ทว่าหลินชิงหานเมินเฉยต่อมือที่ยื่นไปของสูเทียนไฮ่ พร้อมเหลือบมองอย่างดูแคลน และตอบคำถามของหลี่โม่ว่า “ไม่เลยค่ะ”สูเทียนไฮ่นี่ นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล้าอวดดีขนาดนี้!การทำให้คุณหลี่อับอาย ก็เหมือนการทำให้เวียนนาอับอายไปด้วย ไม่พอแค่นั้น นี่ยังทำให้เฉียวเย่ขายหน้าด้วย!สูเทียนไฮ่ผงะ ใบหน้าของเขาเกิดความสงสัย “ผู้จัดการหลินครับ กฎนี้มีอยู่ในเวียนนามานานแล้วไม่ใช่เหรอครับ?”กฎของเวียนนาคอนเสิร์ตฮอลล์ เฉียวเย่กำหนดขึ้นตั้งแต่แรก!ในกรุงโซลไม่มีใครกล้าละเมิดกฎเฉียวเย่เวียนนาคอนเสิร์ตฮอลล์รับเฉพาะผู้ที่มีฐานะดีเท่านั้น“อ้อ นั่นเป็นเมื่อก่อนค่ะ ตอนนี้ไม่มีกฎแบบนั้นแล้ว” หลินชิงหานตอบอย่างนิ่งเฉยว่าไงนะ?ไม่มีแล้วเหรอ!สูเทียนไฮ่ตะลึงอีกครั้งและรู้สึกสับสนมากทีเดียว เขาสงสัยว่าวันนี้หลินชิงหานกินยา แล้วลืมเขย่าขวดหรือเปล่า?หลินชิงหานเป็นผู้จัดการของเวียนนาคอนเสิร์ตฮอลล์นึกไม่ถึงว่าเธอก็ช่วยพูดแทนเจ้าหลี่โม่ขยะนี่อย่างเต็มที่“หลินชิงหาน คุณหมายความว่ายังไงครับ…” ตอนนี้สูเทียนไฮ่พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน เขาจ้องมองหลี่โม่ด้วยความรังเกียจ จึงตะโกนว่า “ตกลงแกมาทำอะไรที่นี่? หรืออยากให้ผู้จ
“ไม่ไม่ไม่ ผมขอโทษ ผมขอโทษ” สูเทียนไฮ่กล่าวอย่างกังวลใจจากนั้น เขาก็จ้องหลี่โม่ด้วยความโกรธ พลันกัดฟัน และพูดอย่างรวดเร็ว “หลี่โม่ ขอโทษ”“อะไรนะ? ฉันไม่ค่อยได้ยินเลย” หลี่โม่ยิ้มและพูดด้วยรอยยิ้มอารมณ์ไม่ดี ก็ไม่ผ่านนะ“หลี่โม่!” สูเทียนไฮ่ตะโกนออกมา พร้อมกัดฟันของเขา และพูดอย่างโกรธเคือง “แกนี่ ได้คืบจะเอาศอก!”“ผู้จัดการหลินครับ คุณดูสิ…” หลี่โม่ทำแบบนี้ ไม่แฟร์เอาซะเลยหลินชิงหานถอนหายใจอย่างเย็นชาสูเทียนไฮ่ตื่นตระหนกทันที จากนั้นก็กัดฟัน และพูดเสียงดัง “ฉันขอโทษ!”หลี่โม่ส่ายหัวและพูดว่า “ประธานสู ไม่ต้องกังวลหรอก”“แก!” สูเทียนไฮ่ระเบิดออกมาอย่างรวดเร็ว เขาพยายามระงับอารมณ์ หมัดของเขาแทบจะพุ่งออกมาดี หลี่โม่ ไม่นึกเลยว่าจะรอเพื่อทำแบบนี้กับฉันอาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่งเหรอ ได้ ฉันจะยอมให้แกครั้งหนึ่งแล้วกัน ครั้งต่อไปแกโดนแน่!หลินชิงหานพูดอย่างเย็นชา “ประธานสูคะ ในเมื่อคุณไม่เต็มใจ ก็ลืมมันไปเถอะค่ะ”สูเทียนไฮ่ตะลึง เขารู้ว่าถ้าเขาทำให้หลินชิงหานไม่พอใจ ก็เท่ากับทำเรื่องเวียนนาคอนเสิร์ตฮอลล์พัง และยังทำให้เฉียวเย่ขุ่นเคืองอีกด้วย!ปัญหานี้ใหญ่ทีเดียวดังนั้น ห
หลี่โม่เห็นกู้หยุนหลานมองเขาด้วยความสงสัย และกำลังจะพูดต่อ ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นกู้หยุนหลานเหลือบมองที่เบอร์โทรดังกล่าว คิ้วก็ขมวดเล็กน้อย และพูดว่า “ไอ้คนน่ารำคาญ”จากนั้น เธอก็รับโทรศัพท์ และถามอย่างสุภาพว่า “อ้าว สูเทียนไฮ่ นายมีเรื่องอะไรเหรอ?”อีกปลายสายของโทรศัพท์ สูเทียนไฮ่รู้สึกตื่นเต้นมาก และพูดว่า “หยุนหลาน คุณได้รับบัตรเชิญแล้วใช่ไหม?”บัตรเชิญเหรอ?กู้หยุนหลานมองไปที่บัตรเชิญสีทองของเวียนนาในมือของเธอ เธอใจแป้ว ปรากฏว่าสูเทียนไฮ่เป็นคนส่งมานี่เองคิดว่าเป็นหลี่โม่เสียอีกแต่คิดแบบนี้ก็ถูกแล้วล่ะ คนอย่างหลี่โม่จะหาบัตรเชิญจากเวียนนาคอนเสิร์ตฮอลล์ ให้เธอได้อย่างไรเพราะมันราคาแพงโข“ได้รับแล้วล่ะ ขอบคุณนะ” กู้หยุนหลานยิ้ม แล้วจึงพูด “แต่ว่า ฉันคงไปตามบัตรเชิญนี้ไม่ได้หรอก…”กู้หยุนหลานแค่อยากจะบอกว่า จริง ๆ แล้วเธอไม่สามารถรับบัตรเชิญเอาไว้ได้ ส่วนสูเทียนไฮ่ก็พอจะรู้ว่าเธอจะพูดอะไรทำนองนั้น เขาจึงพูดขัดจังหวะทันที “อื้ม คุณเก็บเอาไว้เถอะ ไม่ได้มากมายอะไรเลย มันก็เป็นสิ่งที่ผมให้คุณด้วยใจ หรือไม่อย่างนั้น ถ้าคุณไม่อยากเก็บมันไว้จริง ๆ ก็ทิ้งไปเลยก็ไ
เพราะเป็นลูกเขยของเขาอย่างไรล่ะ พอปล่อยให้คนนอกมาแสดงความรักต่อลูกสาวของเขา กู้เจี้ยนหมินจึงไม่มีความสุขเล็กน้อยก็ตามความคิดเดิมนั่นแหละ แต่งกับไก่ก็ตามไก่ แต่งกับสุนัขก็ตามสุนัขหลี่โม่ในฐานะสามีของกู้หยุนหลาน อย่างในสถานการณ์เช่นนี้ยังไม่คิดจะทำอะไร ขี้ขลาดเกินไปแล้วเมื่อกู้หยุนหลานได้ยินเรื่องนี้ เธอก็หน้าแดง และรู้สึกผิดต่อหลี่โม่มากถึงอย่างไร เขาก็เป็นสามีของเธอ ทว่าดูเหมือนเธอจะไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของหลี่โม่เลยแต่ว่าเธอก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอนเสิร์ตนี้มานานมาก คุณโจ ฮิซาอิชิ คนนี้ ทำให้เธอแทบคลั่ง “หนูอิ่มแล้ว” กู้หยุนหลานวางตะเกียบลง พร้อมกับลุกขึ้น แล้วเดินเข้าห้องนอนไปเมื่อหวังฟางเห็นอย่างนี้ เธอก็จ้องไปที่กู้เจี้ยนหมิน แล้วตะโกนใส่หลี่โม่ว่า “ทั้งหมดนี้ก็เพราะแก ยังจะมาพล่ามอะไรไร้สาระ สภาพแกแบบนี้จะซื้อบัตรเข้าชมเวียนนาคอนเสิร์ตฮอลล์ได้หรือไงกัน? ดูสิ นี่ที่นั่งพิเศษสำหรับแขกคนสำคัญเชียวนะ! เป็นตั๋วหายากทีเดียว!” หลี่โม่ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาทำได้แค่นั่งกินต่อไปตกกลางคืน หลี่โม่นอนที่พื้น แต่ทำอย่างไรเขาก็นอนไม่หลับกู้หยุนหลานที่นอนอยู่ข้าง ๆ ก็นอนไม่หลับเช่นกัน
เพี๊ยะ!เสียงตบนี้ ดังลั่นไปทั่วออฟฟิศ พนักงานทั้งหมดเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าและได้ยินเสียงตบนั้น!ชายร่างใหญ่ถอนหายใจด้วยความตกใจ ไม่มีใครกล้าพูด ทุกคนจ้องมองอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ บางคนก้มศีรษะลงกู้หยุนหลานตะลึงงัน แก้มของเธอทั้งแสบและเจ็บมาก“กู้หยุนหลานใช่ไหม?”ผู้หญิงคนนั้นถามด้วยท่าทีนิ่งเฉยกู้หยุนหลานบีบกำปั้นของเธอ ทั้งสองจ้องมองกันด้วยความโกรธ กู้หยุนหลานถามว่า “เธอเป็นใคร มาตบฉันทำไม?”ทว่า ผู้หญิงคนนั้นกลับเยาะเย้ยและตบหน้ากู้หยุนหลานอีกครั้ง แล้วตะโกนว่า “ฉันชื่อหวังเมิ่งเหยา นักลงทุนรายใหม่และก็เป็นแฟนของกู้ซิ่งเหว่ยด้วย ฉันขอเตือนเธอ อย่าคิดมาแข่งขันกับซิ่งเหว่ย เพื่อแลกกับสิทธิ์ในการบริหารบริษัทในอนาคต ไม่อย่างนั้น ฉันเจอเธอเมื่อไหร่ จะตบเธอทันที!”อันพาล แถมยังลำพองตัว!นี่คือนักลงทุนรายใหม่ของบริษัทยาหยุนเซิง หวังเมิ่งเหยากู้หยุนหลานโมโหมาก ไม่คิดว่าหวังเมิ่งเหยาจะหยิ่งผยองและไร้เหตุผลขนาดนี้ดูเหมือนว่าหล่อนจะอายุแค่ยี่สิบต้น ๆ เท่านั้น และก็ไม่สามารถปรองดองกันได้แน่ ๆตอนนี้เอง กู้ซิ่งเหว่ยก็ออกมาจากสำนักงาน เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว เขาก็แกล้งทำเป็นต่อว่าหวังเ
“จริงสิ เผลอไปข่วนมันเข้าน่ะ ไม่ต้องใส่ใจหรอกน่า เลิกถามได้แล้ว”กู้หยุนหลานบังคับหลี่โม่ กลบเลื่อนอารมณ์โกรธอย่างต่อเนื่องและพูดว่า “หลี่โม่ คุณยังไม่เชื่อฉันอีกเหรอ?”ประโยคนี้ ทำเอาหลี่โม่ตกใจเขาเห็นว่ากู้หยุนหลานไม่อยากพูดถึงมัน รวมทั้งสถานะของอีกฝ่ายอาจทำให้เธอกลัวก็ได้แต่เธอเป็นผู้หญิงของหลี่โม่เชียวนะ นายหญิงแห่งแดนมังกร!ในโลกนี้ ใครหน้าไหนก็อย่ามาแหยม!ใครรังแกเธอล่ะก็ จะต้องอัดให้จมดินสถานเดียว!เขาหายใจเข้าลึก ๆ หลี่โม่เอื้อมมือไปปาดแก้มอันบอบบางของเธอ แล้วถามอย่างอ่อนโยนและกังวลใจว่า “เจ็บไหม?”ดวงตาของกู้หยุนหลานเป็นประกาย เธอส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก เจ็บนิดหน่อยเอง ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไรเลย คราวหน้านายอย่าโกรธแบบนี้ได้ไหม มันน่ากลัว ฉันคิดว่าตอนนี้…”เมื่อสักครู่กู้หยุนหลานรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า หลี่โม่โกรธเหมือนสิงโตและไร้เหตุผลมากทีเดียว ความโกรธที่พลุ่งพล่านของเขานั้น ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าเขาสามารถฉีกโลกทั้งใบออกจากกันได้ภายในพริบตาน่าสะพรึงกลัว!นี่ใช่หลี่โม่ที่อยู่กับเธอมาตลอดสี่ปีหรือเปล่านะ?หลี่โม่พยักหน้า แม้ในใจจะรับไม่ได้ทว่า เนื่องจา
เฉียนเสี่ยวเหวินชะงัก และเช็ดปากเล็ก ๆ ของเธอด้วยสีหน้าที่หงิกงอ ในที่สุดก็พยักหน้าตอบกลับว่า“ฉันบอกคุณก็ได้ แต่คุณห้ามบอกว่าฉันเป็นคนพูด พี่หยุนหลานถูกนักลงทุนจากบริษัทของเราตบตี หล่อนชื่อหวังเมิ่งเหยาเป็นแฟนสาวของกู้ซิ่งเหว่ย” “ตีกู้หยุนหลานทำไม?” “ก็หวังเมิ่งเหยาเป็นแฟนสาวของผู้จัดการกู้นี่นา คงอยากออกหน้าจัดการเพื่อผู้จัดการกู้ ในที่สุดตอนนี้พี่หยุนหลานเป็นรองประธานซึ่งแย่งรับตำแหน่งที่เดิมควรเป็นของผู้จัดการกู้” “ทะเลาะกันที่ไหน?” “ที่ตึกสำนักงาน ตบตีกันต่อหน้าเพื่อนร่วมงานทั้งหมด ตบหน้าสองครั้ง ฉันรู้สึกโกรธแทนพี่หยุนหลานจริง ๆ หวังเมิ่งเหยาคนนั้นก็บ้าอำนาจเกินไปแล้ว เธอใช้อำนาจในฐานะเป็นนักลงทุนและประธานคณะกรรมการก็สนับสนุน เธอไม่ได้เห็นพี่หยุนหลานอยู่ในสายตาเลย เพิ่งมาเมื่อวานก็ทำให้หลายคนขุ่นเคืองไม่น้อยแล้ว ช่างเป็นมารจริง ๆ” เฉียนเสี่ยวเหวินพูดอย่างโกรธเคือง หลังจากนั้น ก็ดูเหมือนเธอจะคิดอะไรบางอย่างออก และถามอย่างตาโตว่า “หลี่โม่ คุณคงไม่ไปสั่งสอนหวังเมิ่งเหยาแทนพี่หยุนหลานหรอกใช่ไหม?” หลี่โม่ไร้ประโยชน์ขนาดนี้ กล้าทำเช่นนี้จริงหรือ?เขาอยู่ในครอบครัวกู้ แต่ไ
กู้หยุนหลานสูดหายใจ แล้วกลืนความน้อยใจทั้งหมดลงในท้อง และตอบกลับว่า “ประธานหวังพูดถูก ฉันจะไปบริษัทหรงคังเดี๋ยวนี้ และคิดแผนโครงการโดยเร็วที่สุด” พูดจบกู้หยุนหลานก็หันกลับมาหยิบกระเป๋า และกำลังจะจากไป อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าหวังเมิ่งเหยาไม่ปล่อยให้กู้หยุนหลานไปแบบนี้ เธอตรงเข้าไปดึงกระเป๋าในมือของกู้หยุนหลานและทิ้งลงบนพื้นอย่างแรง จากนั้นก็ผลักกู้หยุนหลานอย่างไม่แยแส ด่าว่า “กู้หยุนหลาน ฉันเตือนเธอไว้ อย่ามาแสแสร้งทำเป็นน่าสงสารและน้อยเนื้อต่ำใจต่อหน้าฉัน ผู้หญิงแอ๊บใสแบบเธอ ฉันเจอมาเยอะแล้ว! ถ้าเธอรู้จักกาลเทศะหล่ะก็ลาออกจากตำแหน่งรองประธานเองเลย แล้วสละตำแหน่งของเธอให้กู้ซิ่งเหว่ย ไม่อย่างนั้น ฉันทำให้เธอตายได้!” กู้หยุนหลานเหลือบมองสิ่งที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น นัยน์ตาเต็มไปด้วยน้ำตา และในที่สุดก็ไม่สามารถทนความน้อยเนื้อต่ำใจได้ ตอบกลับว่า “ประธานหวัง ฉันไม่เคยผิดใจกับคุณ ทำไมคุณถึงพุ่งเป้ามาที่ฉันแบบนี้?!" หวังเมิ่งเหยาตอบกลับอย่างเยาะเย้ยว่า “พุ่งเป้าที่เธอ? กู้หยุนหลาน เธอมองตัวเองสูงเกินไป เธอเป็นผู้หญิงชั้นต่ำ ฉันเจอมานับไม่ถ้วนแล้ว ตอนกลางวันแกล้งทำเป็นผู้หญิงบริสุท