ก่อนที่เขาจะแนะนำตัวเอง ฉวีเทียนไห่ซึ่งนั่งอยู่ก็ลุกขึ้นด้วยรอยยิ้มประจบประแจงในทันที และพูดว่า "ผู้จัดการหวู ผมเองครับ ผมฉวีเทียนไห่ พ่อของผมคือฉวีโฮ่วเฟิง"หวูเต้าเหวินหันไปมองลูกชายของตระกูลฉวีเขาคือลูกชายของฉวีโฮ่วเฟิงเขายังยิ้มอย่างแผ่วเบา และพูดว่า “คุณชายฉซีนั่นเอง”ฉวีเทียนไห่ก็รีบแนะนำต่อ "คุณน้าครับ คุณอาครับ หยุนหลาน นี่คือผู้จัดการหวู หวูเต้าเหวินครับ เป็นผู้จัดการใหญ่ของภัตตาคารอาหารหรูนี่ เขาเป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคม และมีชื่อเสียงในเมืองฮั่น"หวังฟางตกใจ เธอคิดในใจแย่แล้ว และรีบแสดงสีหน้าที่ยิ้มแย้ม แล้วพูดว่า “ผู้จัดการหวู ฉันขอโทษด้วยค่ะ ฉันมันตาบอดเอง ฉันขอโทษค่ะ”กู้หยุนหลานพยักหน้าและยิ้มกู้เจี้ยนหมินไม่มีอะไรเลย แต่เขาเป็นทายาทของตระกูลกู้ ตอนอยู่ข้างนอกเขาต้องรักษาชื่อเสียงให้ดีทางฝ่ายหวูเต้าเหวินพูดด้วยรอยยิ้ม "พวกคุณต้องการจะขึ้นไปข้างบน เพราะห้องนี้เล็กเกินไปใช่ไหมครับ?"เมื่อได้ยินแบบนี้ หวังฟางก็รีบโบกมือ และพูดว่า “อ่า ไม่ ไม่ใช่ค่ะ ๆ มันไม่ใช่แบบนั้น ผู้จัดการหวู คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ”ขณะที่พูด เธอก็จ้องไปที่หลี่โม่อย่างโกรธเคืองนี่มันเป็นการต
ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในห้อง ประตูของห้องที่อยู่ถัดไปก็เปิดออก ผู้หญิงในชุดกระโปรงสั้น และเสื้อเกาะอกก็เดินออกมาจากห้อง เธอแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดจ๊าด และดูแฟชั่นทันสมัยมากผู้หญิงคนนั้นเดินโซเซไปสองสามก้าว เห็นได้ชัดว่าเธอดื่มไปมากเธอคือกู้ชิงหลินวันนี้เธอมาสนุกกับเพื่อน ๆ ที่เป็นลูกเศรษฐีสองสามคนยังไม่ทันที่เธอจะได้ออกมาจากห้อง เธอเห็นคนที่รูปร่างดูเหมือนกู้หยุนหลาน และหลี่โม่เดินเข้าไปในห้องข้าง ๆพวกเขาจะมีสิทธิ์มาในที่ระดับนี้ได้อย่างไร?เมื่อคิดเรื่องนี้ กู้ชิงหลินก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อที่จะดู แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหน้าประตูห้องหยุดเอาไว้ "คุณผู้หญิงครับ นี่ห้องอาหารส่วนตัว"กู้ชิงหลินพ่นลมหายใจออก และไม่ได้สนใจเรื่องนี้ต่อ เธอแค่คิดว่าเธอคงดื่มมากเกินไปทางอีกฝั่ง กู้หยุนหลานเดินเข้าไปในห้อง และค่อย ๆ นั่งลงนั่นคือทัศนียภาพที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสันสวยงาม"พวกคุณจะสั่งอะไรก็ได้ตามที่คุณต้องการเลยครับ"หลังจากพูดจบ หวูเต้าเหวินก็กระซิบกับพนักงานเสิร์ฟข้าง ๆ เขาว่า “ไป ไปเอาเมนูชุดใหม่มา ฉันต้องการรายการอาหารที่เหมือนเดิมแต่ราคาต่ำสุด เข้าใจไหม?”หวูเต้าเหวิ
รอยยิ้มบนใบหน้าของฉวีเทียนไห่หายไปในทันที สีหน้าของเขาเริ่มไม่มั่นใจ และเขาจ้องก็ไปที่หลี่โม่อย่างโกรธจัดไอ้ขยะหลี่โม่ มันพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?สถานะตัวเองคืออะไร ปัญญาอ่อนหรือเปล่า?ฉวีเทียนไห่รู้สึกหงุดหงิด มันกล้าฉีกหน้าเขาครั้งแล้วครั้งเล่า!ไม่หัดตักน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงาตัวเองเลย!แต่ก่อนที่ฉวีเทียนไห่จะลุกขึ้นด่าหลี่โม่ หวังฟางก็ลุกขึ้นแทนเขา และตบหน้าหลี่โม่!หลี่โม่รู้สึกสับสนเล็กน้อยจากการโดนตบอย่างกะทันหัน เขาบีบมือ และกำหมัดของเขาไว้ใต้โต๊ะตบคนไม่ควรตบหน้า แม่ยายทำเกินเหตุไปแล้ว!“แกพูดเรื่องไร้สาระอะไร? ถ้าไม่ใช่เพราะเทียนไห่ แกจะบอกว่าเป็นเพราะแกหรือไง? แกมันไร้ประโยชน์ ไร้เงินทอง ไร้อำนาจ แค่ครอบครัวของฉันสงสารแกเลยยอมให้แกมาเป็นลูกเขย แกไม่รู้จริง ๆ เหรอว่า แกมีค่าแค่ไม่กี่บาท? แกไม่เห็นเหรอว่า เทียนไห่เป็นใคร เขาเป็นลูกชายของตระกูลฉวี แกมันคนไร้ประโยชน์ แกกล้าเอาตัวเองไปเทียบกับเทียนไห่ได้ยังไง? ถ้าครอบครัวเราพึ่งแก เราคงจะอดตายไปนานแล้ว!”หวังฟางโกรธมาก วันนี้เธออารมณ์ดีมาก ๆ แต่ไอ้ขยะหลี่โม่กลับทำลายมันลง“แม่คะ นี่แม่ทำอะไร!”เมื่อกู้หยุนหลานเห็
หลี่โม่ยิ้มพลางกล่าว “ไม่เป็นไรครับ คุณสั่งเลย”กู้หยุนหลานไม่ได้พูดอะไรความรักที่ดูดดื่มนั้น กระซิบกระซาบกันที่ข้างหู รอยยิ้มที่ฉายซ้ำ ๆ ในดวงตาของฉวีเทียนไห่ทำให้เขารู้สึกแค้นใจเป็นอย่างมาก! ‘หลี่โม่!’‘จะช้าจะเร็วฉันก็จะฆ่าแกแน่!’กู้หยุนหลานดูเมนูอาหาร ในใจก็คิดสงสัย สวนลอยฟ้าที่นี่ไม่ใช่ห้องอาหารที่ดีที่สุดหรอกหรือ? ทำไมกุ้งมังกรที่นี่ตัวละห้าร้อยบาทเองล่ะ?หรือแม้แต่ไข่ปลาคาเวียร์ ก็ช้อนละแปดสิบบาทเท่านั้น… กู้หยุนหลานงุนงงเล็กน้อย เธอเลิกคิ้วขึ้นพลางหันไปมองฉวีเทียนไห่ที่กำลังคุยอยู่กับหวังฟาง ภัตตาคารอาหารแห่งนี้เห็นแก่หน้าของเขาจริง ๆ หรือ? เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เธอก็นึกขึ้นมาได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นที่ชั้นล่างเมื่อครู่ เหมือนกับว่าผู้จัดการหวูเต้าเหวินจะเห็นตอนที่หลี่โม่ถูกคุณแม่ตำหนิถึงได้เปลี่ยนห้องอาหารแทนพวกเขา และอีกอย่างก่อนที่จะออกมาเมื่อกี้ หวูเต้าเหวินยังมองมาทางหลี่โม่อีกด้วยคิด ๆ ดูแล้ว เมื่อตอนก่อนที่จะเข้ามา หลี่โม่พูดไว้ว่า ไม่ต้องห่วงว่าต้องจ่ายเท่าไหร่ เดี๋ยวเขาจัดการเองหรือบางทีอาจเป็นเพราะหลี่โม่?กู้หยุนหลานเผลอเอนตัวมองหลี่โม่อย่างไม่ตั้งใจ แล
ไวน์ที่ขวดละร้อยกว่าล้าน และรอบขวดฝังด้วยเพชรอัญมณี!หนึ่งในไวน์ชั้นสูงจะให้หลี่โม่ในเวลานี้จริง ๆ เหรอ?ยอมลงทุนเอาราคาของภัตตาคารอาหารหรูออกมา เถ้าแก่ใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังกำลังพยายามอย่างมากที่จะประจบประแจงหลี่โม่! “คุณ… คุณว่าไงนะ?!”หวังฟางอึ้งไปในทันที จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน แล้วมองหวูเต้าเหวินอย่างไม่อยากเชื่อ พลางถาม “ผู้จัดการหวู คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า นี่ทำไมถึงได้เตรียมไว้สำหรับไอคนไร้ประโยชน์อย่างหลี่โม่ได้ล่ะ? เถ้าแก่ของพวกคุณคงสับสนใช่ไหม? มันชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นเทียนไห่ เทียนไห่เป็นแขกวีไอพีนะ”นี่มันเรื่องอะไรกัน?หวังฟางเหลือบไปมองหลี่โม่ ก็พบว่าเขาเองก็ยังมีสีหน้าที่เคร่งขรึมเช่นกันเวลานี้สีหน้าของหลี่โม่ไม่ดีเอามาก ๆ เขามองมาที่หวูเต้าเหวิน ผู้ชายคนนี้ ก่อนหน้านี้ไม่ได้เข้าใจความหมายของเขาเลยหรือไง?ฉวีเทียนไห่โกรธจนหน้าแดง เขายังคงยืนอยู่ตรงนั้น จะหยิบมาก็ไม่หยิบ จะนั่งก็ไม่นั่ง รู้สึกกระอักกระอ่วนเอามาก ๆเดิมที่แล้วเขาคิดไว้ว่า จะแสร้งทำเป็นเก่งต่อหน้าคนของตระกูลกู้ ตอนนี้พอเป็นแบบนี้แล้ว เขากลับกลายเป็นคนที่ขายหน้าที่สุด หลี่โม่ เพราะเจ้าหลี่โม่ท
ทันใดนั้นเอง ฉวีเทียนไห่ก็โมโหขึ้นมา และกล่าวด้วยความโกรธว่า “ผู้จัดการหวู คุณอย่าไปหลงกลไอคนชั้นต่ำนะครับ มันคือหลี่โม่ ไอ้ขยะ คนมีคุณสมบัติหรือความสามารถอะไรถึงต้องได้รับความเคารพขนาดนี้? เขาช่วยเถ้าแก่ใหญ่พวกคุณเอาไว้? แล้วช่วยอะไร? ผมไม่เชื่อ!”ฉวีเทียนไห่ทั้งหงุดหงิดและโกรธเคืองถึงขีดสุด!วันนี้ตนคิดมาอย่างดีว่า จะทำตัวเป็นผู้รู้ต่อหน้าหลี่โม่กับกู้หยุนหลาน ทำไมถึงได้ยากเย็นขนาดนี้!มันเจ็บใจนัก!กู้หยุนหลานหันหน้ามา แล้วจ้องหลี่โม่ด้วยสายตาเป็นประกายและเอ่ยถาม “เถ้าแก่ใหญ่อะไรเหรอคะ?”หลี่โม่ยิ้ม พลางกล่าว “วันนั้นคุณก็เคยเจอไม่ใช่เหรอ? ที่ทางเข้าโรงพยาบาล ตอนที่คุณอยู่กับจินช่านน่า”เมื่อได้ฟังคำอธิบาย กู้หยุนหลานก็นึกออกทันที กล่าว “อ้อ รถโรลส์-รอยซ์คันนั้น…”พูดถึงตรงนี้ กู้หยุนหลานก็ปิดปากเล็ก ๆ ของตนเองไว้ ที่แท้คุณตาคนนั้นก็คือเถ้าแก่ใหญ่ของภัตตาคารอาหารนี่เองพอเห็นสถานการณ์นี้ หวังฟางก็ร้อนรนแทบไม่ไหว จึงกล่าวถาม “หยุนหลาน ตกลงว่านี่มันเรื่องอะกัน? แกรู้เหรอ?”กู้หยุนหลานพยักหน้ายอมรับ และหันหน้ามาหาทุกคนพลางกล่าว “หนูรู้ค่ะ หลี่โม่เคยช่วยเหลือคุณตาคนนึงไว้จริง ๆ
เสียงคำรามด้วยความโกรธนี้ ทำให้แขกทั้งภัตตาคารอาหารต่างพากันตกใจและยังดึงดูดสายตาของพนักงานเสิร์ฟทั้งหมดอีกด้วยหวูเต้าเหวินรีบก้าวยาว ๆ ลงมาจากชั้นบน เพียงแค่เห็นกู้ชิงหลินพาคนมาพูดจาเย้ยหยันต่อหน้าหลี่โม่ด้วยถ้อยคำที่ต่ำช้าแบบนี้ ในใจก็นึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ!นี่เป็นถึงแขกวีไอพีของเถ้าแก่ใหญ่เชียวนะ!จะต้องให้การต้อนรับอย่างดีที่สุดคนพวกนี้ กล้าดียังไงมาทำแบบนี้?!“ผู้… ผู้จัดการหวู” พนักงานเสิร์ฟสองสามคนรีบวิ่งไปยืนด้านข้างอย่างเคารพยำเกรงหวูเต้าเหวินก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เย็นชา และใช้สายตามองกู้ชิงหลินตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเหยียดหยาม แล้วหมุนตัวกลับมากล่าวกับหลี่โม่อย่างนอบน้อม “คุณหลี่ครับ คุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”คุณหลี่?การที่หวูเต้าเหวินปฏิบัติต่อหลี่โม่อย่างนอบน้อมแบบนี้ ทำให้ภายในห้องโถงต่างพากันตื่นตระหนกไม่น้อย!กู้ชิงหลินเวลานี้ราวกับแมวพองขน ใบหน้าของเธอไม่มีความมั่นใจหลงเหลืออยู่มันเนี่ยนะ คุณหลี่งั้นเหรอ?เล่นตลกอะไรกัน!“นี่ แกเป็นใครฮะ ฉันจะคุยกับลูกเขยขยะ ๆ ของตระกูลกู้ของฉันแบบนี้มันจะทำไม? แกกล้าดียังไงที่อยู่ ๆ มาด่าฉันแบบนี้?”อารมณ์ของคุณหนูกู้
พูดจบ เธอก็เชิดหน้าด้วยสีหน้าที่เย้ยหยัน เหลือบมองหวูเต้าเหวินเล็กน้อย แล้วยกมือขึ้นมาผลักเขาออกเบา ๆ จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าหลี่โม่และต่อว่าด้วยท่าทีอวดดี “หลี่โม่ ตกลงว่านายนับว่าเป็นตัวอะไรกันแน่? นายมีคุณสมบัติอะไรถึงโผล่หัวมาอยู่ต่อหน้าฉัน? ฉันสั่งให้นายคุกเข่าขอโทษฉันเดี๋ยวนี้ เพื่อชดเชยสิ่งที่เธอทำไปเมื่อกี้! ไม่งั้น นายได้เห็นดีแน่ กู้หยุนหลานก็จะพลอยซวยไปกับนายด้วย!”การกล่าวโดยใช้อำนาจข่มขู่ของกู้ชิงหลินนั้น เธอเคยใช้วิธีแบบนี้มาครั้งแล้วครั้งเล่าทุกครั้งที่เธอเจอเรื่องหงุดหงิดใจ ก็จะมาลงกับหลี่โม่ตลอดและทุกครั้งก็จะเป็นคำพูดข่มขู่เช่นนี้เหมือนเคยแต่วันนี้ เห็นได้ชัดว่ามันไม่เหมือนเช่นเคยหลี่โม่กำหมัดแน่น นัยน์ตาสงบนิ่งที่แฝงไปด้วยความเยือกเย็น ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวพลางถอนหายใจกล่าว “เพราะท่าทางของฉันเพียงอย่างเดียว ถึงกับต้องขอโทษเธอเลยเหรอ?”“ก็ใช่น่ะสิ! ขยะอย่างนาย ไม่มีสิทธิ์มาเงยหน้ามองตาฉัน และยิ่งไปกว่านั้น นายไม่มีสิทธิ์มาทำกิริยาท่าทางกับฉันแบบนี้!”กู้ชิงหลินง้างมือขึ้นมา แล้วเหวี่ยงฝ่ามือไปทางหน้าของหลี่โม่!เพียะ!เสียงฝ่ามือที่ดังชัดเจน กึกก้องไปทั่