เธอมันนางแพศยา!อาศัยเรือนร่างในการประจบประแจงเถ้าแก่เพื่อขึ้นตำแหน่ง สวยแต่เปลือก!ในเวลาต่อกันนั้น ซุนเสี่ยวหยาเอาความโกรธไปลงที่หลี่โม่ เธอชี้หน้าเค้าพลางกล่าว “พวกแกยังยืนเฉยอยู่ทำไม เอาไอ้คนต่ำนี่ออกไป!”เมื่อพูดจบไม่นาน!เพียะ!หลินชิงหลินเหวี่ยงฝ่ามือไปอีกครั้งหนึ่ง!ครั้งนี้ ซุนเสี่ยงหยาหยุดชะงักไปโดยสิ้นเชิง สองมือของเธอยกขึ้นมาลูบที่แก้ม“ซุนเสี่ยวหยา เธอหุบปากเดี๋ยวนี้นะ นับแต่นี้ต่อไป เธอถูกไล่ออกแล้ว รีบออกไปเดี๋ยวนี้เลย!” หลินชิงหานตวาดเสียงเข้ม ความโกรธปรากฏอยู่ทั่วทั้งใบหน้า และมือก็ชี้ไปที่ประตูคนโง่ที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ อยากตายก็อย่ามาลากตนลงน้ำไปด้วย!“ผู้จัดการ คุณบ้าไปแล้วรึไง? คุณตบฉันทำไม ฉันจะเอาไอคนต่ำช้าคนนี้ออกไปมันผิดตรงไหน? แล้วอีกอย่าง คุณมีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉันออก? ในเมื่อแฟนของฉันเป็นคนดูแลที่นี่!”ซุนเสี่ยวหยาโกรธมาก เธอรู้สึกไม่ชอบนังแพศยาหลินชิงหานตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ผู้หญิงมักมากคนนี้อยู่กับแฟนของตนทั้งวัน ครั้งที่แล้วก็ไปเปิดห้องอยู่กับแฟน แล้วอยู่ ๆ แฟนของเธอก็ตะโกนเรียกชื่อเธอ!มันน่าโมโหจริง ๆ!ก็แค่ผู้จัดการตกอับคนหนึ่ง มันมีอะไรดีนักหนา
เมื่อหลินชิงหานฟังประโยคนี้ ใบหน้าก็ซีดลงทันที เธอเปล่งเสียงออกมาอย่างประชดประชันว่า “เจี่ยงอานหวา ใครให้นายเข้ามา ออกไปนะ!”เธอไม่ชอบเจี่ยงอานหวา ชายวัยกลางคนที่สุดแสนจะอ้วนท้วนคนนี้เอาเสียเลย เพราะอีกฝ่ายมักจะมาหลงไหลในความงามของเธอ และมักจะมาตามจีบเธอหลายหนทีเดียวมีโอกาสเข้าหน่อย ผู้ชายคนนี้ก็จะวิ่งเข้ามาหา ทำท่ายิ้มเขินไปมา และมักชวนเธอไปกินข้าวมิหนำซ้ำ ทั้งมือและเท้าของเจี่ยงอานหวาก็ไม่สะอาดเอาเสียเลย เขาคุ้นเคยกับการลักเล็กขโมยน้อย เดิมทีเขาก็ได้รับการยอมรับจากสังคมอยู่หรอก ทว่าเขามักจะสร้างปัญหา แถมยังเคยพาญาติสาวห่าง ๆ ของเขาเองเข้าไปมีอะไรด้วยกัน ในเวียนนาคอนเสิร์ตฮอลล์อีกตัวอย่าง เช่น ซุนเสี่ยวหยา หล่อนถูกเจี่ยงอานหวาพาเข้าไปในนั้น และกระชากลากถูด้วยมือเดียวของเขา“หลินชิงหาน เธอหมายความว่ายังไงกันแน่? ถึงจะดีจะเลวยังไง ฉันเจี่ยงอานหวาก็เป็นหัวหน้าควบคุมของเวียนนาคอนเสิร์ตฮอลล์ ดังนั้นฉันจะไม่มีสิทธิ์เข้ามานั่งเลยหรือไง?”เจี่ยงอานหวาค่อย ๆ นั่งบนโซฟา มือของเขาแบออก ขาทำท่าไขว่ห้าง แววตาสะท้อนกลับมา มองเรือนร่างของหลินชิงหาน“ตอนนี้ฉันไม่มีเวลาทะเลาะกับนายแล้ว ออกไป
“พี่เจี่ยง พี่พูดอะไรน่ะ” เมื่อซุนเสี่ยวหยาที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินแบบนี้ เธอก็แสดงท่าทางราวกับแมวถูกเหยียบหางทันที เธอจ้องหน้าเจี่ยงอานหวาเจี่ยงอานหวาอธิบายทันที “อุ๊ย ผมก็พูดเล่นไปเรื่อยน่า ในใจของผมก็มีแค่คุณคนเดียวแหละ ถ้างั้นคุณลองคิดซิว่าควรทำยังไงดี?”คราวนี้ ซุนเสี่ยวหยาจึงอาศัยบารมีของเขามาอวดเบ่ง และชี้ไปที่หลี่โม่ด้วยความเย่อหยิ่งทันที เธอเยาะเย้ยและพูดว่า “ฉันต้องการให้หล่อนคุกเข่าลงและก้มหัวขอโทษฉัน!”ซุนเสี่ยวหยาเกลียดเธอมาก เธอรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ ที่ลำพังตัวเธอเองจะทำให้หลินชิงหานขอโทษถ้าอย่างนั้นก็ทำให้ใยนี่อับอายไปเสียเลย!อีกอย่าง แรงงานต่างด้าวคนนี้คงเป็นคนรักของหลินชิงหานไม่อย่างนั้น เธอจะปกป้องเขาแบบนี้ทำไมกัน!หลี่โม่ตะลึงงัน ไฟลุกโชนที่ตัวเขาแล้วใช่ไหม?หลินชิงหานก็ตกใจเช่นกัน จากนั้นจึงหันไปค้อนใส่ซุนเสี่ยวหยาด้วยความโกรธจัด และตะโกนว่า “ซุนเสี่ยวหยา เธอไม่มีสิทธิ์มาพูดแบบนี้ที่นี่ หุบปากเหม็น ๆ ของเธอซะ!”ต้องการให้คุณหลี่คุกเข่าขอโทษหรือไงกัน?ทำไมเธอถึงไม่รู้สึกรู้สาอะไรเอาเสียเลย?แม้แต่เฉียวเย่ยังให้เกียรติคุณหลี่ ซุนเสี่ยวหยา เธอเป็นบ้าอะไรกัน!“
หลินชิงหานพยักหน้าด้วยความเคารพและกล่าวว่า “รับทราบค่ะ คุณหลี่ จะดำเนินการเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจี่ยงอานหวาก็ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จึงหัวเราะออกมาสองสามครั้ง และพูดอย่างสงสัย “นี่แก เมื่อกี้ว่าไงนะ แกต้องการให้หลินชิงหานเปิดโปงพวกเราทุกคน และยังจะตรวจสอบฉันอีกเหรอ? แกเป็นบ้าอะไร นึกไม่ถึงว่าจะกล้าพูดอวดดีขนาดนี้ รู้ไหมว่าตอนนี้แกอยู่ที่ไหน? และที่บอกว่าจะให้เจ้านายของพวกเราไปพบแกน่ะ อยากรู้จริง ๆ ว่าแกใหญ่มาจากไหนกันเชียว?”เขาถามเป็นชุดตอนนี้ เจี่ยงอานหวารู้สึกเหมือนกับกำลังฟังเรื่องตลกที่สุดของปีเลยทีเดียว ทุกคนต่างก็หัวเราะออกมาซุนเสี่ยวหยาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะด้วยสองสามครั้งและพูดประชดประชันว่า “ฉันก็บอกอยู่ว่าเขาเป็นไอ้กระจอก แถมยังคิดว่าตัวเองเป็นใหญ่เป็นโต ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าคน ๆ นี้ใช้ชีวิตรอดมาได้ยังไง โง่เง่าสิ้นดี!"เจี่ยงอานหวาและซุนเสี่ยวหยาไม่เคยเห็นคนหน้าด้านขนาดนี้มาก่อน หรือว่าที่เขายังคิดว่าตัวเองเจ๋งกว่าเจ้านายของเวียนนา?นั่นคือเฉียวเย่เชียวนะ!เป็นถึงหนึ่งในสี่ราชาชมาเฟียใต้ดินของกรุงโซล!ใครกล้าดีบอกให้เขามาพบ?เท่ากับรนหาที่ตาย!ไร้สาระสิ้น
“คุณหลี่! ผมขอร้อง ปล่อยผมที ผมกลัวแล้ว!”ภายในห้องพัก เจี่ยงอานหวาดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้าย แต่ก็ไม่มีประโยชน์ใด ๆตอนนี้ มีเพียงซุนเสี่ยวหยานั่งอยู่ที่พื้นหลี่โม่เหลือบมองอย่างนิ่งเฉยและลุกจากไปหลินชิงหานตามเขาไป เตรียมส่งเขาโครม!ซุนเสี่ยวหยารีบวิ่งเข้ามา ดึงขากางเกงของเฉินผิง และร้องขอความเมตตา “คุณหลี่คะ ฉันผิดไปแล้วเช่นกัน ฉันก็เป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะคะ ฉันกลัวแล้วค่ะ”หลี่โม่ไม่แม้แต่จะมอง เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “ความอยุติธรรมถึงวาระถึงความพินาศ ไม่มีใครมีสิทธิ์ดูถูกแรงงานข้ามชาติที่ตั้งใจทำงานหนักหรอกนะ! หลินชิงหาน ตำแหน่งที่เธอคนนี้ ขอให้สาวน้อยที่อยู่ตรงประตูคนนั้นเข้ามาทำแทนทีนะ”“รับทราบค่ะ คุณหลี่” หลินชิงหานตอบและปล่อยให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยลากคอซุนเสี่ยวหยาออกไปอย่างรวดเร็วเมื่อออกจากห้องพัก หลินชิงหานเหลือบมองหลี่โม่ที่เดินไปทางล็อบบี้และพูดคุยอย่างยิ้มแย้ม แต่คราวนี้ อุบัติเหตุก็เกิดขึ้น“หลี่โม่ แกมาที่นี่ทำไม?”ด้วยน้ำเสียงที่คุ้นเคยนั้น หลี่โม่หันศีรษะและมองไปที่ประตู พบว่าสูเทียนไฮ่กำลังมองมาที่เขาด้วยความสงสัย และความขย
ทว่าหลินชิงหานเมินเฉยต่อมือที่ยื่นไปของสูเทียนไฮ่ พร้อมเหลือบมองอย่างดูแคลน และตอบคำถามของหลี่โม่ว่า “ไม่เลยค่ะ”สูเทียนไฮ่นี่ นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล้าอวดดีขนาดนี้!การทำให้คุณหลี่อับอาย ก็เหมือนการทำให้เวียนนาอับอายไปด้วย ไม่พอแค่นั้น นี่ยังทำให้เฉียวเย่ขายหน้าด้วย!สูเทียนไฮ่ผงะ ใบหน้าของเขาเกิดความสงสัย “ผู้จัดการหลินครับ กฎนี้มีอยู่ในเวียนนามานานแล้วไม่ใช่เหรอครับ?”กฎของเวียนนาคอนเสิร์ตฮอลล์ เฉียวเย่กำหนดขึ้นตั้งแต่แรก!ในกรุงโซลไม่มีใครกล้าละเมิดกฎเฉียวเย่เวียนนาคอนเสิร์ตฮอลล์รับเฉพาะผู้ที่มีฐานะดีเท่านั้น“อ้อ นั่นเป็นเมื่อก่อนค่ะ ตอนนี้ไม่มีกฎแบบนั้นแล้ว” หลินชิงหานตอบอย่างนิ่งเฉยว่าไงนะ?ไม่มีแล้วเหรอ!สูเทียนไฮ่ตะลึงอีกครั้งและรู้สึกสับสนมากทีเดียว เขาสงสัยว่าวันนี้หลินชิงหานกินยา แล้วลืมเขย่าขวดหรือเปล่า?หลินชิงหานเป็นผู้จัดการของเวียนนาคอนเสิร์ตฮอลล์นึกไม่ถึงว่าเธอก็ช่วยพูดแทนเจ้าหลี่โม่ขยะนี่อย่างเต็มที่“หลินชิงหาน คุณหมายความว่ายังไงครับ…” ตอนนี้สูเทียนไฮ่พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน เขาจ้องมองหลี่โม่ด้วยความรังเกียจ จึงตะโกนว่า “ตกลงแกมาทำอะไรที่นี่? หรืออยากให้ผู้จ
“ไม่ไม่ไม่ ผมขอโทษ ผมขอโทษ” สูเทียนไฮ่กล่าวอย่างกังวลใจจากนั้น เขาก็จ้องหลี่โม่ด้วยความโกรธ พลันกัดฟัน และพูดอย่างรวดเร็ว “หลี่โม่ ขอโทษ”“อะไรนะ? ฉันไม่ค่อยได้ยินเลย” หลี่โม่ยิ้มและพูดด้วยรอยยิ้มอารมณ์ไม่ดี ก็ไม่ผ่านนะ“หลี่โม่!” สูเทียนไฮ่ตะโกนออกมา พร้อมกัดฟันของเขา และพูดอย่างโกรธเคือง “แกนี่ ได้คืบจะเอาศอก!”“ผู้จัดการหลินครับ คุณดูสิ…” หลี่โม่ทำแบบนี้ ไม่แฟร์เอาซะเลยหลินชิงหานถอนหายใจอย่างเย็นชาสูเทียนไฮ่ตื่นตระหนกทันที จากนั้นก็กัดฟัน และพูดเสียงดัง “ฉันขอโทษ!”หลี่โม่ส่ายหัวและพูดว่า “ประธานสู ไม่ต้องกังวลหรอก”“แก!” สูเทียนไฮ่ระเบิดออกมาอย่างรวดเร็ว เขาพยายามระงับอารมณ์ หมัดของเขาแทบจะพุ่งออกมาดี หลี่โม่ ไม่นึกเลยว่าจะรอเพื่อทำแบบนี้กับฉันอาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่งเหรอ ได้ ฉันจะยอมให้แกครั้งหนึ่งแล้วกัน ครั้งต่อไปแกโดนแน่!หลินชิงหานพูดอย่างเย็นชา “ประธานสูคะ ในเมื่อคุณไม่เต็มใจ ก็ลืมมันไปเถอะค่ะ”สูเทียนไฮ่ตะลึง เขารู้ว่าถ้าเขาทำให้หลินชิงหานไม่พอใจ ก็เท่ากับทำเรื่องเวียนนาคอนเสิร์ตฮอลล์พัง และยังทำให้เฉียวเย่ขุ่นเคืองอีกด้วย!ปัญหานี้ใหญ่ทีเดียวดังนั้น ห
หลี่โม่เห็นกู้หยุนหลานมองเขาด้วยความสงสัย และกำลังจะพูดต่อ ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นกู้หยุนหลานเหลือบมองที่เบอร์โทรดังกล่าว คิ้วก็ขมวดเล็กน้อย และพูดว่า “ไอ้คนน่ารำคาญ”จากนั้น เธอก็รับโทรศัพท์ และถามอย่างสุภาพว่า “อ้าว สูเทียนไฮ่ นายมีเรื่องอะไรเหรอ?”อีกปลายสายของโทรศัพท์ สูเทียนไฮ่รู้สึกตื่นเต้นมาก และพูดว่า “หยุนหลาน คุณได้รับบัตรเชิญแล้วใช่ไหม?”บัตรเชิญเหรอ?กู้หยุนหลานมองไปที่บัตรเชิญสีทองของเวียนนาในมือของเธอ เธอใจแป้ว ปรากฏว่าสูเทียนไฮ่เป็นคนส่งมานี่เองคิดว่าเป็นหลี่โม่เสียอีกแต่คิดแบบนี้ก็ถูกแล้วล่ะ คนอย่างหลี่โม่จะหาบัตรเชิญจากเวียนนาคอนเสิร์ตฮอลล์ ให้เธอได้อย่างไรเพราะมันราคาแพงโข“ได้รับแล้วล่ะ ขอบคุณนะ” กู้หยุนหลานยิ้ม แล้วจึงพูด “แต่ว่า ฉันคงไปตามบัตรเชิญนี้ไม่ได้หรอก…”กู้หยุนหลานแค่อยากจะบอกว่า จริง ๆ แล้วเธอไม่สามารถรับบัตรเชิญเอาไว้ได้ ส่วนสูเทียนไฮ่ก็พอจะรู้ว่าเธอจะพูดอะไรทำนองนั้น เขาจึงพูดขัดจังหวะทันที “อื้ม คุณเก็บเอาไว้เถอะ ไม่ได้มากมายอะไรเลย มันก็เป็นสิ่งที่ผมให้คุณด้วยใจ หรือไม่อย่างนั้น ถ้าคุณไม่อยากเก็บมันไว้จริง ๆ ก็ทิ้งไปเลยก็ไ
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา