คำถามนี้ ออกไปพร้อมกับการโต้กลับของหลี่โม่ ทำให้บรรดาญาติ ๆ ของตระกูลกู้ตกตะลึงทันที!คุณท่านกู้โกรธและพูดอย่างโกรธเคือง “มันจะมากเกินไปแล้วนะ! แก ไอ้ขยะ กล้าดียังไงมาถามฉัน แถมยังกล้าตอบโต้ฉันอีก?”ในขณะนี้คุณท่านกู้ เต็มไปด้วยอารมณ์บูดบึ้งกู้ซิ่งเหว่ยและกู้เจี้ยนกั๋วพูดถูก ไอ้หลี่โม่นี่มันกบฏไม่รู้จักกฎเกณฑ์ หากครบรอบร้อยปีแล้วเขาส่งบริษัทหยุนเชิบเภสัชกรรมให้กู้หยุนหลาน ไอ้ขยะนี่มันจะต้องเข้าควบคุมแน่ไม่ ไม่ได้เด็ดขาด!เมื่อกู้ซิ่งเหว่ยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เห็นที่หลี่โม้กล้าตอบโต้ ในใจก็รู้สึกยินดีขึ้นมาทันที เขาแสดงสีหน้าร้ายกาจขณะที่เขาพูดอย่างโกรธเคืองว่า “หลี่โม่ แกยังสติดีอยู่ไหม! แกจะทำอะไร? แกจะทำอะไรคุณปู่?”หลังจากพูดแบบนั้น เขาก็หันหน้ามาทันทีและพูดกับชายชราว่า “คุณปู่ครับ ตระกูลกู้รับผู้ชายคนนี้ไม่ได้จริง ๆ ดูสิ เขาไม่แม้แต่จะเคารพคุณปู่ด้วยซ้ำ ถ้าในอนาคตไม่มีคุณปู่แล้ว หลี่โม่คงก่อความวุ่นวายอีกแน่!”ประโยคนี้ ทำให้เจ็บใจทีเดียว!จริง ๆ แล้ว คุณท่านกู้กำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้พอดี แต่ตอนนี้ พอกู้ซิงเหว่ยพูดถึงเรื่องนี้ ทำให้จุดชนวนความโกรธและความกังวลในใจของเขาทันท
แต่ เธอเองในตอนนี้ พร้อมที่จะคุกเข่ายอมรับความผิดพลาดของตัวเองคุณท่านกู้ก็เหน็ดเหนื่อยจากการทุบตีนี้แล้วเช่นกัน จึงสูดหายใจสองสามครั้งอย่างเหนื่อยใจและตะโกนว่า “ตอนนี้รู้แล้วเหรอ ว่าตัวเองทำอะไรผิดน่ะ?”กู้หยุนหลานกำลังปกป้องหลี่โม่ ทำหน้าราวกับดอกลูกแพร์ท่ามกลางสายฝน(1) และพูดว่า “ฉันผิดไปแล้ว”เมื่อเห็นฉากนี้ กู้ซิ่งเหว่ยและคนอื่น ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะ “กู้หยุนหลาน ฉันเกรงว่ามันจะสายเกินไปน่ะสิ กว่าจะยอมรับความผิดพลาด หรงคังกรุ๊ปก็ถอนสัญญาไปแล้ว ถ้าเธอต้องการยอมรับความผิดพลาดของเธอจริง ๆ เธอต้องแสดงความสามารถ โดยไปขอเซ็นสัญญาคืนให้ได้” กู้ซิ่งเหว่ยส่งเสียงมาจากข้าง ๆเรื่องนี้ จริง ๆ แล้วเกิดจากกู้ซิ่งเหว่ยสิ่งที่หรงปินพูดในขณะนั้นก็ชัดเจนเช่นกัน แต่เพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ เขาได้ปัดความผิดพลาดทั้งหมดให้กับกู้หยุนหลานและหลี่โม่ทันทีตอนนี้ก็ยังต้องการให้กู้หยุนหลานตามเช็ดก้นของเขาอยู่ดีจิตใจของเขาโหดร้ายมากนักกู้หยุนหลานตกใจ เธอรู้จักประธานหรงปินที่ไหนกัน เกิดอะไรขึ้นกับสัญญาถึงได้ถูกถอน?“ฉัน… ฉัน…” กู้หยุนหลานพูดอย่างดื้อดึง พร้อมกำหมัดแน่นอย่างลังเลใจค
ที่บ้านกู้หยุนหลาน และพ่อกับแม่ของเธอนั่งพิงอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้ากังวลใจ และลำบากใจ“หรือผมจะลองไปขอร้องคุณพ่อดี บางทีเขาอาจจะให้เวลาอีกสักสามวันเพื่อจัดการเรื่องนี้” กู้เจี้ยนหมินกล่าวเพราะอย่างไรเธอก็เป็นลูกสาวของเขา พรุ่งนี้การจะต่อสัญญากับหรงคังกรุ๊ปอีกครั้งอาจจะมีโอกาสน้อยเมื่อหวังฟางได้ยินแบบนี้ รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ และเธอก็รีบพูดขึ้นทันทีว่า “ใช่ คุณลองไปขอพ่อของคุณสิ เผื่อคุณจะตกลงกับเขาได้ เพราะยังไงคุณก็เป็นลูกชายของเขาเหมือนกัน”กู้หยุนหลานส่ายหัวและถอนหายใจ "ลืมกู้ซิ่งเหว่ยไปแล้วเหรอ เขาจะต้องขัดขวางแน่นอน คุณปู่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดเท่านั้น และสิ่งที่เราพูดมันก็ไร้ประโยชน์"เหมือนมีน้ำเย็นเฉียบสาดตรงเข้าไปในจิตใจของพวกเขาหวังฟางเด้งตัวขึ้นอย่างฉุนเฉียว และพูดว่า “นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ แกอยากให้คุณปู่ไล่แกออกจากบริษัทเหรอ?”พอพูดจบ เธอก็จ้องไปที่หลี่โม่ที่กำลังถูพื้น เธอลุกขึ้นด่าเขา "ทั้งหมดมันเป็นเพราะแก สิ่งที่แกพูด มันทำให้ทุกอย่างวุ่นวาย! ถ้าหยุนหลานถูกไล่ออกจากบริษัท แกจะต้องถูกไล่ออกจากบ้านของเรา!"หวังฟางโกรธหลี่โม่มาก!“พอเถอะแม่ อย่าด่าเ
กู้หยุนหลานที่นั่งข้าง ๆ รู้สึกอึดอัด เธอเหลือบมองหลี่โม่ที่หยิบไม้ถูพื้นไปถูพื้นต่อ สายตาของเธอเต็มไปด้วยความผิดหวังเขาไม่พูดอะไรเลยในตอนที่แม่สั่งสอนเขาแบบนี้ ฉวีเทียนไห่มาที่บ้านแล้ว และเขายังมีอารมณ์มาถูพื้นอยู่อีกนี่มันไม่สำคัญสำหรับเขาเลยใช่ไหม?ในเวลานี้ ฉวีเทียนไห่ดูใจกว้าง และใจดี เขาจิบชาแล้วพูดว่า “คุณน้าครับ ผมคิดว่าหลี่โม่คงจะทำเงินได้ไม่มากในสถานที่ร้านนวด เอาแบบนี้ไหมครับ? บริษัทของพ่อผมต้องการคนงานอยู่พอดีเลย ให้หลี่โม่ไปทำงานที่นั่นดีไหมครับ ให้เขาไปดูแลโกดัง ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยเขาก็น่าจะหาเงินได้สักหกเจ็ดหมื่น ดีกว่างานของเขาในร้านนวดมากเลยนะครับ"“โอ้ จริงเหรอ เยี่ยมมากเลย”ใบหน้าของหวังฟางเต็มไปด้วยความปีติยินดี และเธอก็เรียกหลี่โม่อย่างรวดเร็ว แล้วพูดว่า "รีบขอบคุณเทียนไห่เร็วเข้าสิ!"ไอ้ขยะนี่ช่างไม่มีมารยาทเอาเสียเลยแต่ว่าหลี่โม่หันกลับมา และพูดอย่างแผ่วเบา "ไม่เป็นไร ฉันมีงานที่ดีอยู่แล้ว"งาน?ฮ่าฮ่า‘ถ้าผมบอกว่า ผมซื้อร้านสปาติงเหม่ยไปแล้ว พวกคุณคงจะคุกเข่าลงทันที’!แต่ในสายตาของเขา เงินเป็นเพียงแค่ตัวเลขเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่โม่ หวังฟ
พ่อของฉวีเทียนไห่โทรมาเหรอ?หวังฟางยิ้มอย่างตื่นเต้น และพูดอย่างกระตือรือร้นว่า “งั้นก็รีบสิ ลองถามเกี่ยวกับสถานการณ์ตอนนี้ และฝากขอบคุณคุณพ่อแทนครอบครัวของเราด้วยนะ”พ่อของฉวีเทียนไห่คือใคร?ฉวีโฮ่วเฟิงประธานแห่งฉวีกรุ๊ปที่มีมูลค่าหลายพันล้าน!ในกลุ่มธุรกิจของเมืองฮั่น เขาเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีชื่อเสียง และยังเป็นหนึ่งในตัวแทนที่โดดเด่นของกลุ่มธุรกิจในเมืองฮั่นอีกด้วยในเมืองฮั่น เขาก็เป็นคนที่มีชื่อเสียง และอำนาจมากมายเช่นกันหากได้ความช่วยเหลือจากเขา ปัญหาของพวกเขากับหรงคังกรุ๊ปในครั้งนี้ก็คงจะแก้ไขได้เช่นกันดังนั้นหวังฟางจึงมีความสุข เธอมองไปที่ฉวีเทียนไห่อย่างกระตือรือร้นมากขึ้น และหวังว่าเธอจะมอบกู้หยุนหลานให้ฉวีเทียนไห่ ให้เขาพาเธอกลับไปเลย‘เฮอะ ลูกสาวฉันนี่หัวแข็งจริง ๆ ยังยืนกรานที่จะอยู่กับไอ้หลี่โม่คนไร้ประโยชน์นี่อยู่ได้ คิดดูสิ ถ้าเธออยู่กับฉวีเทียนไห่ ชีวิตของเธอจะสบายขึ้นขนาดไหน เธอคงสบายไปตลอดชีวิต’ฉวีเทียนไห่พยักหน้า เขารับสายโทรศัพท์อย่างภาคภูมิใจ และมั่นใจ เขาพูดเสียงดัง “เป็นยังไงบ้างครับพ่อ? หรงคังกรุ๊ปยอมให้ความร่วมมืออีกครั้งไหมครับ?”“เทียนไห่
สิ่งนี้ทำให้กู้หยุนหลานผิดหวังมากกู้เจี้ยนหมินเป็นคนกลาง เพราะสถานะของเขาในบ้านก็สูงกว่าหลี่โม่ไม่มาก เขาจึงพูดขัดจังหวะไม่ได้ และทำได้เพียงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้หลี่โม่ยังคงนั่งอยู่ข้าง ๆ ไม่ว่าเขาจะเป็นลูกเขยแบบไหน แต่ต่อหน้าเขาเธอจะผลักไสลูกสาวของเธอไปหาคนอื่นได้อย่างไร?กู้เจี้ยนหมินรู้สึกผิด เขาทำได้เพียงกระแอมไอเบา ๆ สองสามครั้งแม้ว่าในใจของหลี่โม่จะไม่มีความสุข แต่สีหน้าของเขาดูเฉยเมยมากแม่ยายมุ่งมั่นที่จะแยกเขากับหยุนหลานออก“คุณน้าครับ คุณน้าทานเถอะครับ ผมทานไม่เยอะ”ฉวีเทียนไห่ยิ้มอย่างสุภาพ สายตาของเขามองไปที่หลี่โม่อย่างร้ายกาจ แสดงออกถึงชัยชนะดูสิ ในครอบครัวนี้เขาเป็นแค่คนนอก แต่กลับมีสถานะสูงกว่าลูกเขยของครอบครัวนี้อีกหลี่โม่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาทำได้แค่นั่งกินข้าวอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบ ๆ เพราะถ้าหากหลี่โม่เอ่ยปากพูดเมื่อไหร่ เขาจะต้องถูกแม่ยายวิจารณ์ตำหนิ และดุด่าอย่างไม่ต้องสงสัยหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เทียนไห่ก็ไม่ได้รีบกลับ เขายังอยู่ต่อกับกู้หยุนหลาน และหวังฟางหวังฟางมีความสุขมาก หนุ่มคนนี้ควรได้พบปะกับลูกสาวของเธอมากกว่าน
ทุกคนตกตะลึง สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัยทำไมสัญญาใหม่ส่งมาเร็วขนาดนี้?เมื่อกี้ยังคงคุยเรื่องหลี่โม่กันอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับมีคนมาส่งสัญญาให้ที่หน้าประตูหวังฟางและฉวีเทียนไห่ตกตะลึง สีหน้าของพวกเขาเอาจริงเอาจังมากกู้หยุนหลานรับสัญญา และเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยเป็นหลี่โม่จริงเหรอ?แต่หวังฟางตะโกนออกมาอย่างรวดเร็วว่า “หยุนหลาน ยังไม่รีบขอบคุณเทียนไห่อีก นี่่คงจะเป็นความช่วยเหลือของเทียนไห่แน่นอน ไม่อย่างนั้น ลูกคิดว่าไอ้ไร้ประโยชน์หลี่โม่เป็นคนทำเหรอ?”หวังฟางยิ้มด้วยความปีติ เธอมองไปที่ฉวีเทียนไห่และพูดด้วยความขอบคุณ "เทียนไห่ เราเป็นหนี้เธอจริง ๆ น้าไม่รู้จะขอบคุณยังไงดีเลย"ฉวีเทียนไห่ตกตะลึง แต่ก็ตอบสนองอย่างฉับพลัน เขาค่อย ๆ ยิ้ม และพูดว่า "คุณน้าครับ ไม่เป็นไรครับ นี่มันเป็นเรื่องเล็กน้อย ขอแค่ให้หยุนหลานมีความสุขก็พอครับ"ฉวีเทียนไห่ก็สงสัย พ่อของเขาบอกว่าเรื่องนี้พ่อเขาช่วยไม่ได้ แต่ทำไมสัญญาใหม่ถึงมาเร็วขนาดนี้?กู้หยุนหลานถือสัญญา หลังจากได้ยินคำพูดของหวังฟาง เธอก็ของคุณฉวีเทียนไห่ "คุณเทียนไห่ ขอบคุณมากสำหรับเรื่องนี้ ฉันจะต
หลี่โม่ตกตะลึง เขาพบว่ากู้หยุนหลานกำลังยืนอยู่ข้างหลังเขา เธอทำหน้าแก้มป่อง และทำหน้าตาเหมือนว่าต้องการจะจับผิดเขาเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะเปิดบันทึกข้อความ หลี่โม่ก็รีบเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์คืนมา และพูดว่า "ไม่มีอะไรหรอก แค่เรื่องในร้าน""ไม่มีอะไรเหรอ?"กู้หยุนหลานยกมือขึ้น จ้องไปที่หลี่โม่ และถามว่า "ถ้าไม่มีอะไร แล้วทำไมคุณดูกังวลนักล่ะ?"หลี่โม่จะไม่กังวลได้อย่างไร ถ้ากู้หยุนหลานเห็นข้อความระหว่างเขากับหรงปินและเหล่าเฉียน มันก็จะชัดเจนทุกอย่างแล้ว"ไม่มีอะไรจริง ๆ มันเป็นเรื่องในร้าน ที่ร้านกำลังจะมีงานเลี้ยงอาหารค่ำ และพวกเขาแค่ถามผมว่าจะไปไหม"หลี่โม่อธิบายสั้น ๆ เขาแค่ต้องการโทรศัพท์คืนจากกู้หยุนหลานหน้าอกที่แข็งแรงของเขาอยู่ตรงหน้ากู้หยุนหลาน ทำให้คนข้างหลังหน้าแดงก่ำ“อย่าขยับ!”กู้หยุนหลานถอยหลังไปสองก้าว และทำท่าทางเย็นชาหลี่โม่กลัวมาก เขายืนอยู่กับที่ไม่ขยับ และจ้องมองที่โทรศัพท์ในมือของกู้หยุนหลานอย่างวิตกกังวล“งานเลี้ยงเหรอ? งั้นฉันขอดูหน่อยว่า คุณแบ่งกันจ่ายคนละเท่าไหร่”กู้หยุนหลานพูดพลางทำหน้ามุ่ยเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เธอกำลังจะเปิดบันทึกข้อความของ