเธอก็ถูกชะล้างด้วยความเขินอายไปจนหมดกู้หยุนหลานมองไปที่หลี่โม่อย่างเงียบ ๆ แทนที่จะพูดห้ามปราม เธอตัดสินใจว่าหากมีอะไรเกิดขึ้น เธอจะแบกรับมันร่วมกับสามีของเธอในห้องว่างถัดจากห้องประมูลใหญ่ไป มีเครื่องตัดหินขนาดใหญ่พร้อมแล้ว ชูจงเทียนและลู่เจี้ยนปินยืนอยู่ข้างเครื่องตัดหิน และพึมพำด้วยเสียงต่ำ"พระเจ้าช่วย ท่านเห็นสิ่งนี้ไหมครับ? หยกชิ้นนี้ที่คุณชายหลี่ประมูลแย่ที่สุด ในไม่ช้าเขาคงพ่ายแพ้"ชูจงเทียนยิ้มเล็กน้อย ในใจคิดว่าคนที่ทำให้นายน้อยแห่งแดงมังกรแพ้ได้ น่าจะไม่มีโอกาสได้เกิดใหม่"คุณเชื่อในปาฏิหาริย์ไหม เจี้ยนปิน" ชูจงเทียนถามด้วยเสียงต่ำ“ปาฏิหาริย์? ส่วนมากผมคิดหาทางออกได้ด้วยตัวเอง สำหรับปาฏิหาริย์ ผมไม่อยากจะคิดถึงมัน คุณคงไม่คิดว่าปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นกับคุณชายหลี่หรอกนะครับ ตลกเกินไป"ลู่เจี้ยนปินเขามีประสบการณ์เรื่องแปลก ๆ มากมาย แต่เรื่องแปลก ๆ เหล่านั้นไม่เกี่ยวกับโชค ส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นดังนั้นชูจงเทียนจึงถามเขาว่า เขาเชื่อในปาฏิหาริย์หรือไม่ ในใจของลู่เ
เหอลี่ฉวินและคนอื่น ๆ มองไปที่หลี่โม่ด้วยสายตาเหยียดหยาม คิดว่าคราวนี้หลี่โม่จะต้องคุกเข่าอย่างแน่นอน"ไอ้อ่อน แปลกใจล่ะสิ หยกเจไดต์สีเขียวแกเคยไหมหรือเปล่า? ชิ้นส่วนนี้คงจะเปิดตาของแก พร้อมที่จะคุกเข่าและเรียกพ่อหรือยัง?""เมื่อกี้แค่เรียกพ่อ แต่ตอนนี้แกต้องคุกเข่าแล้วเรียกคุณปู่ถึงจะถูก ไอ้อ่อนนี่ คิดจะพนันกับพี่ไฉ แกจะได้กินไส้หมาของจริงแน่""ไอ้อ่อน รีบเอาหยกของแกวางลงไป รอทุกอย่างถูกเปิดออก แกจะได้รู้ว่าระดับแกกับฉันมันต่างกันแค่ไหน ต่อไปจะได้เรียนรู้ที่จะคุกเข่าและประจบสอพลอบ้าง" ลู่เจี้ยนปินส่ายหัว มองหลี่โม่ถือหยกอยู่ คิดว่าครั้งนี้หลี่โม่ต้องแพ้อย่างแน่นอน"พระเจ้า คุณก็เห็นแล้ว ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมีความแม่นยำมาก คุณสมบัติของหยกชิ้นนี้เหมือนกับที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ทุกประการ แถมหยกที่คุณชายหลี่ถืออยู่นั้น ไม่มีผู้เชี่ยวชาญคนไหนบอกว่าดี พวกเขาทั้งหมดรู้สึกว่าม้นเหมือนหินธรรมดา"ชูจงเทียนสีหน้าดูซีดเล็กน้อย ได้แต่พยักหน้าและไม่พูดอะไรเวลานี้พูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์ ชูจงเทียนทำได้เพียงเชื่อมั่นในหลี่โม่ คิดว่าหลี่โม่ไม่มีทางแพ้แน่นอนหลี่โม่วางหยกลงบนเครื่องตัดหิน กู้หยุนหลา
ลู่เจี้ยนปินมองไปที่มีดในกล่องด้วยความประหลาดใจ นอกจากจะสะสมของโบราณ ลู่เจี้ยนปินก็ขลุกอยู่กับการสะสมอาวุธด้วย ดังนั้นเขาจึงจำมีดในกล่องได้แต่ทำได้เพียงแค่มองมันเท่านั้น"ดาบอสูรเป็นดาบที่ผลิตโดยนักตีเหล็กปรมาจารย์แห่งแดนซากุระ กล่าวกันว่าต้องใช้เวลาสามปีในการตีดาบหนึ่งเล่ม ราคาสูงอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว แถมยังหาซื้อได้ยากมาก ที่สำคัญก็คือ ใครก็ตามที่ได้รับบาดเจ็บจากดาบอสูรนี้ จะต้องโชคร้ายไปตลอดชีวิต"ลู่เจี้ยนปินอธิบายให้ชูจงเทียนฟังด้วยเสียงต่ำ ชูจงเทียนยิ้มเบา ๆ และส่งสายตามองไปที่หลี่โม่เมื่อเห็นท่าทีที่สงบของหลี่โม่ หัวใจของชูจงเทียนก็ผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์ไป่เฉียนหลี่ถือกล่องที่บรรจุมีด มองไปที่หลี่โม่ด้วยความดูถูก "ไอ้อ่อน ดูให้ดี มีดเล่มนี้มีค่ามากกว่าชีวิตทั้งหมดของตระกูลแกอีกว่ะ"“สำหรับไอ้อ่อนนี่ คงไม่ต้องเสียเวลาคุยดีกับมันมากหรอก รอดูสภาพของหินที่แตกของมัน แล้วปล่อยให้มันคุกเข่าลงต่อหน้าพวกเราด้วยตัวมันเองเถอะ”ช่างตัดหินผู้ชำนาญการตัดหินเปิดฝาครอบป้องกันออกแล้ว และเริ่มส่งแต่ละส่วนออกไปเฝิงจื่อไฉจ้องไปที่หลี่โม่อย่างสนุกสนาน จากนั้นก็มองไปที่เครื่องตัดหิน รอดูผล
"ไม่จริง มันต้องไม่ใช่แบบนี้ โกง!.พวกแกต้องช่วยไอ้อ่อนนี่โกงฉันแน่ ๆ ! ทั้งหมดคือของปลอม ใช่แล้ว ของปลอม !" เฝิงจื่อไฉเอะอะโวยวายเสียงดังลู่เจี้ยนปินทำสีหน้าเย็นชา เดินเข้าไปยืนอยู่ต่อหน้าเฝิงจื่อไฉ "แกกำลังจะบอกว่าฉันช่วยมันโกงแก?""ใช่ คุณต้องช่วยมันโกง ไม่อย่างนั้นคงไม่เป็นแบบนี้! พวกคุณรวมหัวกันหักหลังฉัน!"เฝิงจื่อไฉแสดงท่าทีอย่างบ้าคลั่ง และสภาพจิตใจของเขาเริ่มผิดปกติผัวะ!ลู่เจี้ยนปินตบเฝิงจื่อไฉด้วยมือของเขา และพูดอย่างเย็นชา "ตั้งสติให้ดีสิ นายเป็นคนไปดูหยกนั่นด้วยตัวเอง ถ้านายหาหลักฐานว่ามีการโกงได้ ฉันจะตัดหัวมันมาให้แก"เฝิงจื่อไฉตกตะลึงไปชั่วขณะ แต่หลังจากสงบสติอารมณ์ลงเขาก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะโกงชูจงเทียนหัวเราะและพูดว่า "พวกนายคงต้องทำตามที่เดิมพันกันไว้แล้วล่ะ คุกเข่าลงหมอบกราบเพื่อขอโทษซะ จากนั้นก็ฟันสามทีหกรู ใช้ดาบที่แกเตรียมมาฟันสามทีหกรู ก็ถือว่าเป็นการใช้เลือดของแกผนึกดาบของแกเองแล้วกัน"เฝิงจื่อไฉเซไปมาสองครั้งจนเกือบหมดสติ เหอลี่ฉวินและคนอื่น ๆ ที่ติดตามเขาต่างตื่นตระหนกและเริ่มร้องขอความเมตตา"คุณลุงลู่ ได้โปรดเห็นแก่ความเป็นญาติของเราด้วยครับ
หลังจากที่เฝิงจื่อไฉและคนอื่น ๆ คุกเข่าลงและคำนับยอมรับความผิดพลาดของพวกเขา ชูจงเทียนก็เตะกล่องดาบอสูรไปต่อหน้าเฝิงจื่อไฉผู้คนที่ทานผลไม้ซึ่งกำลังเฝ้าดูเหตุการณ์ก็ต่างพากันถอยหลังไปสองสามก้าว กังวลว่าเมื่อเฝิงจื่อไฉถูกฟันสามทีหกรู เลือดจะกระเด็นใส่พวกเขากู้หยุนหลานค่อย ๆ ดึงหลี่โม่ออกจากตรงนั้นและไม่อยากที่จะเห็นฉากนองเลือดที่กำลังตามมา“ยกให้เป็นหน้าที่คุณ” หลี่โม่หันไปสั่งชูจงเทียน และจากไปพร้อมกับกู้หยุนหลานเฝิงจื่อไฉมองไปที่ด้านหลังของหลี่โม่ด้วยความเกลียดชัง จากนั้นก้มหน้าลงมองไปที่ดาบอสูรที่อยู่ในกล่อง"พระเจ้าช่วย ไอ้อ่อนนั่นมันจากไปแล้ว ฉันคงไม่ต้องใช้ดาบฟันสามทีหกรูแล้วใช่ไหม?" เฝิงจื่อไฉถามตัวเองด้วยเสียงสั่นคลอน"เจี้ยนปิน คุณเป็นพยาน เพื่อรับรู้ว่าพวกมันจะทำตามที่เดิมพันไว้" ชูจงเทียนดึงลู่เจี้ยนปินออกมาลู่เจี้ยนปินพยักหน้าและพูดว่า "ถ้านายกล้าเดิมพัน นายก็ต้องกล้ายอมรับความพ่ายแพ้"เฝิงจื่อไฉหลับตาลงด้วยความโกรธแค้นและยื่นมือที่สั่นเทาออกไปจับด้ามที่เย็นเยียบของดาบอสูรถ้ารู้ตัวว่าตัวเองจะแพ้ เฝิงจื่อไฉคงไม่เอาดาบอสูรออกมา คงจะหยิบกรรไกรตัดเล็บมาแทนดีกว่า!