หลี่โม่หันศีรษะ พร้อมพยักหน้าอย่างจริงจัง และกล่าวว่า “ใช่ อีกไม่นานหรอก”เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ หวังฟางก็มองไปที่หลี่โม่ด้วยความรังเกียจ และถามด้วยน้ำเสียงดุว่า “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับแก? เรื่องวันนี้ในที่ประชุม เป็นเพราะแกยุยงกู้หยุนหลานใช่ไหม?”เมื่อคิดถึงตรงนี้ หวังฟางก็มองไปที่กู้หยุนหลานอย่างกังวลใจ และถามว่า “กู้หยุนหลาน บอกความจริงกับแม่สิ หลี่โม่เป็นคนสั่งให้ทำแบบนี้ใช่ไหม? แค่แกพูดออกมา เราจะได้แก้ปัญหาได้ทัน แค่ขอโทษคุณปู่ก็โอเคแล้ว”“แม่คะ พอแล้ว อย่าเพิ่งกวนหนูเลยนะ ตอนนี้หนูสับสนมาก แม่ให้หนูสงบสติอารมณ์ก่อนได้ไหม?” กู้หยุนหลานพูดอย่างไม่พอใจ“ตอนนี้มันใช่เวลาให้แกมาสงบสติอารมณ์เหรอ? ดูท่าแกคงโดนไอ้ไร้ประโยชน์นี่มันทำของใส่ แกจะเชื่อสิ่งที่มันพูดใช่ไหม? กู้หยุนหลาน แม่คิดว่าแกบ้าไปแล้ว!” หวังฟางชี้ไปที่กู้หยุนหลานอย่างโมโห พร้อมกับตบหน้าลูกสาวของเธอไปหนึ่งทีเธอจะต้องเสียใจไปจนตาย ที่แต่งงานกับไอ้คนไร้ประโยชน์นี่ในเมื่อทุกอย่างเป็นแบบนี้ ครอบครัวนี้ก็คงจะจบเห่แล้วล่ะด้วยการตบนี้ ทำให้กู้หยุนหลานตะลึง น้ำตาในดวงตาของเธอไหลนอง สีหน้าของหลี่โม่เยือกเย็นทันใด เขารี
เธอรู้ว่า จากสถานการณ์ตอนนี้ สัญญากับหรงคังกรุ๊ปต้องแฝงอะไรสักอย่างเมื่อพันธมิตรเหล่านี้ถอนตัวจากบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมแล้ว บริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมจะเผชิญกับสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของการไม่มีคำสั่งซื้อ และการขนส่งสินค้าใด ๆ กำไรลดลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็จะเกิดการเลิกจ้าง และล้มละลายในที่สุด...ในเวลานั้น ความร่วมมือของหรงคังกรุ๊ปจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่สามารถช่วยบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมเอาไว้ได้!นี่คือสิ่งที่หลี่โม่พูด คุณปู่และพวกเขาจะมาขอร้องเรื่องข้อเสนอกับเธออย่างนั้นเหรอ?“รอไปก่อน”หลี่โม่ยืนพิงประตูและพูดคำนี้เบา ๆกู้หยุนหลานก็เงยหน้าขึ้นมองหลี่โม่ ตอนนี้เธอรู้สึกว่า เธอมองเขาไม่ทะลุปรุโปร่งเลยเสียทีเดียวหลี่โม่เหมือนเป็นคนละคน เขาทั้งมีความคิดลึกซึ้ง และแถมฉลาดเป็นกรดอีกด้วย“หลี่โม่ คุณกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่ คุณเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องพวกนี้งั้นเหรอ?”กู้หยุนหลานถามทันทีหลี่โม่ยิ้ม เขาเอามือเกาหัวและพูดว่า “ก็คุณเป็นภรรยาของผม ผมก็ควรใส่ใจเรื่องประจำวันของคุณน่ะสิ เพราะผมก็ยังคงพึ่งพาคุณ ก็เลยต้องใส่ใจเรื่องการงานและการเงินภรรยาเสมอไงล่ะ”คำพูดนี้ตรงไปตรงมาท
เสียงนี้ทำให้หลี่โม่ตื่นตระหนก เขารีบวางโทรศัพท์แล้วยิ้ม "ไม่มีอะไร เรื่องไปงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ร้าน ผมคิดว่าไว้แล้วว่าจะไม่ไป"เมื่อกู้หยุนหลานได้ยินแบบนั้น เธอถามทันทีด้วยสีหน้าไม่พอใจ "ทำไมถึงไม่ยอมไป? กลัวโดนหัวเราะเยาะเหรอ? หรือคุณไม่มีเงินจ่าย บอกมาว่าต้องใช้เท่าไหร่"เมื่อวานนี้หลี่โม่โกหกอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขาครุ่นคิดแล้วก็พูดว่า "ห้าพันบาท"จากนั้น เขาก็เห็นกู้หยุนหลานเดินกลับไปหยิบกระเป๋าที่โซฟา เธอหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา แล้วหยิบธนบัตรออกมาหลายใบเธอก็เดินมาหาหลี่โม่ มือเล็ก ๆ ของเธอที่ถือธนบัตรอยู่นั้นยื่นให้หลี่โม่ แล้วพูดว่า "นี่เงินหนึ่งหมื่นบาทค่ะ คุณเอาไปจ่ายค่างานเลี้ยงอาหารค่ำแล้วกันนะ"หลี่โม่ตกตะลึง เขาไม่ได้หวังว่ากู้หยุนหลานจะให้เงินเขามากมายขนาดนี้ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และถามว่า "ทำไมคุณถึงให้เงินผมมากขนาดนี้ล่ะ?"กู้หยุนหลานขมวดคิ้วทำหน้ามุ่ย แสร้งทำเป็นโกรธ และพูดว่า "ฉันไม่อยากให้คุณทำให้ฉันขายหน้า สามีของกู้หยุนหลานสู้คนอื่นไม่ได้ ถึงแม้ว่าฉันจะมีไม่มาก แต่ฉันก็ยังพอมี"หมับหลังพูดจบ กู้หยุนหลานก็เอาเงินยัดใส่ในมือของหลี่โม่แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงตำหนิ
"ต้องใช่แน่ ๆ ครับ!"กู้เจี้ยนกั๋วพยักหน้า และพูดว่า "พ่อครับ พ่อลองคิดดูสิครับ ในที่ประชุมวันนี้ กู้หยุนหลานต่อต้านพ่อมาก นี่มันผิดปกติ ในความคิดของผม ครั้งนี้จะต้องมีคนคอยยุยงให้กู้หยุนหลานทำแบบนั้น ต้องเป็นแบบนั้นแน่ ๆ ครับ”คุณท่านกู้ทำเสียงโกรธ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความจริงจังเรื่องบางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องพูดทั้งหมด เพราะมันสามารถเดาได้จากคำพูดเพียงไม่กี่คำเห็นได้ชัดว่าคุณท่านกู้ก็เป็นคนแบบนั้น และเขาเดาได้จากคำพูดสองสามประโยคที่กู้เจี้ยนกั๋วพูดได้หึ!คุณท่านกู้พ่นลมหายใจอย่างเย็นชา และตะโกนว่า “หลี่โม่!”เพราะในที่ประชุม กู้หยุนหลานได้ขอให้พวกเขาขอโทษหลี่โม่ไม่มีทางหลี่โม่เป็นแค่ขยะ เรื่องอะไรที่พวกเขาจะต้องไปขอโทษมัน?ไม่จำเป็นเลย!มันคงเป็นไปได้แค่อย่างเดียว หลี่โม่ต้องอยู่เบื้องหลังแน่เมื่อได้ยินชื่อนี้จากปากคุณท่านกู้ กู้ซิ่งเหว่ยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และเขาก็พูดยุยงให้เกิดการหย่า "คุณปู่ครับ หลี่โม่คนนี้ เราจะต้องระวังเขาไว้ คราวที่แล้วมันกล้าต่อต้านคุณปู่ เห็นได้ชัดว่า ไอ้ขยะนี่มันมีแผนซ่อนอยู่! ถ้าเราไม่ระวัง บางทีวันหนึ่ง บริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมอาจจะต
อะไรนะ?โรงงานผลิตยาเทียนเชิง ขอตัดความร่วมมือกับบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรม?คุณท่านกู้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? เราต่างก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันนี่ ทำไมจู่ ๆ เขาถึงขอตัดความร่วมมือกับเราล่ะ?”แม่บ้านรีบพูดว่า “ดิฉันถามแล้วค่ะคุณท่าน พวกเขาอธิบายว่า ไม่นานมานี้โรงงานของพวกเขาไม่ได้กำไรเลย พวกเขาจึงจำเป็นต้องลดพนักงานจำนวนมาก และพวกเขาก็ต้องขอตัดความร่วมมือกับบริษัทยาหลายแห่ง บริษัทของเราก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ”เมื่อได้ยินแบบนั้น ทุกคนในตระกูลกู้ที่อยู่ในห้องโถงตอนนี้ก็รู้สึกสงสัยกู้ซิ่งเหว่ยและกู้เจี้ยนกั๋วต่างก็ชำเลืองมองกัน จากนั้นกู้ซิ่งเหว่ยก็ยืนขึ้น และพูดว่า "คุณปู่ครับ มันก็แค่โรงงานผลิตยาเทียนเชิง ไม่เป็นไรหรอกครับ พวกเขาไม่ค่อยมีความจำเป็นกับเรามากนัก มันก็แค่ประมาณสิบล้านต่อปีเอง"“ซิ่งเหว่ยพูดถูกครับพ่อ พ่ออย่ากังวลไปเลย พรุ่งนี้ผมจะคุยกับโรงงานผลิตยาที่ใหม่ให้เอง” กู้เจี้ยนกั๋วพูดด้วยรอยยิ้มคุณท่านกู้ก็พยักหน้า เขาเริ่มโล่งใจลงเล็กน้อย และพูดว่า “อืม เจี้ยนกั๋ว พรุ่งนี้แกต้องรีบไปคุยนะ เพราะใกล้จะกลางปีแล้ว และก็ควรวางแผนสำหรับครึ่งป
คุณท่านกู้มองผ่านเหล่าทายาททั้งหลายไป เขาเห็นชายอีกคนเดินเข้ามา เขายกมือขึ้นและตะโกนว่า "นายจะพูดอะไร?"ชายอีกคนทำหน้ามึนงง และก้าวไปข้างหน้าอย่างเคารพ แล้วรายงานว่า "คุณ...คุณท่านครับ เมื่อสักครู่นี้ มีคนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาส่งหนังสือแจ้งมาว่า บริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมมีการละเมิดกฎหมายหลายครั้ง และสั่งให้พวกเราจัดการแก้ไขภายในเจ็ดวัน และส่งสำเนาเอกสารให้เรียบร้อย ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะมายึดบริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมหลังจากเจ็ดวันครับ"หลังจากเขาพูดจบ คุณท่านกู้ก็เกิดอาการชักขึ้น“พ่อครับ… รีบไปเรียกหมอมา!” กู้เจี้ยนกั๋วตะโกนครึ่งชั่วโมงต่อมา ภายในบ้านต้นตระกูลกู้ต่างก็มีคนมากมายเฝ้าอยู่รอบ ๆ เตียงของชายชรา“คุณพ่อครับ พ่อฟื้นแล้วเหรอครับ?” กู้เจี้ยนกั๋วเห็นชายชราลืมตาขึ้นก็รีบก้าวไปข้างหน้ากู้ซิ่งเหว่ยก็เอนตัว และแสร้งทำเป็นร้องไห้ "คุณปู่ครับ ในที่สุดคุณปู่ก็ฟื้นแล้ว"ทุกคนในตระกูลกู้ต่างก้มหน้าร้องไห้คนที่ไม่รู้คงจะคิดว่าคุณท่านกู้คงได้ล่วงลับไปแล้วลูกชายคนโตช่วยประคองชายชราให้ลุกขึ้น สีหน้าของเขาซีดเซียว เขาเหลือบมองไปที่ทายาททั้งหลาย และถามกู้เจี้ยนกั๋วกับกู้ซิ่งเ
คำพูดของกู้ชิงหลินดึงดูดความสนใจจากทุกคนในทันทีสายตาของทุกคนจับจ้องไปที่กู้ชิงหลิน เธอรู้สึกกลัวเล็กน้อย และพูดอย่างอ่อนแรงว่า "ฉัน... ฉันพูดอะไรผิดไปเหรอ?""ไม่ผิด ไม่ผิดเลย!"แววตาของคุณท่านกู้ก็สดใสขึ้นมาทันที และเขาพูดอย่างมีความสุขว่า “ใช่แล้ว หรงคังกรุ๊ป ตราบใดที่บริษัทหยุนเชิงเภสัชกรรมของเราเซ็นสัญญาความร่วมมือกับหรงคังกรุ๊ป มันก็จะสามารถช่วยบรรเทาสถานการณ์ในตอนนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเราเซ็นสัญญาความร่วมมือกับหรงคังกรุ๊ปสำเร็จ ชื่อเสียงของเราที่หายไป และบริษัทคู่ค้าพวกนั้น ก็อาจกลับมาหาเราเพื่อขอความร่วมมืออีกครั้ง”ทันใดนั้น ทุกคนในตระกูลกู้ก็เริ่มพูดคุยกันอย่างตื่นเต้นอีกครั้งหากพวกพวกเขาผ่านพ้นวิกฤตินี่ไปได้ โชคก็กำลังรอพวกเขาอยู่!รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของกู้เจี้ยนกั๋ว และพูดว่า "พ่อครับ สิ่งที่พ่อพูดถูกแล้วครับ ตอนนี้ สิ่งที่เราต้องทำคือจัดการกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเท่านั้น!"แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงเย็นชาดังขึ้นทำลายความตื่นเต้น และความดีใจของทุกคน“อย่าลืมสิครับ ตอนนี้สัญญานั่นอยู่ในมือของกู้หยุนหลาน”สิ่งที่กู้ซิ่งเหว่ยพูดนั้นทำลายความตื่นเต้นของบรรดาญาต
เมื่อกู้ซิ่งเหว่ยได้ยินเสียงของหลี่โม่จากอีกด้านของโทรศัพท์ เขาก็เหลือบมองคุณท่านกู้ และกู้เจี้ยนกั๋วข้าง ๆ แล้วตะโกนอย่างเหลืออด "หลี่โม่? อย่าพูดเรื่องไร้สาระ ไปเรียกกู้หยุนหลานให้มารับสายเดี๋ยวนี้!""หึหึ"หลี่โม่ยิ้มจาง ๆ และกดปุ่มวางสาย จากนั้นก็กดปิดเครื่อง แล้วโยนมันทิ้งไว้อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ เมื่อกู้ซิ่งเหว่ยได้ยินเสียงตู๊ด ๆ จากโทรศัพท์ ทันใดนั้นเขาก็ตะโกนออกมาด้วยความสิ้นหวัง “คุณปู่ครับ ดูไอ้หลี่โม่นี่สิครับ เขารู้จักคำว่ามารยาทบ้างไหม? กล้าดียังไงมาวางสายใส่ผม! ไม่ ผมไม่ยอม ผมจะโทรอีก!”แต่เมื่อเขาโทรไปอีกครั้ง โทรศัพท์ก็ปิดเครื่องไปแล้ว“บ้าเอ๊ย ปิดเครื่องงั้นเหรอ?”กู้ซิ่งเหว่ยโกรธมาก และตะโกนว่า "โกหกว่าออกไปเที่ยว ถ้าออกไปเที่ยวทำไมเธอถึงไม่เอาโทรศัพท์ไปด้วย? นี่มันข้ออ้างชัด ๆ !"สีหน้าของคุณท่านกู้ดูมืดมนมาก เขาเหลือบไปมองที่กู้เจี้ยนกั๋วกับกู้ซิ่งเหว่ย แล้วพูดว่า "เรื่องนี้จะชักช้าไม่ได้แล้ว พวกแกจะต้องหาทางแก้ปัญหาให้ได้โดยเร็วที่สุด"“แต่คุณปู่ครับ ก็เห็นนี่ครับว่า กู้หยุนหลานไม่ต้องการมอบสัญญาให้กับเรา” กู้ซิ่งเหว่ยพูด“นั่นมันเรื่องของแก ถ้าเธอไม่เอ