กู้หยุนหลานที่นั่งข้าง ๆ รู้สึกอึดอัด เธอเหลือบมองหลี่โม่ที่หยิบไม้ถูพื้นไปถูพื้นต่อ สายตาของเธอเต็มไปด้วยความผิดหวังเขาไม่พูดอะไรเลยในตอนที่แม่สั่งสอนเขาแบบนี้ ฉวีเทียนไห่มาที่บ้านแล้ว และเขายังมีอารมณ์มาถูพื้นอยู่อีกนี่มันไม่สำคัญสำหรับเขาเลยใช่ไหม?ในเวลานี้ ฉวีเทียนไห่ดูใจกว้าง และใจดี เขาจิบชาแล้วพูดว่า “คุณน้าครับ ผมคิดว่าหลี่โม่คงจะทำเงินได้ไม่มากในสถานที่ร้านนวด เอาแบบนี้ไหมครับ? บริษัทของพ่อผมต้องการคนงานอยู่พอดีเลย ให้หลี่โม่ไปทำงานที่นั่นดีไหมครับ ให้เขาไปดูแลโกดัง ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยเขาก็น่าจะหาเงินได้สักหกเจ็ดหมื่น ดีกว่างานของเขาในร้านนวดมากเลยนะครับ"“โอ้ จริงเหรอ เยี่ยมมากเลย”ใบหน้าของหวังฟางเต็มไปด้วยความปีติยินดี และเธอก็เรียกหลี่โม่อย่างรวดเร็ว แล้วพูดว่า "รีบขอบคุณเทียนไห่เร็วเข้าสิ!"ไอ้ขยะนี่ช่างไม่มีมารยาทเอาเสียเลยแต่ว่าหลี่โม่หันกลับมา และพูดอย่างแผ่วเบา "ไม่เป็นไร ฉันมีงานที่ดีอยู่แล้ว"งาน?ฮ่าฮ่า‘ถ้าผมบอกว่า ผมซื้อร้านสปาติงเหม่ยไปแล้ว พวกคุณคงจะคุกเข่าลงทันที’!แต่ในสายตาของเขา เงินเป็นเพียงแค่ตัวเลขเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่โม่ หวังฟ
พ่อของฉวีเทียนไห่โทรมาเหรอ?หวังฟางยิ้มอย่างตื่นเต้น และพูดอย่างกระตือรือร้นว่า “งั้นก็รีบสิ ลองถามเกี่ยวกับสถานการณ์ตอนนี้ และฝากขอบคุณคุณพ่อแทนครอบครัวของเราด้วยนะ”พ่อของฉวีเทียนไห่คือใคร?ฉวีโฮ่วเฟิงประธานแห่งฉวีกรุ๊ปที่มีมูลค่าหลายพันล้าน!ในกลุ่มธุรกิจของเมืองฮั่น เขาเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีชื่อเสียง และยังเป็นหนึ่งในตัวแทนที่โดดเด่นของกลุ่มธุรกิจในเมืองฮั่นอีกด้วยในเมืองฮั่น เขาก็เป็นคนที่มีชื่อเสียง และอำนาจมากมายเช่นกันหากได้ความช่วยเหลือจากเขา ปัญหาของพวกเขากับหรงคังกรุ๊ปในครั้งนี้ก็คงจะแก้ไขได้เช่นกันดังนั้นหวังฟางจึงมีความสุข เธอมองไปที่ฉวีเทียนไห่อย่างกระตือรือร้นมากขึ้น และหวังว่าเธอจะมอบกู้หยุนหลานให้ฉวีเทียนไห่ ให้เขาพาเธอกลับไปเลย‘เฮอะ ลูกสาวฉันนี่หัวแข็งจริง ๆ ยังยืนกรานที่จะอยู่กับไอ้หลี่โม่คนไร้ประโยชน์นี่อยู่ได้ คิดดูสิ ถ้าเธออยู่กับฉวีเทียนไห่ ชีวิตของเธอจะสบายขึ้นขนาดไหน เธอคงสบายไปตลอดชีวิต’ฉวีเทียนไห่พยักหน้า เขารับสายโทรศัพท์อย่างภาคภูมิใจ และมั่นใจ เขาพูดเสียงดัง “เป็นยังไงบ้างครับพ่อ? หรงคังกรุ๊ปยอมให้ความร่วมมืออีกครั้งไหมครับ?”“เทียนไห่
สิ่งนี้ทำให้กู้หยุนหลานผิดหวังมากกู้เจี้ยนหมินเป็นคนกลาง เพราะสถานะของเขาในบ้านก็สูงกว่าหลี่โม่ไม่มาก เขาจึงพูดขัดจังหวะไม่ได้ และทำได้เพียงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้หลี่โม่ยังคงนั่งอยู่ข้าง ๆ ไม่ว่าเขาจะเป็นลูกเขยแบบไหน แต่ต่อหน้าเขาเธอจะผลักไสลูกสาวของเธอไปหาคนอื่นได้อย่างไร?กู้เจี้ยนหมินรู้สึกผิด เขาทำได้เพียงกระแอมไอเบา ๆ สองสามครั้งแม้ว่าในใจของหลี่โม่จะไม่มีความสุข แต่สีหน้าของเขาดูเฉยเมยมากแม่ยายมุ่งมั่นที่จะแยกเขากับหยุนหลานออก“คุณน้าครับ คุณน้าทานเถอะครับ ผมทานไม่เยอะ”ฉวีเทียนไห่ยิ้มอย่างสุภาพ สายตาของเขามองไปที่หลี่โม่อย่างร้ายกาจ แสดงออกถึงชัยชนะดูสิ ในครอบครัวนี้เขาเป็นแค่คนนอก แต่กลับมีสถานะสูงกว่าลูกเขยของครอบครัวนี้อีกหลี่โม่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาทำได้แค่นั่งกินข้าวอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบ ๆ เพราะถ้าหากหลี่โม่เอ่ยปากพูดเมื่อไหร่ เขาจะต้องถูกแม่ยายวิจารณ์ตำหนิ และดุด่าอย่างไม่ต้องสงสัยหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เทียนไห่ก็ไม่ได้รีบกลับ เขายังอยู่ต่อกับกู้หยุนหลาน และหวังฟางหวังฟางมีความสุขมาก หนุ่มคนนี้ควรได้พบปะกับลูกสาวของเธอมากกว่าน
ทุกคนตกตะลึง สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัยทำไมสัญญาใหม่ส่งมาเร็วขนาดนี้?เมื่อกี้ยังคงคุยเรื่องหลี่โม่กันอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับมีคนมาส่งสัญญาให้ที่หน้าประตูหวังฟางและฉวีเทียนไห่ตกตะลึง สีหน้าของพวกเขาเอาจริงเอาจังมากกู้หยุนหลานรับสัญญา และเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยเป็นหลี่โม่จริงเหรอ?แต่หวังฟางตะโกนออกมาอย่างรวดเร็วว่า “หยุนหลาน ยังไม่รีบขอบคุณเทียนไห่อีก นี่่คงจะเป็นความช่วยเหลือของเทียนไห่แน่นอน ไม่อย่างนั้น ลูกคิดว่าไอ้ไร้ประโยชน์หลี่โม่เป็นคนทำเหรอ?”หวังฟางยิ้มด้วยความปีติ เธอมองไปที่ฉวีเทียนไห่และพูดด้วยความขอบคุณ "เทียนไห่ เราเป็นหนี้เธอจริง ๆ น้าไม่รู้จะขอบคุณยังไงดีเลย"ฉวีเทียนไห่ตกตะลึง แต่ก็ตอบสนองอย่างฉับพลัน เขาค่อย ๆ ยิ้ม และพูดว่า "คุณน้าครับ ไม่เป็นไรครับ นี่มันเป็นเรื่องเล็กน้อย ขอแค่ให้หยุนหลานมีความสุขก็พอครับ"ฉวีเทียนไห่ก็สงสัย พ่อของเขาบอกว่าเรื่องนี้พ่อเขาช่วยไม่ได้ แต่ทำไมสัญญาใหม่ถึงมาเร็วขนาดนี้?กู้หยุนหลานถือสัญญา หลังจากได้ยินคำพูดของหวังฟาง เธอก็ของคุณฉวีเทียนไห่ "คุณเทียนไห่ ขอบคุณมากสำหรับเรื่องนี้ ฉันจะต
หลี่โม่ตกตะลึง เขาพบว่ากู้หยุนหลานกำลังยืนอยู่ข้างหลังเขา เธอทำหน้าแก้มป่อง และทำหน้าตาเหมือนว่าต้องการจะจับผิดเขาเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะเปิดบันทึกข้อความ หลี่โม่ก็รีบเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์คืนมา และพูดว่า "ไม่มีอะไรหรอก แค่เรื่องในร้าน""ไม่มีอะไรเหรอ?"กู้หยุนหลานยกมือขึ้น จ้องไปที่หลี่โม่ และถามว่า "ถ้าไม่มีอะไร แล้วทำไมคุณดูกังวลนักล่ะ?"หลี่โม่จะไม่กังวลได้อย่างไร ถ้ากู้หยุนหลานเห็นข้อความระหว่างเขากับหรงปินและเหล่าเฉียน มันก็จะชัดเจนทุกอย่างแล้ว"ไม่มีอะไรจริง ๆ มันเป็นเรื่องในร้าน ที่ร้านกำลังจะมีงานเลี้ยงอาหารค่ำ และพวกเขาแค่ถามผมว่าจะไปไหม"หลี่โม่อธิบายสั้น ๆ เขาแค่ต้องการโทรศัพท์คืนจากกู้หยุนหลานหน้าอกที่แข็งแรงของเขาอยู่ตรงหน้ากู้หยุนหลาน ทำให้คนข้างหลังหน้าแดงก่ำ“อย่าขยับ!”กู้หยุนหลานถอยหลังไปสองก้าว และทำท่าทางเย็นชาหลี่โม่กลัวมาก เขายืนอยู่กับที่ไม่ขยับ และจ้องมองที่โทรศัพท์ในมือของกู้หยุนหลานอย่างวิตกกังวล“งานเลี้ยงเหรอ? งั้นฉันขอดูหน่อยว่า คุณแบ่งกันจ่ายคนละเท่าไหร่”กู้หยุนหลานพูดพลางทำหน้ามุ่ยเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เธอกำลังจะเปิดบันทึกข้อความของ
ทันทีที่หลี่โม่พูดประโยคนี้ เขาก็ได้ยินฉวีเทียนไห่ที่อยู่ข้างหน้ากำลังหัวเราะเบา ๆ และหันหน้ามาถามอย่างเย้ยหยัน "นายกำลังพูดอะไร? นายมีบัตรสมาชิกของฮั่นพาเลซเหรอ? เอามันมาจากไหน? คงไม่ใช่ของปลอมใช่ไหม?”ไอ้หลี่โม่นี่ ช่างหน้าด้านจริง ๆ !เขากล้าพูดว่าเขามีบัตรสมาชิกของฮั่นพาเลซงั้นหรือ?เขารู้หรือไม่ว่าบัตรสมาชิกจะสามารถมีได้ก็ต่อเมื่อต้องใช้จ่ายหลายล้านต่อปีเท่านั้น?แม้แต่ทั้งตระกูลฉวี มีแค่พ่อของเขาเท่านั้นที่มีบัตรสมาชิกช่างโง่จริง ๆ เลยสีหน้าของหวังฟางก็แย่ลงทันที เธอจ้องไปที่หลี่โม่ และตะโกนว่า “หลี่โม่ แกพูดเรื่องไร้สาระอะไร? อยากให้ฉันต้องไล่แกลงจากรถใช่ไหม?”ใบหน้าอันสวยงามของกู้หยุนหลานก็บูดเบี้ยวเล็กน้อยเหมือนกัน และเธอก็เหลือบมองหลี่โม่ อย่างโกรธจัดในเวลานี้ ทำไมเขาถึงต้องพูดขัดจังหวะ อยากโดนด่าหรือไง?หลี่โม่ยิ้ม และพูดว่า "โอ้ มันไม่ใช่ของผมหรอก เพื่อนของผมให้มา"ฉวีเทียนไห่ยิ้มด้วยสายตาเยาะเย้ย และพูดอย่างสงบว่า "ก็ได้หลี่โม่ นายจะบอกว่านายมีเพื่อนแบบนี้ด้วยอย่างนั้นสินะ?"หลี่โม่ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า "ไม่เป็นไร ยังมีอีกหลายเรื่องที่นายมองไม่ออก"เมื่อได้ย
ทุกวันนี้ ะุรกิจต่าง ๆ ต่างก็มีกลยุทธ์แยบยล อย่างเช่น การใช้ประโยชน์จากความนิยมของผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ใช่ไหมล่ะ?เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้ง หลี่โม่ก็เธอว่า “เราควรเปลี่ยนที่ไหม?”กู้หยุนหลานขมวดคิ้ว แต่ก่อนที่เธอจะทันได้คิด ฉวีเทียนไห่และหวังฟางก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับกู้เจี้ยนหมินแล้ว“หยุนหลาน เราเข้าไปกันเถอะ ผู้จัดการที่นี่ผมรู้จัก เดี๋ยวผมจะขอให้เขาจัดห้องไว้ให้เราล่วงหน้า”สีหน้าของฉวีเทียนไห่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ได้คิดเลยว่า กู้หยุนหลานจะใจดีกับเขามากจนขนาดเชิญเขามาทานอาหารที่นี่ ช่างคุ้มค่ากับการเดินทางจริง ๆแม้ว่าเขาจะเป็นนายน้อยคนโตของตระกูลฉวี แต่เขาก็ได้มาทานอาหารที่ภัตตาคารอาหารหรูแห่งนี้เพียงปีละสองสามครั้งเท่านั้นเพราะค่าใช้จ่ายของที่นี่สูงเกินไปจริง ๆกินไปหลายแสน ก็ได้นั่งแค่ข้างล่างเท่านั้นนี่ยังคงเป็นแค่ห้องโถงหลัก ถ้าอยากได้ห้องส่วนตัว จะต้องบวกค่าธรรมเนียมห้องอาหารเพิ่มอีกกู้หยุนหลานก็รีบตอบอย่างลนลาน แต่ในหัวของเธอมีแต่ความงุนงง และเธอก็เห็นด้วย "โอ้ โอเค"ตอนนี้เธอเหมือนกำลังจะตาย แต่เธอไม่สามารถพูดอะไรได้ เพราะเธอเข้าม
ฉวีเทียนไห่อยากจะต่อยหลี่โม่เสียตรงนั้นเลย!แต่ว่าฮ่าฮ่าหลี่โม่หัวเราะเยาะ และปัดมือของฉวีเทียนไห่ออก เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สุขุมว่า "ฉวีเทียนไห่ อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย ภรรยาของฉันเชิญนายมาทานอาหารที่นี่ก็แค่ต้องการตอบแทนนาย อีกอย่าง สัญญาใหม่ของหรงคังกรุ๊ป นายเป็นคนช่วยหรือไม่ตัวนายก็รู้ดีอยู่แก่ใจนี่ ใช่ไหม?! หรืออยากให้ฉันเปิดเผยความจริงของนายต่อหน้าหยุนหลานเหรอ?”หลังจากพูดจบ หลี่โม่ก็หันหลัง และเดินจากไปแต่ฉวีเทียนไห่โกรธ!เขาบีบกำปั้นแน่น สูดหายใจเข้าอย่างรุนแรง และชี้ไปที่หลี่โม่ แล้วตะโกนว่า "หลี่โม่ แกหมายความว่าไง? แกจะบอกว่า คนขี้ขลาดแบบแกจะเป็นคนเอาสัญญาใหม่ของหรงคังกรุ๊ปมาให้เธออย่างนั้นเหรอ? ฮ่าฮ่า แกช่างกล้าล้อเล่นนะ ใครจะไปเชื่อว่าขยะแบบแกเป็นคนทำ?”พูดจบ ฉวีเทียนไห่ก็ตบไหล่หลี่โม่ และกระซิบข้างหูของเขาว่า "ขยะก็คือขยะ ทั้งชีวิตของแกก็เทียบกับเส้นผมของฉวีเทียนไห่อย่างฉันไม่ได้หรอก!"หลังจากนั้น ฉวีเทียนไห่ก็ดึงชุดสูทของเขาด้วยสีหน้าพอใจ และเดินตามกู้หยุนไปหลี่โม่ที่ยืนอยู่ที่ประตูคนเดียว เขากำหมัดแน่น สูดหายใจ และเยาะเย้ยจากมุมปากของเขา‘เทียบไม่ได้กับฉวีเ