"ต้องใช่แน่ ๆ ครับ!"กู้เจี้ยนกั๋วพยักหน้า และพูดว่า "พ่อครับ พ่อลองคิดดูสิครับ ในที่ประชุมวันนี้ กู้หยุนหลานต่อต้านพ่อมาก นี่มันผิดปกติ ในความคิดของผม ครั้งนี้จะต้องมีคนคอยยุยงให้กู้หยุนหลานทำแบบนั้น ต้องเป็นแบบนั้นแน่ ๆ ครับ”คุณท่านกู้ทำเสียงโกรธ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความจริงจังเรื่องบางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องพูดทั้งหมด เพราะมันสามารถเดาได้จากคำพูดเพียงไม่กี่คำเห็นได้ชัดว่าคุณท่านกู้ก็เป็นคนแบบนั้น และเขาเดาได้จากคำพูดสองสามประโยคที่กู้เจี้ยนกั๋วพูดได้หึ!คุณท่านกู้พ่นลมหายใจอย่างเย็นชา และตะโกนว่า “หลี่โม่!”เพราะในที่ประชุม กู้หยุนหลานได้ขอให้พวกเขาขอโทษหลี่โม่ไม่มีทางหลี่โม่เป็นแค่ขยะ เรื่องอะไรที่พวกเขาจะต้องไปขอโทษมัน?ไม่จำเป็นเลย!มันคงเป็นไปได้แค่อย่างเดียว หลี่โม่ต้องอยู่เบื้องหลังแน่เมื่อได้ยินชื่อนี้จากปากคุณท่านกู้ กู้ซิ่งเหว่ยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และเขาก็พูดยุยงให้เกิดการหย่า "คุณปู่ครับ หลี่โม่คนนี้ เราจะต้องระวังเขาไว้ คราวที่แล้วมันกล้าต่อต้านคุณปู่ เห็นได้ชัดว่า ไอ้ขยะนี่มันมีแผนซ่อนอยู่! ถ้าเราไม่ระวัง บางทีวันหนึ่ง บริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมอาจจะต
อะไรนะ?โรงงานผลิตยาเทียนเชิง ขอตัดความร่วมมือกับบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรม?คุณท่านกู้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? เราต่างก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันนี่ ทำไมจู่ ๆ เขาถึงขอตัดความร่วมมือกับเราล่ะ?”แม่บ้านรีบพูดว่า “ดิฉันถามแล้วค่ะคุณท่าน พวกเขาอธิบายว่า ไม่นานมานี้โรงงานของพวกเขาไม่ได้กำไรเลย พวกเขาจึงจำเป็นต้องลดพนักงานจำนวนมาก และพวกเขาก็ต้องขอตัดความร่วมมือกับบริษัทยาหลายแห่ง บริษัทของเราก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ”เมื่อได้ยินแบบนั้น ทุกคนในตระกูลกู้ที่อยู่ในห้องโถงตอนนี้ก็รู้สึกสงสัยกู้ซิ่งเหว่ยและกู้เจี้ยนกั๋วต่างก็ชำเลืองมองกัน จากนั้นกู้ซิ่งเหว่ยก็ยืนขึ้น และพูดว่า "คุณปู่ครับ มันก็แค่โรงงานผลิตยาเทียนเชิง ไม่เป็นไรหรอกครับ พวกเขาไม่ค่อยมีความจำเป็นกับเรามากนัก มันก็แค่ประมาณสิบล้านต่อปีเอง"“ซิ่งเหว่ยพูดถูกครับพ่อ พ่ออย่ากังวลไปเลย พรุ่งนี้ผมจะคุยกับโรงงานผลิตยาที่ใหม่ให้เอง” กู้เจี้ยนกั๋วพูดด้วยรอยยิ้มคุณท่านกู้ก็พยักหน้า เขาเริ่มโล่งใจลงเล็กน้อย และพูดว่า “อืม เจี้ยนกั๋ว พรุ่งนี้แกต้องรีบไปคุยนะ เพราะใกล้จะกลางปีแล้ว และก็ควรวางแผนสำหรับครึ่งป
คุณท่านกู้มองผ่านเหล่าทายาททั้งหลายไป เขาเห็นชายอีกคนเดินเข้ามา เขายกมือขึ้นและตะโกนว่า "นายจะพูดอะไร?"ชายอีกคนทำหน้ามึนงง และก้าวไปข้างหน้าอย่างเคารพ แล้วรายงานว่า "คุณ...คุณท่านครับ เมื่อสักครู่นี้ มีคนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาส่งหนังสือแจ้งมาว่า บริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมมีการละเมิดกฎหมายหลายครั้ง และสั่งให้พวกเราจัดการแก้ไขภายในเจ็ดวัน และส่งสำเนาเอกสารให้เรียบร้อย ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะมายึดบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมหลังจากเจ็ดวันครับ"หลังจากเขาพูดจบ คุณท่านกู้ก็เกิดอาการชักขึ้น“พ่อครับ… รีบไปเรียกหมอมา!” กู้เจี้ยนกั๋วตะโกนครึ่งชั่วโมงต่อมา ภายในบ้านต้นตระกูลกู้ต่างก็มีคนมากมายเฝ้าอยู่รอบ ๆ เตียงของชายชรา“คุณพ่อครับ พ่อฟื้นแล้วเหรอครับ?” กู้เจี้ยนกั๋วเห็นชายชราลืมตาขึ้นก็รีบก้าวไปข้างหน้ากู้ซิ่งเหว่ยก็เอนตัว และแสร้งทำเป็นร้องไห้ "คุณปู่ครับ ในที่สุดคุณปู่ก็ฟื้นแล้ว"ทุกคนในตระกูลกู้ต่างก้มหน้าร้องไห้คนที่ไม่รู้คงจะคิดว่าคุณท่านกู้คงได้ล่วงลับไปแล้วลูกชายคนโตช่วยประคองชายชราให้ลุกขึ้น สีหน้าของเขาซีดเซียว เขาเหลือบมองไปที่ทายาททั้งหลาย และถามกู้เจี้ยนกั๋วกับกู้ซิ่งเ
คำพูดของกู้ชิงหลินดึงดูดความสนใจจากทุกคนในทันทีสายตาของทุกคนจับจ้องไปที่กู้ชิงหลิน เธอรู้สึกกลัวเล็กน้อย และพูดอย่างอ่อนแรงว่า "ฉัน... ฉันพูดอะไรผิดไปเหรอ?""ไม่ผิด ไม่ผิดเลย!"แววตาของคุณท่านกู้ก็สดใสขึ้นมาทันที และเขาพูดอย่างมีความสุขว่า “ใช่แล้ว หรงคังกรุ๊ป ตราบใดที่บริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมของเราเซ็นสัญญาความร่วมมือกับหรงคังกรุ๊ป มันก็จะสามารถช่วยบรรเทาสถานการณ์ในตอนนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเราเซ็นสัญญาความร่วมมือกับหรงคังกรุ๊ปสำเร็จ ชื่อเสียงของเราที่หายไป และบริษัทคู่ค้าพวกนั้น ก็อาจกลับมาหาเราเพื่อขอความร่วมมืออีกครั้ง”ทันใดนั้น ทุกคนในตระกูลกู้ก็เริ่มพูดคุยกันอย่างตื่นเต้นอีกครั้งหากพวกพวกเขาผ่านพ้นวิกฤตินี่ไปได้ โชคก็กำลังรอพวกเขาอยู่!รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของกู้เจี้ยนกั๋ว และพูดว่า "พ่อครับ สิ่งที่พ่อพูดถูกแล้วครับ ตอนนี้ สิ่งที่เราต้องทำคือจัดการกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเท่านั้น!"แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงเย็นชาดังขึ้นทำลายความตื่นเต้น และความดีใจของทุกคน“อย่าลืมสิครับ ตอนนี้สัญญานั่นอยู่ในมือของกู้หยุนหลาน”สิ่งที่กู้ซิ่งเหว่ยพูดนั้นทำลายความตื่นเต้นของบรรดาญาต
เมื่อกู้ซิ่งเหว่ยได้ยินเสียงของหลี่โม่จากอีกด้านของโทรศัพท์ เขาก็เหลือบมองคุณท่านกู้ และกู้เจี้ยนกั๋วข้าง ๆ แล้วตะโกนอย่างเหลืออด "หลี่โม่? อย่าพูดเรื่องไร้สาระ ไปเรียกกู้หยุนหลานให้มารับสายเดี๋ยวนี้!""หึหึ"หลี่โม่ยิ้มจาง ๆ และกดปุ่มวางสาย จากนั้นก็กดปิดเครื่อง แล้วโยนมันทิ้งไว้อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ เมื่อกู้ซิ่งเหว่ยได้ยินเสียงตู๊ด ๆ จากโทรศัพท์ ทันใดนั้นเขาก็ตะโกนออกมาด้วยความสิ้นหวัง “คุณปู่ครับ ดูไอ้หลี่โม่นี่สิครับ เขารู้จักคำว่ามารยาทบ้างไหม? กล้าดียังไงมาวางสายใส่ผม! ไม่ ผมไม่ยอม ผมจะโทรอีก!”แต่เมื่อเขาโทรไปอีกครั้ง โทรศัพท์ก็ปิดเครื่องไปแล้ว“บ้าเอ๊ย ปิดเครื่องงั้นเหรอ?”กู้ซิ่งเหว่ยโกรธมาก และตะโกนว่า "โกหกว่าออกไปเที่ยว ถ้าออกไปเที่ยวทำไมเธอถึงไม่เอาโทรศัพท์ไปด้วย? นี่มันข้ออ้างชัด ๆ !"สีหน้าของคุณท่านกู้ดูมืดมนมาก เขาเหลือบไปมองที่กู้เจี้ยนกั๋วกับกู้ซิ่งเหว่ย แล้วพูดว่า "เรื่องนี้จะชักช้าไม่ได้แล้ว พวกแกจะต้องหาทางแก้ปัญหาให้ได้โดยเร็วที่สุด"“แต่คุณปู่ครับ ก็เห็นนี่ครับว่า กู้หยุนหลานไม่ต้องการมอบสัญญาให้กับเรา” กู้ซิ่งเหว่ยพูด“นั่นมันเรื่องของแก ถ้าเธอไม่เอ
เมื่อเธอพูดแบบนี้ออกไป ในใจของกู้หยุนหลานก็สั่นไหว ทำไมเธอถึงคิดแบบนั้นกันนะ?ต่อให้หลี่โม่จะมีอำนาจ แต่เขาจะสามารถทำให้บริษัทหลายแห่งเลือกที่จะตัดความร่วมมือกับบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมได้เลยอย่างนั้นหรือ?ต้องมีอำนาจน่าสะพรึงขาดไหนถึงจะทำอะไรแบบนี้ได้?ดังนั้น กู้หยุนหลานก็คิดได้ว่าคำพูดที่พูดออกไป เธอรู้สึกว่าเธอคงจะคิดมากไปเองส่วนหลี่โม่ ในใจของเขาก็สั่นไหวเหมือนกัน เขาเหลือบไปมองที่ใบหน้าของกู้หยุนหลาน และต้องการอธิบายว่า "หยุนหลาน ที่จริงแล้ว..."“ไม่เป็นไร คุณไม่ต้องอธิบายหรอก ฉันคงคิดมากไปเอง คุณจะมีความสามารถ หรือมีอำนาจมากมายขนาดนั้นได้ยังไงกัน คุณก็เป็นแค่ลูกเขยที่ครอบครัวของเรารับเข้ามา” กู้หยุนหลานหัวเราะเยาะอย่างไม่ยอมรับมีผู้หญิงึนไหนบ้างล่ะ ที่จะไม่อยากให้สามีของตัวเองประสบความสำเร็จ และเป็นที่ชื่นชมนับถือของคนอื่น?แต่ว่า นั่นมันก็แค่เรื่องที่เธอคิดไปเองกู้หยุนหลานรู้ดีว่าหลี่โม่เป็นคนแบบไหน และสถานะของเขาคืออะไรหลี่โม่เหลือบไปมองที่กู้หยุนหลาน เขายิ้มที่มุมปาก และไม่พูดอะไรไม่นานนักเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น หลี่โม่บอกกู้หยุนหลานให้กลับไปที่ห้องนอน และไม่ต้
แต่ว่าหลี่โม่เป็นแค่ไอ้คนไร้ประโยชน์ เขามีสิทธิ์อะไรถึงกล้ามาพูดแบบนี้กับพวกเขา?“หุบปาก! แกมีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้? พวกเราต้องการพบกู้หยุนหลาน!” กู้เจี้ยนกั๋วตะโกนด้วยเสียงที่หนักแน่น“ทำไมจะไม่มีสิทธิ์? หยุนหลานเป็นภรรยาของผม ธุระของเธอก็เหมือนธุระของผมเหมือนกัน ตอนนี้เธอไม่อยู่ที่นี่ และผมก็เป็นเจ้าของบ้าน” หลี่โม่พูด"แกเป็นเจ้าของเหรอ?"เมื่อได้ยินแบบนี้ กู้เจี้ยนกั๋วและกู้ซิ่งเหว่ยก็หัวเราะเยาะกู้ซิ่งเหว่ยโน้มตัวไปข้างหน้า และเยาะเย้ย "หลี่โม่ แกรู้ไหมว่า แกพูดแบบนี้เหมือนคนโง่เลย? บ้านนี้ มีคนที่ชื่อหลี่โม่เป็นเจ้าของงั้นเหรอ?"“แล้วอีกอย่าง ทุกคนเขาก็รู้กันหมดว่า กู้หยุนหลานได้เซ็นสัญญากับหรงคังกรุ๊ปได้ยังไง! แกคงจะมีความสุขมากที่โดนสวมเขา แล้วยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะฉันอีก!” กู้ซิ่งเหว่ยมองหลี่โม่อย่างเย้ยหยันสายตาของหลี่โม่แข็งกร้าว เขากำหมัดแน่น!แน่นอนว่าเขารู้ดีที่สุดว่า กู้หยุนหลานได้สัญญานี้มาได้อย่างไร และเห็นได้ชัดว่าคำพูดของกู้ซิ่งเหว่ยนั้นเป็นการใส่ร้ายเขาก้าวไปข้างหน้าด้วยสายตาที่เย็นชา และจ้องมองที่กู้ซิ่งเหว่ยระยะใกล้ เหมือนเป็นการบ่งบอกว่าอยากจะฆ่าให้ตา
สองพ่อลูกกู้เจี้ยนกั๋วและกู้ซิ่งเหว่ย ในขณะนี้สีหน้าของดูน่าเกลียดมาก พวกเขาจ้องมองที่หลี่โม่อย่างขมขื่น และตะโกนว่า "ยังไม่ไปอีกเหรอ?"หลี่โม่ยิ้ม และไม่พูดอะไร เขาหันหลังกลับเข้าไปในบ้าน กู้ซิ่งเหว่ยยิ้มอย่างเย็นชา และเดินตามเข้าไปปัง!เสียงประตูปิดกู้ซิ่งเหว่ยยืนอยู่หน้าประตู จมูกของเขามีเลือดออกเพราะชนเข้ากับประตู เขาจึงตะโกนทันทีว่า "หลี่โม่! ไอ้ขยะ แกกล้าทำแบบนี้กับฉัน ฉันจะไม่ยกโทษให้แกแน่!"กู้เจี้ยนกั๋วรู้สึกสงสารลูกชายของเขา หลังจากถามไปสองสามครั้ง เขาก็พูดอย่างโกรธเคือง "หลี่โม่คนนี้ช่างหน้าด้านมากขึ้นเรื่อย ๆ"“พ่อครับ เมื่อกี้พ่อว่าไงนะ? พวกเราจะก้มหน้าขอโทษจริง ๆ เหรอ?”กู้ซิ่งเหว่ยไม่อยากเชื่อ เขาต้องขอโทษยัยตัวแสบอย่างกู้หยุนหลาน เขารู้สึกเหมือนเขากำลังจะตายกู้เจี้ยนกั๋วส่ายหัว และถอนหายใจ แล้วพูดว่า "ตอนนี้เราจะทำอะไรได้อีก? ไม่อย่างนั้น เราก็เข้าไปไม่ได้"ทันใดนั้น กู้ซิ่งเหว่ยก็เงียบลงด้วยสายตาที่เย็นชากู้เจี้ยนกั๋วหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นก็กดกริ่ง และพูดอย่างจริงใจว่า "เจี้ยนหมิน เปิดประตูหน่อย ฉันมีเรื่องจะคุยกับแก"หลังจากนั้นไม่นาน หลี่โม่ก็เปิดประตู
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา