เมื่อได้ยินแบบนั้น หลี่โม่ก็ไม่พอใจอย่างมากรปภ. คนนี้เป็นสนุัขเฝ้าประตู แล้วยังจะกล้าดูถูกคนอื่นอีกดูเหมือนว่า หรงคังกรุ๊ปจะคัดเลือกแต่คนที่ไม่มีคุณภาพ!เมื่อเห็นหลี่โม่ขมวดคิ้วแสดงความไม่พอใจ ฟางถิงก็ตะโกนอย่างโกรธเคืองทันที "ยืนทำอะไรกันล่ะ ไปไล่เขาออกไปสิ จะรอให้เขามาทำลายภาพลักษณ์ของหรงคังกรุ๊ปหรือไง!"“ได้ครับ ๆ ผู้จัดการฟาง!”จ้าวกังยืนทำความเคารพอย่างรวดเร็ว“และอีกอย่าง คนอย่างเขาจะไม่มีวันถูกจ้างจากบริษัทของเรา และไม่สามารถสมัครเป็นรปภ. ได้!”ฟางถิงอยากจะฆ่าเขาให้ตาย เพราะคิดว่าหลี่โม่มาสมัครเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเมื่อจ้าวกังหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยได้ยินเรื่องนี้ เขาก็ประจบเหมือนสุนัขทันที “ผู้จัดการฟางไม่ต้องกังวลครับ ทีมรักษาความปลอดภัยของเราไม่ต้องการคนแบบเขาแน่นอน!”มันจบแล้วจ้าวกังหันไปมองหลี่โม่อย่างจองหอง และพูดว่า "แก ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ อย่าให้พวกฉันต้องไล่แกไปเอง!"หลี่โม่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ รปภ. พวกนี้ไม่ว่าพวกเขาจะรักษาความปลอดภัยอยู่ที่ไหนก็ล้วนเป็นอันธพาลเหมือนกันหมด“ไล่ฉันออกไปเหรอ? ฉันก็อยากเห็นเหมือนกันว่าวันนี้ใครจะกล้าไล่ฉัน
ด้วยท่าทีการสูดลมหายใจเข้าอย่างเย็นชาแบบนี้ทำให้ฟางถิงรู้สึกกลัวมากจนหายใจไม่ออก ขาของเธออ่อนจนเกือบจะล้มลงไปกองกับพื้น เธอไม่กล้าสบตาของหลี่โม่เลยคำพูดของประธานหรง ยังต้องสงสัยอีกเหรอ?ความจริงแล้ว เขาคือนายน้อยหลี่ผู้ลึกลับที่สร้างความปั่นป่วนไปทั่วเมืองฮั่น!นี่… มันเป็นไปได้อย่างไร?“หลี่ พี่หลี่… ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว”ฟางถิงกัดริมฝีปากสีแดงพร้อมเดินไปหาหลี่โม่และก้มตัวลงเก้าสิบองศา“พี่หลี่ ฉันขอโทษได้โปรดให้อภัยฉันด้วย”หลี่โม่เยาะเย้ยและพูดว่า "เธอเป็นผู้จัดการแผนกประชาสัมพันธ์ของหรงคังกรุ๊ป แล้วฉันเป็นใครกัน ก็เป็นแค่ไอ้ขี้แพ้ที่มาสมัครเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไงล่ะ"ฟางถิงรู้ว่าหลี่โม่กำลังล้อเลียนความโง่เขลาของตนเธออับอายมาก เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วโค้งคำนับอีกครั้งเพื่อขอโทษ “พี่หลี่ ฉันผิดเอง ฉันทำผิดพลาดร้ายแรงที่สุด ฉันมีตาแต่หามีแววไม่และเป็นคนต่ำต้อย แต่ขอร้อง เห็นแก่ความเป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉันกับกู้หยุนหลานในอดีตเถอะนะ ได้โปรดอย่าไล่ฉันออกเลย"ฟางถิงกลัวมาก เพราะในที่สุดเธอจะได้งานที่มีหน้าตาและเงินเดือนสูงอย่างหรงคังกรุ๊ป ถ้าหากสูญเสียมันไป เธอ
หลี่โม่ยิ้มมุมปากอย่างเยาะเย้ย แล้วพูดว่า "ให้เขาขึ้นมา ผมจะรอดู แล้วให้คุณจัดการกับเขา"“ได้ครับ คุณชายหลี่” หรงปินพูดไม่กี่นาทีต่อมา กู้ซิ่งเหว่ยก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เขายื่นมือออกมาและพูดอย่างประจบประแจง "โอ้ ท่านประธานหรง ในที่สุดผมก็ได้พบคุณแล้ว ผมรู้สึกประทับใจ และตื่นเต้นเป็นอย่างมากครับ"หรงปินยิ้มเล็กน้อย และพูดว่า "ผู้จัดการกู้ คุณสุภาพมากนะ"เมื่อกู้ซิ่งเหว่ยเห็นหรงปินจับมือกับเขา เขาก็ยิ้มทันที ดูเหมือนว่า วันนี้หรงคังกรุ๊ปอาจจะยอมรับการเปลี่ยนแปลงผู้รับผิดชอบแล้ว‘แน่นอน ฉันกู้ซิ่งเหว่ย คือมังกรในหมู่มนุษย์และเป็นอนาคตของตระกูลกู้’อย่างไรก็ตาม เมื่อมองเข้าไปข้างใน สายตาของเขาก็เห็นว่ามีคนอื่นอยู่ในสำนักงาน และพวกเขากำลังนั่งดื่มชากันอย่างสง่าผ่าเผยบนโซฟา“หลี่โม่? ไอ้ขยะ แกมาทำอะไรที่นี่?” สีหน้าของกู้ซิ่งเหว่ยเปลี่ยนไป เขาดูไม่สบอารมณ์อย่างมาก สายตาของเขาเย็นชาขึ้น และเต็มไปด้วยการดูถูกทำไมไอ้ขยะถึงมาอยู่ที่นี่?แถมยังนั่งจิบชาบนโซฟาอย่างสบายใจเฉิบ!ไอ้หมอนี่ มันไม่รู้หรือไงว่าที่นี่คือที่ไหน?นี่คือห้องทำงานของประธานหรงคังกรุ๊ป!หลี่โม่ยิ้ม เขายก
ก่อนที่กู้ซิ่งเหว่ยจะพูดจบ หรงปินก็พูดขัดจังหวะเขาขึ้นมาว่า "ผมคิดว่า การเซ็นสัญญาขอความร่วมมือของเราอาจจะช้าลง เพราะตระกูลกู้ไม่มีความจริงใจ ผู้จัดการกู้ ผมขอเตือนคุณไว้นะ ไม่ได้มีแค่บริษัทคุณเท่านั้นที่ต้องการขอความร่วมมือกับหรงคังกรุ๊ป แล้วอีกอย่างตระกูลกู้ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่ในเมืองฮั่นด้วย"หลังจากพูดจบ หรงปินก็พูดอย่างเย็นชา “ส่งแขก”ฮึ!กู้ซิ่งเหว่ยทั้งตระหนก และหวาดกลัวเขาคิดว่าหรงปินคงจะยอมรับและเห็นด้วยในด้วยเรื่องนี้ แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่า อีกฝ่ายจะยอมรับเพียงแค่ยัยกู้หยุนหลานเท่านั้น!บ้าจริง!หรือว่าคนที่กู้หยุนหลานนอกใจไปจะไม่ใช่หรงชางเวย แต่เป็นหรงปิน…ตอนนี้กู้ซิ่งเหว่ยรู้สึกว่าชาที่หัว และหนักใจ เพราะคำพูดสุดท้ายของหรงปิน มันเหมือนเป็นการเตือนเขาว่า ตระกูลกู้ไม่ใช่ทางเลือกเดียวของหรงคังกรุ๊ปจะทำอย่างไรดี?หากการขอความร่วมมือครั้งนี้ถูกทำลายด้วยมือของเขาเอง คุณปู่จะต้องไม่ให้อภัยเขาแน่!กู้ซิ่งเหว่ยกังวลมาก หรือเขาควรจะไปเชิญยัยกู้หยุนหลานให้มาที่นี่ดี?ในขณะนี้ หลี่โม่ลุกขึ้น และเดินออกจากห้องทำงานไปกู้ซิ่งเหว่ยอยู่ต่อก็คงจะไม่ใช่ความคิดที่ดี เขาหัวเ
กู้ซิ่งเหว่ยกะพริบตาและมองอย่างตั้งใจอีกครั้ง มีรถคันใหญ่ขับผ่านไป และเมื่อเขามองหาอีกครั้ง รถโรลส์-รอยซ์คันนั้นก็หายไปแล้วตาฝาดเหรอ?กู้ซิ่งเหว่ยขมวดคิ้วไม่น่าจะใช่นั่นคือโรลส์-รอยซ์ แฟนธอมที่มีราคาอย่างน้อยหกสิบถึงเจ็ดสิบล้าน!ไอ้ขยะอย่างหลี่โม่จะนั่งในรถคันนี้ได้อย่างไร?แต่กู้ซิ่งเหว่ยไม่ได้ใส่ใจอะไร และเขาก็ขับรถกลับไปในรถโรลส์-รอยซ์ที่กำลังขับ หลี่โม่ถามอย่างเอื่อย ๆ ว่า "วันนี้ต้องไปพบใครไปบ้าง หวังว่าคงไม่เสียเวลานานนะ?"เฉียนฝูตอบด้วยความเคารพ “นายน้อย ไม่เสียเวลาคุณแน่นอนครับ บุคคลนี้ค่อนข้างเป็นคนที่มีชื่อเสียงในประเทศจีน เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ เป็นนักสะสมโบราณวัตถุ และถือได้ว่าเป็นเพื่อนของผมคนนึง นอกจากนี้ เขายังมีบริษัทการค้าในต่างประเทศภายใต้ชื่อของเขาด้วย ราชินีมังกรต้องการจับตาดูเขา และต้องการให้นายน้อยไปพบเขาครับ”หลี่โม่ยิ้ม และพูดว่า "ให้ผมไปพบ? ถ้าพวกคุณอยากจะทดสอบความสามารถของผม ก็พูดตรง ๆ ได้เลย ทำไมต้องอ้อมค้อมด้วย"เฉียนฝูยิ้มแล้วพูดว่า “นายน้อย นี่คือสิ่งที่ราชินีมังกรหมายถึง เพราะเป็นโครงการขนาดเล็ก เพียงแค่สามหมื่นล้านบาท คุณต้องไปดูด้วยตัวเองเพื่
ไม่นาน พวกเขาก็มาถึงห้องรับประทานอาหารขณะที่กำลังเปิดประตู เฉาฉ่วงก็เห็นคนสองคนยืนอยู่ข้างใน และสายตาของเขามองตรงไปที่หลี่โม่ซึ่งหันหลังให้กับพวกเขานั่นเขาเหรอ?บ้าจริง!ไอ้บ้านี่มันใครกันวะ เสื้อผ้ารุ่มร่ามไปหมด มันแต่งตัวอะไรของมันวะ?นี่คือนักลงทุนในวันนี้เหรอ?นี่มันคนทำงานสุขาภิบาลที่กวาดขยะข้างถนนชัด ๆ !เฉาฉ่วงรู้สึกไม่พอใจมากยิ่งขึ้น มุมปากของเขาเผยให้เห็นการเยาะเย้ยหลังจากที่เฉาหงรุ่ยเดินผ่านประตูเข้ามา เขาก็เดินไปหาอย่างรวดเร็ว เขาทำความเคารพ และเดินไปหาเฉียนฝูซึ่งยืนใช้ไม้เท้าเท้าอยู่ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม“เหล่าเฉียน คุณคงรอมานานแล้ว”เฉียนฝูยิ้ม เขายืน และยื่นมือออกไปรอให้อีกฝ่ายจับมือในขณะเดียวกัน สายตาของเฉาหงรุ่ยก็จ้องไปที่ชายหนุ่มข้าง ๆ เฉียนฝู และถามว่า "คนนี้คือ?"“นี่คือนายน้อยของแดนมังกร หลี่โม่ และเป็นนักลงทุนในครั้งนี้ด้วย” เฉียนฝูแนะนำด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาน้อย… นายน้อย?นายน้อยของแดนมังกรมาที่นี่ด้วยตัวเอง!หัวใจของเฉาหงรุ่ยสั่นรัวมาก เขาไม่ได้คาดหวังว่า เขาจะได้เจอนายน้อยของแดนมังกร!แดนมังกร ช่างเป็นสิ่งที่สง่างาม และน่าเกรงขา
เสียงนี้รู้สึกไม่น่าฟังเอาเสียเลยหลี่โม่เลิกคิ้วและเห็นฉวีเทียนไห่ในชุดที่หรูหรา เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงเดินเข้ามาหาเขา พร้อมกับทำหน้าเยาะเย้ยตามเคยเขาเดินมาด้านหน้าและมองหลี่โม่จากหัวจรดเท้าด้วยสายตาที่ดูถูก จากนั้นก็ดึงที่คอเสื้อของเขาและเยาะเย้ย “น่าประทับใจดีนี่ หลี่โม่ ธุรกิจร้านสปาของแกขยายมาถึงที่นี่แล้วอย่างนั้นเหรอ น่าประทับใจจริง ๆ”ขณะพูด เขายังยกนิ้วให้ แต่นั่นกลับฟังดูประชดประชันสุด ๆคิ้วของหลี่โม่ขมวด ใบหน้าของเขาไม่พอใจเล็กน้อย‘ฉันจะทำอะไร แล้วเกี่ยวอะไรกับแก?’‘จะว่าไป เราสนิทกันเหรอ?’หลี่โม่ส่ายหัวและไม่ได้ให้ความสนใจอีกฝ่ายเท่าไหร่ เขาจึงหันหลังเดินจากไปทว่า เมื่อฉวีเทียนไห่เห็นแบบนี้ ก็ทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก!ไอ้บ้านี่!‘ลูกเขยไร้ประโยชน์ของตระกูลกู้ ใคร ๆ ก็ว่ามันเป็นไอ้ขยะ กล้าดียังไงมาเมินใส่ฉัน’ฉวีเทียนไห่ไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยหลี่โม่ไป เขาจึงไปประจันหน้าและขวางทางหลี่โม่ทันที พร้อมพูดประชดประชันว่า “โอ้ อวดดีจริง ๆ นะแก แถมยังกล้าเมินฉันอีก ทำไมล่ะ คิดว่าตัวเองไปถึงฮั่นพาเลซ แล้วจะมาเป็นแขกที่นี่ได้หรือไง หยุดฝันเถอะ แกไม่มีปัญญาจ่ายหรอก"หลี่โม
เขาคนนี้ ถึงกับต้องออกโรงมาต้อนรับแขกด้วยตนเองน่าเสียดายที่เขามาช้าไปหนึ่งก้าว ทำให้อีกฝ่ายก็ออกไปแล้ว เขาจึงต้องรีบตามออกไปทันทีฉวีเทียนไห่ตกใจ เขาพูดติดอ่างเล็กน้อย “นาย… นายน้อยหลี่เหรอ? นายน้อยหลี่อะไรเหรอ ผมไม่เห็นนะครับ”ตอนนี้ฉวีเทียนไห่สับสนเล็กน้อยนายน้อยหลี่คือใครกัน ถึงกับทำให้เฟิงเหวินเตี่ยนตามหา โดยไม่สนใจมารยาทต่อกันเช่นนี้?นายน้อยหลี่คนนี้ในเมืองฮั่น ทำให้เฟิงเหวินเตี่ยนออกหน้าด้วยตัวเองเลยหรือ?“นายน้อยหลี่ รอผมด้วยสิครับ!”ทันใดนั้น เฟิงเหวินเตี่ยนที่อยู่ข้างหน้าดูเหมือนจะเจอหลี่โม่แล้ว ทำให้เกิดรอยยิ้มที่ตื่นเต้นบนใบหน้าทันที เขาไม่สนใจฉวีเทียนไห่ที่กำลังตกตะลึง และไล่ตามเขาไปตลอดทางเลยแม้แต่น้อยฉวีเทียนไห่ตกตะลึงเช่นกัน เขารู้สึกอับอายมาก หน้านิ่งเหมือนกับหุ่นยนต์อย่างไรอย่างนั้นเพราะเพิ่งจะรู้สึกได้ว่า เฟิงเหวินเตี่ยนไม่ได้มาหาเขา เนื่องจากเขาเดินผ่านฉวีเทียนไห่ไปเสียแล้วฉวีเทียนไห่กำลังวุ่นวายท่ามกลางสายลม ความรู้สึกของเขาอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกเพื่อนที่เป็นลูกคนร่ำรวยหลายคนที่ล้วนแต่งกายอย่างมีสไตล์เหล่านั้น ก็ยืนเงียบอยู่ข้างหลัง แต่พวกเขาก็เยาะเย
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา