คุณท่านกู้มองผ่านเหล่าทายาททั้งหลายไป เขาเห็นชายอีกคนเดินเข้ามา เขายกมือขึ้นและตะโกนว่า "นายจะพูดอะไร?"ชายอีกคนทำหน้ามึนงง และก้าวไปข้างหน้าอย่างเคารพ แล้วรายงานว่า "คุณ...คุณท่านครับ เมื่อสักครู่นี้ มีคนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาส่งหนังสือแจ้งมาว่า บริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมมีการละเมิดกฎหมายหลายครั้ง และสั่งให้พวกเราจัดการแก้ไขภายในเจ็ดวัน และส่งสำเนาเอกสารให้เรียบร้อย ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะมายึดบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมหลังจากเจ็ดวันครับ"หลังจากเขาพูดจบ คุณท่านกู้ก็เกิดอาการชักขึ้น“พ่อครับ… รีบไปเรียกหมอมา!” กู้เจี้ยนกั๋วตะโกนครึ่งชั่วโมงต่อมา ภายในบ้านต้นตระกูลกู้ต่างก็มีคนมากมายเฝ้าอยู่รอบ ๆ เตียงของชายชรา“คุณพ่อครับ พ่อฟื้นแล้วเหรอครับ?” กู้เจี้ยนกั๋วเห็นชายชราลืมตาขึ้นก็รีบก้าวไปข้างหน้ากู้ซิ่งเหว่ยก็เอนตัว และแสร้งทำเป็นร้องไห้ "คุณปู่ครับ ในที่สุดคุณปู่ก็ฟื้นแล้ว"ทุกคนในตระกูลกู้ต่างก้มหน้าร้องไห้คนที่ไม่รู้คงจะคิดว่าคุณท่านกู้คงได้ล่วงลับไปแล้วลูกชายคนโตช่วยประคองชายชราให้ลุกขึ้น สีหน้าของเขาซีดเซียว เขาเหลือบมองไปที่ทายาททั้งหลาย และถามกู้เจี้ยนกั๋วกับกู้ซิ่งเ
คำพูดของกู้ชิงหลินดึงดูดความสนใจจากทุกคนในทันทีสายตาของทุกคนจับจ้องไปที่กู้ชิงหลิน เธอรู้สึกกลัวเล็กน้อย และพูดอย่างอ่อนแรงว่า "ฉัน... ฉันพูดอะไรผิดไปเหรอ?""ไม่ผิด ไม่ผิดเลย!"แววตาของคุณท่านกู้ก็สดใสขึ้นมาทันที และเขาพูดอย่างมีความสุขว่า “ใช่แล้ว หรงคังกรุ๊ป ตราบใดที่บริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมของเราเซ็นสัญญาความร่วมมือกับหรงคังกรุ๊ป มันก็จะสามารถช่วยบรรเทาสถานการณ์ในตอนนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเราเซ็นสัญญาความร่วมมือกับหรงคังกรุ๊ปสำเร็จ ชื่อเสียงของเราที่หายไป และบริษัทคู่ค้าพวกนั้น ก็อาจกลับมาหาเราเพื่อขอความร่วมมืออีกครั้ง”ทันใดนั้น ทุกคนในตระกูลกู้ก็เริ่มพูดคุยกันอย่างตื่นเต้นอีกครั้งหากพวกพวกเขาผ่านพ้นวิกฤตินี่ไปได้ โชคก็กำลังรอพวกเขาอยู่!รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของกู้เจี้ยนกั๋ว และพูดว่า "พ่อครับ สิ่งที่พ่อพูดถูกแล้วครับ ตอนนี้ สิ่งที่เราต้องทำคือจัดการกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเท่านั้น!"แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงเย็นชาดังขึ้นทำลายความตื่นเต้น และความดีใจของทุกคน“อย่าลืมสิครับ ตอนนี้สัญญานั่นอยู่ในมือของกู้หยุนหลาน”สิ่งที่กู้ซิ่งเหว่ยพูดนั้นทำลายความตื่นเต้นของบรรดาญาต
เมื่อกู้ซิ่งเหว่ยได้ยินเสียงของหลี่โม่จากอีกด้านของโทรศัพท์ เขาก็เหลือบมองคุณท่านกู้ และกู้เจี้ยนกั๋วข้าง ๆ แล้วตะโกนอย่างเหลืออด "หลี่โม่? อย่าพูดเรื่องไร้สาระ ไปเรียกกู้หยุนหลานให้มารับสายเดี๋ยวนี้!""หึหึ"หลี่โม่ยิ้มจาง ๆ และกดปุ่มวางสาย จากนั้นก็กดปิดเครื่อง แล้วโยนมันทิ้งไว้อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ เมื่อกู้ซิ่งเหว่ยได้ยินเสียงตู๊ด ๆ จากโทรศัพท์ ทันใดนั้นเขาก็ตะโกนออกมาด้วยความสิ้นหวัง “คุณปู่ครับ ดูไอ้หลี่โม่นี่สิครับ เขารู้จักคำว่ามารยาทบ้างไหม? กล้าดียังไงมาวางสายใส่ผม! ไม่ ผมไม่ยอม ผมจะโทรอีก!”แต่เมื่อเขาโทรไปอีกครั้ง โทรศัพท์ก็ปิดเครื่องไปแล้ว“บ้าเอ๊ย ปิดเครื่องงั้นเหรอ?”กู้ซิ่งเหว่ยโกรธมาก และตะโกนว่า "โกหกว่าออกไปเที่ยว ถ้าออกไปเที่ยวทำไมเธอถึงไม่เอาโทรศัพท์ไปด้วย? นี่มันข้ออ้างชัด ๆ !"สีหน้าของคุณท่านกู้ดูมืดมนมาก เขาเหลือบไปมองที่กู้เจี้ยนกั๋วกับกู้ซิ่งเหว่ย แล้วพูดว่า "เรื่องนี้จะชักช้าไม่ได้แล้ว พวกแกจะต้องหาทางแก้ปัญหาให้ได้โดยเร็วที่สุด"“แต่คุณปู่ครับ ก็เห็นนี่ครับว่า กู้หยุนหลานไม่ต้องการมอบสัญญาให้กับเรา” กู้ซิ่งเหว่ยพูด“นั่นมันเรื่องของแก ถ้าเธอไม่เอ
เมื่อเธอพูดแบบนี้ออกไป ในใจของกู้หยุนหลานก็สั่นไหว ทำไมเธอถึงคิดแบบนั้นกันนะ?ต่อให้หลี่โม่จะมีอำนาจ แต่เขาจะสามารถทำให้บริษัทหลายแห่งเลือกที่จะตัดความร่วมมือกับบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมได้เลยอย่างนั้นหรือ?ต้องมีอำนาจน่าสะพรึงขาดไหนถึงจะทำอะไรแบบนี้ได้?ดังนั้น กู้หยุนหลานก็คิดได้ว่าคำพูดที่พูดออกไป เธอรู้สึกว่าเธอคงจะคิดมากไปเองส่วนหลี่โม่ ในใจของเขาก็สั่นไหวเหมือนกัน เขาเหลือบไปมองที่ใบหน้าของกู้หยุนหลาน และต้องการอธิบายว่า "หยุนหลาน ที่จริงแล้ว..."“ไม่เป็นไร คุณไม่ต้องอธิบายหรอก ฉันคงคิดมากไปเอง คุณจะมีความสามารถ หรือมีอำนาจมากมายขนาดนั้นได้ยังไงกัน คุณก็เป็นแค่ลูกเขยที่ครอบครัวของเรารับเข้ามา” กู้หยุนหลานหัวเราะเยาะอย่างไม่ยอมรับมีผู้หญิงึนไหนบ้างล่ะ ที่จะไม่อยากให้สามีของตัวเองประสบความสำเร็จ และเป็นที่ชื่นชมนับถือของคนอื่น?แต่ว่า นั่นมันก็แค่เรื่องที่เธอคิดไปเองกู้หยุนหลานรู้ดีว่าหลี่โม่เป็นคนแบบไหน และสถานะของเขาคืออะไรหลี่โม่เหลือบไปมองที่กู้หยุนหลาน เขายิ้มที่มุมปาก และไม่พูดอะไรไม่นานนักเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น หลี่โม่บอกกู้หยุนหลานให้กลับไปที่ห้องนอน และไม่ต้
แต่ว่าหลี่โม่เป็นแค่ไอ้คนไร้ประโยชน์ เขามีสิทธิ์อะไรถึงกล้ามาพูดแบบนี้กับพวกเขา?“หุบปาก! แกมีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้? พวกเราต้องการพบกู้หยุนหลาน!” กู้เจี้ยนกั๋วตะโกนด้วยเสียงที่หนักแน่น“ทำไมจะไม่มีสิทธิ์? หยุนหลานเป็นภรรยาของผม ธุระของเธอก็เหมือนธุระของผมเหมือนกัน ตอนนี้เธอไม่อยู่ที่นี่ และผมก็เป็นเจ้าของบ้าน” หลี่โม่พูด"แกเป็นเจ้าของเหรอ?"เมื่อได้ยินแบบนี้ กู้เจี้ยนกั๋วและกู้ซิ่งเหว่ยก็หัวเราะเยาะกู้ซิ่งเหว่ยโน้มตัวไปข้างหน้า และเยาะเย้ย "หลี่โม่ แกรู้ไหมว่า แกพูดแบบนี้เหมือนคนโง่เลย? บ้านนี้ มีคนที่ชื่อหลี่โม่เป็นเจ้าของงั้นเหรอ?"“แล้วอีกอย่าง ทุกคนเขาก็รู้กันหมดว่า กู้หยุนหลานได้เซ็นสัญญากับหรงคังกรุ๊ปได้ยังไง! แกคงจะมีความสุขมากที่โดนสวมเขา แล้วยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะฉันอีก!” กู้ซิ่งเหว่ยมองหลี่โม่อย่างเย้ยหยันสายตาของหลี่โม่แข็งกร้าว เขากำหมัดแน่น!แน่นอนว่าเขารู้ดีที่สุดว่า กู้หยุนหลานได้สัญญานี้มาได้อย่างไร และเห็นได้ชัดว่าคำพูดของกู้ซิ่งเหว่ยนั้นเป็นการใส่ร้ายเขาก้าวไปข้างหน้าด้วยสายตาที่เย็นชา และจ้องมองที่กู้ซิ่งเหว่ยระยะใกล้ เหมือนเป็นการบ่งบอกว่าอยากจะฆ่าให้ตา
สองพ่อลูกกู้เจี้ยนกั๋วและกู้ซิ่งเหว่ย ในขณะนี้สีหน้าของดูน่าเกลียดมาก พวกเขาจ้องมองที่หลี่โม่อย่างขมขื่น และตะโกนว่า "ยังไม่ไปอีกเหรอ?"หลี่โม่ยิ้ม และไม่พูดอะไร เขาหันหลังกลับเข้าไปในบ้าน กู้ซิ่งเหว่ยยิ้มอย่างเย็นชา และเดินตามเข้าไปปัง!เสียงประตูปิดกู้ซิ่งเหว่ยยืนอยู่หน้าประตู จมูกของเขามีเลือดออกเพราะชนเข้ากับประตู เขาจึงตะโกนทันทีว่า "หลี่โม่! ไอ้ขยะ แกกล้าทำแบบนี้กับฉัน ฉันจะไม่ยกโทษให้แกแน่!"กู้เจี้ยนกั๋วรู้สึกสงสารลูกชายของเขา หลังจากถามไปสองสามครั้ง เขาก็พูดอย่างโกรธเคือง "หลี่โม่คนนี้ช่างหน้าด้านมากขึ้นเรื่อย ๆ"“พ่อครับ เมื่อกี้พ่อว่าไงนะ? พวกเราจะก้มหน้าขอโทษจริง ๆ เหรอ?”กู้ซิ่งเหว่ยไม่อยากเชื่อ เขาต้องขอโทษยัยตัวแสบอย่างกู้หยุนหลาน เขารู้สึกเหมือนเขากำลังจะตายกู้เจี้ยนกั๋วส่ายหัว และถอนหายใจ แล้วพูดว่า "ตอนนี้เราจะทำอะไรได้อีก? ไม่อย่างนั้น เราก็เข้าไปไม่ได้"ทันใดนั้น กู้ซิ่งเหว่ยก็เงียบลงด้วยสายตาที่เย็นชากู้เจี้ยนกั๋วหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นก็กดกริ่ง และพูดอย่างจริงใจว่า "เจี้ยนหมิน เปิดประตูหน่อย ฉันมีเรื่องจะคุยกับแก"หลังจากนั้นไม่นาน หลี่โม่ก็เปิดประตู
ส่วนหลี่โม่ก็ยืนดู และฟังอย่างเงียบ ๆดูเหมือนว่า คุณท่านกู้จะกดดันกู้เจี้ยนกั๋วอย่างมาก ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ถ่อมาขอร้องแบบนี้“คงจะไม่ได้หรอก เราจะช่วยพวกคุณได้ยังไง? ดูในที่ประชุมสิ พวกคุณทำกับลูกสาวฉันยังไง พวกพี่ไล่เธอออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการ!” หวังฟางพูดอย่างระมัดระวังด้วยสีหน้าเย็นชา และปฏิเสธ“น้องรอง น้องสะใภ้ เรื่องนี้พี่กับซิ่งเหว่ยพิจารณาไม่ดีเอง แต่ไม่ต้องกังวลนะ ตำแหน่งผู้อำนวยการของหยุนหลานยังคงเป็นของเธอ แต่ถ้าบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมล้มละลาย ตำแหน่งผู้อำนวยการก็จะหายไปเหมือนกัน ดังนั้นพี่ก็หวังว่าน้องรองและน้องสะใภ้จะช่วยพูดให้หน่อย เหมือนเป็นการทำบุญทำทาน และยังเป็นการช่วยตัวเองด้วย” กู้เจี้ยนกั๋วพูดหวังฟางหันไป และเหลือบมองที่กู้เจี้ยนหมิน เธอคิดว่ากู้เจี้ยนกั๋วพูดถูกถ้าบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมล้มละลาย แล้วตระกูลกู้จะเหลืออะไร?อย่างนั้นพวกเขาก็คงต้องช่วยจริง ๆหวังฟางเลิกคิ้วมองหลี่โม่อย่างไม่พอใจ และถามว่า "หยุนหลานอยู่ไหน?"“เธอไปเที่ยวกับจินช่านน่าครับ” หลี่โม่พูด“ไปเที่ยวเหรอ? ทำไมจู่ ๆ ถึงไปเที่ยวล่ะ?” หวังฟางขมวดคิ้ว เธอหันหลัง และเดินไปยังห้องนอนของก
“เปลี่ยนอะไร มันจะเปลี่ยนแปลงอะไรไปได้ล่ะ มันก็แค่คนไร้ประโยชน์ ทำไม แกยังคิดว่ามันจะเป็นลูกเศรษฐีเหรอไง? อย่าฝันไปเลยลูกแม่ นี่มันโลกความเป็นจริง หลี่โม่สามารถให้อะไรแกได้บ้าง? ให้อะไรแม่กับพ่อได้บ้างไหม?” หวังฟางพูดอย่างโกรธเคืองกู้หยุนหลานรู้สึกว่าเธอไม่อยากคุยกับแม่ของเธอแล้ว ดังนั้นเธอจึงนอนลงบนเตียง แล้วพูดว่า "ยังไงหนูก็จะไม่หย่ากับเขาอยู่ดี ถ้าแม่ชอบฉวีเทียนไห่ แม่ก็แต่งงานกับเขาเองสิ"ฮะ...เมื่อได้ยินแบบนี้ หวังฟางก็หงุดหงิด เธอตีก้นกู้หยุนหลานสองที และด่าว่า "นี่แกตั้งใจทำให้ฉันโมโหใช่ไหม? ถ้าฉันยังสาว ฉันคงจะแต่งงานกับฉวีเทียนไห่ไปนานแล้ว!"หลังจากนั้น อารมณ์ของหวังฟางก็ค่อย ๆ อ่อนลง และเธอก็แนะนำด้วยความห่วงใย “หยุนหลาน ไม่ใช่ว่าแม่จะกดดัน หรือบังคับแกนะ แต่แกควรจะคิดถึงอนาคตของตัวแกเอง แกอยากจะใช้ทั้งชีวิตไปกับคนอย่างหลี่โม่เหรอ? ถ้าแกจะไม่นึกถึงตัวเอง แกก็นึกถึงซีซีสิ ถ้าซีซีโตขึ้นมาเห็นว่าพ่อของตัวเองไร้ค่า แล้วเพื่อน ๆ ของหลานล่ะ จะมองหลานยังไง?”กู้หยุนหลานดึงผ้าห่มมาคลุมทั้งตัวทั้งหัวหวังฟางจ้องอย่างโกรธเคือง และพูดว่า “ลองคิดเอาเองแล้วกัน ฉันจะไม่กดดัน หรื