จู่ ๆ ก็มีร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาหลี่โม่อ้าปากค้าง และมองไปที่โทรศัพท์ที่อยู่ในมือของกู้หยุนหลาน เขาเอื้อมมือไปหยิบ แล้วยิ้ม "ผมลืมเอาโทรศัพท์ไปด้วยน่ะ"กู้หยุนหลานหันไป และเหลือบมองหลี่โม่ แล้วพูดว่า "คุณแม่บอกว่า คืนนี้ให้คุณซื้ออาหารกลับมาด้วย"หลี่โม่พยักหน้าตอบ “ได้เลย”หลังจากนั้น เขาก็ถามด้วยความไม่สบายใจว่า “คุณไม่ได้ดูโทรศัพท์ใช่ไหม...”เมื่อกู้หยุนหลานได้ยินแบบนี้ เธอก็เอามือข้างหนึ่งจับเอวเล็ก ๆ แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งบิดหูของหลี่โม่ และด่าว่า "หลี่โม่ คุณหมายความว่าอย่างไร? นี่คุณสงสัยว่า ฉันแอบดูโทรศัพท์ของคุณงั้นเหรอ? ฉันไม่ได้สนใจโทรศัพท์เก่า ๆ เน่า ๆ ของคุณหรอก บอกมา ในโทรศัพท์ของคุณมีความลับอะไร?”เมื่อเห็นท่าทางที่ดูโกรธของกู้หยุนหลาน หลี่โม่ก็ยิ้มเล็กน้อย และพูดว่า "ไม่ ไม่มีครับ..."ฟู่ว!กู้หยุนหลานแสร้งทำเป็นโกรธ เธอมองเหลือบหลี่โม่ และหันหลังกลับ แล้วพูดว่า "ฉันโกรธแล้วนะ"หลี่โม่มองไปที่หลังของกู้หยุนหลานที่เดินจากไป เขารู้สึกโล่งใจ และมองลงไปที่เนื้อหาของข้อความในโทรศัพท์มือถือหลังจบคอนเสิร์ต จะมีมีตติ้งกับคุณโจ ฮิซาอิชิแบบตัวต่อตัว ผมเตรียมการไว้เรียบร้
หลี่โม่หัวเราะให้กับตนเอง เนื่องจากสถานการณ์ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้วจากนั้น เขาก็ก้าวเท้าเข้าไปยังห้องโถง“สวัสดีค่ะคุณผู้ชาย ตอนนี้ห้องแสดงดนตรีปิดให้บริการชั่วคราวนะคะ”หน้าประตูทางเข้า มีพนักงานต้องรับหญิงสาวสวยวัยเยาว์อยู่คนหนึ่ง เธอสวมชุดเครื่องแบบสีทองอ่อน และที่คอยังสวมด้วยผ้าพันคอเย็บปักสีเงินหลี่โม่ตกใจ และก็มองผู้หญิงตรงหน้า แล้วยิ้มอ่อน ๆ พลางกล่าว “ผมมาหาคนครับ”“ขอโทษนะคะ มาหาท่านไหนคะ เดี๋ยวดิฉันจะช่วยสอบถามให้ค่ะ”พนักงานต้อนรับมีมารยาทดีมาก เธอไม่ได้มองที่การแต่งตัวอันแสนจะธรรมดาของหลี่โม่เลย “ผมมาหา…”ขณะที่หลี่โม่กำลังจะพูด ที่ประตูทางเข้าของห้องโถงก็มีผู้หญิงรูปร่างสง่างามคนหนึ่งเดินมาพอดี จึงตัดบทที่เขากำลังจะพูดไปในชุดเครื่องแบบสีทองอ่อนแบบเดียวกัน เพียงแต่ผ้าพันคอจะเป็นสีแดงปักลายดอกกล้วยไม้ดูดีเลยทีเดียว รูปร่างก็ได้สัดส่วน จะมีก็แต่ช่องว่างระหว่างคิ้วที่พกความเย่อหยิ่งมาด้วยเสียงของรองเท้าส้นสูงคู่นั้นที่กระทบลงบนพื้นหินแกรนิตดัง “ต่อกต่อกต่อก” เพียงเท่านี้ก็สามารถฟังออกเลยว่า นี่กำลังนำมาซึ่งความโกรธ“สูหาน เธอทำอะไรอยู่น่ะ ไม่ได้ประกาศไปแล
พูดจบ ซุนเสี่ยวหยาก็หมุนตัวบิดสะโพกแล้วเดินต่อไป ในใจคิดก็ยิ่งขยะแขยงและก็ดูแคลนผู้ชายที่อยู่ข้างหลังคนงาน?หลี่โม่รู้สึกปวดหัวอย่างอดไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้คงจะไม่ได้จำคนผิดล่ะมั้งในไม่ช้า เขาก็ตามซุนเสี่ยวหย่ามาจนถึงห้องเก็บของ ภายในห้องมีเก้าอี้ของห้องแสดงดนตรีวางอยู่เต็มไปหมดซุนเสี่ยวหยาชี้นิ้วสั่งไปที่ข้างหนึ่งอย่างวางอำนาจ กล่าว “รีบไปทำงานเร็วเข้า วันนี้ก่อนเลิกงานเธอต้องจัดเก้าอี้ในห้องนี้ทั้งหมดให้เรียบร้อย แล้วก็พวกเธออีกกี่คน เร่งเข้า อย่าคิดที่จะอู้กันล่ะ เพราะฉันจะอยู่ดูพวกเธอตรงนี้ ถ้าใครคิดจะอู้ ก็หยุดคิดเรื่องค่าแรงไปได้เลย!”คนงานสองสามคนที่กำลังยกเก้าอี้อยู่ตรงนั้น เมื่อได้ยินคำนี้ ก็รีบเร่งทำงานกัยเลยทีเดียว คงกลัวว่าจะโดนหักค่าแรงกันหลี่โม่เกิดความสงสัยเล็กน้อย เมื่อมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า มันช่างวุ่นวายกันไปหมดทำไมฉันถึงกลายมาเป็นคนขนของซะได้“ขอโทษนะครับ คุณเข้าใจผิดรึเปล่าครับ คือผมไม่ได้จะมา…”หลี่โม่หันหน้ามามองผู้หญิงที่กำลังตัดแต่งเล็บของเธออยู่ซุนเสี่ยวหยาเลิกคิ้วขึ้น พลางกล่าวด้วยท่าทีที่เหยียดหยาม “อะไรที่บอกว่าเข้าใจผิด เธอเป็นคนงานที่มาทำงานพ
ซุนเสี่ยวหยาออกเสียงเรียกอย่างสนิทสนม และกล่าวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มว่า “คือแบบนี้นะคะ คนงานคนนี้ไม่ยอมทำงานดี ๆ น่ะค่ะ แล้วก็ก่อเรื่องที่นี่ โวยวายอยากจะพบคุณให้ได้ ดิฉันกำลังจะให้เค้าออกไปพอดีเลยค่ะ!”ผู้จัดการ?ที่แท้คนคนนี้ก็คือหลินชิงหานหลี่โม่มองเธออย่างประเมินคร่าว ๆ ผู้หญิงคนนี้ดูไม่เลวเลยทีเดียว เธอมีออร่า ความสามารถและประสบการณ์ และยังสวยอีกด้วยเมื่อหลินชิงหานเห็นว่าหลี่โม่กำลังมองตนอยู่ ในใจก็เกิดรู้สึกไม่พอใจ ออร่าทั้งหมดในตัวเธอก็เย็นลงไปในพริบตา ราวกับภูเขาน้ำแข็งที่สวยงามเธอกล่าวกับซุนเสี่ยวหยาว่า “อือ เรียกให้คนมาพาเขาออกไปเถอะ ตอนนี้ห้องแสดงดนตรีกำลังอยู่ในช่วงอ่อนแอ เดี๋ยวจะมีผู้ใหญ่ที่เค้าเหมาห้องแสดงดนตรีไว้ทั้งวันมาตรวจดูการตกแต่งจัดการ ตรวจดูให้เรียบร้อยด้วย”“ค่ะ ผู้จัดการ!”ซุนเสียวหยาขานรับราวกับหมาที่ชอบเลียแข้งเลียขาในเวลาใกล้เคียงกัน เธอก็หันกลับมาเผชิญหน้ากับหลี่โม่ สีหน้าของเธอเปลี่ยนเร็วเสียยิ่งกว่าเปิดหน้าหนังสือเสียอีก เธอกล่าว “ได้ยินรึยัง? ผู้จัดการออกปากแล้ว แกรีบออกไปซะ ถ้ายังไม่ไป ฉันจะเรียกรปภ.แล้วนะ!”หลินชิงหานหันมาเหลือบมองเล็กน้อย
“หลินชิงหาน?” หลี่โม่กล่าวด้วยท่าทีเฉยเมย “ฉันไม่ค่อยพอใจกับเธอเท่าไหร่ แล้วก็ไม่ค่อยพอใจกับการจัดการห้องแสดงดนตรีครั้งนี้ด้วย”ในเวลานั้นหลินชิงหานตกใจจนหัวใจของเธอเต้นดังตุบ ๆ ขาก็สั่น และกลางฝ่ามือก็ชุ่มเหงื่อไปหมด“คุณหลี่ ขอโทษด้วยค่ะ ดิฉันจัดการได้ไม่ดีเอง และดิฉันก็ไม่ทราบด้วยว่าคุณจะมาล่วงหน้า”หลินชิงหานโค้งตัวลง เวลานี้แสดงให้เห็นถึงความเคารพและความเกรงกลัวของเธอได้อย่างชัดเจนนี่ก็คือคุณหลี่ผู้ลึกลับคนนั้นที่เหมาห้องแสดงดนตรี!และก็ยังเป็นผู้ใหญ่ที่เถ้าแก่ย้ำแล้วย้ำอีกว่าจะต้องดูแลอย่างดีทำไมน่ะเหรอ?ก็เพราะชายที่รวยเป็นอันดับหนึ่งของฉู่โจว คุณเฉียนฟูหาน มาหาเถ้าแก่ด้วยตนเอง แล้วยังเหมาห้องแสดงดนตรีทั้งฮอลล์!เหล่าเฉียนช่างเป็นบุคคลที่หลักแหลม!อยากจะรู้ เถ้าแก่ของเวียนนาคอนเสิร์ตฮอลล์ เป็นคนที่โหดเหี้ยมคนหนึ่งในกรุงโซล เป็นหนึ่งในสี่มาเฟียใต้ดินที่ได้ทั้งทางขาวและดำ เฉียวเจิ้งหลง!เฉียวเจิ้งหลงคือใคร?ทั่วทั้งกรุงโซลไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของเขา!พื้นเพของเขาเคยเป็นอัธพาลคนหนึ่ง จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ ก้าวขึ้นมาทีละขั้นจนมาถึงบัลลังก์ของหนึ่งในสี่ราชามาเฟียใต้ดิน!ใ
เธอมันนางแพศยา!อาศัยเรือนร่างในการประจบประแจงเถ้าแก่เพื่อขึ้นตำแหน่ง สวยแต่เปลือก!ในเวลาต่อกันนั้น ซุนเสี่ยวหยาเอาความโกรธไปลงที่หลี่โม่ เธอชี้หน้าเค้าพลางกล่าว “พวกแกยังยืนเฉยอยู่ทำไม เอาไอ้คนต่ำนี่ออกไป!”เมื่อพูดจบไม่นาน!เพียะ!หลินชิงหลินเหวี่ยงฝ่ามือไปอีกครั้งหนึ่ง!ครั้งนี้ ซุนเสี่ยงหยาหยุดชะงักไปโดยสิ้นเชิง สองมือของเธอยกขึ้นมาลูบที่แก้ม“ซุนเสี่ยวหยา เธอหุบปากเดี๋ยวนี้นะ นับแต่นี้ต่อไป เธอถูกไล่ออกแล้ว รีบออกไปเดี๋ยวนี้เลย!” หลินชิงหานตวาดเสียงเข้ม ความโกรธปรากฏอยู่ทั่วทั้งใบหน้า และมือก็ชี้ไปที่ประตูคนโง่ที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ อยากตายก็อย่ามาลากตนลงน้ำไปด้วย!“ผู้จัดการ คุณบ้าไปแล้วรึไง? คุณตบฉันทำไม ฉันจะเอาไอคนต่ำช้าคนนี้ออกไปมันผิดตรงไหน? แล้วอีกอย่าง คุณมีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉันออก? ในเมื่อแฟนของฉันเป็นคนดูแลที่นี่!”ซุนเสี่ยวหยาโกรธมาก เธอรู้สึกไม่ชอบนังแพศยาหลินชิงหานตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ผู้หญิงมักมากคนนี้อยู่กับแฟนของตนทั้งวัน ครั้งที่แล้วก็ไปเปิดห้องอยู่กับแฟน แล้วอยู่ ๆ แฟนของเธอก็ตะโกนเรียกชื่อเธอ!มันน่าโมโหจริง ๆ!ก็แค่ผู้จัดการตกอับคนหนึ่ง มันมีอะไรดีนักหนา
เมื่อหลินชิงหานฟังประโยคนี้ ใบหน้าก็ซีดลงทันที เธอเปล่งเสียงออกมาอย่างประชดประชันว่า “เจี่ยงอานหวา ใครให้นายเข้ามา ออกไปนะ!”เธอไม่ชอบเจี่ยงอานหวา ชายวัยกลางคนที่สุดแสนจะอ้วนท้วนคนนี้เอาเสียเลย เพราะอีกฝ่ายมักจะมาหลงไหลในความงามของเธอ และมักจะมาตามจีบเธอหลายหนทีเดียวมีโอกาสเข้าหน่อย ผู้ชายคนนี้ก็จะวิ่งเข้ามาหา ทำท่ายิ้มเขินไปมา และมักชวนเธอไปกินข้าวมิหนำซ้ำ ทั้งมือและเท้าของเจี่ยงอานหวาก็ไม่สะอาดเอาเสียเลย เขาคุ้นเคยกับการลักเล็กขโมยน้อย เดิมทีเขาก็ได้รับการยอมรับจากสังคมอยู่หรอก ทว่าเขามักจะสร้างปัญหา แถมยังเคยพาญาติสาวห่าง ๆ ของเขาเองเข้าไปมีอะไรด้วยกัน ในเวียนนาคอนเสิร์ตฮอลล์อีกตัวอย่าง เช่น ซุนเสี่ยวหยา หล่อนถูกเจี่ยงอานหวาพาเข้าไปในนั้น และกระชากลากถูด้วยมือเดียวของเขา“หลินชิงหาน เธอหมายความว่ายังไงกันแน่? ถึงจะดีจะเลวยังไง ฉันเจี่ยงอานหวาก็เป็นหัวหน้าควบคุมของเวียนนาคอนเสิร์ตฮอลล์ ดังนั้นฉันจะไม่มีสิทธิ์เข้ามานั่งเลยหรือไง?”เจี่ยงอานหวาค่อย ๆ นั่งบนโซฟา มือของเขาแบออก ขาทำท่าไขว่ห้าง แววตาสะท้อนกลับมา มองเรือนร่างของหลินชิงหาน“ตอนนี้ฉันไม่มีเวลาทะเลาะกับนายแล้ว ออกไป
“พี่เจี่ยง พี่พูดอะไรน่ะ” เมื่อซุนเสี่ยวหยาที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินแบบนี้ เธอก็แสดงท่าทางราวกับแมวถูกเหยียบหางทันที เธอจ้องหน้าเจี่ยงอานหวาเจี่ยงอานหวาอธิบายทันที “อุ๊ย ผมก็พูดเล่นไปเรื่อยน่า ในใจของผมก็มีแค่คุณคนเดียวแหละ ถ้างั้นคุณลองคิดซิว่าควรทำยังไงดี?”คราวนี้ ซุนเสี่ยวหยาจึงอาศัยบารมีของเขามาอวดเบ่ง และชี้ไปที่หลี่โม่ด้วยความเย่อหยิ่งทันที เธอเยาะเย้ยและพูดว่า “ฉันต้องการให้หล่อนคุกเข่าลงและก้มหัวขอโทษฉัน!”ซุนเสี่ยวหยาเกลียดเธอมาก เธอรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ ที่ลำพังตัวเธอเองจะทำให้หลินชิงหานขอโทษถ้าอย่างนั้นก็ทำให้ใยนี่อับอายไปเสียเลย!อีกอย่าง แรงงานต่างด้าวคนนี้คงเป็นคนรักของหลินชิงหานไม่อย่างนั้น เธอจะปกป้องเขาแบบนี้ทำไมกัน!หลี่โม่ตะลึงงัน ไฟลุกโชนที่ตัวเขาแล้วใช่ไหม?หลินชิงหานก็ตกใจเช่นกัน จากนั้นจึงหันไปค้อนใส่ซุนเสี่ยวหยาด้วยความโกรธจัด และตะโกนว่า “ซุนเสี่ยวหยา เธอไม่มีสิทธิ์มาพูดแบบนี้ที่นี่ หุบปากเหม็น ๆ ของเธอซะ!”ต้องการให้คุณหลี่คุกเข่าขอโทษหรือไงกัน?ทำไมเธอถึงไม่รู้สึกรู้สาอะไรเอาเสียเลย?แม้แต่เฉียวเย่ยังให้เกียรติคุณหลี่ ซุนเสี่ยวหยา เธอเป็นบ้าอะไรกัน!“