ไม้เท้ากระทบน่องของกู้หยุนหลานอย่างแรง ทำให้เธอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และเข่าอ่อนลงกับพื้นทันทีอย่างไรก็ตาม เธอยอมรับมันไม่ได้ เธอเชิดคางใส ๆ ขึ้น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา ใบหน้าของหันไปจ้องมองที่กู้ซิงเหว่ยที่กำลังเพ่งมองเธออย่างยินดี จากนั้นจึงมองที่คุณท่านกู้ พร้อมถามว่า “คุณปู่คะ ให้ฉันคุกเข่าทำไม ฉันทำอะไรผิดเหรอ?!”ด้วยความคับข้องใจ กู้หยุนหลานเช็ดน้ำตาของเธอด้วยความเจ็บใจคุณท่านกู้ยังไม่ทันพูด กู้ซิ่งเหว่ยก็โผล่ออกมาและเดินไปรอบ ๆ กู้หยุนหลานครั้งสองครั้ง พร้อมเอามือไขว้คลัง และแสดงท่าทีเยาะเย้ย เขากล่าวว่า “กู้หยุนหลาน กู้หยุนหลาน ถึงเวลาแล้วล่ะ เธอก็ยังไม่ยอมพูดความจริงอีกเหรอ จะยอมรับผิดก็ต่อเมื่อต้องใช้กฎหมายมาจัดการใช่ไหม?!”ตอนนี้กู้ซิ่งเหว่ยได้ใจมากทีเดียวโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาเห็นกู้หยุนหลานคุกเข่าต่อหน้าผู้คนมากมาย เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก‘กู้หยุนหลาน เธอภาคภูมิใจและมีศักดิ์ศรีนักไม่ใช่เหรอ สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องคุกเข่าต่อหน้าฉัน’“แล้วฉันทำอะไรผิดกันเล่า!” กู้หยุนหลานจ้องไปที่กู้ซิงเหว่ยด้วยความโกรธจัดคุณท่านกู้ลูบเคราและจ้องมอง พร้อมยกมือขึ้นและชี้ไปที
กู้ซิ่งเหว่ยและญาติคนอื่น ๆ ในตระกูลกู้ยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยเมย และไม่มีใครเต็มใจที่จะก้าวไปข้างหน้า เพื่อหยุดการกระทำที่รุนแรงดังกล่าว หรือช่วยพูดอะไรสักคำพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นปีศาจร้ายดี ๆ นี่เองตีเธอให้ตายเธอ ทุบเธอให้ตาย!นี่คือเสียงของพวกเขาทั้งหมด เนื่องจากความสามารถของกู้หยุนหลานโดดเด่นมาก พวกเขาจึงไม่ต้องการเห็นคนอย่างเธออยู่ในตระกูลกู้ปัง!ทันใดนั้น ประตูห้องประชุมก็ถูกเปิดออก หวังฟางสะดุดล้ม และคุกเข่าลงต่อหน้าชายชราทันทีพร้อมโอดครวญออกมาเธอพูดขอความเมตตา “คุณพ่อ หยุดตีเธอเถอะนะคะ เธอเป็นหลานสาวของคุณพ่อนะคะ”เหอะชายชราอุทานอย่างเย็นชา ลากหวังฟางออกไป และตะโกนด้วยใบหน้านิ่งเฉย “วันนี้ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ขอร้องแทนมัน ใครกล้าขอร้องแทนมัน ทั้งครอบครัวจะถูกลงโทษ!”เมื่อเห็นกู้หยุนหลานถูกทุบตี หวังฟางรู้สึกกังวลมาก แต่คำพูดของคุณพ่อเป็นเหมือนพระราชโองการ โดยปกติ เธอมักจะแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวต่อหน้าหลี่โม่ แต่เมื่อต้องเผชิญกับปัญหาที่แท้จริง เธอก็เป็นคนแรกที่วิ่งหนีอย่างแน่นอน เธอคุ้นเคยกับการรังแกผู้อ่อนแอ และกลัวผู้แข็งแกร่ง“หยุนหลาน แกยอมรับในสิ่งที่แก
ท่าทางเย่อหยิ่งของกู้ซิ่งเหว่ยในตอนนี้ ช่างน่ารังเกียจเสียจริง!มือของเขากำลังจะแตะไปที่ไหล่ของหลี่โม่ทันใดนั้นเองภายในห้องประชุม คำพูดที่ดุดันราวกับเสียงคำรามของสัตว์ร้าย ก็ทำให้อุณหภูมิห้องลดลงถึงจุดเยือกแข็ง“พวกคุณไม่ควรทุบตีกู้หยุนหลาน”หลี่โม่ทำหน้าถมึงทึง ดวงตาของเขาโกรธมาก เขาก้มมองไปที่กู้หยุนหลานที่แทบจะไม่รู้สึกตัวในอ้อมแขนของเขา ด้วยความทุกข์ใจ ผู้หญิงของนายน้อยแดนมังกร ทำไมถึงได้ถูกรังแกนัก!จากนั้นหลี่โม่ก็แสดงรอยยิ้มแฝงความแค้นที่มุมปากของเขา ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองกู้ซิ่งเหว่ย พร้อมกวาดสายตาไปยังผู้คนในห้องประชุมและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ฉันต้องการให้แก แกและแก ขอโทษเธอเดียวนี้!”ในขณะนั้น ร่างกายของหลี่โม่ก็เต็มไปด้วยความเลือดเย็นอย่างไม่รู้จบ ซึ่งความเลือดเย็นนั้น ได้ฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งห้องประชุม ทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนเป็นภาพลวงตา ณ เวลานี้ คนที่เผชิญหน้าอยู่ไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ที่เหลวแหลกคนนั้นอีกแล้ว แต่เป็นสภาวะการจนตรอก!เกิดอะไรขึ้น?หลี่โม่มีแววตาและพลังล้นเหลือเช่นนี้ได้อย่างไร!น่ากลัวทีเดียวเมื่อกู้ซิ่งเหว่ยได้ยินคำพูดดังกล่าว เขาก็หัวเราะขึ้
เขาตบหน้ากู้ซิ่งเหว่ยเข้าอย่างจังในชั่วพริบตา กู้ซิ่งเหว่ยก็เกิดอาการมีนงง ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ไม่สามารถตอบโต้อะไรได้สักพัก เขาเพียงรู้สึกว่าแก้มซ้ายของเขากำลังระบมและเจ็บปวด ส่วนหูของเขาก็ส่งเสียงดังวิ้ง ๆ จนไม่ได้ยินเสียงรอบตัวเลยทีเดียวในห้องประชุม บรรดาญาติของตระกูลกู้ก็ตกตะลึงเช่นกันหลี่… หลี่โม่ ไอ้ขยะนั่น กล้าดียังไงมาตบกู้ซิ่งเหว่ยน่ะ?!ไอ้ทรยศ!ใบหน้าของกู้ชิงหลินเปลี่ยนจากการเยาะเย้ยเป็นตกใจ จากนั้นก็กลายเป็นความโกรธและความแค้นส่วนหวังฟางที่ดูแลกู้หยุนหลาน เห็นลูกเขยของเขาตบกู้ซิ่งเหว่ย เธอก็ตกใจอยู่พักหนึ่ง โดยไม่พูดอะไรในความคิดของเธอ หลี่โม่เป็นแค่ไอ้ขี้แพ้ที่ยอมทุกอย่างเพราะทำอะไรไม่ได้เขากล้าดีอย่างไรถึงตบกู้ซิ่งเหว่ยแบบนั้น?“นี่! หลี่โม่ แกกล้าดียังไงมาตบฉัน ฉันจะฆ่าแก!”หลังจากที่กู้ซิ่งเหว่ยรู้สึกตัว เขาก็โวยวายด้วยความโกรธจัดหลี่โม่ ไอ้ขยะนี่กล้าตบตนต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร!ไอ้สารเลว!นี่เป็นครั้งแรกที่กู้ซิ่งเหว่ยถูกตบหน้าในรอบ 20 กว่าปี แต่ว่า จะโดนทั้งที กลับโดนไอ้ไร้ประโยชน์นี่ตบเสียได้กู้ซิ่งเหว่ยคำรามและยกมืออีกข้างหนึ่งเหวี่ยงห
คำถามนี้ ออกไปพร้อมกับการโต้กลับของหลี่โม่ ทำให้บรรดาญาติ ๆ ของตระกูลกู้ตกตะลึงทันที!คุณท่านกู้โกรธและพูดอย่างโกรธเคือง “มันจะมากเกินไปแล้วนะ! แก ไอ้ขยะ กล้าดียังไงมาถามฉัน แถมยังกล้าตอบโต้ฉันอีก?”ในขณะนี้คุณท่านกู้ เต็มไปด้วยอารมณ์บูดบึ้งกู้ซิ่งเหว่ยและกู้เจี้ยนกั๋วพูดถูก ไอ้หลี่โม่นี่มันกบฏไม่รู้จักกฎเกณฑ์ หากครบรอบร้อยปีแล้วเขาส่งบริษัทหยุนเชิบเภสัชกรรมให้กู้หยุนหลาน ไอ้ขยะนี่มันจะต้องเข้าควบคุมแน่ไม่ ไม่ได้เด็ดขาด!เมื่อกู้ซิ่งเหว่ยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เห็นที่หลี่โม้กล้าตอบโต้ ในใจก็รู้สึกยินดีขึ้นมาทันที เขาแสดงสีหน้าร้ายกาจขณะที่เขาพูดอย่างโกรธเคืองว่า “หลี่โม่ แกยังสติดีอยู่ไหม! แกจะทำอะไร? แกจะทำอะไรคุณปู่?”หลังจากพูดแบบนั้น เขาก็หันหน้ามาทันทีและพูดกับชายชราว่า “คุณปู่ครับ ตระกูลกู้รับผู้ชายคนนี้ไม่ได้จริง ๆ ดูสิ เขาไม่แม้แต่จะเคารพคุณปู่ด้วยซ้ำ ถ้าในอนาคตไม่มีคุณปู่แล้ว หลี่โม่คงก่อความวุ่นวายอีกแน่!”ประโยคนี้ ทำให้เจ็บใจทีเดียว!จริง ๆ แล้ว คุณท่านกู้กำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้พอดี แต่ตอนนี้ พอกู้ซิงเหว่ยพูดถึงเรื่องนี้ ทำให้จุดชนวนความโกรธและความกังวลในใจของเขาทันท
แต่ เธอเองในตอนนี้ พร้อมที่จะคุกเข่ายอมรับความผิดพลาดของตัวเองคุณท่านกู้ก็เหน็ดเหนื่อยจากการทุบตีนี้แล้วเช่นกัน จึงสูดหายใจสองสามครั้งอย่างเหนื่อยใจและตะโกนว่า “ตอนนี้รู้แล้วเหรอ ว่าตัวเองทำอะไรผิดน่ะ?”กู้หยุนหลานกำลังปกป้องหลี่โม่ ทำหน้าราวกับดอกลูกแพร์ท่ามกลางสายฝน(1) และพูดว่า “ฉันผิดไปแล้ว”เมื่อเห็นฉากนี้ กู้ซิ่งเหว่ยและคนอื่น ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะ “กู้หยุนหลาน ฉันเกรงว่ามันจะสายเกินไปน่ะสิ กว่าจะยอมรับความผิดพลาด หรงคังกรุ๊ปก็ถอนสัญญาไปแล้ว ถ้าเธอต้องการยอมรับความผิดพลาดของเธอจริง ๆ เธอต้องแสดงความสามารถ โดยไปขอเซ็นสัญญาคืนให้ได้” กู้ซิ่งเหว่ยส่งเสียงมาจากข้าง ๆเรื่องนี้ จริง ๆ แล้วเกิดจากกู้ซิ่งเหว่ยสิ่งที่หรงปินพูดในขณะนั้นก็ชัดเจนเช่นกัน แต่เพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ เขาได้ปัดความผิดพลาดทั้งหมดให้กับกู้หยุนหลานและหลี่โม่ทันทีตอนนี้ก็ยังต้องการให้กู้หยุนหลานตามเช็ดก้นของเขาอยู่ดีจิตใจของเขาโหดร้ายมากนักกู้หยุนหลานตกใจ เธอรู้จักประธานหรงปินที่ไหนกัน เกิดอะไรขึ้นกับสัญญาถึงได้ถูกถอน?“ฉัน… ฉัน…” กู้หยุนหลานพูดอย่างดื้อดึง พร้อมกำหมัดแน่นอย่างลังเลใจค
ที่บ้านกู้หยุนหลาน และพ่อกับแม่ของเธอนั่งพิงอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้ากังวลใจ และลำบากใจ“หรือผมจะลองไปขอร้องคุณพ่อดี บางทีเขาอาจจะให้เวลาอีกสักสามวันเพื่อจัดการเรื่องนี้” กู้เจี้ยนหมินกล่าวเพราะอย่างไรเธอก็เป็นลูกสาวของเขา พรุ่งนี้การจะต่อสัญญากับหรงคังกรุ๊ปอีกครั้งอาจจะมีโอกาสน้อยเมื่อหวังฟางได้ยินแบบนี้ รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ และเธอก็รีบพูดขึ้นทันทีว่า “ใช่ คุณลองไปขอพ่อของคุณสิ เผื่อคุณจะตกลงกับเขาได้ เพราะยังไงคุณก็เป็นลูกชายของเขาเหมือนกัน”กู้หยุนหลานส่ายหัวและถอนหายใจ "ลืมกู้ซิ่งเหว่ยไปแล้วเหรอ เขาจะต้องขัดขวางแน่นอน คุณปู่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดเท่านั้น และสิ่งที่เราพูดมันก็ไร้ประโยชน์"เหมือนมีน้ำเย็นเฉียบสาดตรงเข้าไปในจิตใจของพวกเขาหวังฟางเด้งตัวขึ้นอย่างฉุนเฉียว และพูดว่า “นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ แกอยากให้คุณปู่ไล่แกออกจากบริษัทเหรอ?”พอพูดจบ เธอก็จ้องไปที่หลี่โม่ที่กำลังถูพื้น เธอลุกขึ้นด่าเขา "ทั้งหมดมันเป็นเพราะแก สิ่งที่แกพูด มันทำให้ทุกอย่างวุ่นวาย! ถ้าหยุนหลานถูกไล่ออกจากบริษัท แกจะต้องถูกไล่ออกจากบ้านของเรา!"หวังฟางโกรธหลี่โม่มาก!“พอเถอะแม่ อย่าด่าเ
กู้หยุนหลานที่นั่งข้าง ๆ รู้สึกอึดอัด เธอเหลือบมองหลี่โม่ที่หยิบไม้ถูพื้นไปถูพื้นต่อ สายตาของเธอเต็มไปด้วยความผิดหวังเขาไม่พูดอะไรเลยในตอนที่แม่สั่งสอนเขาแบบนี้ ฉวีเทียนไห่มาที่บ้านแล้ว และเขายังมีอารมณ์มาถูพื้นอยู่อีกนี่มันไม่สำคัญสำหรับเขาเลยใช่ไหม?ในเวลานี้ ฉวีเทียนไห่ดูใจกว้าง และใจดี เขาจิบชาแล้วพูดว่า “คุณน้าครับ ผมคิดว่าหลี่โม่คงจะทำเงินได้ไม่มากในสถานที่ร้านนวด เอาแบบนี้ไหมครับ? บริษัทของพ่อผมต้องการคนงานอยู่พอดีเลย ให้หลี่โม่ไปทำงานที่นั่นดีไหมครับ ให้เขาไปดูแลโกดัง ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยเขาก็น่าจะหาเงินได้สักหกเจ็ดหมื่น ดีกว่างานของเขาในร้านนวดมากเลยนะครับ"“โอ้ จริงเหรอ เยี่ยมมากเลย”ใบหน้าของหวังฟางเต็มไปด้วยความปีติยินดี และเธอก็เรียกหลี่โม่อย่างรวดเร็ว แล้วพูดว่า "รีบขอบคุณเทียนไห่เร็วเข้าสิ!"ไอ้ขยะนี่ช่างไม่มีมารยาทเอาเสียเลยแต่ว่าหลี่โม่หันกลับมา และพูดอย่างแผ่วเบา "ไม่เป็นไร ฉันมีงานที่ดีอยู่แล้ว"งาน?ฮ่าฮ่า‘ถ้าผมบอกว่า ผมซื้อร้านสปาติงเหม่ยไปแล้ว พวกคุณคงจะคุกเข่าลงทันที’!แต่ในสายตาของเขา เงินเป็นเพียงแค่ตัวเลขเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่โม่ หวังฟ