ในไม่ช้า คุณท่านกู้ก็กดโทรศัพท์ต่อสายตรงไปยังหรงคังกรุ๊ป พร้อมกับยิ้มออกมา “ฮัลโหล สวัสดีครับ ใช่ประธานหรงปินหรือเปล่าครับ? โอ้ สวัสดีครับ สวัสดี ผมเป็นประธานของบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรม และก็เป็นหัวหน้าของตระกูลกู้ด้วยครับ ผมชื่อกู้หงไท่ เราเคยพบกันที่งานเลี้ยงอาหารค่ำกลางปีของตระกูลกู้ครั้งล่าสุดด้วยครับ”“อ่า ฮ่าฮ่า คุณกู้นี่เอง มีอะไรให้ช่วยหรือครับ?” ขณะที่ปลายสายโทรศัพท์ หรงปินเหลือบมองไปยังหลี่โม่ ซึ่งกำลังนั่งดื่มชาอยู่บนโซฟา และถามด้วยรอยยิ้ม“คืออย่างนี้ครับ ท่านประธานหรง เราได้รับสัญญาฉบับใหม่ของบริษัทนี่น่านับถือของคุณ ผมเพียงต้องการยืนยันความถูกต้องน่ะครับ” คุณท่านกู้กล่าวด้วยคำพูดที่ประจบสอพลอ“สัญญานั้นเป็นของจริงครับคุณกู้ มีอะไรอีกไหมครับ?” หรงปินถามเชิงวาทศิลป์ชายชราตื่นตระหนก เขารีบพูดอย่างตื่นเต้น “ไม่มีอะไรแล้วครับ ไม่มีอะไรแล้ว ขอขอบคุณบริษัทที่น่านับถือของคุณที่ยอมร่วมมือกับบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมของเรานะครับ สำหรับความร่วมมือนี้ เราจะทุ่มความพยายามแบบสองร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างแน่นอน…”หลังจากพูดไปสองสามคำ คุณท่านกู้ก็รอให้อีกฝ่ายวางสายไปก่อนฉากนี้ทำให้ทุกคนใน
“กู้หยุนหลาน เธอพูดบ้าอะไรอยู่? ไม่เห็นด้วยเหรอ? เหอะ ๆ นี่ปู่เป็นคนสั่งให้ฉันเป็นคนรับผิดชอบ ถึงเธอจะไม่ตกลง ก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก!”กู้ซิ่งเหว่ยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าดวงตาของเขาจะหยิ่งผยองแค่ไหนกู้หยุนหลานยังคงกัดฟันสู้ต่อ ฝันกลางวันไปเถอะ!กู้ซิ่งเหว่ย เขาเป็นหลานชายคนโตของตระกูลกู้ และอนาคตก็ต้องเป็นหัวหน้าตระกูลกู้อีกระบบชายเป็นใหญ่ของคุณท่านกู้เป็นแบบนี้มานานแล้ว เพราะในใจของเขา กู้ซิ่งเหว่ยเท่านั้นที่จะได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้สืบทอดต่อ ในที่สุดบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมก็ต้องถูกส่งมอบให้กู้ซิ่งเหว่ยสัญญาของหรงคังกรุ๊ป นับเป็นจุดเริ่มต้นในการทดสอบกู้ซิ่งเหว่ย และทำให้เขาได้สะสมประสบการณ์มากขึ้นคุณท่านกู้วางแผนเรื่องนี้เอาไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงตั้งใจอย่างแน่วแน่ตอนนี้ เมื่อได้ยินกู้หยุนหลานไม่ยอม คุณท่านกู้จึงหันมามองกู้หยุนหลานด้วยสายตาที่เย็นชาและตะคอกว่า “อวดดี! ตกลงแก หรือฉันกันแน่ที่เป็นผู้รับผิดชอบบริษัทนี้? นับวันยิ่งเข้าใจอะไรยากนักนะ นี่แกไปเรียนรู้จากไอ้หลี่โม่มาหรือไง?!”ในสายตาของคุณท่านกู้ กู้หยุนหลานเป็นหลานสาวสุดที่รักของเขา เธอมีความสามา
เวลานี้ โทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะหน้ากู้หยุนหลานก็สั่น เธอหยิบมันขึ้นมาดูและเห็นว่าเป็นข้อความจากหลี่โม่: ข้อตกลงในสัญญานั้น นอกจากคุณแล้ว หากคนอื่นมาลงชื่อจะถือเป็นโมฆะทันที หยุนหลาน สู้ ๆ อย่าท้อนะ อย่ายอมแพ้กู้ซิ่งเหว่ยและคุณปู่นะ คุณทำได้!เมื่อเห็นข้อความนี้ กู้หยุนหลานก็กัดฟันอย่างแน่วแน่ แล้วเงยหน้าขึ้นทันทีเธอไม่รู้ว่าความกล้านี้มาจากไหน เธอตะโกนว่า “คุณปู่คะ ลองดูสัญญาฉบับใหม่นี้ให้ดีก่อนนะคะ มีข้อตกลงระบุไว้ ใครก็ตามที่ไม่ใช่ฉันมาเซ็นสัญญานี้ สัญญาจะถูกยกเลิกทันที และตระกูลกู้ก็จะสูญเสียความร่วมมือกับกลุ่มหรงคังไปด้วย!”หือทุกคนในห้องประชุมตกตะลึง และมองกู้หยุนหลานอย่างไม่เชื่อสายตาใบหน้าของคุณท่านกู้สั่นทันที จากนั้นเขาจึงรีบส่งสัญญาณให้กู้ซิ่งเหว่ยเปิดข้อตกลงและอ่านดูอีกครั้งกู้ซิ่งเหว่ยก็กังวลเช่นกัน เขารีบดูอย่างรวดเร็ว และเห็นว่ามีข้อตกลงส่วนที่ว่านั่น เขาตะโกนว่า “คุณปู่ครับ ดูสิ นี่ต้องเป็นเงื่อนไขเพิ่มเติมที่กู้หยุนหลานเสนอไปแน่ ๆ ! เธอต้องการทำคนเดียว เธอไม่ได้เห็นคุณปู่และบริษัทในสายตาเลย บทบาทของเธอในตระกูลกู้และบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมคืออะไรกันแน่ เป็นกระดาน
เมื่อกู้ซิ่งเหว่ยได้ยินกู้หยุนหลานพูดแบบนี้ เขาก็โกรธขึ้นมาทันที พร้อมลุกขึ้นชี้ไปที่เธอ และตะโกนว่า “เธอพล่ามอะไร จะให้ฉันขอโทษเธอกับไอ้ขยะหลี่โม่นั่น เธอบ้าไปแล้วเหรอ?!”กู้ซิ่งเหว่ยแทบจะคลั่งด้วยความโกรธ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวจากนั้นเขาก็หันไปหาชายชราที่แสดงสีหน้าเย็นชา พร้อมกับพูดว่า “คุณปู่ครับ ฟังสิ่งที่เธอพูดสิครับ กู้หยุนหลานพูดอะไร? อยากจะให้ผมขอโทษไม่พอ ยังกล้ามาบอกให้คุณปู่ขอโทษอีก นี่เธอกำลังทำอะไรอยู่? ไม่มีใครยอมรับเธอแต่เธอก็ยังทะเยอทะยานขนาดนี้ คุณปู่ครับ คุณปู่จะปล่อยเรื่องนี้ไปไม่ได้นะครับ”ยัยตัวดีกู้หยุนหลาน เธอพล่ามเพ้อเจ้อไร้สาระอะไรของเธอเธอกล้าพูดแบบนั้นได้ แสดงว่าเธอไม่เคารพนับถือคุณท่านกู้แล้วเธอคิดว่าคุณท่านกู้เป็นใครกัน?เป็นคนที่สามารถขอโทษเธอได้ง่าย ๆ หรือไงกัน?“คุณปู่คะ ฉันคิดว่ากู้ซิ่งเหว่ยพูดถูก กู้หยุนหลานไม่สนกฎเกณฑ์มากขึ้นเรื่อย ๆ เธอไม่นับถือคุณปู่เลย แถมยังต้องการให้คุณปู่ขอโทษไอ้หลี่โม่นั่นอีก ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไป ตระกูลกู้ของเราจะตั้งหลักอยู่ในเมองฮั่นต่อไปได้ยังไงกันคะ?”กู้ชิงหลินพูดตามน้ำ คิ้วของเธอเลิกขึ้น ใบหน้าของเธอไม่พอใจเป็นอ
การตบกู้หยุนหลานคราวนี้ช่างแสนเจ็บปวด จนมีรอยแดงบนแก้มเลยทีเดียวเธอกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ พลันมองชายชราอย่างดื้อรั้น แล้วพูดว่า “คุณปู่จะไม่ขอโทษในสิ่งที่คุณปู่ทำผิดจริง ๆ ใช่ไหมคะ?”คุณท่านกู้ตัวโกรธจนตัวสั่น นิ้วชี้ไปที่กู้หยุนหลานและตำหนิ “นังเนรคุณ แกยังจะกล้าต่อล้อต่อเถียงฉันอีกเหรอ? ฉันจะตีแกให้ตาย!” หลังจากพูดอย่างนั้น คุณท่านกู้ก็ยกไม้เท้าในมือ ตั้งใจจะตีกู้หยุนหลานอย่างไรก็ตาม หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ชายชราก็เอาไม้เท้าลง พร้อมขมวดคิ้ว และดุเสียงแข็ง “สัญญาของหรงคังกรุ๊ป แกอยากรับเอาไว้ ก็รับไว้เองเถอะ เพราะฉันไม่เชื่อหรอกว่า บริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมจะอยู่รอดไม่ได้ถ้าไม่มีหรงคังกรุ๊ป!”หลังจากพูดแบบนี้ คุณท่านกู้ก็ออกจากห้องประชุมไปพร้อมกับลูกน้องกู้ซิ่งเหว่ย กู้ชิงหลิน และพวกหลาน ๆ ที่อยู่ข้างหน้าพูดกับกู้หยุนหลานว่า “กู้หยุนหลาน เธอกล้าจริง ๆ ที่ต้องการให้คุณปู่ขอโทษน่ะ หลี่โม่สอนเธอมาหรือไงนะ? เหอะ ๆ โง่จริง!”“ใช่แล้ว กู้หยุนหลาน อย่าคิดว่ามีแค่เธอเท่านั้นนะ ที่จะสามารถรับผิดชอบความร่วมมือของหรงคังกรุ๊ปได้ แถมยังมาขู่บริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมของเราอีก เธอคงได้ยินที่
หลี่โม่หันศีรษะ พร้อมพยักหน้าอย่างจริงจัง และกล่าวว่า “ใช่ อีกไม่นานหรอก”เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ หวังฟางก็มองไปที่หลี่โม่ด้วยความรังเกียจ และถามด้วยน้ำเสียงดุว่า “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับแก? เรื่องวันนี้ในที่ประชุม เป็นเพราะแกยุยงกู้หยุนหลานใช่ไหม?”เมื่อคิดถึงตรงนี้ หวังฟางก็มองไปที่กู้หยุนหลานอย่างกังวลใจ และถามว่า “กู้หยุนหลาน บอกความจริงกับแม่สิ หลี่โม่เป็นคนสั่งให้ทำแบบนี้ใช่ไหม? แค่แกพูดออกมา เราจะได้แก้ปัญหาได้ทัน แค่ขอโทษคุณปู่ก็โอเคแล้ว”“แม่คะ พอแล้ว อย่าเพิ่งกวนหนูเลยนะ ตอนนี้หนูสับสนมาก แม่ให้หนูสงบสติอารมณ์ก่อนได้ไหม?” กู้หยุนหลานพูดอย่างไม่พอใจ“ตอนนี้มันใช่เวลาให้แกมาสงบสติอารมณ์เหรอ? ดูท่าแกคงโดนไอ้ไร้ประโยชน์นี่มันทำของใส่ แกจะเชื่อสิ่งที่มันพูดใช่ไหม? กู้หยุนหลาน แม่คิดว่าแกบ้าไปแล้ว!” หวังฟางชี้ไปที่กู้หยุนหลานอย่างโมโห พร้อมกับตบหน้าลูกสาวของเธอไปหนึ่งทีเธอจะต้องเสียใจไปจนตาย ที่แต่งงานกับไอ้คนไร้ประโยชน์นี่ในเมื่อทุกอย่างเป็นแบบนี้ ครอบครัวนี้ก็คงจะจบเห่แล้วล่ะด้วยการตบนี้ ทำให้กู้หยุนหลานตะลึง น้ำตาในดวงตาของเธอไหลนอง สีหน้าของหลี่โม่เยือกเย็นทันใด เขารี
เธอรู้ว่า จากสถานการณ์ตอนนี้ สัญญากับหรงคังกรุ๊ปต้องแฝงอะไรสักอย่างเมื่อพันธมิตรเหล่านี้ถอนตัวจากบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมแล้ว บริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมจะเผชิญกับสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของการไม่มีคำสั่งซื้อ และการขนส่งสินค้าใด ๆ กำไรลดลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็จะเกิดการเลิกจ้าง และล้มละลายในที่สุด...ในเวลานั้น ความร่วมมือของหรงคังกรุ๊ปจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่สามารถช่วยบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมเอาไว้ได้!นี่คือสิ่งที่หลี่โม่พูด คุณปู่และพวกเขาจะมาขอร้องเรื่องข้อเสนอกับเธออย่างนั้นเหรอ?“รอไปก่อน”หลี่โม่ยืนพิงประตูและพูดคำนี้เบา ๆกู้หยุนหลานก็เงยหน้าขึ้นมองหลี่โม่ ตอนนี้เธอรู้สึกว่า เธอมองเขาไม่ทะลุปรุโปร่งเลยเสียทีเดียวหลี่โม่เหมือนเป็นคนละคน เขาทั้งมีความคิดลึกซึ้ง และแถมฉลาดเป็นกรดอีกด้วย“หลี่โม่ คุณกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่ คุณเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องพวกนี้งั้นเหรอ?”กู้หยุนหลานถามทันทีหลี่โม่ยิ้ม เขาเอามือเกาหัวและพูดว่า “ก็คุณเป็นภรรยาของผม ผมก็ควรใส่ใจเรื่องประจำวันของคุณน่ะสิ เพราะผมก็ยังคงพึ่งพาคุณ ก็เลยต้องใส่ใจเรื่องการงานและการเงินภรรยาเสมอไงล่ะ”คำพูดนี้ตรงไปตรงมาท
เสียงนี้ทำให้หลี่โม่ตื่นตระหนก เขารีบวางโทรศัพท์แล้วยิ้ม "ไม่มีอะไร เรื่องไปงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ร้าน ผมคิดว่าไว้แล้วว่าจะไม่ไป"เมื่อกู้หยุนหลานได้ยินแบบนั้น เธอถามทันทีด้วยสีหน้าไม่พอใจ "ทำไมถึงไม่ยอมไป? กลัวโดนหัวเราะเยาะเหรอ? หรือคุณไม่มีเงินจ่าย บอกมาว่าต้องใช้เท่าไหร่"เมื่อวานนี้หลี่โม่โกหกอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขาครุ่นคิดแล้วก็พูดว่า "ห้าพันบาท"จากนั้น เขาก็เห็นกู้หยุนหลานเดินกลับไปหยิบกระเป๋าที่โซฟา เธอหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา แล้วหยิบธนบัตรออกมาหลายใบเธอก็เดินมาหาหลี่โม่ มือเล็ก ๆ ของเธอที่ถือธนบัตรอยู่นั้นยื่นให้หลี่โม่ แล้วพูดว่า "นี่เงินหนึ่งหมื่นบาทค่ะ คุณเอาไปจ่ายค่างานเลี้ยงอาหารค่ำแล้วกันนะ"หลี่โม่ตกตะลึง เขาไม่ได้หวังว่ากู้หยุนหลานจะให้เงินเขามากมายขนาดนี้ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และถามว่า "ทำไมคุณถึงให้เงินผมมากขนาดนี้ล่ะ?"กู้หยุนหลานขมวดคิ้วทำหน้ามุ่ย แสร้งทำเป็นโกรธ และพูดว่า "ฉันไม่อยากให้คุณทำให้ฉันขายหน้า สามีของกู้หยุนหลานสู้คนอื่นไม่ได้ ถึงแม้ว่าฉันจะมีไม่มาก แต่ฉันก็ยังพอมี"หมับหลังพูดจบ กู้หยุนหลานก็เอาเงินยัดใส่ในมือของหลี่โม่แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงตำหนิ