สองพ่อลูกกู้เจี้ยนกั๋วและกู้ซิ่งเหว่ย ในขณะนี้สีหน้าของดูน่าเกลียดมาก พวกเขาจ้องมองที่หลี่โม่อย่างขมขื่น และตะโกนว่า "ยังไม่ไปอีกเหรอ?"หลี่โม่ยิ้ม และไม่พูดอะไร เขาหันหลังกลับเข้าไปในบ้าน กู้ซิ่งเหว่ยยิ้มอย่างเย็นชา และเดินตามเข้าไปปัง!เสียงประตูปิดกู้ซิ่งเหว่ยยืนอยู่หน้าประตู จมูกของเขามีเลือดออกเพราะชนเข้ากับประตู เขาจึงตะโกนทันทีว่า "หลี่โม่! ไอ้ขยะ แกกล้าทำแบบนี้กับฉัน ฉันจะไม่ยกโทษให้แกแน่!"กู้เจี้ยนกั๋วรู้สึกสงสารลูกชายของเขา หลังจากถามไปสองสามครั้ง เขาก็พูดอย่างโกรธเคือง "หลี่โม่คนนี้ช่างหน้าด้านมากขึ้นเรื่อย ๆ"“พ่อครับ เมื่อกี้พ่อว่าไงนะ? พวกเราจะก้มหน้าขอโทษจริง ๆ เหรอ?”กู้ซิ่งเหว่ยไม่อยากเชื่อ เขาต้องขอโทษยัยตัวแสบอย่างกู้หยุนหลาน เขารู้สึกเหมือนเขากำลังจะตายกู้เจี้ยนกั๋วส่ายหัว และถอนหายใจ แล้วพูดว่า "ตอนนี้เราจะทำอะไรได้อีก? ไม่อย่างนั้น เราก็เข้าไปไม่ได้"ทันใดนั้น กู้ซิ่งเหว่ยก็เงียบลงด้วยสายตาที่เย็นชากู้เจี้ยนกั๋วหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นก็กดกริ่ง และพูดอย่างจริงใจว่า "เจี้ยนหมิน เปิดประตูหน่อย ฉันมีเรื่องจะคุยกับแก"หลังจากนั้นไม่นาน หลี่โม่ก็เปิดประตู
ส่วนหลี่โม่ก็ยืนดู และฟังอย่างเงียบ ๆดูเหมือนว่า คุณท่านกู้จะกดดันกู้เจี้ยนกั๋วอย่างมาก ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ถ่อมาขอร้องแบบนี้“คงจะไม่ได้หรอก เราจะช่วยพวกคุณได้ยังไง? ดูในที่ประชุมสิ พวกคุณทำกับลูกสาวฉันยังไง พวกพี่ไล่เธอออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการ!” หวังฟางพูดอย่างระมัดระวังด้วยสีหน้าเย็นชา และปฏิเสธ“น้องรอง น้องสะใภ้ เรื่องนี้พี่กับซิ่งเหว่ยพิจารณาไม่ดีเอง แต่ไม่ต้องกังวลนะ ตำแหน่งผู้อำนวยการของหยุนหลานยังคงเป็นของเธอ แต่ถ้าบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมล้มละลาย ตำแหน่งผู้อำนวยการก็จะหายไปเหมือนกัน ดังนั้นพี่ก็หวังว่าน้องรองและน้องสะใภ้จะช่วยพูดให้หน่อย เหมือนเป็นการทำบุญทำทาน และยังเป็นการช่วยตัวเองด้วย” กู้เจี้ยนกั๋วพูดหวังฟางหันไป และเหลือบมองที่กู้เจี้ยนหมิน เธอคิดว่ากู้เจี้ยนกั๋วพูดถูกถ้าบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมล้มละลาย แล้วตระกูลกู้จะเหลืออะไร?อย่างนั้นพวกเขาก็คงต้องช่วยจริง ๆหวังฟางเลิกคิ้วมองหลี่โม่อย่างไม่พอใจ และถามว่า "หยุนหลานอยู่ไหน?"“เธอไปเที่ยวกับจินช่านน่าครับ” หลี่โม่พูด“ไปเที่ยวเหรอ? ทำไมจู่ ๆ ถึงไปเที่ยวล่ะ?” หวังฟางขมวดคิ้ว เธอหันหลัง และเดินไปยังห้องนอนของก
“เปลี่ยนอะไร มันจะเปลี่ยนแปลงอะไรไปได้ล่ะ มันก็แค่คนไร้ประโยชน์ ทำไม แกยังคิดว่ามันจะเป็นลูกเศรษฐีเหรอไง? อย่าฝันไปเลยลูกแม่ นี่มันโลกความเป็นจริง หลี่โม่สามารถให้อะไรแกได้บ้าง? ให้อะไรแม่กับพ่อได้บ้างไหม?” หวังฟางพูดอย่างโกรธเคืองกู้หยุนหลานรู้สึกว่าเธอไม่อยากคุยกับแม่ของเธอแล้ว ดังนั้นเธอจึงนอนลงบนเตียง แล้วพูดว่า "ยังไงหนูก็จะไม่หย่ากับเขาอยู่ดี ถ้าแม่ชอบฉวีเทียนไห่ แม่ก็แต่งงานกับเขาเองสิ"ฮะ...เมื่อได้ยินแบบนี้ หวังฟางก็หงุดหงิด เธอตีก้นกู้หยุนหลานสองที และด่าว่า "นี่แกตั้งใจทำให้ฉันโมโหใช่ไหม? ถ้าฉันยังสาว ฉันคงจะแต่งงานกับฉวีเทียนไห่ไปนานแล้ว!"หลังจากนั้น อารมณ์ของหวังฟางก็ค่อย ๆ อ่อนลง และเธอก็แนะนำด้วยความห่วงใย “หยุนหลาน ไม่ใช่ว่าแม่จะกดดัน หรือบังคับแกนะ แต่แกควรจะคิดถึงอนาคตของตัวแกเอง แกอยากจะใช้ทั้งชีวิตไปกับคนอย่างหลี่โม่เหรอ? ถ้าแกจะไม่นึกถึงตัวเอง แกก็นึกถึงซีซีสิ ถ้าซีซีโตขึ้นมาเห็นว่าพ่อของตัวเองไร้ค่า แล้วเพื่อน ๆ ของหลานล่ะ จะมองหลานยังไง?”กู้หยุนหลานดึงผ้าห่มมาคลุมทั้งตัวทั้งหัวหวังฟางจ้องอย่างโกรธเคือง และพูดว่า “ลองคิดเอาเองแล้วกัน ฉันจะไม่กดดัน หรื
กู้เจี้ยนหมินไม่เคยเห็นหลี่โม่ในด้านที่ดุร้ายมาก่อนเลย ราวกับว่าตอนนี้เขากำลังเปลี่ยนแปลงตัวเองลูกเขยคนนี้ที่อยู่ในครอบครัวของกู้เจี้ยนหมินมาสี่ปีแล้ว เขาทำได้เพียงเชื่อฟังและยอมทุกอย่างเสมอมา แต่ทำไมวันนี้เขาถึงดูเย่อหยิ่งและมีอำนาจขนาดถึงกล้าทำร้ายกู้ซิ่งเหว่ยด้วยซ้ำ แม้แต่กับกู้เจี้ยนกั๋ว เขาก็ยังกล้าที่จะเผชิญหน้าด้วยแล้วคำพูดที่เขาพูดกับกู้เจี้ยนกั๋ว ก็ทำให้กู้เจี้ยนหมินค่อนข้างตะลึง“ผมบอกให้พวกเขากลับไปแล้วครับ ในเมื่อพวกเขามาขอร้องหยุนหลาน พวกเขาก็ควรที่จะแสดงความจริงใจ ที่สำคัญ คุณปู่ก็ไม่ได้มาที่นี่ด้วยตัวเอง ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นตัวต้นเรื่องด้วยซ้ำ” หลี่โม่พูดเบา ๆประโยคนี้เหมือนฟ้าผ่าลงบนกลางหัวของกู้เจี้ยนหมิน และหวังฟาง ทำให้ทั้งสองคนเหมือนวิญญาณหลุดออกไปแล้ว!นี่หมายความว่า เขาต้องการให้ชายชรามาขอร้องหยุนหลานด้วยตัวเองอย่างนั้นเหรอ?นี่มันบ้าไปแล้ว!“หลี่โม่ แกอยากตายนักใช่ไหม!” กู้เจียนหมินลุกขึ้นชี้หน้าด่าหลี่โม่ “แกรู้ไหมว่าผลที่จะตามมาเป็นยังไง? ไอ้โง่!”หวังฟางก็ดูตกใจ และตะโกนว่า "หลี่โม่ ไอ้ขยะไร้ประโยชน์ นี่แกพยายามจะทำลายครอบครัวของเราอยู่ใช่ไหม?! แกเป็นใ
เช้าวันรุ่งขึ้น คุณท่านกู้ออกจากบ้านต้นตระกูลกู้ เตรียมจะไปบ้านของกู้เจี้ยนหมินเมื่อข่าวนี้แพร่กระจายไปในตระกูลกู้ ทุกคนถึงกับตกตะลึง!คุณท่านกู้คนนี้กำลังจะไปที่บ้านลูกชายคนรองของตระกูลกู้จริง ๆ นี่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนในตระกูลกู้อย่างแน่นอน!บ้านลูกชายคนรองของตระกูลกู้เคยมรสถานะสูงส่งมาก่อน แต่เนื่องจากเหตุการณ์นั้นที่เกิดขึ้นเมื่อสี่ปีก่อน สถานะพวกเขาก็ตกต่ำลง!“เป็นไปไม่หรอก คุณปู่กำลังจะไปบ้านของกู้หยุนหลานจริง ๆ เหรอ?”"ไปทำไม? ใครได้ยินเรื่องนี้มา?"“นี่น่าจะเป็นแค่ข่าวลือนะ คุณปู่จะไปที่นั่นได้ยังไง ไม่ใช่ที่ที่ดีเลย”บรรดาหลานของตระกูลกู้รวมตัวพูดคุยกัน แต่พวกเขาทั้งหมดก็ไม่กล้าที่จะลงรายละเอียดแต่เมื่อพวกเขาเห็นภาพถ่ายของคุณท่านกู้กำลังลงจากรถที่หน้าบ้านของกู้หยุนหลาน ทุกคนต่างก็ตะลึง!คุณท่านกู้ไปที่นั่นจริง ๆ !เขาไปพร้อมกับกู้เจี้ยนกั๋วและกู้ซิ่งเหว่ยในไม่ช้า ทุกคนก็เข้าใจว่าที่คุณท่านกู้ยอมก้มหัวให้ในครั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ของบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมคุณท่านกู้ใช้ชีวิตอย่างหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีมาตลอดหลายปี เขาไม่เคยยอมก้มหัวให้ใครมาก่อน แต่คราวนี้คาดไม่ถึงเล
แววตาของเขาดุร้ายราวกับจะกินหลี่โม่เข้าไปแต่หลี่โม่เพียงแค่หันมามองเล็กน้อย และยิ้มอย่างเย็นชาที่มุมปากของเขา แล้วพูดว่า "กู้ซิ่งเหว่ย ฉันกำลังคุยกับคุณปู่อยู่ ช่วยหุบปากหน่อย"“อะไรนะ? แกบอกให้ฉันหุบปากงั้นเหรอ?! แกยังสติดีอยู่ไหม?!” กู้ซิ่งเหว่ยโกรธมาก เขายกมือขึ้นมาเพื่อจะตบแต่ว่า!หลี่โม่เตะเข้าไปที่ท้องของกู้ซิ่งเหว่ยอย่างจัง เขาส่ายหน้า และพูดอย่างเย็นชาว่า "ที่นี่ไม่ใช่บ้านต้นตระกูลกู้ ถ้านายจะมาที่นี่เพื่อขอร้อง นายก็ควรจะมีมารยาทที่จะขอร้องด้วย!"ฉากนี้ทำให้ทั้งกู้เจี้ยนหมิน และหวังฟางตกใจ!หลี่โม่คนนี้ยิ่งจองหองมากขึ้นเรื่อย ๆ !“คุณปู่ครับ!” กู้ซิ่งเหว่ยโกรธจัดเพียะ!คุณท่านกู้ตบหน้ากู้ซิ่งเหว่ย และตะโกนว่า "น่าอับอาย ออกไป!"กู้ซิ่งเหว่ยตื่นตระหนก เขาลุกขึ้นจ้องมองไปที่หลี่โม่ด้วยสายตาที่ขมขื่น และยืนเงียบอยู่ข้าง ๆหลังจากนั้น คุณท่านกู้ก็ถามว่า “ว่ามา แกกับหยุนหลานต้องการอะไร?”หลี่โม่ยิ้มจาง ๆ “มันง่ายมากครับ ผมจะไม่ทำให้คุณลำบากใจแน่นอน ประการแรก คุณต้องก้มหน้ายอมรับความผิดพลาด ส่วนประการที่สอง คุณต้องให้ตำแหน่งรองประธานบริษัทกับหยุนหลาน และเรื่องความร่วม
จู่ ๆ ก็มีร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาหลี่โม่อ้าปากค้าง และมองไปที่โทรศัพท์ที่อยู่ในมือของกู้หยุนหลาน เขาเอื้อมมือไปหยิบ แล้วยิ้ม "ผมลืมเอาโทรศัพท์ไปด้วยน่ะ"กู้หยุนหลานหันไป และเหลือบมองหลี่โม่ แล้วพูดว่า "คุณแม่บอกว่า คืนนี้ให้คุณซื้ออาหารกลับมาด้วย"หลี่โม่พยักหน้าตอบ “ได้เลย”หลังจากนั้น เขาก็ถามด้วยความไม่สบายใจว่า “คุณไม่ได้ดูโทรศัพท์ใช่ไหม...”เมื่อกู้หยุนหลานได้ยินแบบนี้ เธอก็เอามือข้างหนึ่งจับเอวเล็ก ๆ แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งบิดหูของหลี่โม่ และด่าว่า "หลี่โม่ คุณหมายความว่าอย่างไร? นี่คุณสงสัยว่า ฉันแอบดูโทรศัพท์ของคุณงั้นเหรอ? ฉันไม่ได้สนใจโทรศัพท์เก่า ๆ เน่า ๆ ของคุณหรอก บอกมา ในโทรศัพท์ของคุณมีความลับอะไร?”เมื่อเห็นท่าทางที่ดูโกรธของกู้หยุนหลาน หลี่โม่ก็ยิ้มเล็กน้อย และพูดว่า "ไม่ ไม่มีครับ..."ฟู่ว!กู้หยุนหลานแสร้งทำเป็นโกรธ เธอมองเหลือบหลี่โม่ และหันหลังกลับ แล้วพูดว่า "ฉันโกรธแล้วนะ"หลี่โม่มองไปที่หลังของกู้หยุนหลานที่เดินจากไป เขารู้สึกโล่งใจ และมองลงไปที่เนื้อหาของข้อความในโทรศัพท์มือถือหลังจบคอนเสิร์ต จะมีมีตติ้งกับคุณโจ ฮิซาอิชิแบบตัวต่อตัว ผมเตรียมการไว้เรียบร้
หลี่โม่หัวเราะให้กับตนเอง เนื่องจากสถานการณ์ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้วจากนั้น เขาก็ก้าวเท้าเข้าไปยังห้องโถง“สวัสดีค่ะคุณผู้ชาย ตอนนี้ห้องแสดงดนตรีปิดให้บริการชั่วคราวนะคะ”หน้าประตูทางเข้า มีพนักงานต้องรับหญิงสาวสวยวัยเยาว์อยู่คนหนึ่ง เธอสวมชุดเครื่องแบบสีทองอ่อน และที่คอยังสวมด้วยผ้าพันคอเย็บปักสีเงินหลี่โม่ตกใจ และก็มองผู้หญิงตรงหน้า แล้วยิ้มอ่อน ๆ พลางกล่าว “ผมมาหาคนครับ”“ขอโทษนะคะ มาหาท่านไหนคะ เดี๋ยวดิฉันจะช่วยสอบถามให้ค่ะ”พนักงานต้อนรับมีมารยาทดีมาก เธอไม่ได้มองที่การแต่งตัวอันแสนจะธรรมดาของหลี่โม่เลย “ผมมาหา…”ขณะที่หลี่โม่กำลังจะพูด ที่ประตูทางเข้าของห้องโถงก็มีผู้หญิงรูปร่างสง่างามคนหนึ่งเดินมาพอดี จึงตัดบทที่เขากำลังจะพูดไปในชุดเครื่องแบบสีทองอ่อนแบบเดียวกัน เพียงแต่ผ้าพันคอจะเป็นสีแดงปักลายดอกกล้วยไม้ดูดีเลยทีเดียว รูปร่างก็ได้สัดส่วน จะมีก็แต่ช่องว่างระหว่างคิ้วที่พกความเย่อหยิ่งมาด้วยเสียงของรองเท้าส้นสูงคู่นั้นที่กระทบลงบนพื้นหินแกรนิตดัง “ต่อกต่อกต่อก” เพียงเท่านี้ก็สามารถฟังออกเลยว่า นี่กำลังนำมาซึ่งความโกรธ“สูหาน เธอทำอะไรอยู่น่ะ ไม่ได้ประกาศไปแล
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา