ส่วนหลี่โม่ก็ยืนดู และฟังอย่างเงียบ ๆดูเหมือนว่า คุณท่านกู้จะกดดันกู้เจี้ยนกั๋วอย่างมาก ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ถ่อมาขอร้องแบบนี้“คงจะไม่ได้หรอก เราจะช่วยพวกคุณได้ยังไง? ดูในที่ประชุมสิ พวกคุณทำกับลูกสาวฉันยังไง พวกพี่ไล่เธอออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการ!” หวังฟางพูดอย่างระมัดระวังด้วยสีหน้าเย็นชา และปฏิเสธ“น้องรอง น้องสะใภ้ เรื่องนี้พี่กับซิ่งเหว่ยพิจารณาไม่ดีเอง แต่ไม่ต้องกังวลนะ ตำแหน่งผู้อำนวยการของหยุนหลานยังคงเป็นของเธอ แต่ถ้าบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมล้มละลาย ตำแหน่งผู้อำนวยการก็จะหายไปเหมือนกัน ดังนั้นพี่ก็หวังว่าน้องรองและน้องสะใภ้จะช่วยพูดให้หน่อย เหมือนเป็นการทำบุญทำทาน และยังเป็นการช่วยตัวเองด้วย” กู้เจี้ยนกั๋วพูดหวังฟางหันไป และเหลือบมองที่กู้เจี้ยนหมิน เธอคิดว่ากู้เจี้ยนกั๋วพูดถูกถ้าบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมล้มละลาย แล้วตระกูลกู้จะเหลืออะไร?อย่างนั้นพวกเขาก็คงต้องช่วยจริง ๆหวังฟางเลิกคิ้วมองหลี่โม่อย่างไม่พอใจ และถามว่า "หยุนหลานอยู่ไหน?"“เธอไปเที่ยวกับจินช่านน่าครับ” หลี่โม่พูด“ไปเที่ยวเหรอ? ทำไมจู่ ๆ ถึงไปเที่ยวล่ะ?” หวังฟางขมวดคิ้ว เธอหันหลัง และเดินไปยังห้องนอนของก
“เปลี่ยนอะไร มันจะเปลี่ยนแปลงอะไรไปได้ล่ะ มันก็แค่คนไร้ประโยชน์ ทำไม แกยังคิดว่ามันจะเป็นลูกเศรษฐีเหรอไง? อย่าฝันไปเลยลูกแม่ นี่มันโลกความเป็นจริง หลี่โม่สามารถให้อะไรแกได้บ้าง? ให้อะไรแม่กับพ่อได้บ้างไหม?” หวังฟางพูดอย่างโกรธเคืองกู้หยุนหลานรู้สึกว่าเธอไม่อยากคุยกับแม่ของเธอแล้ว ดังนั้นเธอจึงนอนลงบนเตียง แล้วพูดว่า "ยังไงหนูก็จะไม่หย่ากับเขาอยู่ดี ถ้าแม่ชอบฉวีเทียนไห่ แม่ก็แต่งงานกับเขาเองสิ"ฮะ...เมื่อได้ยินแบบนี้ หวังฟางก็หงุดหงิด เธอตีก้นกู้หยุนหลานสองที และด่าว่า "นี่แกตั้งใจทำให้ฉันโมโหใช่ไหม? ถ้าฉันยังสาว ฉันคงจะแต่งงานกับฉวีเทียนไห่ไปนานแล้ว!"หลังจากนั้น อารมณ์ของหวังฟางก็ค่อย ๆ อ่อนลง และเธอก็แนะนำด้วยความห่วงใย “หยุนหลาน ไม่ใช่ว่าแม่จะกดดัน หรือบังคับแกนะ แต่แกควรจะคิดถึงอนาคตของตัวแกเอง แกอยากจะใช้ทั้งชีวิตไปกับคนอย่างหลี่โม่เหรอ? ถ้าแกจะไม่นึกถึงตัวเอง แกก็นึกถึงซีซีสิ ถ้าซีซีโตขึ้นมาเห็นว่าพ่อของตัวเองไร้ค่า แล้วเพื่อน ๆ ของหลานล่ะ จะมองหลานยังไง?”กู้หยุนหลานดึงผ้าห่มมาคลุมทั้งตัวทั้งหัวหวังฟางจ้องอย่างโกรธเคือง และพูดว่า “ลองคิดเอาเองแล้วกัน ฉันจะไม่กดดัน หรื
กู้เจี้ยนหมินไม่เคยเห็นหลี่โม่ในด้านที่ดุร้ายมาก่อนเลย ราวกับว่าตอนนี้เขากำลังเปลี่ยนแปลงตัวเองลูกเขยคนนี้ที่อยู่ในครอบครัวของกู้เจี้ยนหมินมาสี่ปีแล้ว เขาทำได้เพียงเชื่อฟังและยอมทุกอย่างเสมอมา แต่ทำไมวันนี้เขาถึงดูเย่อหยิ่งและมีอำนาจขนาดถึงกล้าทำร้ายกู้ซิ่งเหว่ยด้วยซ้ำ แม้แต่กับกู้เจี้ยนกั๋ว เขาก็ยังกล้าที่จะเผชิญหน้าด้วยแล้วคำพูดที่เขาพูดกับกู้เจี้ยนกั๋ว ก็ทำให้กู้เจี้ยนหมินค่อนข้างตะลึง“ผมบอกให้พวกเขากลับไปแล้วครับ ในเมื่อพวกเขามาขอร้องหยุนหลาน พวกเขาก็ควรที่จะแสดงความจริงใจ ที่สำคัญ คุณปู่ก็ไม่ได้มาที่นี่ด้วยตัวเอง ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นตัวต้นเรื่องด้วยซ้ำ” หลี่โม่พูดเบา ๆประโยคนี้เหมือนฟ้าผ่าลงบนกลางหัวของกู้เจี้ยนหมิน และหวังฟาง ทำให้ทั้งสองคนเหมือนวิญญาณหลุดออกไปแล้ว!นี่หมายความว่า เขาต้องการให้ชายชรามาขอร้องหยุนหลานด้วยตัวเองอย่างนั้นเหรอ?นี่มันบ้าไปแล้ว!“หลี่โม่ แกอยากตายนักใช่ไหม!” กู้เจียนหมินลุกขึ้นชี้หน้าด่าหลี่โม่ “แกรู้ไหมว่าผลที่จะตามมาเป็นยังไง? ไอ้โง่!”หวังฟางก็ดูตกใจ และตะโกนว่า "หลี่โม่ ไอ้ขยะไร้ประโยชน์ นี่แกพยายามจะทำลายครอบครัวของเราอยู่ใช่ไหม?! แกเป็นใ
เช้าวันรุ่งขึ้น คุณท่านกู้ออกจากบ้านต้นตระกูลกู้ เตรียมจะไปบ้านของกู้เจี้ยนหมินเมื่อข่าวนี้แพร่กระจายไปในตระกูลกู้ ทุกคนถึงกับตกตะลึง!คุณท่านกู้คนนี้กำลังจะไปที่บ้านลูกชายคนรองของตระกูลกู้จริง ๆ นี่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนในตระกูลกู้อย่างแน่นอน!บ้านลูกชายคนรองของตระกูลกู้เคยมรสถานะสูงส่งมาก่อน แต่เนื่องจากเหตุการณ์นั้นที่เกิดขึ้นเมื่อสี่ปีก่อน สถานะพวกเขาก็ตกต่ำลง!“เป็นไปไม่หรอก คุณปู่กำลังจะไปบ้านของกู้หยุนหลานจริง ๆ เหรอ?”"ไปทำไม? ใครได้ยินเรื่องนี้มา?"“นี่น่าจะเป็นแค่ข่าวลือนะ คุณปู่จะไปที่นั่นได้ยังไง ไม่ใช่ที่ที่ดีเลย”บรรดาหลานของตระกูลกู้รวมตัวพูดคุยกัน แต่พวกเขาทั้งหมดก็ไม่กล้าที่จะลงรายละเอียดแต่เมื่อพวกเขาเห็นภาพถ่ายของคุณท่านกู้กำลังลงจากรถที่หน้าบ้านของกู้หยุนหลาน ทุกคนต่างก็ตะลึง!คุณท่านกู้ไปที่นั่นจริง ๆ !เขาไปพร้อมกับกู้เจี้ยนกั๋วและกู้ซิ่งเหว่ยในไม่ช้า ทุกคนก็เข้าใจว่าที่คุณท่านกู้ยอมก้มหัวให้ในครั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ของบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมคุณท่านกู้ใช้ชีวิตอย่างหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีมาตลอดหลายปี เขาไม่เคยยอมก้มหัวให้ใครมาก่อน แต่คราวนี้คาดไม่ถึงเล
แววตาของเขาดุร้ายราวกับจะกินหลี่โม่เข้าไปแต่หลี่โม่เพียงแค่หันมามองเล็กน้อย และยิ้มอย่างเย็นชาที่มุมปากของเขา แล้วพูดว่า "กู้ซิ่งเหว่ย ฉันกำลังคุยกับคุณปู่อยู่ ช่วยหุบปากหน่อย"“อะไรนะ? แกบอกให้ฉันหุบปากงั้นเหรอ?! แกยังสติดีอยู่ไหม?!” กู้ซิ่งเหว่ยโกรธมาก เขายกมือขึ้นมาเพื่อจะตบแต่ว่า!หลี่โม่เตะเข้าไปที่ท้องของกู้ซิ่งเหว่ยอย่างจัง เขาส่ายหน้า และพูดอย่างเย็นชาว่า "ที่นี่ไม่ใช่บ้านต้นตระกูลกู้ ถ้านายจะมาที่นี่เพื่อขอร้อง นายก็ควรจะมีมารยาทที่จะขอร้องด้วย!"ฉากนี้ทำให้ทั้งกู้เจี้ยนหมิน และหวังฟางตกใจ!หลี่โม่คนนี้ยิ่งจองหองมากขึ้นเรื่อย ๆ !“คุณปู่ครับ!” กู้ซิ่งเหว่ยโกรธจัดเพียะ!คุณท่านกู้ตบหน้ากู้ซิ่งเหว่ย และตะโกนว่า "น่าอับอาย ออกไป!"กู้ซิ่งเหว่ยตื่นตระหนก เขาลุกขึ้นจ้องมองไปที่หลี่โม่ด้วยสายตาที่ขมขื่น และยืนเงียบอยู่ข้าง ๆหลังจากนั้น คุณท่านกู้ก็ถามว่า “ว่ามา แกกับหยุนหลานต้องการอะไร?”หลี่โม่ยิ้มจาง ๆ “มันง่ายมากครับ ผมจะไม่ทำให้คุณลำบากใจแน่นอน ประการแรก คุณต้องก้มหน้ายอมรับความผิดพลาด ส่วนประการที่สอง คุณต้องให้ตำแหน่งรองประธานบริษัทกับหยุนหลาน และเรื่องความร่วม
จู่ ๆ ก็มีร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาหลี่โม่อ้าปากค้าง และมองไปที่โทรศัพท์ที่อยู่ในมือของกู้หยุนหลาน เขาเอื้อมมือไปหยิบ แล้วยิ้ม "ผมลืมเอาโทรศัพท์ไปด้วยน่ะ"กู้หยุนหลานหันไป และเหลือบมองหลี่โม่ แล้วพูดว่า "คุณแม่บอกว่า คืนนี้ให้คุณซื้ออาหารกลับมาด้วย"หลี่โม่พยักหน้าตอบ “ได้เลย”หลังจากนั้น เขาก็ถามด้วยความไม่สบายใจว่า “คุณไม่ได้ดูโทรศัพท์ใช่ไหม...”เมื่อกู้หยุนหลานได้ยินแบบนี้ เธอก็เอามือข้างหนึ่งจับเอวเล็ก ๆ แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งบิดหูของหลี่โม่ และด่าว่า "หลี่โม่ คุณหมายความว่าอย่างไร? นี่คุณสงสัยว่า ฉันแอบดูโทรศัพท์ของคุณงั้นเหรอ? ฉันไม่ได้สนใจโทรศัพท์เก่า ๆ เน่า ๆ ของคุณหรอก บอกมา ในโทรศัพท์ของคุณมีความลับอะไร?”เมื่อเห็นท่าทางที่ดูโกรธของกู้หยุนหลาน หลี่โม่ก็ยิ้มเล็กน้อย และพูดว่า "ไม่ ไม่มีครับ..."ฟู่ว!กู้หยุนหลานแสร้งทำเป็นโกรธ เธอมองเหลือบหลี่โม่ และหันหลังกลับ แล้วพูดว่า "ฉันโกรธแล้วนะ"หลี่โม่มองไปที่หลังของกู้หยุนหลานที่เดินจากไป เขารู้สึกโล่งใจ และมองลงไปที่เนื้อหาของข้อความในโทรศัพท์มือถือหลังจบคอนเสิร์ต จะมีมีตติ้งกับคุณโจ ฮิซาอิชิแบบตัวต่อตัว ผมเตรียมการไว้เรียบร้
หลี่โม่หัวเราะให้กับตนเอง เนื่องจากสถานการณ์ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้วจากนั้น เขาก็ก้าวเท้าเข้าไปยังห้องโถง“สวัสดีค่ะคุณผู้ชาย ตอนนี้ห้องแสดงดนตรีปิดให้บริการชั่วคราวนะคะ”หน้าประตูทางเข้า มีพนักงานต้องรับหญิงสาวสวยวัยเยาว์อยู่คนหนึ่ง เธอสวมชุดเครื่องแบบสีทองอ่อน และที่คอยังสวมด้วยผ้าพันคอเย็บปักสีเงินหลี่โม่ตกใจ และก็มองผู้หญิงตรงหน้า แล้วยิ้มอ่อน ๆ พลางกล่าว “ผมมาหาคนครับ”“ขอโทษนะคะ มาหาท่านไหนคะ เดี๋ยวดิฉันจะช่วยสอบถามให้ค่ะ”พนักงานต้อนรับมีมารยาทดีมาก เธอไม่ได้มองที่การแต่งตัวอันแสนจะธรรมดาของหลี่โม่เลย “ผมมาหา…”ขณะที่หลี่โม่กำลังจะพูด ที่ประตูทางเข้าของห้องโถงก็มีผู้หญิงรูปร่างสง่างามคนหนึ่งเดินมาพอดี จึงตัดบทที่เขากำลังจะพูดไปในชุดเครื่องแบบสีทองอ่อนแบบเดียวกัน เพียงแต่ผ้าพันคอจะเป็นสีแดงปักลายดอกกล้วยไม้ดูดีเลยทีเดียว รูปร่างก็ได้สัดส่วน จะมีก็แต่ช่องว่างระหว่างคิ้วที่พกความเย่อหยิ่งมาด้วยเสียงของรองเท้าส้นสูงคู่นั้นที่กระทบลงบนพื้นหินแกรนิตดัง “ต่อกต่อกต่อก” เพียงเท่านี้ก็สามารถฟังออกเลยว่า นี่กำลังนำมาซึ่งความโกรธ“สูหาน เธอทำอะไรอยู่น่ะ ไม่ได้ประกาศไปแล
พูดจบ ซุนเสี่ยวหยาก็หมุนตัวบิดสะโพกแล้วเดินต่อไป ในใจคิดก็ยิ่งขยะแขยงและก็ดูแคลนผู้ชายที่อยู่ข้างหลังคนงาน?หลี่โม่รู้สึกปวดหัวอย่างอดไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้คงจะไม่ได้จำคนผิดล่ะมั้งในไม่ช้า เขาก็ตามซุนเสี่ยวหย่ามาจนถึงห้องเก็บของ ภายในห้องมีเก้าอี้ของห้องแสดงดนตรีวางอยู่เต็มไปหมดซุนเสี่ยวหยาชี้นิ้วสั่งไปที่ข้างหนึ่งอย่างวางอำนาจ กล่าว “รีบไปทำงานเร็วเข้า วันนี้ก่อนเลิกงานเธอต้องจัดเก้าอี้ในห้องนี้ทั้งหมดให้เรียบร้อย แล้วก็พวกเธออีกกี่คน เร่งเข้า อย่าคิดที่จะอู้กันล่ะ เพราะฉันจะอยู่ดูพวกเธอตรงนี้ ถ้าใครคิดจะอู้ ก็หยุดคิดเรื่องค่าแรงไปได้เลย!”คนงานสองสามคนที่กำลังยกเก้าอี้อยู่ตรงนั้น เมื่อได้ยินคำนี้ ก็รีบเร่งทำงานกัยเลยทีเดียว คงกลัวว่าจะโดนหักค่าแรงกันหลี่โม่เกิดความสงสัยเล็กน้อย เมื่อมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า มันช่างวุ่นวายกันไปหมดทำไมฉันถึงกลายมาเป็นคนขนของซะได้“ขอโทษนะครับ คุณเข้าใจผิดรึเปล่าครับ คือผมไม่ได้จะมา…”หลี่โม่หันหน้ามามองผู้หญิงที่กำลังตัดแต่งเล็บของเธออยู่ซุนเสี่ยวหยาเลิกคิ้วขึ้น พลางกล่าวด้วยท่าทีที่เหยียดหยาม “อะไรที่บอกว่าเข้าใจผิด เธอเป็นคนงานที่มาทำงานพ