กู้ซิ่งเหว่ยกะพริบตาและมองอย่างตั้งใจอีกครั้ง มีรถคันใหญ่ขับผ่านไป และเมื่อเขามองหาอีกครั้ง รถโรลส์-รอยซ์คันนั้นก็หายไปแล้วตาฝาดเหรอ?กู้ซิ่งเหว่ยขมวดคิ้วไม่น่าจะใช่นั่นคือโรลส์-รอยซ์ แฟนธอมที่มีราคาอย่างน้อยหกสิบถึงเจ็ดสิบล้าน!ไอ้ขยะอย่างหลี่โม่จะนั่งในรถคันนี้ได้อย่างไร?แต่กู้ซิ่งเหว่ยไม่ได้ใส่ใจอะไร และเขาก็ขับรถกลับไปในรถโรลส์-รอยซ์ที่กำลังขับ หลี่โม่ถามอย่างเอื่อย ๆ ว่า "วันนี้ต้องไปพบใครไปบ้าง หวังว่าคงไม่เสียเวลานานนะ?"เฉียนฝูตอบด้วยความเคารพ “นายน้อย ไม่เสียเวลาคุณแน่นอนครับ บุคคลนี้ค่อนข้างเป็นคนที่มีชื่อเสียงในประเทศจีน เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ เป็นนักสะสมโบราณวัตถุ และถือได้ว่าเป็นเพื่อนของผมคนนึง นอกจากนี้ เขายังมีบริษัทการค้าในต่างประเทศภายใต้ชื่อของเขาด้วย ราชินีมังกรต้องการจับตาดูเขา และต้องการให้นายน้อยไปพบเขาครับ”หลี่โม่ยิ้ม และพูดว่า "ให้ผมไปพบ? ถ้าพวกคุณอยากจะทดสอบความสามารถของผม ก็พูดตรง ๆ ได้เลย ทำไมต้องอ้อมค้อมด้วย"เฉียนฝูยิ้มแล้วพูดว่า “นายน้อย นี่คือสิ่งที่ราชินีมังกรหมายถึง เพราะเป็นโครงการขนาดเล็ก เพียงแค่สามหมื่นล้านบาท คุณต้องไปดูด้วยตัวเองเพื่
ไม่นาน พวกเขาก็มาถึงห้องรับประทานอาหารขณะที่กำลังเปิดประตู เฉาฉ่วงก็เห็นคนสองคนยืนอยู่ข้างใน และสายตาของเขามองตรงไปที่หลี่โม่ซึ่งหันหลังให้กับพวกเขานั่นเขาเหรอ?บ้าจริง!ไอ้บ้านี่มันใครกันวะ เสื้อผ้ารุ่มร่ามไปหมด มันแต่งตัวอะไรของมันวะ?นี่คือนักลงทุนในวันนี้เหรอ?นี่มันคนทำงานสุขาภิบาลที่กวาดขยะข้างถนนชัด ๆ !เฉาฉ่วงรู้สึกไม่พอใจมากยิ่งขึ้น มุมปากของเขาเผยให้เห็นการเยาะเย้ยหลังจากที่เฉาหงรุ่ยเดินผ่านประตูเข้ามา เขาก็เดินไปหาอย่างรวดเร็ว เขาทำความเคารพ และเดินไปหาเฉียนฝูซึ่งยืนใช้ไม้เท้าเท้าอยู่ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม“เหล่าเฉียน คุณคงรอมานานแล้ว”เฉียนฝูยิ้ม เขายืน และยื่นมือออกไปรอให้อีกฝ่ายจับมือในขณะเดียวกัน สายตาของเฉาหงรุ่ยก็จ้องไปที่ชายหนุ่มข้าง ๆ เฉียนฝู และถามว่า "คนนี้คือ?"“นี่คือนายน้อยของแดนมังกร หลี่โม่ และเป็นนักลงทุนในครั้งนี้ด้วย” เฉียนฝูแนะนำด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาน้อย… นายน้อย?นายน้อยของแดนมังกรมาที่นี่ด้วยตัวเอง!หัวใจของเฉาหงรุ่ยสั่นรัวมาก เขาไม่ได้คาดหวังว่า เขาจะได้เจอนายน้อยของแดนมังกร!แดนมังกร ช่างเป็นสิ่งที่สง่างาม และน่าเกรงขา
เสียงนี้รู้สึกไม่น่าฟังเอาเสียเลยหลี่โม่เลิกคิ้วและเห็นฉวีเทียนไห่ในชุดที่หรูหรา เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงเดินเข้ามาหาเขา พร้อมกับทำหน้าเยาะเย้ยตามเคยเขาเดินมาด้านหน้าและมองหลี่โม่จากหัวจรดเท้าด้วยสายตาที่ดูถูก จากนั้นก็ดึงที่คอเสื้อของเขาและเยาะเย้ย “น่าประทับใจดีนี่ หลี่โม่ ธุรกิจร้านสปาของแกขยายมาถึงที่นี่แล้วอย่างนั้นเหรอ น่าประทับใจจริง ๆ”ขณะพูด เขายังยกนิ้วให้ แต่นั่นกลับฟังดูประชดประชันสุด ๆคิ้วของหลี่โม่ขมวด ใบหน้าของเขาไม่พอใจเล็กน้อย‘ฉันจะทำอะไร แล้วเกี่ยวอะไรกับแก?’‘จะว่าไป เราสนิทกันเหรอ?’หลี่โม่ส่ายหัวและไม่ได้ให้ความสนใจอีกฝ่ายเท่าไหร่ เขาจึงหันหลังเดินจากไปทว่า เมื่อฉวีเทียนไห่เห็นแบบนี้ ก็ทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก!ไอ้บ้านี่!‘ลูกเขยไร้ประโยชน์ของตระกูลกู้ ใคร ๆ ก็ว่ามันเป็นไอ้ขยะ กล้าดียังไงมาเมินใส่ฉัน’ฉวีเทียนไห่ไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยหลี่โม่ไป เขาจึงไปประจันหน้าและขวางทางหลี่โม่ทันที พร้อมพูดประชดประชันว่า “โอ้ อวดดีจริง ๆ นะแก แถมยังกล้าเมินฉันอีก ทำไมล่ะ คิดว่าตัวเองไปถึงฮั่นพาเลซ แล้วจะมาเป็นแขกที่นี่ได้หรือไง หยุดฝันเถอะ แกไม่มีปัญญาจ่ายหรอก"หลี่โม
เขาคนนี้ ถึงกับต้องออกโรงมาต้อนรับแขกด้วยตนเองน่าเสียดายที่เขามาช้าไปหนึ่งก้าว ทำให้อีกฝ่ายก็ออกไปแล้ว เขาจึงต้องรีบตามออกไปทันทีฉวีเทียนไห่ตกใจ เขาพูดติดอ่างเล็กน้อย “นาย… นายน้อยหลี่เหรอ? นายน้อยหลี่อะไรเหรอ ผมไม่เห็นนะครับ”ตอนนี้ฉวีเทียนไห่สับสนเล็กน้อยนายน้อยหลี่คือใครกัน ถึงกับทำให้เฟิงเหวินเตี่ยนตามหา โดยไม่สนใจมารยาทต่อกันเช่นนี้?นายน้อยหลี่คนนี้ในเมืองฮั่น ทำให้เฟิงเหวินเตี่ยนออกหน้าด้วยตัวเองเลยหรือ?“นายน้อยหลี่ รอผมด้วยสิครับ!”ทันใดนั้น เฟิงเหวินเตี่ยนที่อยู่ข้างหน้าดูเหมือนจะเจอหลี่โม่แล้ว ทำให้เกิดรอยยิ้มที่ตื่นเต้นบนใบหน้าทันที เขาไม่สนใจฉวีเทียนไห่ที่กำลังตกตะลึง และไล่ตามเขาไปตลอดทางเลยแม้แต่น้อยฉวีเทียนไห่ตกตะลึงเช่นกัน เขารู้สึกอับอายมาก หน้านิ่งเหมือนกับหุ่นยนต์อย่างไรอย่างนั้นเพราะเพิ่งจะรู้สึกได้ว่า เฟิงเหวินเตี่ยนไม่ได้มาหาเขา เนื่องจากเขาเดินผ่านฉวีเทียนไห่ไปเสียแล้วฉวีเทียนไห่กำลังวุ่นวายท่ามกลางสายลม ความรู้สึกของเขาอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกเพื่อนที่เป็นลูกคนร่ำรวยหลายคนที่ล้วนแต่งกายอย่างมีสไตล์เหล่านั้น ก็ยืนเงียบอยู่ข้างหลัง แต่พวกเขาก็เยาะเย
ทุกคนถอนหายใจ!เหมือนกันอย่างกับแกะ!แต่มันเป็นไปได้อย่างไร?ทำไมหลี่โม่ถึงได้ขึ้นไปบนรถโรลส์-รอยซ์นั่น แถมเฟิงเหวินเตี่ยนยังปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพอีกทุกคนหยุดพูด สีหน้าของเขาดูมืดมนมากทีเดียว“อย่าพูดไร้สาระน่า! เขามันก็แค่ไอ้ขยะ มันจะเป็นนายน้อยหลี่ได้ยังไง!”ฉวีเทียนไห่ดื่มน้ำในมือด้วยความโกรธจัด เขาขมวดคิ้ว และในใจก็รู้สึกสงสัยอย่างมากไม่ใช่หลี่โม่หรอก...เป็นไปไม่ได้“ช่างเถอะ กลับได้แล้ว” ฉวีเทียนไห่กล่าวพร้อมนำกลุ่มคนออกไป แต่หลังจากเดินไปสองก้าว เขาก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองอีกครั้งจนกระทั่งโรลส์-รอยซ์วิ่งออกจากลานจอดรถไป เขาก็ถอนหายใจเหมือนจะโล่งอก ทว่าความสงสัยของเขากลับเพิ่มขึ้นอีกทางด้านของกู้ซิ่งเหว่ย เขาได้รีบกลับไปที่ห้องประชุมของบริษัทหยุนเซิงเภสัชกรรมในห้องประชุมเวลานี้ ญาติ ๆ ของตระกูลกู้ล้วนอยู่ที่นั่นหมด อย่างไรเสีย หากมีข้อผิดพลาดใด ในความร่วมมือที่สำคัญเช่นนี้ กำไรทั้งปีนี้ก็จะหายไปอย่างแน่นอนคุณท่านกู้นั่งเป็นกรรมการอย่างสบาย ๆ เขาเหล่มองและเห็นว่า กู้ซิ่งเหว่ยกลับมาด้วยใบหน้าหงอย ๆ จึงเลิกคิ้วและถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”“คุณปู่ครับ” กู
คุณท่านกู้จัดการกับความโกรธในขณะนี้ ด้วยใบหน้าที่จริงจังและพูดอย่างโกรธเคือง “โทรหากู้หยุนหลานเดี๋ยวนี้ บอกให้เธอเข้ามาที่นี่! บอกไอ้หลี่โม่ด้วย! อะไรกัน ทั้งหลานสาว และหลานเขยของตระกูลกู้แท้ ๆ กล้ามาทรยศ เรื่องนี้ยอมไม่ได้!”คุณท่านกู้โกรธมากทีเดียวทุกคนก็โล่งใจ ตราบใดที่ไม่ใช่เพราะกู้ซิ่งเหว่ยแต่สำหรับกู้หยุนหลานและหลี่โม่แล้ว พวกเขาสมควรได้รับมันอย่างสาสมเมื่อได้ยินสิ่งที่ชายชราพูด กู้ซิ่งเหว่ยก็คุกเข่าลงบนพื้น พร้อมแสดงการเยาะเย้ยบนใบหน้า‘หึหึ กู้หยุนหลาน เธอจบแล้วล่ะ’‘คราวนี้คุณปู่ต้องเฉดหัวเธอออกจากบริษัทแน่!’‘ส่วนแก หลี่โม่ กล้ามาหยาบคายใส่ฉัน คราวนี้แกก็ต้องถูกไล่ออกจากตระกูลกู้แน่!’คุณท่านกู้เหลือบไปมองกู้ซิ่งเหว่ยที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น และพูดอย่างเฉยเมย “ลุกขึ้น แล้วมายืนตรงนี้”ชายชราเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้ แต่ในท้ายที่สุด ธุรกิจตระกูลกู้ขนาดใหญ่แห่งนี้ก็จะต้องถูกส่งมอบให้กับกู้ซิ่งเหว่ยอยู่ดีเขาไร้ความสามารถมากขนาดนี้ แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะเฮ้อ ดูเหมือนว่าทำได้แค่ต้องรีบฝึกฝนให้หนักที่สุดเท่านั้นกู้ซิ่งเหว่ยยืนขึ้นอย่างเชื่อ
ไม้เท้ากระทบน่องของกู้หยุนหลานอย่างแรง ทำให้เธอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และเข่าอ่อนลงกับพื้นทันทีอย่างไรก็ตาม เธอยอมรับมันไม่ได้ เธอเชิดคางใส ๆ ขึ้น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา ใบหน้าของหันไปจ้องมองที่กู้ซิงเหว่ยที่กำลังเพ่งมองเธออย่างยินดี จากนั้นจึงมองที่คุณท่านกู้ พร้อมถามว่า “คุณปู่คะ ให้ฉันคุกเข่าทำไม ฉันทำอะไรผิดเหรอ?!”ด้วยความคับข้องใจ กู้หยุนหลานเช็ดน้ำตาของเธอด้วยความเจ็บใจคุณท่านกู้ยังไม่ทันพูด กู้ซิ่งเหว่ยก็โผล่ออกมาและเดินไปรอบ ๆ กู้หยุนหลานครั้งสองครั้ง พร้อมเอามือไขว้คลัง และแสดงท่าทีเยาะเย้ย เขากล่าวว่า “กู้หยุนหลาน กู้หยุนหลาน ถึงเวลาแล้วล่ะ เธอก็ยังไม่ยอมพูดความจริงอีกเหรอ จะยอมรับผิดก็ต่อเมื่อต้องใช้กฎหมายมาจัดการใช่ไหม?!”ตอนนี้กู้ซิ่งเหว่ยได้ใจมากทีเดียวโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาเห็นกู้หยุนหลานคุกเข่าต่อหน้าผู้คนมากมาย เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก‘กู้หยุนหลาน เธอภาคภูมิใจและมีศักดิ์ศรีนักไม่ใช่เหรอ สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องคุกเข่าต่อหน้าฉัน’“แล้วฉันทำอะไรผิดกันเล่า!” กู้หยุนหลานจ้องไปที่กู้ซิงเหว่ยด้วยความโกรธจัดคุณท่านกู้ลูบเคราและจ้องมอง พร้อมยกมือขึ้นและชี้ไปที
กู้ซิ่งเหว่ยและญาติคนอื่น ๆ ในตระกูลกู้ยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยเมย และไม่มีใครเต็มใจที่จะก้าวไปข้างหน้า เพื่อหยุดการกระทำที่รุนแรงดังกล่าว หรือช่วยพูดอะไรสักคำพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นปีศาจร้ายดี ๆ นี่เองตีเธอให้ตายเธอ ทุบเธอให้ตาย!นี่คือเสียงของพวกเขาทั้งหมด เนื่องจากความสามารถของกู้หยุนหลานโดดเด่นมาก พวกเขาจึงไม่ต้องการเห็นคนอย่างเธออยู่ในตระกูลกู้ปัง!ทันใดนั้น ประตูห้องประชุมก็ถูกเปิดออก หวังฟางสะดุดล้ม และคุกเข่าลงต่อหน้าชายชราทันทีพร้อมโอดครวญออกมาเธอพูดขอความเมตตา “คุณพ่อ หยุดตีเธอเถอะนะคะ เธอเป็นหลานสาวของคุณพ่อนะคะ”เหอะชายชราอุทานอย่างเย็นชา ลากหวังฟางออกไป และตะโกนด้วยใบหน้านิ่งเฉย “วันนี้ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ขอร้องแทนมัน ใครกล้าขอร้องแทนมัน ทั้งครอบครัวจะถูกลงโทษ!”เมื่อเห็นกู้หยุนหลานถูกทุบตี หวังฟางรู้สึกกังวลมาก แต่คำพูดของคุณพ่อเป็นเหมือนพระราชโองการ โดยปกติ เธอมักจะแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวต่อหน้าหลี่โม่ แต่เมื่อต้องเผชิญกับปัญหาที่แท้จริง เธอก็เป็นคนแรกที่วิ่งหนีอย่างแน่นอน เธอคุ้นเคยกับการรังแกผู้อ่อนแอ และกลัวผู้แข็งแกร่ง“หยุนหลาน แกยอมรับในสิ่งที่แก
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา