สิ่งนี้ทำให้กู้หยุนหลานผิดหวังมากกู้เจี้ยนหมินเป็นคนกลาง เพราะสถานะของเขาในบ้านก็สูงกว่าหลี่โม่ไม่มาก เขาจึงพูดขัดจังหวะไม่ได้ และทำได้เพียงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้หลี่โม่ยังคงนั่งอยู่ข้าง ๆ ไม่ว่าเขาจะเป็นลูกเขยแบบไหน แต่ต่อหน้าเขาเธอจะผลักไสลูกสาวของเธอไปหาคนอื่นได้อย่างไร?กู้เจี้ยนหมินรู้สึกผิด เขาทำได้เพียงกระแอมไอเบา ๆ สองสามครั้งแม้ว่าในใจของหลี่โม่จะไม่มีความสุข แต่สีหน้าของเขาดูเฉยเมยมากแม่ยายมุ่งมั่นที่จะแยกเขากับหยุนหลานออก“คุณน้าครับ คุณน้าทานเถอะครับ ผมทานไม่เยอะ”ฉวีเทียนไห่ยิ้มอย่างสุภาพ สายตาของเขามองไปที่หลี่โม่อย่างร้ายกาจ แสดงออกถึงชัยชนะดูสิ ในครอบครัวนี้เขาเป็นแค่คนนอก แต่กลับมีสถานะสูงกว่าลูกเขยของครอบครัวนี้อีกหลี่โม่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาทำได้แค่นั่งกินข้าวอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบ ๆ เพราะถ้าหากหลี่โม่เอ่ยปากพูดเมื่อไหร่ เขาจะต้องถูกแม่ยายวิจารณ์ตำหนิ และดุด่าอย่างไม่ต้องสงสัยหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เทียนไห่ก็ไม่ได้รีบกลับ เขายังอยู่ต่อกับกู้หยุนหลาน และหวังฟางหวังฟางมีความสุขมาก หนุ่มคนนี้ควรได้พบปะกับลูกสาวของเธอมากกว่าน
ทุกคนตกตะลึง สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัยทำไมสัญญาใหม่ส่งมาเร็วขนาดนี้?เมื่อกี้ยังคงคุยเรื่องหลี่โม่กันอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับมีคนมาส่งสัญญาให้ที่หน้าประตูหวังฟางและฉวีเทียนไห่ตกตะลึง สีหน้าของพวกเขาเอาจริงเอาจังมากกู้หยุนหลานรับสัญญา และเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยเป็นหลี่โม่จริงเหรอ?แต่หวังฟางตะโกนออกมาอย่างรวดเร็วว่า “หยุนหลาน ยังไม่รีบขอบคุณเทียนไห่อีก นี่่คงจะเป็นความช่วยเหลือของเทียนไห่แน่นอน ไม่อย่างนั้น ลูกคิดว่าไอ้ไร้ประโยชน์หลี่โม่เป็นคนทำเหรอ?”หวังฟางยิ้มด้วยความปีติ เธอมองไปที่ฉวีเทียนไห่และพูดด้วยความขอบคุณ "เทียนไห่ เราเป็นหนี้เธอจริง ๆ น้าไม่รู้จะขอบคุณยังไงดีเลย"ฉวีเทียนไห่ตกตะลึง แต่ก็ตอบสนองอย่างฉับพลัน เขาค่อย ๆ ยิ้ม และพูดว่า "คุณน้าครับ ไม่เป็นไรครับ นี่มันเป็นเรื่องเล็กน้อย ขอแค่ให้หยุนหลานมีความสุขก็พอครับ"ฉวีเทียนไห่ก็สงสัย พ่อของเขาบอกว่าเรื่องนี้พ่อเขาช่วยไม่ได้ แต่ทำไมสัญญาใหม่ถึงมาเร็วขนาดนี้?กู้หยุนหลานถือสัญญา หลังจากได้ยินคำพูดของหวังฟาง เธอก็ของคุณฉวีเทียนไห่ "คุณเทียนไห่ ขอบคุณมากสำหรับเรื่องนี้ ฉันจะต
หลี่โม่ตกตะลึง เขาพบว่ากู้หยุนหลานกำลังยืนอยู่ข้างหลังเขา เธอทำหน้าแก้มป่อง และทำหน้าตาเหมือนว่าต้องการจะจับผิดเขาเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะเปิดบันทึกข้อความ หลี่โม่ก็รีบเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์คืนมา และพูดว่า "ไม่มีอะไรหรอก แค่เรื่องในร้าน""ไม่มีอะไรเหรอ?"กู้หยุนหลานยกมือขึ้น จ้องไปที่หลี่โม่ และถามว่า "ถ้าไม่มีอะไร แล้วทำไมคุณดูกังวลนักล่ะ?"หลี่โม่จะไม่กังวลได้อย่างไร ถ้ากู้หยุนหลานเห็นข้อความระหว่างเขากับหรงปินและเหล่าเฉียน มันก็จะชัดเจนทุกอย่างแล้ว"ไม่มีอะไรจริง ๆ มันเป็นเรื่องในร้าน ที่ร้านกำลังจะมีงานเลี้ยงอาหารค่ำ และพวกเขาแค่ถามผมว่าจะไปไหม"หลี่โม่อธิบายสั้น ๆ เขาแค่ต้องการโทรศัพท์คืนจากกู้หยุนหลานหน้าอกที่แข็งแรงของเขาอยู่ตรงหน้ากู้หยุนหลาน ทำให้คนข้างหลังหน้าแดงก่ำ“อย่าขยับ!”กู้หยุนหลานถอยหลังไปสองก้าว และทำท่าทางเย็นชาหลี่โม่กลัวมาก เขายืนอยู่กับที่ไม่ขยับ และจ้องมองที่โทรศัพท์ในมือของกู้หยุนหลานอย่างวิตกกังวล“งานเลี้ยงเหรอ? งั้นฉันขอดูหน่อยว่า คุณแบ่งกันจ่ายคนละเท่าไหร่”กู้หยุนหลานพูดพลางทำหน้ามุ่ยเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เธอกำลังจะเปิดบันทึกข้อความของ
ทันทีที่หลี่โม่พูดประโยคนี้ เขาก็ได้ยินฉวีเทียนไห่ที่อยู่ข้างหน้ากำลังหัวเราะเบา ๆ และหันหน้ามาถามอย่างเย้ยหยัน "นายกำลังพูดอะไร? นายมีบัตรสมาชิกของฮั่นพาเลซเหรอ? เอามันมาจากไหน? คงไม่ใช่ของปลอมใช่ไหม?”ไอ้หลี่โม่นี่ ช่างหน้าด้านจริง ๆ !เขากล้าพูดว่าเขามีบัตรสมาชิกของฮั่นพาเลซงั้นหรือ?เขารู้หรือไม่ว่าบัตรสมาชิกจะสามารถมีได้ก็ต่อเมื่อต้องใช้จ่ายหลายล้านต่อปีเท่านั้น?แม้แต่ทั้งตระกูลฉวี มีแค่พ่อของเขาเท่านั้นที่มีบัตรสมาชิกช่างโง่จริง ๆ เลยสีหน้าของหวังฟางก็แย่ลงทันที เธอจ้องไปที่หลี่โม่ และตะโกนว่า “หลี่โม่ แกพูดเรื่องไร้สาระอะไร? อยากให้ฉันต้องไล่แกลงจากรถใช่ไหม?”ใบหน้าอันสวยงามของกู้หยุนหลานก็บูดเบี้ยวเล็กน้อยเหมือนกัน และเธอก็เหลือบมองหลี่โม่ อย่างโกรธจัดในเวลานี้ ทำไมเขาถึงต้องพูดขัดจังหวะ อยากโดนด่าหรือไง?หลี่โม่ยิ้ม และพูดว่า "โอ้ มันไม่ใช่ของผมหรอก เพื่อนของผมให้มา"ฉวีเทียนไห่ยิ้มด้วยสายตาเยาะเย้ย และพูดอย่างสงบว่า "ก็ได้หลี่โม่ นายจะบอกว่านายมีเพื่อนแบบนี้ด้วยอย่างนั้นสินะ?"หลี่โม่ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า "ไม่เป็นไร ยังมีอีกหลายเรื่องที่นายมองไม่ออก"เมื่อได้ย
ทุกวันนี้ ะุรกิจต่าง ๆ ต่างก็มีกลยุทธ์แยบยล อย่างเช่น การใช้ประโยชน์จากความนิยมของผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ใช่ไหมล่ะ?เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้ง หลี่โม่ก็เธอว่า “เราควรเปลี่ยนที่ไหม?”กู้หยุนหลานขมวดคิ้ว แต่ก่อนที่เธอจะทันได้คิด ฉวีเทียนไห่และหวังฟางก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับกู้เจี้ยนหมินแล้ว“หยุนหลาน เราเข้าไปกันเถอะ ผู้จัดการที่นี่ผมรู้จัก เดี๋ยวผมจะขอให้เขาจัดห้องไว้ให้เราล่วงหน้า”สีหน้าของฉวีเทียนไห่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ได้คิดเลยว่า กู้หยุนหลานจะใจดีกับเขามากจนขนาดเชิญเขามาทานอาหารที่นี่ ช่างคุ้มค่ากับการเดินทางจริง ๆแม้ว่าเขาจะเป็นนายน้อยคนโตของตระกูลฉวี แต่เขาก็ได้มาทานอาหารที่ภัตตาคารอาหารหรูแห่งนี้เพียงปีละสองสามครั้งเท่านั้นเพราะค่าใช้จ่ายของที่นี่สูงเกินไปจริง ๆกินไปหลายแสน ก็ได้นั่งแค่ข้างล่างเท่านั้นนี่ยังคงเป็นแค่ห้องโถงหลัก ถ้าอยากได้ห้องส่วนตัว จะต้องบวกค่าธรรมเนียมห้องอาหารเพิ่มอีกกู้หยุนหลานก็รีบตอบอย่างลนลาน แต่ในหัวของเธอมีแต่ความงุนงง และเธอก็เห็นด้วย "โอ้ โอเค"ตอนนี้เธอเหมือนกำลังจะตาย แต่เธอไม่สามารถพูดอะไรได้ เพราะเธอเข้าม
ฉวีเทียนไห่อยากจะต่อยหลี่โม่เสียตรงนั้นเลย!แต่ว่าฮ่าฮ่าหลี่โม่หัวเราะเยาะ และปัดมือของฉวีเทียนไห่ออก เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สุขุมว่า "ฉวีเทียนไห่ อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย ภรรยาของฉันเชิญนายมาทานอาหารที่นี่ก็แค่ต้องการตอบแทนนาย อีกอย่าง สัญญาใหม่ของหรงคังกรุ๊ป นายเป็นคนช่วยหรือไม่ตัวนายก็รู้ดีอยู่แก่ใจนี่ ใช่ไหม?! หรืออยากให้ฉันเปิดเผยความจริงของนายต่อหน้าหยุนหลานเหรอ?”หลังจากพูดจบ หลี่โม่ก็หันหลัง และเดินจากไปแต่ฉวีเทียนไห่โกรธ!เขาบีบกำปั้นแน่น สูดหายใจเข้าอย่างรุนแรง และชี้ไปที่หลี่โม่ แล้วตะโกนว่า "หลี่โม่ แกหมายความว่าไง? แกจะบอกว่า คนขี้ขลาดแบบแกจะเป็นคนเอาสัญญาใหม่ของหรงคังกรุ๊ปมาให้เธออย่างนั้นเหรอ? ฮ่าฮ่า แกช่างกล้าล้อเล่นนะ ใครจะไปเชื่อว่าขยะแบบแกเป็นคนทำ?”พูดจบ ฉวีเทียนไห่ก็ตบไหล่หลี่โม่ และกระซิบข้างหูของเขาว่า "ขยะก็คือขยะ ทั้งชีวิตของแกก็เทียบกับเส้นผมของฉวีเทียนไห่อย่างฉันไม่ได้หรอก!"หลังจากนั้น ฉวีเทียนไห่ก็ดึงชุดสูทของเขาด้วยสีหน้าพอใจ และเดินตามกู้หยุนไปหลี่โม่ที่ยืนอยู่ที่ประตูคนเดียว เขากำหมัดแน่น สูดหายใจ และเยาะเย้ยจากมุมปากของเขา‘เทียบไม่ได้กับฉวีเ
เมื่อหลาย ๆ คนเดินเข้าไปในห้องอาหาร หวังฟางเหลือบมอง และตะโกนอย่างออกมาอย่างไม่พอใจ “โอ้โห ทำไมห้องนี้เล็กจัง แล้วเราจะนั่งในห้องนี้กันยังไงล่ะ?”หวังฟางเป็นคนแบบนี้ เธอทนกับความคับข้องใจไม่ได้ เธอจ้องไปที่หลี่โม่ และตะโกนว่า "ถ้ารู้แบบนี้ฉันคงจะไม่พามันมาที่นี่ ดูสิ มากันห้าคนนั่งจะนั่งยังไง?"หลี่โม่ไม่ได้พูดอะไร เขาเคยชินกับการแม่ยายต่อว่าเขาแล้วฉวีเทียนไห่ก็ขมวดคิ้วเช่นกัน เขาเหลือบดูในห้องอาหาร มันเล็กมาก ถ้านั่งกันห้าคนดูมันคงจะแออัดมาก ดังนั้นเขาจึงพูดกับพนักงานเสิร์ฟว่า “พาเราไปห้องที่ใหญ่กว่านี้ เราอยากนั่งกินแบบสบาย ๆ นี่มันดูแออัดเกินไป"เมื่อได้ยินแบบนี้ กู้หยุนหลานก็โซเซเล็กน้อย“หยุนหลานเป็นอะไรไป?” หวังฟางถาม“อ้อ ไม่เป็นไรค่ะ” กู้หยุนหลานรีบยิ้มและพูดพนักงานเสิร์ฟกล่าวขอโทษ “ขอโทษด้วยค่ะ แต่ห้องอาหารของเราที่นี่ทั้งหมดจะเป็นไปตามมาตรฐานของค่าใช้จ่าย ห้องอาหารที่อยู่ด้านล่างนี้มีมาตรฐานของค่าใช้จ่ายที่ห้าแสนบาท หากคุณลูกค้าต้องการเปลี่ยนเป็นห้องอาหารที่ใหญ่กว่านี้ คุณลูกค้าจะต้องขึ้นไปชั้นสอง ข้างบนจะมีมาตรฐานของค่าใช้จ่ายหนึ่งล้านบาทค่ะ”หลังจากพูดจบ พนักงานเส
คำพูดของหลี่โม่ทำให้อุณหภูมิในห้องอาหารลดลงอย่างรวดเร็วและบรรยากาศก็ดูอึดอัดมากขึ้นฟิ้ว!ทันใดนั้น กู้หยุนหลาน หวังฟาง ฉวีเทียนไห่ และกู้เจี้ยนหมินต่างก็จ้องมองที่หลี่โม่ด้วยความประหลาดใจหวังฟางด่าขึ้นมาทันทีว่า “หลี่โม่ ถ้าแกไม่พูดก็จะไม่มีใครบอกว่าแกเป็นใบ้หรอกนะ! แกจะทำให้ฉันประสาทกิน นั่งลงเดี๋ยวนี้!”หวังฟางโกรธจัด!หลี่โม่คนนี้ เขาลุกขึ้นยืนและพูดแบบนั้นในเวลานี้ เขาจงใจจะสร้างปัญหาสินะทำไมเขาถึงต้องการเปลี่ยนเป็นชั้นบน?ไม่ได้ใช้เงินตัวเองก็เลยไม่รู้สึกอะไรอย่างนั้นสิ?เขาหูหนวก หรือจงใจสร้างปัญหากันแน่ เขาไม่ได้ยินที่พนักงานเสิร์ฟบอกว่ามาตรฐานค่าใช้จ่ายชั้นบนคือหนึ่งล้านบาทหรือไง!หนึ่งล้าน!หวังฟางไม่สามารถหาเงินได้มากขนาดนั้นหรอก ต่อให้เธอหาได้เธอก็จะไม่มีทางใช้มันอย่างแน่นอน!สีหน้าของกู้หยุนหลานเย็นชา เธอจ้องมองหลี่โม่อย่างโกรธเคืองและรีบพูดว่า "หลี่โม่ คุณนั่งลงได้แล้ว! คุณจะหยุดสร้างปัญหาได้ไหม? นั่งกินไปเงียบ ๆ เถอะ!"กู้หยุนหลานโกรธจนจะเป็นบ้าแล้ว หลี่โม่คนนี้เอาแต่สร้างปัญหาจริง ๆ จะไปไหนก็มีแต่สร้างเรื่องช่วงเวลาวิกฤตแบบนี้ แต่เขายังจะสร้างความวุ่นวาย