ทุกคนถอนหายใจ!เหมือนกันอย่างกับแกะ!แต่มันเป็นไปได้อย่างไร?ทำไมหลี่โม่ถึงได้ขึ้นไปบนรถโรลส์-รอยซ์นั่น แถมเฟิงเหวินเตี่ยนยังปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพอีกทุกคนหยุดพูด สีหน้าของเขาดูมืดมนมากทีเดียว“อย่าพูดไร้สาระน่า! เขามันก็แค่ไอ้ขยะ มันจะเป็นนายน้อยหลี่ได้ยังไง!”ฉวีเทียนไห่ดื่มน้ำในมือด้วยความโกรธจัด เขาขมวดคิ้ว และในใจก็รู้สึกสงสัยอย่างมากไม่ใช่หลี่โม่หรอก...เป็นไปไม่ได้“ช่างเถอะ กลับได้แล้ว” ฉวีเทียนไห่กล่าวพร้อมนำกลุ่มคนออกไป แต่หลังจากเดินไปสองก้าว เขาก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองอีกครั้งจนกระทั่งโรลส์-รอยซ์วิ่งออกจากลานจอดรถไป เขาก็ถอนหายใจเหมือนจะโล่งอก ทว่าความสงสัยของเขากลับเพิ่มขึ้นอีกทางด้านของกู้ซิ่งเหว่ย เขาได้รีบกลับไปที่ห้องประชุมของบริษัทหยุนเซิงเภสัชกรรมในห้องประชุมเวลานี้ ญาติ ๆ ของตระกูลกู้ล้วนอยู่ที่นั่นหมด อย่างไรเสีย หากมีข้อผิดพลาดใด ในความร่วมมือที่สำคัญเช่นนี้ กำไรทั้งปีนี้ก็จะหายไปอย่างแน่นอนคุณท่านกู้นั่งเป็นกรรมการอย่างสบาย ๆ เขาเหล่มองและเห็นว่า กู้ซิ่งเหว่ยกลับมาด้วยใบหน้าหงอย ๆ จึงเลิกคิ้วและถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”“คุณปู่ครับ” กู
คุณท่านกู้จัดการกับความโกรธในขณะนี้ ด้วยใบหน้าที่จริงจังและพูดอย่างโกรธเคือง “โทรหากู้หยุนหลานเดี๋ยวนี้ บอกให้เธอเข้ามาที่นี่! บอกไอ้หลี่โม่ด้วย! อะไรกัน ทั้งหลานสาว และหลานเขยของตระกูลกู้แท้ ๆ กล้ามาทรยศ เรื่องนี้ยอมไม่ได้!”คุณท่านกู้โกรธมากทีเดียวทุกคนก็โล่งใจ ตราบใดที่ไม่ใช่เพราะกู้ซิ่งเหว่ยแต่สำหรับกู้หยุนหลานและหลี่โม่แล้ว พวกเขาสมควรได้รับมันอย่างสาสมเมื่อได้ยินสิ่งที่ชายชราพูด กู้ซิ่งเหว่ยก็คุกเข่าลงบนพื้น พร้อมแสดงการเยาะเย้ยบนใบหน้า‘หึหึ กู้หยุนหลาน เธอจบแล้วล่ะ’‘คราวนี้คุณปู่ต้องเฉดหัวเธอออกจากบริษัทแน่!’‘ส่วนแก หลี่โม่ กล้ามาหยาบคายใส่ฉัน คราวนี้แกก็ต้องถูกไล่ออกจากตระกูลกู้แน่!’คุณท่านกู้เหลือบไปมองกู้ซิ่งเหว่ยที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น และพูดอย่างเฉยเมย “ลุกขึ้น แล้วมายืนตรงนี้”ชายชราเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้ แต่ในท้ายที่สุด ธุรกิจตระกูลกู้ขนาดใหญ่แห่งนี้ก็จะต้องถูกส่งมอบให้กับกู้ซิ่งเหว่ยอยู่ดีเขาไร้ความสามารถมากขนาดนี้ แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะเฮ้อ ดูเหมือนว่าทำได้แค่ต้องรีบฝึกฝนให้หนักที่สุดเท่านั้นกู้ซิ่งเหว่ยยืนขึ้นอย่างเชื่อ
ไม้เท้ากระทบน่องของกู้หยุนหลานอย่างแรง ทำให้เธอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และเข่าอ่อนลงกับพื้นทันทีอย่างไรก็ตาม เธอยอมรับมันไม่ได้ เธอเชิดคางใส ๆ ขึ้น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา ใบหน้าของหันไปจ้องมองที่กู้ซิงเหว่ยที่กำลังเพ่งมองเธออย่างยินดี จากนั้นจึงมองที่คุณท่านกู้ พร้อมถามว่า “คุณปู่คะ ให้ฉันคุกเข่าทำไม ฉันทำอะไรผิดเหรอ?!”ด้วยความคับข้องใจ กู้หยุนหลานเช็ดน้ำตาของเธอด้วยความเจ็บใจคุณท่านกู้ยังไม่ทันพูด กู้ซิ่งเหว่ยก็โผล่ออกมาและเดินไปรอบ ๆ กู้หยุนหลานครั้งสองครั้ง พร้อมเอามือไขว้คลัง และแสดงท่าทีเยาะเย้ย เขากล่าวว่า “กู้หยุนหลาน กู้หยุนหลาน ถึงเวลาแล้วล่ะ เธอก็ยังไม่ยอมพูดความจริงอีกเหรอ จะยอมรับผิดก็ต่อเมื่อต้องใช้กฎหมายมาจัดการใช่ไหม?!”ตอนนี้กู้ซิ่งเหว่ยได้ใจมากทีเดียวโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาเห็นกู้หยุนหลานคุกเข่าต่อหน้าผู้คนมากมาย เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก‘กู้หยุนหลาน เธอภาคภูมิใจและมีศักดิ์ศรีนักไม่ใช่เหรอ สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องคุกเข่าต่อหน้าฉัน’“แล้วฉันทำอะไรผิดกันเล่า!” กู้หยุนหลานจ้องไปที่กู้ซิงเหว่ยด้วยความโกรธจัดคุณท่านกู้ลูบเคราและจ้องมอง พร้อมยกมือขึ้นและชี้ไปที
กู้ซิ่งเหว่ยและญาติคนอื่น ๆ ในตระกูลกู้ยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยเมย และไม่มีใครเต็มใจที่จะก้าวไปข้างหน้า เพื่อหยุดการกระทำที่รุนแรงดังกล่าว หรือช่วยพูดอะไรสักคำพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นปีศาจร้ายดี ๆ นี่เองตีเธอให้ตายเธอ ทุบเธอให้ตาย!นี่คือเสียงของพวกเขาทั้งหมด เนื่องจากความสามารถของกู้หยุนหลานโดดเด่นมาก พวกเขาจึงไม่ต้องการเห็นคนอย่างเธออยู่ในตระกูลกู้ปัง!ทันใดนั้น ประตูห้องประชุมก็ถูกเปิดออก หวังฟางสะดุดล้ม และคุกเข่าลงต่อหน้าชายชราทันทีพร้อมโอดครวญออกมาเธอพูดขอความเมตตา “คุณพ่อ หยุดตีเธอเถอะนะคะ เธอเป็นหลานสาวของคุณพ่อนะคะ”เหอะชายชราอุทานอย่างเย็นชา ลากหวังฟางออกไป และตะโกนด้วยใบหน้านิ่งเฉย “วันนี้ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ขอร้องแทนมัน ใครกล้าขอร้องแทนมัน ทั้งครอบครัวจะถูกลงโทษ!”เมื่อเห็นกู้หยุนหลานถูกทุบตี หวังฟางรู้สึกกังวลมาก แต่คำพูดของคุณพ่อเป็นเหมือนพระราชโองการ โดยปกติ เธอมักจะแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวต่อหน้าหลี่โม่ แต่เมื่อต้องเผชิญกับปัญหาที่แท้จริง เธอก็เป็นคนแรกที่วิ่งหนีอย่างแน่นอน เธอคุ้นเคยกับการรังแกผู้อ่อนแอ และกลัวผู้แข็งแกร่ง“หยุนหลาน แกยอมรับในสิ่งที่แก
ท่าทางเย่อหยิ่งของกู้ซิ่งเหว่ยในตอนนี้ ช่างน่ารังเกียจเสียจริง!มือของเขากำลังจะแตะไปที่ไหล่ของหลี่โม่ทันใดนั้นเองภายในห้องประชุม คำพูดที่ดุดันราวกับเสียงคำรามของสัตว์ร้าย ก็ทำให้อุณหภูมิห้องลดลงถึงจุดเยือกแข็ง“พวกคุณไม่ควรทุบตีกู้หยุนหลาน”หลี่โม่ทำหน้าถมึงทึง ดวงตาของเขาโกรธมาก เขาก้มมองไปที่กู้หยุนหลานที่แทบจะไม่รู้สึกตัวในอ้อมแขนของเขา ด้วยความทุกข์ใจ ผู้หญิงของนายน้อยแดนมังกร ทำไมถึงได้ถูกรังแกนัก!จากนั้นหลี่โม่ก็แสดงรอยยิ้มแฝงความแค้นที่มุมปากของเขา ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองกู้ซิ่งเหว่ย พร้อมกวาดสายตาไปยังผู้คนในห้องประชุมและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ฉันต้องการให้แก แกและแก ขอโทษเธอเดียวนี้!”ในขณะนั้น ร่างกายของหลี่โม่ก็เต็มไปด้วยความเลือดเย็นอย่างไม่รู้จบ ซึ่งความเลือดเย็นนั้น ได้ฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งห้องประชุม ทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนเป็นภาพลวงตา ณ เวลานี้ คนที่เผชิญหน้าอยู่ไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ที่เหลวแหลกคนนั้นอีกแล้ว แต่เป็นสภาวะการจนตรอก!เกิดอะไรขึ้น?หลี่โม่มีแววตาและพลังล้นเหลือเช่นนี้ได้อย่างไร!น่ากลัวทีเดียวเมื่อกู้ซิ่งเหว่ยได้ยินคำพูดดังกล่าว เขาก็หัวเราะขึ้
เขาตบหน้ากู้ซิ่งเหว่ยเข้าอย่างจังในชั่วพริบตา กู้ซิ่งเหว่ยก็เกิดอาการมีนงง ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ไม่สามารถตอบโต้อะไรได้สักพัก เขาเพียงรู้สึกว่าแก้มซ้ายของเขากำลังระบมและเจ็บปวด ส่วนหูของเขาก็ส่งเสียงดังวิ้ง ๆ จนไม่ได้ยินเสียงรอบตัวเลยทีเดียวในห้องประชุม บรรดาญาติของตระกูลกู้ก็ตกตะลึงเช่นกันหลี่… หลี่โม่ ไอ้ขยะนั่น กล้าดียังไงมาตบกู้ซิ่งเหว่ยน่ะ?!ไอ้ทรยศ!ใบหน้าของกู้ชิงหลินเปลี่ยนจากการเยาะเย้ยเป็นตกใจ จากนั้นก็กลายเป็นความโกรธและความแค้นส่วนหวังฟางที่ดูแลกู้หยุนหลาน เห็นลูกเขยของเขาตบกู้ซิ่งเหว่ย เธอก็ตกใจอยู่พักหนึ่ง โดยไม่พูดอะไรในความคิดของเธอ หลี่โม่เป็นแค่ไอ้ขี้แพ้ที่ยอมทุกอย่างเพราะทำอะไรไม่ได้เขากล้าดีอย่างไรถึงตบกู้ซิ่งเหว่ยแบบนั้น?“นี่! หลี่โม่ แกกล้าดียังไงมาตบฉัน ฉันจะฆ่าแก!”หลังจากที่กู้ซิ่งเหว่ยรู้สึกตัว เขาก็โวยวายด้วยความโกรธจัดหลี่โม่ ไอ้ขยะนี่กล้าตบตนต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร!ไอ้สารเลว!นี่เป็นครั้งแรกที่กู้ซิ่งเหว่ยถูกตบหน้าในรอบ 20 กว่าปี แต่ว่า จะโดนทั้งที กลับโดนไอ้ไร้ประโยชน์นี่ตบเสียได้กู้ซิ่งเหว่ยคำรามและยกมืออีกข้างหนึ่งเหวี่ยงห
คำถามนี้ ออกไปพร้อมกับการโต้กลับของหลี่โม่ ทำให้บรรดาญาติ ๆ ของตระกูลกู้ตกตะลึงทันที!คุณท่านกู้โกรธและพูดอย่างโกรธเคือง “มันจะมากเกินไปแล้วนะ! แก ไอ้ขยะ กล้าดียังไงมาถามฉัน แถมยังกล้าตอบโต้ฉันอีก?”ในขณะนี้คุณท่านกู้ เต็มไปด้วยอารมณ์บูดบึ้งกู้ซิ่งเหว่ยและกู้เจี้ยนกั๋วพูดถูก ไอ้หลี่โม่นี่มันกบฏไม่รู้จักกฎเกณฑ์ หากครบรอบร้อยปีแล้วเขาส่งบริษัทหยุนเชิบเภสัชกรรมให้กู้หยุนหลาน ไอ้ขยะนี่มันจะต้องเข้าควบคุมแน่ไม่ ไม่ได้เด็ดขาด!เมื่อกู้ซิ่งเหว่ยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เห็นที่หลี่โม้กล้าตอบโต้ ในใจก็รู้สึกยินดีขึ้นมาทันที เขาแสดงสีหน้าร้ายกาจขณะที่เขาพูดอย่างโกรธเคืองว่า “หลี่โม่ แกยังสติดีอยู่ไหม! แกจะทำอะไร? แกจะทำอะไรคุณปู่?”หลังจากพูดแบบนั้น เขาก็หันหน้ามาทันทีและพูดกับชายชราว่า “คุณปู่ครับ ตระกูลกู้รับผู้ชายคนนี้ไม่ได้จริง ๆ ดูสิ เขาไม่แม้แต่จะเคารพคุณปู่ด้วยซ้ำ ถ้าในอนาคตไม่มีคุณปู่แล้ว หลี่โม่คงก่อความวุ่นวายอีกแน่!”ประโยคนี้ ทำให้เจ็บใจทีเดียว!จริง ๆ แล้ว คุณท่านกู้กำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้พอดี แต่ตอนนี้ พอกู้ซิงเหว่ยพูดถึงเรื่องนี้ ทำให้จุดชนวนความโกรธและความกังวลในใจของเขาทันท
แต่ เธอเองในตอนนี้ พร้อมที่จะคุกเข่ายอมรับความผิดพลาดของตัวเองคุณท่านกู้ก็เหน็ดเหนื่อยจากการทุบตีนี้แล้วเช่นกัน จึงสูดหายใจสองสามครั้งอย่างเหนื่อยใจและตะโกนว่า “ตอนนี้รู้แล้วเหรอ ว่าตัวเองทำอะไรผิดน่ะ?”กู้หยุนหลานกำลังปกป้องหลี่โม่ ทำหน้าราวกับดอกลูกแพร์ท่ามกลางสายฝน(1) และพูดว่า “ฉันผิดไปแล้ว”เมื่อเห็นฉากนี้ กู้ซิ่งเหว่ยและคนอื่น ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะ “กู้หยุนหลาน ฉันเกรงว่ามันจะสายเกินไปน่ะสิ กว่าจะยอมรับความผิดพลาด หรงคังกรุ๊ปก็ถอนสัญญาไปแล้ว ถ้าเธอต้องการยอมรับความผิดพลาดของเธอจริง ๆ เธอต้องแสดงความสามารถ โดยไปขอเซ็นสัญญาคืนให้ได้” กู้ซิ่งเหว่ยส่งเสียงมาจากข้าง ๆเรื่องนี้ จริง ๆ แล้วเกิดจากกู้ซิ่งเหว่ยสิ่งที่หรงปินพูดในขณะนั้นก็ชัดเจนเช่นกัน แต่เพื่อหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ เขาได้ปัดความผิดพลาดทั้งหมดให้กับกู้หยุนหลานและหลี่โม่ทันทีตอนนี้ก็ยังต้องการให้กู้หยุนหลานตามเช็ดก้นของเขาอยู่ดีจิตใจของเขาโหดร้ายมากนักกู้หยุนหลานตกใจ เธอรู้จักประธานหรงปินที่ไหนกัน เกิดอะไรขึ้นกับสัญญาถึงได้ถูกถอน?“ฉัน… ฉัน…” กู้หยุนหลานพูดอย่างดื้อดึง พร้อมกำหมัดแน่นอย่างลังเลใจค
คังหย่งอันกดหมายเลขของคังหย่งเฉียน แล้วพูดเสียงเข้ม "หย่งเฉียน ฉันได้ยินมาว่า แกกับเหวินซินมีปัญหากันเรื่องวิลล่าบนยอดเขาเหรอ?" “พี่ใหญ่ มีปัญหากันน่ะสิ ศิษย์พี่เกิ่งยังถูกทำร้ายจนเข่าหักแล้ว! ศิษย์พี่เกิ่งติดต่อกับอาจารย์โอวหยางไปแล้ว เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้แน่นอน!” คังหย่งเฉียนโกรธแค้นคังเหวินซิน ถ้าไม่ใช่เพราะคังเหวินซินพาหลี่โม่ไปที่นั่น เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คังหย่งเฉียนเองก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงเอาความโมโหไปลงที่คังเหวินซินเท่านั้น “หย่งเฉียน ไม่ว่ายังไงก็ตาม แกต้องรับรองความปลอดภัยของเหวินซิน ฉันไม่สนว่า อาจารย์โอวหยางพวกเขาจะทำอะไรกับเพื่อนของเหวินซิน แต่พวกเขาจะทำร้ายเหวินซินไม่ได้เด็ดขาด!” “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้ารับประกันหรอก รับประกันได้แค่ลูกชายของพี่จะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตายเท่านั้น ถ้าอาจารย์โอวหยางต้องการลงโทษลูกชายของพี่จริง ๆ ฉันจะไปขวางได้ยังไง ฉันขวางไม่ได้หรอก ไม่กล้าขวางด้วย!" คังหย่งอันขมวดคิ้วแน่น หากคังหย่งเฉียนอยู่ต่อหน้าคังหย่งอันในตอนนี้ คังหย่งอันจะต้องตบเขาให้ตายคามือแน่นอน “หย่งเฉียน! แกเป็นอาข
“ไอ้บัดซบเอ๊ย! ใครกล้ามาต่อกรกับฉันโอวหยางจื้อ มันผู้นั้นจะต้องตาย!” โอวหยางจื้อพึมพำอย่างด้วยความอาฆาตแค้น แล้วสั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน ...... คังเหวินซินมาส่งหลี่โม่และคนอื่น ๆ ที่บ้าน หลังจากมองดูทั้งสามเดินเข้าไปข้างในแล้ว จึงสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างช้า ๆ “อาเล็กถูกจัดการจนหมดท่าแล้ว ต้องบอกพ่อสักคำไหมนะ อาเล็กจะได้ไปตีไข่ใส่สีอีก” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง คังเหวินซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดหมายเลขพ่อของเขาคังหย่งอัน “ฮัลโหล พ่อครับ ผมเพิ่งจะขายวิลล่าบนยอดเขาที่สวนหนานชุ่ยให้เพื่อผมไป ขายราคาต้นทุนน่ะครับ” คังหย่งอันขมวดคิ้ว "นั่นเป็นวิลล่าที่อาเล็กของแกจะเอาไม่ใช่เหรอ แกเอาไปให้เพื่อนได้ยังไง? ผู้จัดการฝ่ายขายว่ายังไงบ้าง?" คังเหวินซินอึ้งครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของคังหย่งอัน "พ่อ พ่อรู้ได้ยังไงว่าอาเล็กอยากได้วิลล่านั่น?” “อาเล็กของแกเคยบอกพ่อว่า วิลล่าหลังนั้นเป็นของขวัญที่เขาจะเก็บไว้ให้กับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ในต่างประเทศโอวหยางจื้อ แกคงเคยได้ยินเกี่ยวกับโอวหยางจื้อมาบ้างใช่ไหม? เขาเคยรับหน้าที่เป็นผู้กำกับฉากแอ็คชั่นให้กับภาพย
ในแผนกดูแลพิเศษของโรงพยาบาล คังหย่งเฉียนและคนอื่น ๆ นั่งล้อมรอบเตียง มองดูพี่เกิ่งค่อย ๆ ฟื้นคืนสติ เข่าที่หักของพี่เกิ่งได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่หลังการผ่าตัด พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น “ซี๊ด ขากับเข่าฉันเป็นยังไงบ้าง?” พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ผ่าตัดเสร็จแล้ว เพียงแต่ระดับการรักษาของที่นี่ยังต่ำไปหน่อย หลังจากฟื้นตัวแล้วพี่ต้องนั่งรถเข็น” คังหย่งเฉียนพูดเสียงเบาหวิว “ไอ้บัดซบ! ฉันไม่อยากนั่งรถเข็น! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!” พี่เกิ่งคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว รู้สึกเลวร้ายไปทั้งร่างกาย ชีวิตบนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตที่พี่เกิ่งต้องการเลย ถ้าต้องนั่งรถเข็นแล้ว ต่อไปจะฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือออกไปรังแกคนอื่นอย่างไร แล้วจะไปจีบสาว ๆ ได้อย่างไร! “ฉันจะย้ายโรงพยาบาล ฉันจะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!” “พี่เกิ่งอย่าเพิ่งตื่นตูม หมอบอกว่า รอพี่ฟื้นตัวดีแล้ว ก็สามารถทำการผ่าตัดครั้งที่สองในโรงพยาบาลที่ดีกว่านี้เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเทียมได้” คังหย่งเฉียนปลอบใจพี่เกิ่งไปพลางก็ขยิบตาให้กับพวกพี่น้องคนอื่น ๆ ส่งสัญญาณให้พวกเขารีบมาช่วยกันโน้มน้าว ศิษย์พี่ห
พี่เกิ่งร้องโหยหวนออกมา รู้สึกว่าขาซ้ายพลิกกลับไปด้านหลัง พลันสูญเสียการทรงตัวและล้มหงายไปข้างหลังทันที พลั่ก พี่เกิ่งล้มหงายลงกับพื้น ปากก็ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา คังหย่งเฉียนถูกกระตุ้นด้วยเสียงร้องของพี่เกิ่งจนตัวสั่นไปทั้งตัว เสียงวิ้ง ๆ ที่ดังอยู่ในหัวยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันใด คังหย่งเฉียนกุมใบหน้าที่บวมแดงไปครึ่งหนึ่งมองไปทางศิษย์พี่เกิ่ง ดวงตาของคังหย่งเฉียนก็แทบจะหลุดออกจากเบ้า ศิษย์พี่เกิ่งที่คังหย่งเฉียนเคยคิดว่า แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ตอนนี้กำลังร้องคร่ำครวญราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย เมื่อมองขาขวาของพี่เกิ่งหักงอในองศาที่ผิดธรรมชาติ คังหย่งเฉียนก็รู้สึกว่า เลือดทั่วร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่มนุษย์สามารถทำได้อย่างนั้นเหรอ? นี่เป็นผลลัพธ์ที่สามารถใช้กำปั้นทำได้เหรอ? นี่มันซูเปอร์ไซย่าในตำนานหรืออย่างไรกัน?! พวกศิษย์น้องของพี่เกิ่งหลายคนต่างหวาดกลัวกับความเผด็จการของหลี่โม่ ทั้งกลุ่มพลันหมดความโอหังไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาลากพี่เกิ่งขึ้นมาจากพื้นแล้ววิ่งตะบึงออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่คำพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้คือศิษย์
คังเหวินซินรออยู่สามวินาที แต่ละวินาทีราวกับยาวนานเป็นปี รออยู่นานฝ่ามือของพี่เกิ่งก็ยังไม่ตบลงมาสักที คังเหวินซินจึงลืมตาขึ้น เมื่อเอียงหน้ามองเห็นฝ่ามือของพี่เกิ่งอยู่ห่างจากหน้าตนแค่เฉียดฉิว หัวใจของคังเหวินซินแทบจะกระโดดออกมาจากปาก หลังจากที่เห็นข้อมือของพี่เกิ่งถูกหลี่โม่คว้าไว้ คังเหวินซินถึงได้รู้สึกว่า หัวใจของตัวเองกลับเข้าที่ได้แล้ว คังเหวินซินที่สงบลงแล้ว รีบถอยไปหลบด้านหลังหลี่โม่ แล้วร้องตะโกนด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง "อาจารย์!" “นายอย่าร้องไห้น่าสมเพชนักสิ มันทำฉันขายหน้านะ” หลี่โม่พูดด้วยรอยยิ้ม คังเหวินซินตะลีตะลานเช็ดเบ้าตา ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ออกมา พี่เกิ่งจ้องมองหลี่โม่อย่างโมโห แอบพยายามดึงข้อมือของตัวเองกลับมาอย่างลับ ๆ แต่ไม่ว่าพี่เกิ่งจะพยายามออกแรงแค่ไหน มือของหลี่โม่ก็ราวกับคีมปากเสือหนีบข้อมือของพี่เกิ่งเอาไว้แน่น จนข้อมือของพี่เกิ่งไม่มีทางสลัดหลุดได้เลย “ปล่อยมือฉัน!” พี่เกิ่งตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “แกบอกให้ปล่อยก็ต้องปล่อยเหรอ? แกน่าจะอธิบายเรื่องที่จะลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์ฉันเมื่อกี้นี้มาสักหน่อยไหม?” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา คังเหวินซินส
กู้หยุนหลานมองไปยังหลี่โม่อย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่โม่ขยิบตาให้ เธอจึงไม่พูดอะไรและเก็บความสงสัยไว้ในใจ ผู้จัดการหวังโบกมือให้พนักงานขายสาว พนักงานสาวที่ถือสัญญาอยู่แล้วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ผู้จัดการหวัง นี่เป็นสัญญาของวิลล่ายอดเขาค่ะ แต่ราคานี้มัน…” สีหน้าของพนักงานสาวดูบูดเบี้ยวเล็กน้อย ถ้าขายวิลล่านี้ออกไปในราคาต้นทุน เธอคงไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นเลยสักแดง! ที่ผ่านมาเศรษฐีในเมืองฮั่นจำนวนมากต่างก็ถูกใจวิลล่าแห่งนี้ แต่เพราะมีการปิดกั้นการซื้อขาย เลยไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการ เดิมทีพวกพนักงานสาวนั้นเตรียมพร้อมที่จะทำกำไรมหาศาลด้วยการขายวิลล่าหลังนี้หลังจากที่เปิดการขายแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความฝันของพวกเธอกำลังจะมลายหายไปซะแล้ว “พวกเธอมีสิทธิ์พูดงั้นเหรอ? นี่คือการตัดสินใจของคุณชายใหญ่!” ผู้จัดการหวังตำหนิพนักงานขายสาว พนักงานสาวหดคอและปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอีก ผู้จัดการหวังเปิดสัญญาตรวจดู หลังจากยืนยันความถูกต้องแล้ว เขาก็ถือสัญญาเดินไปหาหลี่โม่ “อ่านสัญญาดูก่อนนะครับ หากไม่มีปัญหาอะไร เราจะไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานของผมกัน ผมไม่สามารถนำตราประทับอะไรพวกนั้นพกติดต
“คุณชาย อย่ามาขู่ผมเลยครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ สิ่งที่ผมพูดไปเมื่อครู่ล้วนมีเหตุมีผล หากไม่เชื่อก็ถามซินแสที่มาดูฮวงจุ้ยให้ได้เลยครับ คำพูดพวกนี้เขาเป็นคนพูดเองกับปากทั้งนั้น” ผู้จัดการหวังแข็งขืน ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย หลี่โม่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เหวินซิน อย่าหุนหันพลันแล่น ผู้จัดการหวังพูดถูกแล้ว คนที่โชคชะตาบารมีไม่ถึง ไม่มีทางข่มพลังฮวงจุ้ยอันยอดเยี่ยมได้แน่นอน” คังเหวินซินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "อาจารย์พูดถูกแล้วครับ แต่ด้วยบารมีของอาจารย์ จะต้องสามารถข่มมันได้อย่างแน่นอน พวกเรามาดูกันดีกว่า ที่นี่ล้วนได้รับการตกแต่งอย่างดี คุณหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย เหลือแค่ดูว่าวิลล่าหลังนี้ถูกใจคุณหรือเปล่าก็พอครับ” เมื่อเห็นคังเหวินซินพยายามเอาอกเอาใจหลี่โม่ ผู้จัดการหวังก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย หรือว่าตนจะมองผิดไป? ผู้ชายที่สวมเสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวคนนี้ เป็นคุณชายเศรษฐีที่มาลองสัมผัสประสบการณ์ชีวิตงั้นเหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณชายของตนถึงได้ไปประจบเอาใจเขาขนาดนี้กัน? “คุณชาย ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการหวังถามอย่างสงสัย “นี่คืออาจารย์ของฉันหลี่โม่ นายสุภาพกับอาจารย์ของฉัน
“ไอ้สารเลวคนไหนไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้ามาแย่งวิลล่าของอาจารย์ พวกแกยังมัวแต่กินอะไรกันอีก ไปดูด้วยกัน จัดการไอ้พวกสารเลวนั่นซะ” “ศิษย์พี่เกิ่งพูดถูก พวกเราทุกคนต้องไปดูด้วยกัน บ้านของอาจารย์ต้องดีที่สุดเท่านั้น จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว” ศิษย์พี่เกิ่งและคนอื่น ๆ พากันลุกขึ้นทีละคน เมื่อเห็นเช่นนี้คังหย่งเฉียนก็เรียกให้พนักงานคิดเงินทันที แล้วจึงพาพวกของศิษย์พี่เกิ่งมุ่งตรงไปยังสวนหนานชุ่ย ... รถเมอร์เซเดสเบนซ์ขับเข้าไปในสวนหนานชุ่ย และขับตรงไปตามทางขึ้นยอดเขา ใกล้กับยอดเขาของเขาหนานชุ่ยนั้นมีที่ราบอยู่บริเวณหนึ่ง ที่ราบนี้ถูกนำมาใช้สร้างวิลล่า พร้อมทั้งปลูกต้นไม้พืชพรรณเขียวชอุ่มรอบ ๆ วิลล่าอีกด้วย ด้านหน้าวิลล่ายังมีลำธารที่ไหลมาจากยอดเขา ทำให้ฮวงจุ้ยของวิลล่านี้ยอดเยี่ยมมากไร้ที่ติ หน้าน้ำหลังเขา ตำแหน่งปากมังกรจัดวางฮวงจุ้ยอย่างดี ทำให้วิลล่าบนยอดเขาหลังนี้เลิศล้ำไม่มีใครเทียม รถเมอร์เซเดสเบนซ์จอดสนิทหน้าประตูวิลล่ายอดเขา ผู้จัดการหวังและพนักงานขายสาวสองคนยืนรอที่ประตูวิลล่าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นรถเบนซ์จอดนิ่ง ผู้จัดการหวังก็รีบวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปช่วยเปิดประตูรถ
ผู้จัดการหวังหยิบบุหรี่ออกมาคาบที่มุมปาก เตรียมจะสูบบุหรี่เพื่อสงบสติอารมณ์ คำขอของคังเหวินซินทำให้ผู้จัดการหวังตั้งตัวไม่ติด การจะดูบ้านมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายถูกใจขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไรล่ะ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องราคาต้นทุนหรือเปล่า ถ้าคังหย่งเฉียนเข้ามาครอบครองวิลล่าหลังนี้ เขาก็คงไม่ได้เงินเลยสักแดงเดียว พอนึกถึงคังหย่งเฉียนขึ้นมาผู้จัดการหวังรู้สึกปวดจี๊ด ๆ ขึ้นมา เจ้านั่นเป็นปีศาจเจ้าสำราญแห่งตระกูลคัง วัน ๆ เอาแต่เกียจคร้าน กินดื่มเที่ยวเล่น ยิ่งกว่านั้นยังคบค้ากับพวกอันธพาล ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสตระกูลคังก็ยังถูกคังหย่งเฉียนยั่วโมโหจนเส้นเลือดในสมองตีบ แทบทุกคนในตระกูลคังล้วนทำเป็นไม่สนใจคังหย่งเฉียน ตราบใดที่คังหย่งเฉียนไม่ได้ก่อปัญหา ก็ไม่มีใครสนใจว่า คังหย่งเฉียนจะทำอะไร ถ้าหากยกวิลล่าให้เพื่อนของคังเหวินซินจริง ๆ คังหย่งเฉียนคงจะพาคนมาสับเขาเป็นชิ้น ๆ ถึงที่แน่ หลังจากสูบบุหรี่หมดมวน ผู้จัดการหวังก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ รู้สึกว่ายังไงก็ควรแจ้งให้คังหย่งเฉียนรู้สักหน่อย ส่วนคังหย่งเฉียนจะต่อสู้กับคังเหวินซินอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา