“ไม่ไม่ไม่ ผมขอโทษ ผมขอโทษ” สูเทียนไฮ่กล่าวอย่างกังวลใจจากนั้น เขาก็จ้องหลี่โม่ด้วยความโกรธ พลันกัดฟัน และพูดอย่างรวดเร็ว “หลี่โม่ ขอโทษ”“อะไรนะ? ฉันไม่ค่อยได้ยินเลย” หลี่โม่ยิ้มและพูดด้วยรอยยิ้มอารมณ์ไม่ดี ก็ไม่ผ่านนะ“หลี่โม่!” สูเทียนไฮ่ตะโกนออกมา พร้อมกัดฟันของเขา และพูดอย่างโกรธเคือง “แกนี่ ได้คืบจะเอาศอก!”“ผู้จัดการหลินครับ คุณดูสิ…” หลี่โม่ทำแบบนี้ ไม่แฟร์เอาซะเลยหลินชิงหานถอนหายใจอย่างเย็นชาสูเทียนไฮ่ตื่นตระหนกทันที จากนั้นก็กัดฟัน และพูดเสียงดัง “ฉันขอโทษ!”หลี่โม่ส่ายหัวและพูดว่า “ประธานสู ไม่ต้องกังวลหรอก”“แก!” สูเทียนไฮ่ระเบิดออกมาอย่างรวดเร็ว เขาพยายามระงับอารมณ์ หมัดของเขาแทบจะพุ่งออกมาดี หลี่โม่ ไม่นึกเลยว่าจะรอเพื่อทำแบบนี้กับฉันอาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่งเหรอ ได้ ฉันจะยอมให้แกครั้งหนึ่งแล้วกัน ครั้งต่อไปแกโดนแน่!หลินชิงหานพูดอย่างเย็นชา “ประธานสูคะ ในเมื่อคุณไม่เต็มใจ ก็ลืมมันไปเถอะค่ะ”สูเทียนไฮ่ตะลึง เขารู้ว่าถ้าเขาทำให้หลินชิงหานไม่พอใจ ก็เท่ากับทำเรื่องเวียนนาคอนเสิร์ตฮอลล์พัง และยังทำให้เฉียวเย่ขุ่นเคืองอีกด้วย!ปัญหานี้ใหญ่ทีเดียวดังนั้น ห
หลี่โม่เห็นกู้หยุนหลานมองเขาด้วยความสงสัย และกำลังจะพูดต่อ ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นกู้หยุนหลานเหลือบมองที่เบอร์โทรดังกล่าว คิ้วก็ขมวดเล็กน้อย และพูดว่า “ไอ้คนน่ารำคาญ”จากนั้น เธอก็รับโทรศัพท์ และถามอย่างสุภาพว่า “อ้าว สูเทียนไฮ่ นายมีเรื่องอะไรเหรอ?”อีกปลายสายของโทรศัพท์ สูเทียนไฮ่รู้สึกตื่นเต้นมาก และพูดว่า “หยุนหลาน คุณได้รับบัตรเชิญแล้วใช่ไหม?”บัตรเชิญเหรอ?กู้หยุนหลานมองไปที่บัตรเชิญสีทองของเวียนนาในมือของเธอ เธอใจแป้ว ปรากฏว่าสูเทียนไฮ่เป็นคนส่งมานี่เองคิดว่าเป็นหลี่โม่เสียอีกแต่คิดแบบนี้ก็ถูกแล้วล่ะ คนอย่างหลี่โม่จะหาบัตรเชิญจากเวียนนาคอนเสิร์ตฮอลล์ ให้เธอได้อย่างไรเพราะมันราคาแพงโข“ได้รับแล้วล่ะ ขอบคุณนะ” กู้หยุนหลานยิ้ม แล้วจึงพูด “แต่ว่า ฉันคงไปตามบัตรเชิญนี้ไม่ได้หรอก…”กู้หยุนหลานแค่อยากจะบอกว่า จริง ๆ แล้วเธอไม่สามารถรับบัตรเชิญเอาไว้ได้ ส่วนสูเทียนไฮ่ก็พอจะรู้ว่าเธอจะพูดอะไรทำนองนั้น เขาจึงพูดขัดจังหวะทันที “อื้ม คุณเก็บเอาไว้เถอะ ไม่ได้มากมายอะไรเลย มันก็เป็นสิ่งที่ผมให้คุณด้วยใจ หรือไม่อย่างนั้น ถ้าคุณไม่อยากเก็บมันไว้จริง ๆ ก็ทิ้งไปเลยก็ไ
เพราะเป็นลูกเขยของเขาอย่างไรล่ะ พอปล่อยให้คนนอกมาแสดงความรักต่อลูกสาวของเขา กู้เจี้ยนหมินจึงไม่มีความสุขเล็กน้อยก็ตามความคิดเดิมนั่นแหละ แต่งกับไก่ก็ตามไก่ แต่งกับสุนัขก็ตามสุนัขหลี่โม่ในฐานะสามีของกู้หยุนหลาน อย่างในสถานการณ์เช่นนี้ยังไม่คิดจะทำอะไร ขี้ขลาดเกินไปแล้วเมื่อกู้หยุนหลานได้ยินเรื่องนี้ เธอก็หน้าแดง และรู้สึกผิดต่อหลี่โม่มากถึงอย่างไร เขาก็เป็นสามีของเธอ ทว่าดูเหมือนเธอจะไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของหลี่โม่เลยแต่ว่าเธอก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอนเสิร์ตนี้มานานมาก คุณโจ ฮิซาอิชิ คนนี้ ทำให้เธอแทบคลั่ง “หนูอิ่มแล้ว” กู้หยุนหลานวางตะเกียบลง พร้อมกับลุกขึ้น แล้วเดินเข้าห้องนอนไปเมื่อหวังฟางเห็นอย่างนี้ เธอก็จ้องไปที่กู้เจี้ยนหมิน แล้วตะโกนใส่หลี่โม่ว่า “ทั้งหมดนี้ก็เพราะแก ยังจะมาพล่ามอะไรไร้สาระ สภาพแกแบบนี้จะซื้อบัตรเข้าชมเวียนนาคอนเสิร์ตฮอลล์ได้หรือไงกัน? ดูสิ นี่ที่นั่งพิเศษสำหรับแขกคนสำคัญเชียวนะ! เป็นตั๋วหายากทีเดียว!” หลี่โม่ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาทำได้แค่นั่งกินต่อไปตกกลางคืน หลี่โม่นอนที่พื้น แต่ทำอย่างไรเขาก็นอนไม่หลับกู้หยุนหลานที่นอนอยู่ข้าง ๆ ก็นอนไม่หลับเช่นกัน
เพี๊ยะ!เสียงตบนี้ ดังลั่นไปทั่วออฟฟิศ พนักงานทั้งหมดเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าและได้ยินเสียงตบนั้น!ชายร่างใหญ่ถอนหายใจด้วยความตกใจ ไม่มีใครกล้าพูด ทุกคนจ้องมองอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ บางคนก้มศีรษะลงกู้หยุนหลานตะลึงงัน แก้มของเธอทั้งแสบและเจ็บมาก“กู้หยุนหลานใช่ไหม?”ผู้หญิงคนนั้นถามด้วยท่าทีนิ่งเฉยกู้หยุนหลานบีบกำปั้นของเธอ ทั้งสองจ้องมองกันด้วยความโกรธ กู้หยุนหลานถามว่า “เธอเป็นใคร มาตบฉันทำไม?”ทว่า ผู้หญิงคนนั้นกลับเยาะเย้ยและตบหน้ากู้หยุนหลานอีกครั้ง แล้วตะโกนว่า “ฉันชื่อหวังเมิ่งเหยา นักลงทุนรายใหม่และก็เป็นแฟนของกู้ซิ่งเหว่ยด้วย ฉันขอเตือนเธอ อย่าคิดมาแข่งขันกับซิ่งเหว่ย เพื่อแลกกับสิทธิ์ในการบริหารบริษัทในอนาคต ไม่อย่างนั้น ฉันเจอเธอเมื่อไหร่ จะตบเธอทันที!”อันพาล แถมยังลำพองตัว!นี่คือนักลงทุนรายใหม่ของบริษัทยาหยุนเซิง หวังเมิ่งเหยากู้หยุนหลานโมโหมาก ไม่คิดว่าหวังเมิ่งเหยาจะหยิ่งผยองและไร้เหตุผลขนาดนี้ดูเหมือนว่าหล่อนจะอายุแค่ยี่สิบต้น ๆ เท่านั้น และก็ไม่สามารถปรองดองกันได้แน่ ๆตอนนี้เอง กู้ซิ่งเหว่ยก็ออกมาจากสำนักงาน เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว เขาก็แกล้งทำเป็นต่อว่าหวังเ
“จริงสิ เผลอไปข่วนมันเข้าน่ะ ไม่ต้องใส่ใจหรอกน่า เลิกถามได้แล้ว”กู้หยุนหลานบังคับหลี่โม่ กลบเลื่อนอารมณ์โกรธอย่างต่อเนื่องและพูดว่า “หลี่โม่ คุณยังไม่เชื่อฉันอีกเหรอ?”ประโยคนี้ ทำเอาหลี่โม่ตกใจเขาเห็นว่ากู้หยุนหลานไม่อยากพูดถึงมัน รวมทั้งสถานะของอีกฝ่ายอาจทำให้เธอกลัวก็ได้แต่เธอเป็นผู้หญิงของหลี่โม่เชียวนะ นายหญิงแห่งแดนมังกร!ในโลกนี้ ใครหน้าไหนก็อย่ามาแหยม!ใครรังแกเธอล่ะก็ จะต้องอัดให้จมดินสถานเดียว!เขาหายใจเข้าลึก ๆ หลี่โม่เอื้อมมือไปปาดแก้มอันบอบบางของเธอ แล้วถามอย่างอ่อนโยนและกังวลใจว่า “เจ็บไหม?”ดวงตาของกู้หยุนหลานเป็นประกาย เธอส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก เจ็บนิดหน่อยเอง ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไรเลย คราวหน้านายอย่าโกรธแบบนี้ได้ไหม มันน่ากลัว ฉันคิดว่าตอนนี้…”เมื่อสักครู่กู้หยุนหลานรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า หลี่โม่โกรธเหมือนสิงโตและไร้เหตุผลมากทีเดียว ความโกรธที่พลุ่งพล่านของเขานั้น ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าเขาสามารถฉีกโลกทั้งใบออกจากกันได้ภายในพริบตาน่าสะพรึงกลัว!นี่ใช่หลี่โม่ที่อยู่กับเธอมาตลอดสี่ปีหรือเปล่านะ?หลี่โม่พยักหน้า แม้ในใจจะรับไม่ได้ทว่า เนื่องจา
เฉียนเสี่ยวเหวินชะงัก และเช็ดปากเล็ก ๆ ของเธอด้วยสีหน้าที่หงิกงอ ในที่สุดก็พยักหน้าตอบกลับว่า“ฉันบอกคุณก็ได้ แต่คุณห้ามบอกว่าฉันเป็นคนพูด พี่หยุนหลานถูกนักลงทุนจากบริษัทของเราตบตี หล่อนชื่อหวังเมิ่งเหยาเป็นแฟนสาวของกู้ซิ่งเหว่ย” “ตีกู้หยุนหลานทำไม?” “ก็หวังเมิ่งเหยาเป็นแฟนสาวของผู้จัดการกู้นี่นา คงอยากออกหน้าจัดการเพื่อผู้จัดการกู้ ในที่สุดตอนนี้พี่หยุนหลานเป็นรองประธานซึ่งแย่งรับตำแหน่งที่เดิมควรเป็นของผู้จัดการกู้” “ทะเลาะกันที่ไหน?” “ที่ตึกสำนักงาน ตบตีกันต่อหน้าเพื่อนร่วมงานทั้งหมด ตบหน้าสองครั้ง ฉันรู้สึกโกรธแทนพี่หยุนหลานจริง ๆ หวังเมิ่งเหยาคนนั้นก็บ้าอำนาจเกินไปแล้ว เธอใช้อำนาจในฐานะเป็นนักลงทุนและประธานคณะกรรมการก็สนับสนุน เธอไม่ได้เห็นพี่หยุนหลานอยู่ในสายตาเลย เพิ่งมาเมื่อวานก็ทำให้หลายคนขุ่นเคืองไม่น้อยแล้ว ช่างเป็นมารจริง ๆ” เฉียนเสี่ยวเหวินพูดอย่างโกรธเคือง หลังจากนั้น ก็ดูเหมือนเธอจะคิดอะไรบางอย่างออก และถามอย่างตาโตว่า “หลี่โม่ คุณคงไม่ไปสั่งสอนหวังเมิ่งเหยาแทนพี่หยุนหลานหรอกใช่ไหม?” หลี่โม่ไร้ประโยชน์ขนาดนี้ กล้าทำเช่นนี้จริงหรือ?เขาอยู่ในครอบครัวกู้ แต่ไ
กู้หยุนหลานสูดหายใจ แล้วกลืนความน้อยใจทั้งหมดลงในท้อง และตอบกลับว่า “ประธานหวังพูดถูก ฉันจะไปบริษัทหรงคังเดี๋ยวนี้ และคิดแผนโครงการโดยเร็วที่สุด” พูดจบกู้หยุนหลานก็หันกลับมาหยิบกระเป๋า และกำลังจะจากไป อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าหวังเมิ่งเหยาไม่ปล่อยให้กู้หยุนหลานไปแบบนี้ เธอตรงเข้าไปดึงกระเป๋าในมือของกู้หยุนหลานและทิ้งลงบนพื้นอย่างแรง จากนั้นก็ผลักกู้หยุนหลานอย่างไม่แยแส ด่าว่า “กู้หยุนหลาน ฉันเตือนเธอไว้ อย่ามาแสแสร้งทำเป็นน่าสงสารและน้อยเนื้อต่ำใจต่อหน้าฉัน ผู้หญิงแอ๊บใสแบบเธอ ฉันเจอมาเยอะแล้ว! ถ้าเธอรู้จักกาลเทศะหล่ะก็ลาออกจากตำแหน่งรองประธานเองเลย แล้วสละตำแหน่งของเธอให้กู้ซิ่งเหว่ย ไม่อย่างนั้น ฉันทำให้เธอตายได้!” กู้หยุนหลานเหลือบมองสิ่งที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น นัยน์ตาเต็มไปด้วยน้ำตา และในที่สุดก็ไม่สามารถทนความน้อยเนื้อต่ำใจได้ ตอบกลับว่า “ประธานหวัง ฉันไม่เคยผิดใจกับคุณ ทำไมคุณถึงพุ่งเป้ามาที่ฉันแบบนี้?!" หวังเมิ่งเหยาตอบกลับอย่างเยาะเย้ยว่า “พุ่งเป้าที่เธอ? กู้หยุนหลาน เธอมองตัวเองสูงเกินไป เธอเป็นผู้หญิงชั้นต่ำ ฉันเจอมานับไม่ถ้วนแล้ว ตอนกลางวันแกล้งทำเป็นผู้หญิงบริสุท
เดือดแล้ว! มังกรมีเกร็ดย้อน ใครกล้าแตะต้องตาย! หลี่โม่รีบพุ่งไปข้างหน้า คว้ามือของหวังเมิ่งเหยาที่กำลังจะตบอีกฝ่าย แล้วผลักเธอออกไป! เขามองไปที่กู้หยุนหลานที่กำลังสั่นสะท้านไปทั้งตัว รอยฝ่ามือสีแดงสดบนใบหน้าเธอทำให้ตาทั้งคู่ของเขาลุกเป็นไฟ! เจตนาฆ่าที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ปะทุออกมาจากหลี่โม่อย่างสมบูรณ์ในเวลานี้! “หยุนหลาน ผมขอโทษ ผมมาช้าไป” หลี่โม่พูดเบา ๆ แล้วดึงเสื้อหนังกันลมจากบนโซฟามาคลุมร่างที่อ่อนแอของกู้หยุนหลาน เมื่อกู้หยุนหลานเห็นหลี่โม่มาถึง น้ำตาในดวงตาเธอก็ไหลไม่หยุด เขาปรากฏตัวแล้ว คือหลี่โม่ที่ปรากฏตัวในช่วงเวลาที่เธอรู้สึกท้อแท้ หมดหนทาง และสิ้นหวังที่สุด เธอร้องไห้คร่ำครวญเสียงดัง โผเข้าอ้อมกอดของหลี่โม่ “หลี่โม่...พาฉันกลับบ้าน พาฉันกลับบ้านที...” เสียงร้องอันเจ็บปวดนี้ทำให้หัวใจของหลี่โม่แหลกสลายเป็นชิ้นๆ กู้หยุนหลานร้องไห้ ทำให้โลกทั้งใบของหลี่โม่จะแตกสลาย! ในโลกใบนี้ไม่มีใครรังแกกู้หยุนหลานได้! ไม่มี! ไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่ว่าภูมิหลังของเธอจะเป็นอย่างไร ถึงแม้ว่าจะเป็นราชาแห่งสวรรค์ หลี่โม่ก็จะลงมือถึงตาย ลงมือถึงตายด้วยตัวเขาเอง! หลี่โม่สูดหายใจ
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา