เมื่อหลาย ๆ คนเดินเข้าไปในห้องอาหาร หวังฟางเหลือบมอง และตะโกนอย่างออกมาอย่างไม่พอใจ “โอ้โห ทำไมห้องนี้เล็กจัง แล้วเราจะนั่งในห้องนี้กันยังไงล่ะ?”หวังฟางเป็นคนแบบนี้ เธอทนกับความคับข้องใจไม่ได้ เธอจ้องไปที่หลี่โม่ และตะโกนว่า "ถ้ารู้แบบนี้ฉันคงจะไม่พามันมาที่นี่ ดูสิ มากันห้าคนนั่งจะนั่งยังไง?"หลี่โม่ไม่ได้พูดอะไร เขาเคยชินกับการแม่ยายต่อว่าเขาแล้วฉวีเทียนไห่ก็ขมวดคิ้วเช่นกัน เขาเหลือบดูในห้องอาหาร มันเล็กมาก ถ้านั่งกันห้าคนดูมันคงจะแออัดมาก ดังนั้นเขาจึงพูดกับพนักงานเสิร์ฟว่า “พาเราไปห้องที่ใหญ่กว่านี้ เราอยากนั่งกินแบบสบาย ๆ นี่มันดูแออัดเกินไป"เมื่อได้ยินแบบนี้ กู้หยุนหลานก็โซเซเล็กน้อย“หยุนหลานเป็นอะไรไป?” หวังฟางถาม“อ้อ ไม่เป็นไรค่ะ” กู้หยุนหลานรีบยิ้มและพูดพนักงานเสิร์ฟกล่าวขอโทษ “ขอโทษด้วยค่ะ แต่ห้องอาหารของเราที่นี่ทั้งหมดจะเป็นไปตามมาตรฐานของค่าใช้จ่าย ห้องอาหารที่อยู่ด้านล่างนี้มีมาตรฐานของค่าใช้จ่ายที่ห้าแสนบาท หากคุณลูกค้าต้องการเปลี่ยนเป็นห้องอาหารที่ใหญ่กว่านี้ คุณลูกค้าจะต้องขึ้นไปชั้นสอง ข้างบนจะมีมาตรฐานของค่าใช้จ่ายหนึ่งล้านบาทค่ะ”หลังจากพูดจบ พนักงานเส
คำพูดของหลี่โม่ทำให้อุณหภูมิในห้องอาหารลดลงอย่างรวดเร็วและบรรยากาศก็ดูอึดอัดมากขึ้นฟิ้ว!ทันใดนั้น กู้หยุนหลาน หวังฟาง ฉวีเทียนไห่ และกู้เจี้ยนหมินต่างก็จ้องมองที่หลี่โม่ด้วยความประหลาดใจหวังฟางด่าขึ้นมาทันทีว่า “หลี่โม่ ถ้าแกไม่พูดก็จะไม่มีใครบอกว่าแกเป็นใบ้หรอกนะ! แกจะทำให้ฉันประสาทกิน นั่งลงเดี๋ยวนี้!”หวังฟางโกรธจัด!หลี่โม่คนนี้ เขาลุกขึ้นยืนและพูดแบบนั้นในเวลานี้ เขาจงใจจะสร้างปัญหาสินะทำไมเขาถึงต้องการเปลี่ยนเป็นชั้นบน?ไม่ได้ใช้เงินตัวเองก็เลยไม่รู้สึกอะไรอย่างนั้นสิ?เขาหูหนวก หรือจงใจสร้างปัญหากันแน่ เขาไม่ได้ยินที่พนักงานเสิร์ฟบอกว่ามาตรฐานค่าใช้จ่ายชั้นบนคือหนึ่งล้านบาทหรือไง!หนึ่งล้าน!หวังฟางไม่สามารถหาเงินได้มากขนาดนั้นหรอก ต่อให้เธอหาได้เธอก็จะไม่มีทางใช้มันอย่างแน่นอน!สีหน้าของกู้หยุนหลานเย็นชา เธอจ้องมองหลี่โม่อย่างโกรธเคืองและรีบพูดว่า "หลี่โม่ คุณนั่งลงได้แล้ว! คุณจะหยุดสร้างปัญหาได้ไหม? นั่งกินไปเงียบ ๆ เถอะ!"กู้หยุนหลานโกรธจนจะเป็นบ้าแล้ว หลี่โม่คนนี้เอาแต่สร้างปัญหาจริง ๆ จะไปไหนก็มีแต่สร้างเรื่องช่วงเวลาวิกฤตแบบนี้ แต่เขายังจะสร้างความวุ่นวาย
เธอดูถูกหลี่โม่เพราะเขาเป็นคนจน!ถ้าเขามีเงินบ้าง ก็คงจะไม่เป็นไร แต่นี่เขามันก็แค่คนไร้ประโยชน์หลี่โม่กำมัดแน่น สายตาของเขาเย็นชาทุกคนคิดว่าเขาเป็นขยะสังคม แต่ไม่มีใครรู้เขาเป็นถึงนายน้อยของแดนมังกร และในอนาคตเขาจะได้เป็นของราชามังกร!แค่พูดคำเดียว ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนห้องอาหารเป็นชั้นบน แต่ร้านนี้เขาก็ซื้อได้!อีกด้านหนึ่ง ฉวีเทียนไห่ที่นั่งอยู่ด้านข้าง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยหลี่โม่นี้มันช่างโง่จริง ๆ เขาถูกภรรยาของเขาตบ และโดนแม่สามีของเขาด่าทอตลอดช่างไร้ประโยชน์จริง ๆ !ในขณะเดียวกัน สีหน้าของพนักงานเสิร์ฟยิ่งดูน่าเกลียดขึ้นไปอีกบ้าจริง!เขาก็แค่ไอ้ขยะที่เอาแต่เกาะผู้หญิงกิน!เขาก็แค่ทำเป็นอวดบอกว่าจะขึ้นไปทานอาหารชั้นบน เขาก็แค่พูดไปแบบนั้นเพื่อความสนุกของตัวเองเท่านั้น!หลังจากนั้น มุมมองของพนักงานเสิร์ฟก็แย่ลง และเธอก็ถามอย่างเย็นชาว่า "คุณลูกค้าคะ คุณจะเปลี่ยนห้องไหม? จะเปลี่ยนก็รีบเปลี่ยน ฉันต้องไปบริการลูกค้าคนอื่นอีก"กู้หยุนหลานปาดน้ำตาออกจากหางตาของเธอ เธอหันกลับมา และกล่าวขอโทษ “ฉันขอโทษด้วยค่ะ แต่เราจะไม่เปลี่ยนห้อง”ปั้ง!พนักงานเสิร์ฟตบเ
ก่อนที่เขาจะแนะนำตัวเอง ฉวีเทียนไห่ซึ่งนั่งอยู่ก็ลุกขึ้นด้วยรอยยิ้มประจบประแจงในทันที และพูดว่า "ผู้จัดการหวู ผมเองครับ ผมฉวีเทียนไห่ พ่อของผมคือฉวีโฮ่วเฟิง"หวูเต้าเหวินหันไปมองลูกชายของตระกูลฉวีเขาคือลูกชายของฉวีโฮ่วเฟิงเขายังยิ้มอย่างแผ่วเบา และพูดว่า “คุณชายฉซีนั่นเอง”ฉวีเทียนไห่ก็รีบแนะนำต่อ "คุณน้าครับ คุณอาครับ หยุนหลาน นี่คือผู้จัดการหวู หวูเต้าเหวินครับ เป็นผู้จัดการใหญ่ของภัตตาคารอาหารหรูนี่ เขาเป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคม และมีชื่อเสียงในเมืองฮั่น"หวังฟางตกใจ เธอคิดในใจแย่แล้ว และรีบแสดงสีหน้าที่ยิ้มแย้ม แล้วพูดว่า “ผู้จัดการหวู ฉันขอโทษด้วยค่ะ ฉันมันตาบอดเอง ฉันขอโทษค่ะ”กู้หยุนหลานพยักหน้าและยิ้มกู้เจี้ยนหมินไม่มีอะไรเลย แต่เขาเป็นทายาทของตระกูลกู้ ตอนอยู่ข้างนอกเขาต้องรักษาชื่อเสียงให้ดีทางฝ่ายหวูเต้าเหวินพูดด้วยรอยยิ้ม "พวกคุณต้องการจะขึ้นไปข้างบน เพราะห้องนี้เล็กเกินไปใช่ไหมครับ?"เมื่อได้ยินแบบนี้ หวังฟางก็รีบโบกมือ และพูดว่า “อ่า ไม่ ไม่ใช่ค่ะ ๆ มันไม่ใช่แบบนั้น ผู้จัดการหวู คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ”ขณะที่พูด เธอก็จ้องไปที่หลี่โม่อย่างโกรธเคืองนี่มันเป็นการต
ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในห้อง ประตูของห้องที่อยู่ถัดไปก็เปิดออก ผู้หญิงในชุดกระโปรงสั้น และเสื้อเกาะอกก็เดินออกมาจากห้อง เธอแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดจ๊าด และดูแฟชั่นทันสมัยมากผู้หญิงคนนั้นเดินโซเซไปสองสามก้าว เห็นได้ชัดว่าเธอดื่มไปมากเธอคือกู้ชิงหลินวันนี้เธอมาสนุกกับเพื่อน ๆ ที่เป็นลูกเศรษฐีสองสามคนยังไม่ทันที่เธอจะได้ออกมาจากห้อง เธอเห็นคนที่รูปร่างดูเหมือนกู้หยุนหลาน และหลี่โม่เดินเข้าไปในห้องข้าง ๆพวกเขาจะมีสิทธิ์มาในที่ระดับนี้ได้อย่างไร?เมื่อคิดเรื่องนี้ กู้ชิงหลินก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อที่จะดู แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหน้าประตูห้องหยุดเอาไว้ "คุณผู้หญิงครับ นี่ห้องอาหารส่วนตัว"กู้ชิงหลินพ่นลมหายใจออก และไม่ได้สนใจเรื่องนี้ต่อ เธอแค่คิดว่าเธอคงดื่มมากเกินไปทางอีกฝั่ง กู้หยุนหลานเดินเข้าไปในห้อง และค่อย ๆ นั่งลงนั่นคือทัศนียภาพที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสันสวยงาม"พวกคุณจะสั่งอะไรก็ได้ตามที่คุณต้องการเลยครับ"หลังจากพูดจบ หวูเต้าเหวินก็กระซิบกับพนักงานเสิร์ฟข้าง ๆ เขาว่า “ไป ไปเอาเมนูชุดใหม่มา ฉันต้องการรายการอาหารที่เหมือนเดิมแต่ราคาต่ำสุด เข้าใจไหม?”หวูเต้าเหวิ
รอยยิ้มบนใบหน้าของฉวีเทียนไห่หายไปในทันที สีหน้าของเขาเริ่มไม่มั่นใจ และเขาจ้องก็ไปที่หลี่โม่อย่างโกรธจัดไอ้ขยะหลี่โม่ มันพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?สถานะตัวเองคืออะไร ปัญญาอ่อนหรือเปล่า?ฉวีเทียนไห่รู้สึกหงุดหงิด มันกล้าฉีกหน้าเขาครั้งแล้วครั้งเล่า!ไม่หัดตักน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงาตัวเองเลย!แต่ก่อนที่ฉวีเทียนไห่จะลุกขึ้นด่าหลี่โม่ หวังฟางก็ลุกขึ้นแทนเขา และตบหน้าหลี่โม่!หลี่โม่รู้สึกสับสนเล็กน้อยจากการโดนตบอย่างกะทันหัน เขาบีบมือ และกำหมัดของเขาไว้ใต้โต๊ะตบคนไม่ควรตบหน้า แม่ยายทำเกินเหตุไปแล้ว!“แกพูดเรื่องไร้สาระอะไร? ถ้าไม่ใช่เพราะเทียนไห่ แกจะบอกว่าเป็นเพราะแกหรือไง? แกมันไร้ประโยชน์ ไร้เงินทอง ไร้อำนาจ แค่ครอบครัวของฉันสงสารแกเลยยอมให้แกมาเป็นลูกเขย แกไม่รู้จริง ๆ เหรอว่า แกมีค่าแค่ไม่กี่บาท? แกไม่เห็นเหรอว่า เทียนไห่เป็นใคร เขาเป็นลูกชายของตระกูลฉวี แกมันคนไร้ประโยชน์ แกกล้าเอาตัวเองไปเทียบกับเทียนไห่ได้ยังไง? ถ้าครอบครัวเราพึ่งแก เราคงจะอดตายไปนานแล้ว!”หวังฟางโกรธมาก วันนี้เธออารมณ์ดีมาก ๆ แต่ไอ้ขยะหลี่โม่กลับทำลายมันลง“แม่คะ นี่แม่ทำอะไร!”เมื่อกู้หยุนหลานเห็
หลี่โม่ยิ้มพลางกล่าว “ไม่เป็นไรครับ คุณสั่งเลย”กู้หยุนหลานไม่ได้พูดอะไรความรักที่ดูดดื่มนั้น กระซิบกระซาบกันที่ข้างหู รอยยิ้มที่ฉายซ้ำ ๆ ในดวงตาของฉวีเทียนไห่ทำให้เขารู้สึกแค้นใจเป็นอย่างมาก! ‘หลี่โม่!’‘จะช้าจะเร็วฉันก็จะฆ่าแกแน่!’กู้หยุนหลานดูเมนูอาหาร ในใจก็คิดสงสัย สวนลอยฟ้าที่นี่ไม่ใช่ห้องอาหารที่ดีที่สุดหรอกหรือ? ทำไมกุ้งมังกรที่นี่ตัวละห้าร้อยบาทเองล่ะ?หรือแม้แต่ไข่ปลาคาเวียร์ ก็ช้อนละแปดสิบบาทเท่านั้น… กู้หยุนหลานงุนงงเล็กน้อย เธอเลิกคิ้วขึ้นพลางหันไปมองฉวีเทียนไห่ที่กำลังคุยอยู่กับหวังฟาง ภัตตาคารอาหารแห่งนี้เห็นแก่หน้าของเขาจริง ๆ หรือ? เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เธอก็นึกขึ้นมาได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นที่ชั้นล่างเมื่อครู่ เหมือนกับว่าผู้จัดการหวูเต้าเหวินจะเห็นตอนที่หลี่โม่ถูกคุณแม่ตำหนิถึงได้เปลี่ยนห้องอาหารแทนพวกเขา และอีกอย่างก่อนที่จะออกมาเมื่อกี้ หวูเต้าเหวินยังมองมาทางหลี่โม่อีกด้วยคิด ๆ ดูแล้ว เมื่อตอนก่อนที่จะเข้ามา หลี่โม่พูดไว้ว่า ไม่ต้องห่วงว่าต้องจ่ายเท่าไหร่ เดี๋ยวเขาจัดการเองหรือบางทีอาจเป็นเพราะหลี่โม่?กู้หยุนหลานเผลอเอนตัวมองหลี่โม่อย่างไม่ตั้งใจ แล
ไวน์ที่ขวดละร้อยกว่าล้าน และรอบขวดฝังด้วยเพชรอัญมณี!หนึ่งในไวน์ชั้นสูงจะให้หลี่โม่ในเวลานี้จริง ๆ เหรอ?ยอมลงทุนเอาราคาของภัตตาคารอาหารหรูออกมา เถ้าแก่ใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังกำลังพยายามอย่างมากที่จะประจบประแจงหลี่โม่! “คุณ… คุณว่าไงนะ?!”หวังฟางอึ้งไปในทันที จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน แล้วมองหวูเต้าเหวินอย่างไม่อยากเชื่อ พลางถาม “ผู้จัดการหวู คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า นี่ทำไมถึงได้เตรียมไว้สำหรับไอคนไร้ประโยชน์อย่างหลี่โม่ได้ล่ะ? เถ้าแก่ของพวกคุณคงสับสนใช่ไหม? มันชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นเทียนไห่ เทียนไห่เป็นแขกวีไอพีนะ”นี่มันเรื่องอะไรกัน?หวังฟางเหลือบไปมองหลี่โม่ ก็พบว่าเขาเองก็ยังมีสีหน้าที่เคร่งขรึมเช่นกันเวลานี้สีหน้าของหลี่โม่ไม่ดีเอามาก ๆ เขามองมาที่หวูเต้าเหวิน ผู้ชายคนนี้ ก่อนหน้านี้ไม่ได้เข้าใจความหมายของเขาเลยหรือไง?ฉวีเทียนไห่โกรธจนหน้าแดง เขายังคงยืนอยู่ตรงนั้น จะหยิบมาก็ไม่หยิบ จะนั่งก็ไม่นั่ง รู้สึกกระอักกระอ่วนเอามาก ๆเดิมที่แล้วเขาคิดไว้ว่า จะแสร้งทำเป็นเก่งต่อหน้าคนของตระกูลกู้ ตอนนี้พอเป็นแบบนี้แล้ว เขากลับกลายเป็นคนที่ขายหน้าที่สุด หลี่โม่ เพราะเจ้าหลี่โม่ท
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา