ก่อนที่กู้ซิ่งเหว่ยจะพูดจบ หรงปินก็พูดขัดจังหวะเขาขึ้นมาว่า "ผมคิดว่า การเซ็นสัญญาขอความร่วมมือของเราอาจจะช้าลง เพราะตระกูลกู้ไม่มีความจริงใจ ผู้จัดการกู้ ผมขอเตือนคุณไว้นะ ไม่ได้มีแค่บริษัทคุณเท่านั้นที่ต้องการขอความร่วมมือกับหรงคังกรุ๊ป แล้วอีกอย่างตระกูลกู้ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่ในเมืองฮั่นด้วย"หลังจากพูดจบ หรงปินก็พูดอย่างเย็นชา “ส่งแขก”ฮึ!กู้ซิ่งเหว่ยทั้งตระหนก และหวาดกลัวเขาคิดว่าหรงปินคงจะยอมรับและเห็นด้วยในด้วยเรื่องนี้ แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่า อีกฝ่ายจะยอมรับเพียงแค่ยัยกู้หยุนหลานเท่านั้น!บ้าจริง!หรือว่าคนที่กู้หยุนหลานนอกใจไปจะไม่ใช่หรงชางเวย แต่เป็นหรงปิน…ตอนนี้กู้ซิ่งเหว่ยรู้สึกว่าชาที่หัว และหนักใจ เพราะคำพูดสุดท้ายของหรงปิน มันเหมือนเป็นการเตือนเขาว่า ตระกูลกู้ไม่ใช่ทางเลือกเดียวของหรงคังกรุ๊ปจะทำอย่างไรดี?หากการขอความร่วมมือครั้งนี้ถูกทำลายด้วยมือของเขาเอง คุณปู่จะต้องไม่ให้อภัยเขาแน่!กู้ซิ่งเหว่ยกังวลมาก หรือเขาควรจะไปเชิญยัยกู้หยุนหลานให้มาที่นี่ดี?ในขณะนี้ หลี่โม่ลุกขึ้น และเดินออกจากห้องทำงานไปกู้ซิ่งเหว่ยอยู่ต่อก็คงจะไม่ใช่ความคิดที่ดี เขาหัวเ
กู้ซิ่งเหว่ยกะพริบตาและมองอย่างตั้งใจอีกครั้ง มีรถคันใหญ่ขับผ่านไป และเมื่อเขามองหาอีกครั้ง รถโรลส์-รอยซ์คันนั้นก็หายไปแล้วตาฝาดเหรอ?กู้ซิ่งเหว่ยขมวดคิ้วไม่น่าจะใช่นั่นคือโรลส์-รอยซ์ แฟนธอมที่มีราคาอย่างน้อยหกสิบถึงเจ็ดสิบล้าน!ไอ้ขยะอย่างหลี่โม่จะนั่งในรถคันนี้ได้อย่างไร?แต่กู้ซิ่งเหว่ยไม่ได้ใส่ใจอะไร และเขาก็ขับรถกลับไปในรถโรลส์-รอยซ์ที่กำลังขับ หลี่โม่ถามอย่างเอื่อย ๆ ว่า "วันนี้ต้องไปพบใครไปบ้าง หวังว่าคงไม่เสียเวลานานนะ?"เฉียนฝูตอบด้วยความเคารพ “นายน้อย ไม่เสียเวลาคุณแน่นอนครับ บุคคลนี้ค่อนข้างเป็นคนที่มีชื่อเสียงในประเทศจีน เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ เป็นนักสะสมโบราณวัตถุ และถือได้ว่าเป็นเพื่อนของผมคนนึง นอกจากนี้ เขายังมีบริษัทการค้าในต่างประเทศภายใต้ชื่อของเขาด้วย ราชินีมังกรต้องการจับตาดูเขา และต้องการให้นายน้อยไปพบเขาครับ”หลี่โม่ยิ้ม และพูดว่า "ให้ผมไปพบ? ถ้าพวกคุณอยากจะทดสอบความสามารถของผม ก็พูดตรง ๆ ได้เลย ทำไมต้องอ้อมค้อมด้วย"เฉียนฝูยิ้มแล้วพูดว่า “นายน้อย นี่คือสิ่งที่ราชินีมังกรหมายถึง เพราะเป็นโครงการขนาดเล็ก เพียงแค่สามหมื่นล้านบาท คุณต้องไปดูด้วยตัวเองเพื่
ไม่นาน พวกเขาก็มาถึงห้องรับประทานอาหารขณะที่กำลังเปิดประตู เฉาฉ่วงก็เห็นคนสองคนยืนอยู่ข้างใน และสายตาของเขามองตรงไปที่หลี่โม่ซึ่งหันหลังให้กับพวกเขานั่นเขาเหรอ?บ้าจริง!ไอ้บ้านี่มันใครกันวะ เสื้อผ้ารุ่มร่ามไปหมด มันแต่งตัวอะไรของมันวะ?นี่คือนักลงทุนในวันนี้เหรอ?นี่มันคนทำงานสุขาภิบาลที่กวาดขยะข้างถนนชัด ๆ !เฉาฉ่วงรู้สึกไม่พอใจมากยิ่งขึ้น มุมปากของเขาเผยให้เห็นการเยาะเย้ยหลังจากที่เฉาหงรุ่ยเดินผ่านประตูเข้ามา เขาก็เดินไปหาอย่างรวดเร็ว เขาทำความเคารพ และเดินไปหาเฉียนฝูซึ่งยืนใช้ไม้เท้าเท้าอยู่ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม“เหล่าเฉียน คุณคงรอมานานแล้ว”เฉียนฝูยิ้ม เขายืน และยื่นมือออกไปรอให้อีกฝ่ายจับมือในขณะเดียวกัน สายตาของเฉาหงรุ่ยก็จ้องไปที่ชายหนุ่มข้าง ๆ เฉียนฝู และถามว่า "คนนี้คือ?"“นี่คือนายน้อยของแดนมังกร หลี่โม่ และเป็นนักลงทุนในครั้งนี้ด้วย” เฉียนฝูแนะนำด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาน้อย… นายน้อย?นายน้อยของแดนมังกรมาที่นี่ด้วยตัวเอง!หัวใจของเฉาหงรุ่ยสั่นรัวมาก เขาไม่ได้คาดหวังว่า เขาจะได้เจอนายน้อยของแดนมังกร!แดนมังกร ช่างเป็นสิ่งที่สง่างาม และน่าเกรงขา
เสียงนี้รู้สึกไม่น่าฟังเอาเสียเลยหลี่โม่เลิกคิ้วและเห็นฉวีเทียนไห่ในชุดที่หรูหรา เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงเดินเข้ามาหาเขา พร้อมกับทำหน้าเยาะเย้ยตามเคยเขาเดินมาด้านหน้าและมองหลี่โม่จากหัวจรดเท้าด้วยสายตาที่ดูถูก จากนั้นก็ดึงที่คอเสื้อของเขาและเยาะเย้ย “น่าประทับใจดีนี่ หลี่โม่ ธุรกิจร้านสปาของแกขยายมาถึงที่นี่แล้วอย่างนั้นเหรอ น่าประทับใจจริง ๆ”ขณะพูด เขายังยกนิ้วให้ แต่นั่นกลับฟังดูประชดประชันสุด ๆคิ้วของหลี่โม่ขมวด ใบหน้าของเขาไม่พอใจเล็กน้อย‘ฉันจะทำอะไร แล้วเกี่ยวอะไรกับแก?’‘จะว่าไป เราสนิทกันเหรอ?’หลี่โม่ส่ายหัวและไม่ได้ให้ความสนใจอีกฝ่ายเท่าไหร่ เขาจึงหันหลังเดินจากไปทว่า เมื่อฉวีเทียนไห่เห็นแบบนี้ ก็ทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก!ไอ้บ้านี่!‘ลูกเขยไร้ประโยชน์ของตระกูลกู้ ใคร ๆ ก็ว่ามันเป็นไอ้ขยะ กล้าดียังไงมาเมินใส่ฉัน’ฉวีเทียนไห่ไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยหลี่โม่ไป เขาจึงไปประจันหน้าและขวางทางหลี่โม่ทันที พร้อมพูดประชดประชันว่า “โอ้ อวดดีจริง ๆ นะแก แถมยังกล้าเมินฉันอีก ทำไมล่ะ คิดว่าตัวเองไปถึงฮั่นพาเลซ แล้วจะมาเป็นแขกที่นี่ได้หรือไง หยุดฝันเถอะ แกไม่มีปัญญาจ่ายหรอก"หลี่โม
เขาคนนี้ ถึงกับต้องออกโรงมาต้อนรับแขกด้วยตนเองน่าเสียดายที่เขามาช้าไปหนึ่งก้าว ทำให้อีกฝ่ายก็ออกไปแล้ว เขาจึงต้องรีบตามออกไปทันทีฉวีเทียนไห่ตกใจ เขาพูดติดอ่างเล็กน้อย “นาย… นายน้อยหลี่เหรอ? นายน้อยหลี่อะไรเหรอ ผมไม่เห็นนะครับ”ตอนนี้ฉวีเทียนไห่สับสนเล็กน้อยนายน้อยหลี่คือใครกัน ถึงกับทำให้เฟิงเหวินเตี่ยนตามหา โดยไม่สนใจมารยาทต่อกันเช่นนี้?นายน้อยหลี่คนนี้ในเมืองฮั่น ทำให้เฟิงเหวินเตี่ยนออกหน้าด้วยตัวเองเลยหรือ?“นายน้อยหลี่ รอผมด้วยสิครับ!”ทันใดนั้น เฟิงเหวินเตี่ยนที่อยู่ข้างหน้าดูเหมือนจะเจอหลี่โม่แล้ว ทำให้เกิดรอยยิ้มที่ตื่นเต้นบนใบหน้าทันที เขาไม่สนใจฉวีเทียนไห่ที่กำลังตกตะลึง และไล่ตามเขาไปตลอดทางเลยแม้แต่น้อยฉวีเทียนไห่ตกตะลึงเช่นกัน เขารู้สึกอับอายมาก หน้านิ่งเหมือนกับหุ่นยนต์อย่างไรอย่างนั้นเพราะเพิ่งจะรู้สึกได้ว่า เฟิงเหวินเตี่ยนไม่ได้มาหาเขา เนื่องจากเขาเดินผ่านฉวีเทียนไห่ไปเสียแล้วฉวีเทียนไห่กำลังวุ่นวายท่ามกลางสายลม ความรู้สึกของเขาอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกเพื่อนที่เป็นลูกคนร่ำรวยหลายคนที่ล้วนแต่งกายอย่างมีสไตล์เหล่านั้น ก็ยืนเงียบอยู่ข้างหลัง แต่พวกเขาก็เยาะเย
ทุกคนถอนหายใจ!เหมือนกันอย่างกับแกะ!แต่มันเป็นไปได้อย่างไร?ทำไมหลี่โม่ถึงได้ขึ้นไปบนรถโรลส์-รอยซ์นั่น แถมเฟิงเหวินเตี่ยนยังปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพอีกทุกคนหยุดพูด สีหน้าของเขาดูมืดมนมากทีเดียว“อย่าพูดไร้สาระน่า! เขามันก็แค่ไอ้ขยะ มันจะเป็นนายน้อยหลี่ได้ยังไง!”ฉวีเทียนไห่ดื่มน้ำในมือด้วยความโกรธจัด เขาขมวดคิ้ว และในใจก็รู้สึกสงสัยอย่างมากไม่ใช่หลี่โม่หรอก...เป็นไปไม่ได้“ช่างเถอะ กลับได้แล้ว” ฉวีเทียนไห่กล่าวพร้อมนำกลุ่มคนออกไป แต่หลังจากเดินไปสองก้าว เขาก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองอีกครั้งจนกระทั่งโรลส์-รอยซ์วิ่งออกจากลานจอดรถไป เขาก็ถอนหายใจเหมือนจะโล่งอก ทว่าความสงสัยของเขากลับเพิ่มขึ้นอีกทางด้านของกู้ซิ่งเหว่ย เขาได้รีบกลับไปที่ห้องประชุมของบริษัทหยุนเซิงเภสัชกรรมในห้องประชุมเวลานี้ ญาติ ๆ ของตระกูลกู้ล้วนอยู่ที่นั่นหมด อย่างไรเสีย หากมีข้อผิดพลาดใด ในความร่วมมือที่สำคัญเช่นนี้ กำไรทั้งปีนี้ก็จะหายไปอย่างแน่นอนคุณท่านกู้นั่งเป็นกรรมการอย่างสบาย ๆ เขาเหล่มองและเห็นว่า กู้ซิ่งเหว่ยกลับมาด้วยใบหน้าหงอย ๆ จึงเลิกคิ้วและถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”“คุณปู่ครับ” กู
คุณท่านกู้จัดการกับความโกรธในขณะนี้ ด้วยใบหน้าที่จริงจังและพูดอย่างโกรธเคือง “โทรหากู้หยุนหลานเดี๋ยวนี้ บอกให้เธอเข้ามาที่นี่! บอกไอ้หลี่โม่ด้วย! อะไรกัน ทั้งหลานสาว และหลานเขยของตระกูลกู้แท้ ๆ กล้ามาทรยศ เรื่องนี้ยอมไม่ได้!”คุณท่านกู้โกรธมากทีเดียวทุกคนก็โล่งใจ ตราบใดที่ไม่ใช่เพราะกู้ซิ่งเหว่ยแต่สำหรับกู้หยุนหลานและหลี่โม่แล้ว พวกเขาสมควรได้รับมันอย่างสาสมเมื่อได้ยินสิ่งที่ชายชราพูด กู้ซิ่งเหว่ยก็คุกเข่าลงบนพื้น พร้อมแสดงการเยาะเย้ยบนใบหน้า‘หึหึ กู้หยุนหลาน เธอจบแล้วล่ะ’‘คราวนี้คุณปู่ต้องเฉดหัวเธอออกจากบริษัทแน่!’‘ส่วนแก หลี่โม่ กล้ามาหยาบคายใส่ฉัน คราวนี้แกก็ต้องถูกไล่ออกจากตระกูลกู้แน่!’คุณท่านกู้เหลือบไปมองกู้ซิ่งเหว่ยที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น และพูดอย่างเฉยเมย “ลุกขึ้น แล้วมายืนตรงนี้”ชายชราเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้ แต่ในท้ายที่สุด ธุรกิจตระกูลกู้ขนาดใหญ่แห่งนี้ก็จะต้องถูกส่งมอบให้กับกู้ซิ่งเหว่ยอยู่ดีเขาไร้ความสามารถมากขนาดนี้ แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะเฮ้อ ดูเหมือนว่าทำได้แค่ต้องรีบฝึกฝนให้หนักที่สุดเท่านั้นกู้ซิ่งเหว่ยยืนขึ้นอย่างเชื่อ
ไม้เท้ากระทบน่องของกู้หยุนหลานอย่างแรง ทำให้เธอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และเข่าอ่อนลงกับพื้นทันทีอย่างไรก็ตาม เธอยอมรับมันไม่ได้ เธอเชิดคางใส ๆ ขึ้น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา ใบหน้าของหันไปจ้องมองที่กู้ซิงเหว่ยที่กำลังเพ่งมองเธออย่างยินดี จากนั้นจึงมองที่คุณท่านกู้ พร้อมถามว่า “คุณปู่คะ ให้ฉันคุกเข่าทำไม ฉันทำอะไรผิดเหรอ?!”ด้วยความคับข้องใจ กู้หยุนหลานเช็ดน้ำตาของเธอด้วยความเจ็บใจคุณท่านกู้ยังไม่ทันพูด กู้ซิ่งเหว่ยก็โผล่ออกมาและเดินไปรอบ ๆ กู้หยุนหลานครั้งสองครั้ง พร้อมเอามือไขว้คลัง และแสดงท่าทีเยาะเย้ย เขากล่าวว่า “กู้หยุนหลาน กู้หยุนหลาน ถึงเวลาแล้วล่ะ เธอก็ยังไม่ยอมพูดความจริงอีกเหรอ จะยอมรับผิดก็ต่อเมื่อต้องใช้กฎหมายมาจัดการใช่ไหม?!”ตอนนี้กู้ซิ่งเหว่ยได้ใจมากทีเดียวโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาเห็นกู้หยุนหลานคุกเข่าต่อหน้าผู้คนมากมาย เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก‘กู้หยุนหลาน เธอภาคภูมิใจและมีศักดิ์ศรีนักไม่ใช่เหรอ สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องคุกเข่าต่อหน้าฉัน’“แล้วฉันทำอะไรผิดกันเล่า!” กู้หยุนหลานจ้องไปที่กู้ซิงเหว่ยด้วยความโกรธจัดคุณท่านกู้ลูบเคราและจ้องมอง พร้อมยกมือขึ้นและชี้ไปที