“รถของเป้าหมายขับออกจากบริษัทแล้วครับ ผมกำลังติดตามเธออยู่” คนขับรถสีเงินพูดกับวิทยุสื่อสารบนรถ “จับตาดูให้ดี จากการสำรวจของเรา สถานที่ที่เป้าหมายจะไปคือบ้าน บริษัท โรงงานและโรงพยาบาล ทิศทางทั้งสี่แห่งนี้แตกต่างกันมาก นายต้องจับทิศทางของเป้าหมายให้ได้” “รับทราบครับ” จากนั้นคนขับรถสีเงินก็วางวิทยุสื่อสารลงแล้วขับตามรถของกู้หยุนหลานอย่างไม่คลาดสายตา กู้หยุนหลานไม่รู้ว่าเธอกำลังตกเป็นเป้าหมายของคนอื่นแล้ว เมื่อขับไปจนถึงโรงพยาบาล กู้หยุนหลานก็จอดรถไว้ที่ลานจอดรถ หลังลงจากรถแล้วเดินเพียงไม่กี่ก้าวก็มีชายสองคนเดินสวนเข้ามาใกล้เธอ กู้หยุนหลานไม่ได้ตระหนักถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นและกำลังจะเดินสวนชายสองคนนั้น แต่ทันใดนั้นชายคนหนึ่งก็ยกมือขึ้นแล้วใช้ผ้าเปียกที่ชุบยาสลบมาปิดปากของกู้หยุนหลานไว้ นั่นเป็นผ้าเปียกที่พ่นยาสลบลงไปเรียบร้อยแล้ว แค่สูดเข้าไปในจมูกเพียงเล็กน้อยก็จะทำให้คนหมดสติได้ทันที กู้หยุนหลานพยายามดิ้นรนอยู่สักพัก แต่ไม่นานหลังจากนั้นดวงตาของเธอก็พร่ามัวและในที่สุดเธอก็หมดสติไป “เหอะ ๆ ผู้หญิงคนนี้ดูดีจริง ๆ ไม่แปลกเลยที่คุณชายซูจะชอบเธอ ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นไปอ
หลังจากที่เปิดอ่านข้อความ หลี่โม่ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที จากนั้นก็กดเข้าไปดูคลิปวิดีโอที่อีกฝ่ายส่งมา เมื่อเปิดดูคลิปวิดีโอนั้น เขาก็เห็นกู้หยุนหลานถูกมัดติดกับเก้าอี้ด้วยสภาพที่หมดสติ กู้หยุนหลานถูกลักพาตัว! หลี่โม่โกรธขึ้นมาทันที จากนั้นเขากดไปที่เบอร์โทรศัพท์แล้วโทรกลับไปตามหมายเลขที่ส่งข้อความมา “ฮัลโหล ภรรยาฉันอยู่ไหน พวกแกต้องการเงินเท่าไหร่ ฉันจะให้พวกแก แต่พวกคุณแกห้ามทำร้ายภรรยาฉัน!” หลี่โม่พูดอย่างร้อนใจ “แหม ดูเหมือนจะเป็นห่วงเมียเสียจริง ๆ เลยนะ แต่เสียใจด้วย คุณชายของเราไม่ต้องการเงิน ถ้าแกไม่อยากให้เมียแกเป็นอะไรไป ก็รีบมาหาเธอที่โกงดัง 502 ที่เขตชานเมืองตะวันตกเดี๋ยวนี้ แต่จำไว้ด้วยว่า แกต้องมาคนเดียว ถ้าแกแอบพาคนมาด้วยล่ะก็ ฉันก็ไม่รับประกันความปลอดภัยของเมียแกล่ะนะ” “ได้ พวกแกรอฉัน ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ แต่พวกแกห้ามแตะต้องเธอโดยเด็ดขาด!” หลี่โม่ตะโกนพูดอย่างประหม่า “อย่าพูดมาก ฉันจะให้เวลาแกยี่สิบนาที ถ้ายังมาไม่ถึง ฉันจะไม่เกรงใจกับเมียแกแล้ว!” ลูกน้องกดวางสายแล้วกลับไปรายงานคุณชายซูด้วยสีหน้ามั่นใจ “คุณชายซูครับ เรียบร้อยแล้วครับ เจ้าคนไร้ประโยชน์คนนั้นรับปา
หลี่โม่พูดอย่างกังวล “หลี่โม่” กู้หยุนหลานเม้มริมฝีปากของเธอและน้ำตาก็ไหลลงมาทันที เมื่อเห็นว่าหลี่โม่ที่เข้ามาช่วยเธอเพียงลำพัง กู้หยุนหลานก็รู้สึกว่าเขาช่างโง่เขลาเสียจริง ๆ แต่ความโง่เขลาของเขาก็ทำให้เธอรู้สึกซาบซึ้งอย่างมาก ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นคงไม่มีใครทำตามคำขอของคุณชายซูเช่นนี้แน่นอน กู้หยุนหลานคิดว่า ในโลกนี้ไม่มีใครที่จะทำเหมือนหลี่โม่อีกแล้ว “ความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันจริง ๆ จะบอกให้นะ พวกแกยิ่งรักกันมากเท่าไหร่ เกมของฉันก็ยิ่งดูน่าตื่นเต้นมากเท่านั้น” คุณชายซูรู้สึกเบื่อหน่ายกับความรักที่มีให้ซึ่งกันและกันของหลี่โม่กับกู้หยุนหลาน จากนั้นเขาหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วสอดปลายมีดเข้าไปในคอเสื้อของกู้หยุนหลาน “แกคิดจะทำอะไร! ฉันขอเตือนแกก่อนนะ แกอย่าคิดทำอะไรแย่ ๆ ! แกปล่อยหยุนหลานไป ฉันจะเป็นตัวประกันให้แกเอง!” หลี่โม่ตะโกนอย่างกระวนกระวาย ถ้ากู้หยุนหลานไม่ได้ถูกจับตัวไว้ หลี่โม่ก็จะสามารถสู้กับทุกคนในนี้ได้ แต่กู้หยุนหลานในขณะนี้อยู่ในกำมือของศัตรู หลี่โม่จึงทำอะไรไม่ได้จริง ๆ“เหอะ ๆ แค่นี้ก็กังวลซะแล้ว ดูเหมือนว่าสภาพจิตใจของแกช่างอ่อนไหวจริง ๆ เลยนะ ถ้าแทงมันเข้าไ
เมื่อเห็นหลี่โม่ไม่ขยับไปไหน น้ำตาของกู้หยุนหลานก็ไหลลงมาเหมือนสายฝน น้ำตาที่ไหลรินทำให้ดวงตาของเธอพร่ามัวและมองไม่เห็นสีหน้าของหลี่โม่อีก แต่เมื่อรู้ว่าหลี่โม่ไม่ยอมไปไหน กู้หยุนหลานก็ยิ่งตะโกนดังขึ้น “นายคนไร้ประโยชน์ ยังไม่รีบไปให้พ้นอีก ฉันเกลียดคุณ ฉันอยากจะเลิกกับคุณตั้งนานแล้ว คุณไปให้พ้น ไปไกล ๆ เลย ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีกแล้ว” คุณชายซูเฝ้าดูฉากนี้อย่างมีความสุข ราวกับว่าเขากำลังชมภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์โศกเศร้าอยู่ “ด่าได้ดีมาก นายคนไร้ประโยชน์ เมียแกสั่งให้แกไปให้พ้นแล้ว น้องหยุนหลานคงอยากอยู่กับฉันตามลำพังสินะ ถึงได้ไล่สามีไร้ค่าไปให้พ้น ฮ่า ๆ” แต่หลี่โม่ได้แต่จ้องไปที่กู้หยุนหลานด้วยความรัก กู้หยุนหลานร้องไห้หนักกว่าเดิม “คนโง่ ทำไมคุณถึงได้โง่ขนาดนี้” แปะ แปะ แปะ! คุณชายซูปรบมือและพี่ตาวปากับลูกน้องของเขาก็ปรบมือตาม “เป็นการแสดงความรักอันลึกซึ้งจริง ๆ ช่างโรแมนติกสุด ๆ ว่ากันว่าความสุขนั้นมักจะเกิดขึ้นบนความเศร้าโศกของผู้อื่นจริง ๆ ฉันรู้สึกชอบใจมาก ตาวปาไปหยิบเหล้าหลุยส์สิบสามของฉันมา เวลาแห่งความสุขแบบนี้จะขาดเหล้าได้ยังไง” “เจ้านายช่างเข้าใจความ
ตาวปายิ้มแล้วพูดว่า “คุณชายสุดยอดไปเลยครับ หาความสุขให้ตัวเองเก่งที่สุดเลย อีกสักแก้วไหมครับ?” “แน่นอนสิ เทให้เต็มแก้วเลยนะ” ตาวปาหยิบขวดเหล้าแล้วรินลงไปบนแก้วเหล้าในมือของคุณชายซูจนเต็มแก้ว “กู้หยุนหลาน ฉันเคยชวนเธอกินข้าวด้วยกันแต่เธอไม่ตกลง วันนี้ฉันอยากให้เธอดื่มเป็นเพื่อนฉันหน่อย เธอจะตกลงไหม? แต่ถ้าเธอไม่ตกลง สามีไร้ประโยชน์ของเธอก็คงต้องแย่หน่อยนะ ลองคิดดี ๆ ก่อนให้คำตอบฉันก็ได้” “คุณชายซู ฉันผิดเอง นายทำฉันเถอะ อย่าลำบากหยุนหลานเลย!” ดวงตาของหลี่โม่เริ่มแดงก่ำและมองไปที่คุณชายซูด้วยความโกรธ จากนั้นคุณชายซูหันไปแล้วขว้างแก้วเหล้าในมือใส่หลี่โม่ จนเหล้าในแก้วกระเด็นใส่หน้าและตัวของหลี่โม่ แต่แก้วเหล้าไม่ได้ขว้างอย่างแม่นยำ จึงตกลงไปที่พื้นแล้วแตกเป็นชิ้น ๆ อยู่ข้าง ๆ หลี่โม่ “ฉันสั่งให้แกพูดแล้วเหรอ? ไอ้กระจอกอย่างแกกล้าขึ้นเสียงกับฉัน แกไปเอาความกล้านี้มาจากไหน!” “ให้แกคุกเข่าคงเป็นการลงโทษที่ใจดีเกินไปใช่ไหม หรือว่าแกอยากท้าทายฉัน!” ตาวปาขมวดคิ้วแล้วหยิบมีดสั้นออกจากเอวแล้ว พลางอย่างเย็นชา “คุณชายครับ ให้ผมตัดแขนขามันทิ้งไหมครับ ให้มันกลายเป็นคนไร้ประโยชน์จร
“พอได้แล้ว หยุดทำร้ายเขาได้แล้ว ฉันขอร้องล่ะ ปล่อยเขาไปเถอะ คุณชายซู คุณปล่อยหลี่โม่ไปเถอะนะ ถ้าทำร้ายเขาต่อไป เขาต้องตายแน่!” กู้หยุนหลานร้อนใจ แม้เธอจะไม่ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของหลี่โม่ แต่เธอก็สัมผัสถึงความเจ็บปวดจากความรุนแรงที่ชายสองคนนั้นกระทำกับสามีของเธอได้ เขาอดทนเพื่อเธอ อดทนกับความเจ็บปวดและไม่ส่งเสียงอะไรออกมา กู้หยุนหลานรู้สึกเจ็บปวดใจแทนหลี่โม่อย่างที่สุด “หยุดก่อน เดี๋ยวมันจะตายซะ ฉันยังไม่ทันจะให้มันเห็นของดีเลย ฉันเตรียมจะสวมเขาให้ไอ้คนไร้ค่านี่ด้วย” คุณชายซูพูดด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ตาวปาแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “คุณชายครับ เราเตรียมเขาไว้ให้มันสวมเรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวตอนที่กำลังมีความสุข พวกผมจะจับมันสวมเขาเองครับ”“แกนี่ช่างรู้จักคิดจริง ๆ เลยนะตาวปา แต่ตอนนี้ฉันชักจะรอไม่ไหวแล้วสิ พวกแกจับตัวไอ้คนไร้ประโยชน์ไว้ให้ดี ให้มันดูว่าฉันมีความสุขแค่ไหน”ชายร่างกำยำสองคนดึงตัวหลี่โม่ขึ้นมาแล้วจับแขนสองข้างของเขาไว้แน่น และให้เขาหันหน้าไปหากู้หยุนหลาน “เจ้าสุนัขจรจัด ดูให้ดีเถอะ เดี๋ยวฉันจะสวมเขาให้แกแล้ว แต่เขาที่ฉันจะสวมให้แกมีค่ามาก ถือว่าเป็นเกียรติของแ
ในฐานะที่หลี่โม่เป็นนายน้อยแห่งแดนประตูมังกร จึงได้รับการปกป้องจากผู้คุ้มกันของแดนประตูมังกรอย่างลับ ๆ มาโดยตลอดเพียงแต่ในเวลาที่ชีวิตไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย ผู้คุ้มกันเหล่านี้จะไม่เปิดเผยตัวตนออกมา “ช่วยหยุนหลานก่อน!” หลี่โม่เงยหน้าตะโกนเสียงดัง คุณชายซูสั่นสะท้านในใจและตะโกนเสียงดังว่า “ฉันไม่สนว่าแกเป็นใคร ถ้าแกกล้าลงมือกับฉันล่ะก็ ฉันจะจัดการยัยผู้หญิงนี่ให้ตายก่อนแน่นอน! ให้เวลาแกออกมาภายในสามวินาที ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันหยาบคาย!" ประเด็นหลักคือต้องบีบบังคับให้ยอดฝีมือผู้ลึกลับออกมาถึงจะได้ มีกู้หยุนหลานในมือเป็นตัวประกัน คุณชายซูรู้สึกว่าชีวิตยังมีความปลอดภัยอยู่บ้าง พี่ตาวปามองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง และพยายามค้นหายอดฝีมือผู้ลึกลับออกมา แต่สิ่งที่ทักทายพวกเขากลับเป็นเสียงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และเสียงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วพัดผ่านไปราวกับได้เริ่มอารัมภบทฝันร้ายของคุณชายซู "น้อมรับคำสั่ง" เสียงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วลอยล่องอยู่ในโกดัง จับเสียงระยะทางไม่ได้และไม่ได้ยินเสียงทิศทางราวกับว่ามันดังก้องอยู่ข้างหู และดูเหมือนว่ามันมาจากที่ไกล ๆ คุณชายซูสั่นสะท้านในใจทัน
หลี่โม่และกู้หยุนหลานจ้องมองกันอย่างลึกซึ้ง จากนั้นทั้งคู่ก็หัวเราะพร้อมกัน ราวกับว่าเหมือนมีจิตที่เชื่อมถึงกัน ทั้งสองต่างมองเห็นตัวเองในดวงตาของกันและกัน ราวกับว่าถูกสลักไว้ในหัวใจของกันและกัน ณ เวลานี้ ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดใด ๆ แค่สบตากันก็ดีกว่าคำพูดเป็นหมื่นเป็นพันคำ คุณชายซูจ้องมองด้วยดวงตาที่กลมโต มองดูความรักที่สนิทสนมของหลี่โม่และกู้หยุนหลาน แต่ทั้งร่างนั้นอ่อนแอไม่มีเรี่ยวแรง และไม่มีแรงแม้แต่จะอ้าปากพูด ความรู้สึกกลัวได้งอกเงยในหัวใจของคุณชายซู แล้วแพร่กระจายไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว และกล้ามเนื้อก็สั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ ทุกอย่างดูราวกับอยู่ในความฝัน เมื่อครู่นี้คุณชายซูยังรู้สึกเหมือนเป็นพระเจ้า แต่ตอนนี้รู้สึกงุนงงว่าตัวเองตกอยู่ในนรกแล้ว เรื่องราวต่าง ๆ เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เร็วจนคุณชายซูไม่สามารถตามทันได้ และคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกว่าทำไมจู่ ๆ ก็มียอดฝีมือแข็งแกร่งเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้น หลังจากเตรียมการมามากมาย และเห็นชัยชนะอยู่ตรงหน้าแล้ว ทุกอย่างต้องเสร็จสิ้นตามแผนการที่ตัวเองได้วางแผน แต่ในวินาทีสุดท้ายกลับพลิกผัน 180 องศา รับไม่ได้ คุณชายซูยอมรับไม่ไ