รอยยิ้มบนใบหน้าของฉวีเทียนไห่หายไปในทันที สีหน้าของเขาเริ่มไม่มั่นใจ และเขาจ้องก็ไปที่หลี่โม่อย่างโกรธจัดไอ้ขยะหลี่โม่ มันพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?สถานะตัวเองคืออะไร ปัญญาอ่อนหรือเปล่า?ฉวีเทียนไห่รู้สึกหงุดหงิด มันกล้าฉีกหน้าเขาครั้งแล้วครั้งเล่า!ไม่หัดตักน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงาตัวเองเลย!แต่ก่อนที่ฉวีเทียนไห่จะลุกขึ้นด่าหลี่โม่ หวังฟางก็ลุกขึ้นแทนเขา และตบหน้าหลี่โม่!หลี่โม่รู้สึกสับสนเล็กน้อยจากการโดนตบอย่างกะทันหัน เขาบีบมือ และกำหมัดของเขาไว้ใต้โต๊ะตบคนไม่ควรตบหน้า แม่ยายทำเกินเหตุไปแล้ว!“แกพูดเรื่องไร้สาระอะไร? ถ้าไม่ใช่เพราะเทียนไห่ แกจะบอกว่าเป็นเพราะแกหรือไง? แกมันไร้ประโยชน์ ไร้เงินทอง ไร้อำนาจ แค่ครอบครัวของฉันสงสารแกเลยยอมให้แกมาเป็นลูกเขย แกไม่รู้จริง ๆ เหรอว่า แกมีค่าแค่ไม่กี่บาท? แกไม่เห็นเหรอว่า เทียนไห่เป็นใคร เขาเป็นลูกชายของตระกูลฉวี แกมันคนไร้ประโยชน์ แกกล้าเอาตัวเองไปเทียบกับเทียนไห่ได้ยังไง? ถ้าครอบครัวเราพึ่งแก เราคงจะอดตายไปนานแล้ว!”หวังฟางโกรธมาก วันนี้เธออารมณ์ดีมาก ๆ แต่ไอ้ขยะหลี่โม่กลับทำลายมันลง“แม่คะ นี่แม่ทำอะไร!”เมื่อกู้หยุนหลานเห็
หลี่โม่ยิ้มพลางกล่าว “ไม่เป็นไรครับ คุณสั่งเลย”กู้หยุนหลานไม่ได้พูดอะไรความรักที่ดูดดื่มนั้น กระซิบกระซาบกันที่ข้างหู รอยยิ้มที่ฉายซ้ำ ๆ ในดวงตาของฉวีเทียนไห่ทำให้เขารู้สึกแค้นใจเป็นอย่างมาก! ‘หลี่โม่!’‘จะช้าจะเร็วฉันก็จะฆ่าแกแน่!’กู้หยุนหลานดูเมนูอาหาร ในใจก็คิดสงสัย สวนลอยฟ้าที่นี่ไม่ใช่ห้องอาหารที่ดีที่สุดหรอกหรือ? ทำไมกุ้งมังกรที่นี่ตัวละห้าร้อยบาทเองล่ะ?หรือแม้แต่ไข่ปลาคาเวียร์ ก็ช้อนละแปดสิบบาทเท่านั้น… กู้หยุนหลานงุนงงเล็กน้อย เธอเลิกคิ้วขึ้นพลางหันไปมองฉวีเทียนไห่ที่กำลังคุยอยู่กับหวังฟาง ภัตตาคารอาหารแห่งนี้เห็นแก่หน้าของเขาจริง ๆ หรือ? เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เธอก็นึกขึ้นมาได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นที่ชั้นล่างเมื่อครู่ เหมือนกับว่าผู้จัดการหวูเต้าเหวินจะเห็นตอนที่หลี่โม่ถูกคุณแม่ตำหนิถึงได้เปลี่ยนห้องอาหารแทนพวกเขา และอีกอย่างก่อนที่จะออกมาเมื่อกี้ หวูเต้าเหวินยังมองมาทางหลี่โม่อีกด้วยคิด ๆ ดูแล้ว เมื่อตอนก่อนที่จะเข้ามา หลี่โม่พูดไว้ว่า ไม่ต้องห่วงว่าต้องจ่ายเท่าไหร่ เดี๋ยวเขาจัดการเองหรือบางทีอาจเป็นเพราะหลี่โม่?กู้หยุนหลานเผลอเอนตัวมองหลี่โม่อย่างไม่ตั้งใจ แล
ไวน์ที่ขวดละร้อยกว่าล้าน และรอบขวดฝังด้วยเพชรอัญมณี!หนึ่งในไวน์ชั้นสูงจะให้หลี่โม่ในเวลานี้จริง ๆ เหรอ?ยอมลงทุนเอาราคาของภัตตาคารอาหารหรูออกมา เถ้าแก่ใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังกำลังพยายามอย่างมากที่จะประจบประแจงหลี่โม่! “คุณ… คุณว่าไงนะ?!”หวังฟางอึ้งไปในทันที จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน แล้วมองหวูเต้าเหวินอย่างไม่อยากเชื่อ พลางถาม “ผู้จัดการหวู คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า นี่ทำไมถึงได้เตรียมไว้สำหรับไอคนไร้ประโยชน์อย่างหลี่โม่ได้ล่ะ? เถ้าแก่ของพวกคุณคงสับสนใช่ไหม? มันชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นเทียนไห่ เทียนไห่เป็นแขกวีไอพีนะ”นี่มันเรื่องอะไรกัน?หวังฟางเหลือบไปมองหลี่โม่ ก็พบว่าเขาเองก็ยังมีสีหน้าที่เคร่งขรึมเช่นกันเวลานี้สีหน้าของหลี่โม่ไม่ดีเอามาก ๆ เขามองมาที่หวูเต้าเหวิน ผู้ชายคนนี้ ก่อนหน้านี้ไม่ได้เข้าใจความหมายของเขาเลยหรือไง?ฉวีเทียนไห่โกรธจนหน้าแดง เขายังคงยืนอยู่ตรงนั้น จะหยิบมาก็ไม่หยิบ จะนั่งก็ไม่นั่ง รู้สึกกระอักกระอ่วนเอามาก ๆเดิมที่แล้วเขาคิดไว้ว่า จะแสร้งทำเป็นเก่งต่อหน้าคนของตระกูลกู้ ตอนนี้พอเป็นแบบนี้แล้ว เขากลับกลายเป็นคนที่ขายหน้าที่สุด หลี่โม่ เพราะเจ้าหลี่โม่ท
ทันใดนั้นเอง ฉวีเทียนไห่ก็โมโหขึ้นมา และกล่าวด้วยความโกรธว่า “ผู้จัดการหวู คุณอย่าไปหลงกลไอคนชั้นต่ำนะครับ มันคือหลี่โม่ ไอ้ขยะ คนมีคุณสมบัติหรือความสามารถอะไรถึงต้องได้รับความเคารพขนาดนี้? เขาช่วยเถ้าแก่ใหญ่พวกคุณเอาไว้? แล้วช่วยอะไร? ผมไม่เชื่อ!”ฉวีเทียนไห่ทั้งหงุดหงิดและโกรธเคืองถึงขีดสุด!วันนี้ตนคิดมาอย่างดีว่า จะทำตัวเป็นผู้รู้ต่อหน้าหลี่โม่กับกู้หยุนหลาน ทำไมถึงได้ยากเย็นขนาดนี้!มันเจ็บใจนัก!กู้หยุนหลานหันหน้ามา แล้วจ้องหลี่โม่ด้วยสายตาเป็นประกายและเอ่ยถาม “เถ้าแก่ใหญ่อะไรเหรอคะ?”หลี่โม่ยิ้ม พลางกล่าว “วันนั้นคุณก็เคยเจอไม่ใช่เหรอ? ที่ทางเข้าโรงพยาบาล ตอนที่คุณอยู่กับจินช่านน่า”เมื่อได้ฟังคำอธิบาย กู้หยุนหลานก็นึกออกทันที กล่าว “อ้อ รถโรลส์-รอยซ์คันนั้น…”พูดถึงตรงนี้ กู้หยุนหลานก็ปิดปากเล็ก ๆ ของตนเองไว้ ที่แท้คุณตาคนนั้นก็คือเถ้าแก่ใหญ่ของภัตตาคารอาหารนี่เองพอเห็นสถานการณ์นี้ หวังฟางก็ร้อนรนแทบไม่ไหว จึงกล่าวถาม “หยุนหลาน ตกลงว่านี่มันเรื่องอะกัน? แกรู้เหรอ?”กู้หยุนหลานพยักหน้ายอมรับ และหันหน้ามาหาทุกคนพลางกล่าว “หนูรู้ค่ะ หลี่โม่เคยช่วยเหลือคุณตาคนนึงไว้จริง ๆ
เสียงคำรามด้วยความโกรธนี้ ทำให้แขกทั้งภัตตาคารอาหารต่างพากันตกใจและยังดึงดูดสายตาของพนักงานเสิร์ฟทั้งหมดอีกด้วยหวูเต้าเหวินรีบก้าวยาว ๆ ลงมาจากชั้นบน เพียงแค่เห็นกู้ชิงหลินพาคนมาพูดจาเย้ยหยันต่อหน้าหลี่โม่ด้วยถ้อยคำที่ต่ำช้าแบบนี้ ในใจก็นึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ!นี่เป็นถึงแขกวีไอพีของเถ้าแก่ใหญ่เชียวนะ!จะต้องให้การต้อนรับอย่างดีที่สุดคนพวกนี้ กล้าดียังไงมาทำแบบนี้?!“ผู้… ผู้จัดการหวู” พนักงานเสิร์ฟสองสามคนรีบวิ่งไปยืนด้านข้างอย่างเคารพยำเกรงหวูเต้าเหวินก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เย็นชา และใช้สายตามองกู้ชิงหลินตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเหยียดหยาม แล้วหมุนตัวกลับมากล่าวกับหลี่โม่อย่างนอบน้อม “คุณหลี่ครับ คุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”คุณหลี่?การที่หวูเต้าเหวินปฏิบัติต่อหลี่โม่อย่างนอบน้อมแบบนี้ ทำให้ภายในห้องโถงต่างพากันตื่นตระหนกไม่น้อย!กู้ชิงหลินเวลานี้ราวกับแมวพองขน ใบหน้าของเธอไม่มีความมั่นใจหลงเหลืออยู่มันเนี่ยนะ คุณหลี่งั้นเหรอ?เล่นตลกอะไรกัน!“นี่ แกเป็นใครฮะ ฉันจะคุยกับลูกเขยขยะ ๆ ของตระกูลกู้ของฉันแบบนี้มันจะทำไม? แกกล้าดียังไงที่อยู่ ๆ มาด่าฉันแบบนี้?”อารมณ์ของคุณหนูกู้
พูดจบ เธอก็เชิดหน้าด้วยสีหน้าที่เย้ยหยัน เหลือบมองหวูเต้าเหวินเล็กน้อย แล้วยกมือขึ้นมาผลักเขาออกเบา ๆ จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าหลี่โม่และต่อว่าด้วยท่าทีอวดดี “หลี่โม่ ตกลงว่านายนับว่าเป็นตัวอะไรกันแน่? นายมีคุณสมบัติอะไรถึงโผล่หัวมาอยู่ต่อหน้าฉัน? ฉันสั่งให้นายคุกเข่าขอโทษฉันเดี๋ยวนี้ เพื่อชดเชยสิ่งที่เธอทำไปเมื่อกี้! ไม่งั้น นายได้เห็นดีแน่ กู้หยุนหลานก็จะพลอยซวยไปกับนายด้วย!”การกล่าวโดยใช้อำนาจข่มขู่ของกู้ชิงหลินนั้น เธอเคยใช้วิธีแบบนี้มาครั้งแล้วครั้งเล่าทุกครั้งที่เธอเจอเรื่องหงุดหงิดใจ ก็จะมาลงกับหลี่โม่ตลอดและทุกครั้งก็จะเป็นคำพูดข่มขู่เช่นนี้เหมือนเคยแต่วันนี้ เห็นได้ชัดว่ามันไม่เหมือนเช่นเคยหลี่โม่กำหมัดแน่น นัยน์ตาสงบนิ่งที่แฝงไปด้วยความเยือกเย็น ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวพลางถอนหายใจกล่าว “เพราะท่าทางของฉันเพียงอย่างเดียว ถึงกับต้องขอโทษเธอเลยเหรอ?”“ก็ใช่น่ะสิ! ขยะอย่างนาย ไม่มีสิทธิ์มาเงยหน้ามองตาฉัน และยิ่งไปกว่านั้น นายไม่มีสิทธิ์มาทำกิริยาท่าทางกับฉันแบบนี้!”กู้ชิงหลินง้างมือขึ้นมา แล้วเหวี่ยงฝ่ามือไปทางหน้าของหลี่โม่!เพียะ!เสียงฝ่ามือที่ดังชัดเจน กึกก้องไปทั่
บรรยากาศแปลก ๆ กู้หยุนหลานมองหลี่โม่ด้วยดวงตาที่เป็นประกายหลี่โม่ละสายตา เขาก็หัวเราะออกมา ปูที่นอนกับพื้น แล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรหรอก รีบเข้านอนเถอะ พรุ่งนี้คุณปู่กับกู้ซิ่งเหว่ยน่าจะทำให้คุณตกที่นั่งลำบากอีกตามเคย”กู้หยุนหลานดูเหมือนจะไม่ยอมแพ้ จึงถามว่า “คุณไม่อยากบอกฉันจริง ๆ เหรอ?”หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หลี่โม่ก็หันหน้าไปมองกู้หยุนหลานด้วยรอยยิ้ม “ก็มันไม่มีอะไรจริง ๆ ไงล่ะ”กู้หยุนหลานพยักหน้าและนอนลงข้าง ๆพรึบไฟดับภายในห้องมีเพียงคนสองคนกำลังหายใจเข้าออกแต่ในเวลานี้ทั้งกู้หยุนหลานและหลี่โม่ก็ยังนอนไม่หลับ พวกเขากำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่างในใจ“ฉันขอโทษนะ หลี่โม่ ที่ร้านอาหาร แม่ของฉันอารมณ์เสีย และยังไปตบคุณน่ะ ฉันขอโทษแทนแม่ด้วย”ในความมืดมิด เสียงที่เปล่งออกมาคือ เสียงที่นุ่มนวลของกู้หยุนหลานนั่นเอง“อื้ม” หลี่โม่ตอบรับเบา ๆ พร้อมหันหน้าไปทางกู้หยุนหลานที่นอนหลังให้เขาอยู่ ท่าทางที่สง่างามนั้น พอมาอยู่ภายใต้แสงจันทร์แบบนี้ ดูมีเสน่ห์มาก เขาตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้มาสี่ปีแล้ว“หลายปีที่ผ่านมา เพราะผมแท้ ๆ คุณเลยต้องลำบากมาตลอด” หลี่โม่พึมพำกู้หยุนหลานไม่ได้พูดอ
กู้ซิ่งเหว่ยหันกลับมาดูอารมณ์ของกู้ชิงหลินแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? กู้หยุนหลานไปยั่วโมโหอะไรเธอเหรอ?”“ไม่ใช่หล่อน แต่เป็นไอ้สารเลวหลี่โม่!”กู้ชิงหลินนั่งกอดอกบนโซฟา ใบหน้าของเธอดูโกรธแค้นมากทีเดียว เธอพูดว่า “เมื่อคืนนี้ ฉันไปทานอาหารเย็นที่ภัตตาคารกวานเหรินถัง และบังเอิญไปเจอไอ้ขยะหลี่โม่ เพราะมันแท้ ๆ ที่มาต่อว่าฉัน ผู้จัดการของภัตตาคารกวานเหรินถัง หวูเต้าเหวิน เลยตบฉันต่อหน้าคนมากมาย ฉันต้องเอาคืนความแค้นนี้ให้ได้!”“ภัตตาคารอาหารหรูเหรอ คนจนอย่างมันจะไปที่นั่นได้ยังไง?”กู้ซิ่งเหว่ยประหลาดใจและถามว่า “เธอบอกว่าหวูเต้าเหวิน มาจัดการเธอ เพราะไอ้หลี่โม่นั่นเนี่ยนะ? เป็นไปไม่ได้หรอก หวูเต้าเหวินเป็นหนึ่งในมาเฟียใต้ดินของเมืองฮั่น เขาจะมาตบเธอ เพราะไอ้หลี่ขยะนั่นได้ยังไง แถมเธอก็เป็นหลานสาวคนที่สามของตระกูลกู้ ฉันว่า มันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย”กู้ซิ่งเหว่ยได้รับเกียรติให้ติดตามปู่ของเขาไปที่ภัตตาคารอาหารหรูหนึ่งครั้ง เขาจึงได้รู้จักหวูเต้าเหวินกู้ชิงหลินรู้สึกโกรธมากเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ และเธอก็พูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนั้นหลานของตระกูลกู้หลายคนพูดอย่างโกรธ
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา