ไวน์ที่ขวดละร้อยกว่าล้าน และรอบขวดฝังด้วยเพชรอัญมณี!หนึ่งในไวน์ชั้นสูงจะให้หลี่โม่ในเวลานี้จริง ๆ เหรอ?ยอมลงทุนเอาราคาของภัตตาคารอาหารหรูออกมา เถ้าแก่ใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังกำลังพยายามอย่างมากที่จะประจบประแจงหลี่โม่! “คุณ… คุณว่าไงนะ?!”หวังฟางอึ้งไปในทันที จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน แล้วมองหวูเต้าเหวินอย่างไม่อยากเชื่อ พลางถาม “ผู้จัดการหวู คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า นี่ทำไมถึงได้เตรียมไว้สำหรับไอคนไร้ประโยชน์อย่างหลี่โม่ได้ล่ะ? เถ้าแก่ของพวกคุณคงสับสนใช่ไหม? มันชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นเทียนไห่ เทียนไห่เป็นแขกวีไอพีนะ”นี่มันเรื่องอะไรกัน?หวังฟางเหลือบไปมองหลี่โม่ ก็พบว่าเขาเองก็ยังมีสีหน้าที่เคร่งขรึมเช่นกันเวลานี้สีหน้าของหลี่โม่ไม่ดีเอามาก ๆ เขามองมาที่หวูเต้าเหวิน ผู้ชายคนนี้ ก่อนหน้านี้ไม่ได้เข้าใจความหมายของเขาเลยหรือไง?ฉวีเทียนไห่โกรธจนหน้าแดง เขายังคงยืนอยู่ตรงนั้น จะหยิบมาก็ไม่หยิบ จะนั่งก็ไม่นั่ง รู้สึกกระอักกระอ่วนเอามาก ๆเดิมที่แล้วเขาคิดไว้ว่า จะแสร้งทำเป็นเก่งต่อหน้าคนของตระกูลกู้ ตอนนี้พอเป็นแบบนี้แล้ว เขากลับกลายเป็นคนที่ขายหน้าที่สุด หลี่โม่ เพราะเจ้าหลี่โม่ท
ทันใดนั้นเอง ฉวีเทียนไห่ก็โมโหขึ้นมา และกล่าวด้วยความโกรธว่า “ผู้จัดการหวู คุณอย่าไปหลงกลไอคนชั้นต่ำนะครับ มันคือหลี่โม่ ไอ้ขยะ คนมีคุณสมบัติหรือความสามารถอะไรถึงต้องได้รับความเคารพขนาดนี้? เขาช่วยเถ้าแก่ใหญ่พวกคุณเอาไว้? แล้วช่วยอะไร? ผมไม่เชื่อ!”ฉวีเทียนไห่ทั้งหงุดหงิดและโกรธเคืองถึงขีดสุด!วันนี้ตนคิดมาอย่างดีว่า จะทำตัวเป็นผู้รู้ต่อหน้าหลี่โม่กับกู้หยุนหลาน ทำไมถึงได้ยากเย็นขนาดนี้!มันเจ็บใจนัก!กู้หยุนหลานหันหน้ามา แล้วจ้องหลี่โม่ด้วยสายตาเป็นประกายและเอ่ยถาม “เถ้าแก่ใหญ่อะไรเหรอคะ?”หลี่โม่ยิ้ม พลางกล่าว “วันนั้นคุณก็เคยเจอไม่ใช่เหรอ? ที่ทางเข้าโรงพยาบาล ตอนที่คุณอยู่กับจินช่านน่า”เมื่อได้ฟังคำอธิบาย กู้หยุนหลานก็นึกออกทันที กล่าว “อ้อ รถโรลส์-รอยซ์คันนั้น…”พูดถึงตรงนี้ กู้หยุนหลานก็ปิดปากเล็ก ๆ ของตนเองไว้ ที่แท้คุณตาคนนั้นก็คือเถ้าแก่ใหญ่ของภัตตาคารอาหารนี่เองพอเห็นสถานการณ์นี้ หวังฟางก็ร้อนรนแทบไม่ไหว จึงกล่าวถาม “หยุนหลาน ตกลงว่านี่มันเรื่องอะกัน? แกรู้เหรอ?”กู้หยุนหลานพยักหน้ายอมรับ และหันหน้ามาหาทุกคนพลางกล่าว “หนูรู้ค่ะ หลี่โม่เคยช่วยเหลือคุณตาคนนึงไว้จริง ๆ
เสียงคำรามด้วยความโกรธนี้ ทำให้แขกทั้งภัตตาคารอาหารต่างพากันตกใจและยังดึงดูดสายตาของพนักงานเสิร์ฟทั้งหมดอีกด้วยหวูเต้าเหวินรีบก้าวยาว ๆ ลงมาจากชั้นบน เพียงแค่เห็นกู้ชิงหลินพาคนมาพูดจาเย้ยหยันต่อหน้าหลี่โม่ด้วยถ้อยคำที่ต่ำช้าแบบนี้ ในใจก็นึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ!นี่เป็นถึงแขกวีไอพีของเถ้าแก่ใหญ่เชียวนะ!จะต้องให้การต้อนรับอย่างดีที่สุดคนพวกนี้ กล้าดียังไงมาทำแบบนี้?!“ผู้… ผู้จัดการหวู” พนักงานเสิร์ฟสองสามคนรีบวิ่งไปยืนด้านข้างอย่างเคารพยำเกรงหวูเต้าเหวินก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เย็นชา และใช้สายตามองกู้ชิงหลินตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเหยียดหยาม แล้วหมุนตัวกลับมากล่าวกับหลี่โม่อย่างนอบน้อม “คุณหลี่ครับ คุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”คุณหลี่?การที่หวูเต้าเหวินปฏิบัติต่อหลี่โม่อย่างนอบน้อมแบบนี้ ทำให้ภายในห้องโถงต่างพากันตื่นตระหนกไม่น้อย!กู้ชิงหลินเวลานี้ราวกับแมวพองขน ใบหน้าของเธอไม่มีความมั่นใจหลงเหลืออยู่มันเนี่ยนะ คุณหลี่งั้นเหรอ?เล่นตลกอะไรกัน!“นี่ แกเป็นใครฮะ ฉันจะคุยกับลูกเขยขยะ ๆ ของตระกูลกู้ของฉันแบบนี้มันจะทำไม? แกกล้าดียังไงที่อยู่ ๆ มาด่าฉันแบบนี้?”อารมณ์ของคุณหนูกู้
พูดจบ เธอก็เชิดหน้าด้วยสีหน้าที่เย้ยหยัน เหลือบมองหวูเต้าเหวินเล็กน้อย แล้วยกมือขึ้นมาผลักเขาออกเบา ๆ จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าหลี่โม่และต่อว่าด้วยท่าทีอวดดี “หลี่โม่ ตกลงว่านายนับว่าเป็นตัวอะไรกันแน่? นายมีคุณสมบัติอะไรถึงโผล่หัวมาอยู่ต่อหน้าฉัน? ฉันสั่งให้นายคุกเข่าขอโทษฉันเดี๋ยวนี้ เพื่อชดเชยสิ่งที่เธอทำไปเมื่อกี้! ไม่งั้น นายได้เห็นดีแน่ กู้หยุนหลานก็จะพลอยซวยไปกับนายด้วย!”การกล่าวโดยใช้อำนาจข่มขู่ของกู้ชิงหลินนั้น เธอเคยใช้วิธีแบบนี้มาครั้งแล้วครั้งเล่าทุกครั้งที่เธอเจอเรื่องหงุดหงิดใจ ก็จะมาลงกับหลี่โม่ตลอดและทุกครั้งก็จะเป็นคำพูดข่มขู่เช่นนี้เหมือนเคยแต่วันนี้ เห็นได้ชัดว่ามันไม่เหมือนเช่นเคยหลี่โม่กำหมัดแน่น นัยน์ตาสงบนิ่งที่แฝงไปด้วยความเยือกเย็น ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวพลางถอนหายใจกล่าว “เพราะท่าทางของฉันเพียงอย่างเดียว ถึงกับต้องขอโทษเธอเลยเหรอ?”“ก็ใช่น่ะสิ! ขยะอย่างนาย ไม่มีสิทธิ์มาเงยหน้ามองตาฉัน และยิ่งไปกว่านั้น นายไม่มีสิทธิ์มาทำกิริยาท่าทางกับฉันแบบนี้!”กู้ชิงหลินง้างมือขึ้นมา แล้วเหวี่ยงฝ่ามือไปทางหน้าของหลี่โม่!เพียะ!เสียงฝ่ามือที่ดังชัดเจน กึกก้องไปทั่
บรรยากาศแปลก ๆ กู้หยุนหลานมองหลี่โม่ด้วยดวงตาที่เป็นประกายหลี่โม่ละสายตา เขาก็หัวเราะออกมา ปูที่นอนกับพื้น แล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรหรอก รีบเข้านอนเถอะ พรุ่งนี้คุณปู่กับกู้ซิ่งเหว่ยน่าจะทำให้คุณตกที่นั่งลำบากอีกตามเคย”กู้หยุนหลานดูเหมือนจะไม่ยอมแพ้ จึงถามว่า “คุณไม่อยากบอกฉันจริง ๆ เหรอ?”หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หลี่โม่ก็หันหน้าไปมองกู้หยุนหลานด้วยรอยยิ้ม “ก็มันไม่มีอะไรจริง ๆ ไงล่ะ”กู้หยุนหลานพยักหน้าและนอนลงข้าง ๆพรึบไฟดับภายในห้องมีเพียงคนสองคนกำลังหายใจเข้าออกแต่ในเวลานี้ทั้งกู้หยุนหลานและหลี่โม่ก็ยังนอนไม่หลับ พวกเขากำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่างในใจ“ฉันขอโทษนะ หลี่โม่ ที่ร้านอาหาร แม่ของฉันอารมณ์เสีย และยังไปตบคุณน่ะ ฉันขอโทษแทนแม่ด้วย”ในความมืดมิด เสียงที่เปล่งออกมาคือ เสียงที่นุ่มนวลของกู้หยุนหลานนั่นเอง“อื้ม” หลี่โม่ตอบรับเบา ๆ พร้อมหันหน้าไปทางกู้หยุนหลานที่นอนหลังให้เขาอยู่ ท่าทางที่สง่างามนั้น พอมาอยู่ภายใต้แสงจันทร์แบบนี้ ดูมีเสน่ห์มาก เขาตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้มาสี่ปีแล้ว“หลายปีที่ผ่านมา เพราะผมแท้ ๆ คุณเลยต้องลำบากมาตลอด” หลี่โม่พึมพำกู้หยุนหลานไม่ได้พูดอ
กู้ซิ่งเหว่ยหันกลับมาดูอารมณ์ของกู้ชิงหลินแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? กู้หยุนหลานไปยั่วโมโหอะไรเธอเหรอ?”“ไม่ใช่หล่อน แต่เป็นไอ้สารเลวหลี่โม่!”กู้ชิงหลินนั่งกอดอกบนโซฟา ใบหน้าของเธอดูโกรธแค้นมากทีเดียว เธอพูดว่า “เมื่อคืนนี้ ฉันไปทานอาหารเย็นที่ภัตตาคารกวานเหรินถัง และบังเอิญไปเจอไอ้ขยะหลี่โม่ เพราะมันแท้ ๆ ที่มาต่อว่าฉัน ผู้จัดการของภัตตาคารกวานเหรินถัง หวูเต้าเหวิน เลยตบฉันต่อหน้าคนมากมาย ฉันต้องเอาคืนความแค้นนี้ให้ได้!”“ภัตตาคารอาหารหรูเหรอ คนจนอย่างมันจะไปที่นั่นได้ยังไง?”กู้ซิ่งเหว่ยประหลาดใจและถามว่า “เธอบอกว่าหวูเต้าเหวิน มาจัดการเธอ เพราะไอ้หลี่โม่นั่นเนี่ยนะ? เป็นไปไม่ได้หรอก หวูเต้าเหวินเป็นหนึ่งในมาเฟียใต้ดินของเมืองฮั่น เขาจะมาตบเธอ เพราะไอ้หลี่ขยะนั่นได้ยังไง แถมเธอก็เป็นหลานสาวคนที่สามของตระกูลกู้ ฉันว่า มันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย”กู้ซิ่งเหว่ยได้รับเกียรติให้ติดตามปู่ของเขาไปที่ภัตตาคารอาหารหรูหนึ่งครั้ง เขาจึงได้รู้จักหวูเต้าเหวินกู้ชิงหลินรู้สึกโกรธมากเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ และเธอก็พูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนั้นหลานของตระกูลกู้หลายคนพูดอย่างโกรธ
หา!ทันใดนั้น เสียงการสนทนาวุ่นวายก็ดังขึ้น!ทุกคนจ้องไปที่สัญญาในมือของกู้หยุนหลานด้วยสายตาที่แตกต่างกันไปสีหน้าของกู้ซิ่งเหว่ยซีดลง เขาชี้ไปที่กู้หยุนหลานทันทีและตะโกนว่า “เธอกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน! เธอได้รับสัญญาใหม่ได้ยังไง ในมือของเธอต้องเป็นของปลอมแน่ ๆ !”กู้หยุนหลานหันหน้าไปมองกู้ซิ่งเหว่ยอย่างเฉยเมย และพูดว่า “จะปลอมหรือไม่ เคยเห็นเหรอ ถึงรู้น่ะ?”“เอามาสิ ฉันขอดูหน่อย”คุณท่านกู้พูดขึ้น ดวงตาของเขาดูสับสนปนตื่นเต้นเล็กน้อยสิ่งที่เขางงงวยคือ ทำไมกู้หยุนหลานถึงสามารถทำสัญญากับหรงคังกรุ๊ปได้ในเวลาอันสั้นขนาดนี้เขารู้สึกตื่นเต้น หากเป็นสัญญาใหม่ อนาคตของบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมก็คงพอมีหวังขึ้นมาบ้าง!กู้หยุนหลานยื่นสัญญาให้คุณท่านกู้ด้วยความเคารพ เขารับมันมาดูและพลิกเปิดอ่านอย่างระมัดระวัง ใบหน้าของเขามีความสุขขึ้นเรื่อย ๆ เขายิ้มและพูดว่า “ดี! ดี! ดี นี่สิสัญญาใหม่! หยุนหลาน ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักของเธอ เธอคือหลานสาวที่ดีของปู่จริง ๆ !”ตอนนี้คุณท่านกู้มีความสุขมาก หลังจากได้สัญญาใหม่ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องผลกำไรของบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมในปีหน้าแล้วบางทีก็อา
ในไม่ช้า คุณท่านกู้ก็กดโทรศัพท์ต่อสายตรงไปยังหรงคังกรุ๊ป พร้อมกับยิ้มออกมา “ฮัลโหล สวัสดีครับ ใช่ประธานหรงปินหรือเปล่าครับ? โอ้ สวัสดีครับ สวัสดี ผมเป็นประธานของบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรม และก็เป็นหัวหน้าของตระกูลกู้ด้วยครับ ผมชื่อกู้หงไท่ เราเคยพบกันที่งานเลี้ยงอาหารค่ำกลางปีของตระกูลกู้ครั้งล่าสุดด้วยครับ”“อ่า ฮ่าฮ่า คุณกู้นี่เอง มีอะไรให้ช่วยหรือครับ?” ขณะที่ปลายสายโทรศัพท์ หรงปินเหลือบมองไปยังหลี่โม่ ซึ่งกำลังนั่งดื่มชาอยู่บนโซฟา และถามด้วยรอยยิ้ม“คืออย่างนี้ครับ ท่านประธานหรง เราได้รับสัญญาฉบับใหม่ของบริษัทนี่น่านับถือของคุณ ผมเพียงต้องการยืนยันความถูกต้องน่ะครับ” คุณท่านกู้กล่าวด้วยคำพูดที่ประจบสอพลอ“สัญญานั้นเป็นของจริงครับคุณกู้ มีอะไรอีกไหมครับ?” หรงปินถามเชิงวาทศิลป์ชายชราตื่นตระหนก เขารีบพูดอย่างตื่นเต้น “ไม่มีอะไรแล้วครับ ไม่มีอะไรแล้ว ขอขอบคุณบริษัทที่น่านับถือของคุณที่ยอมร่วมมือกับบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมของเรานะครับ สำหรับความร่วมมือนี้ เราจะทุ่มความพยายามแบบสองร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างแน่นอน…”หลังจากพูดไปสองสามคำ คุณท่านกู้ก็รอให้อีกฝ่ายวางสายไปก่อนฉากนี้ทำให้ทุกคนใน