เมื่อชูจงเทียนและหลูหมิงเชิงได้ยินคำพูดของหลี่โม่ต่างก็มองออกไปนอกรถพร้อมกัน เมื่อเห็นพวกอันธพาลเดินมาอย่างรวดเร็ว สีหน้าของชูจงเทียนและหลูหมิงเชิงก็ดูไม่ได้ขึ้นมา นี้มันถิ่นของฉันชูจงเทียน ออกมาก่อเรื่องวุ่นวายกันแบบนี้แล้วจะให้นายน้อยคิดอย่างไร? นายน้อยต้องมีความคิดเห็นอย่างแน่นอน! “คนสารเลวพวกนี้! คุณชายหลี่เชิญนั่งตามสบาย ผมจะไปจัดการพวกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงพวกนี้เองครับ” ชูจงเทียนผลักประตูลงจากรถด้วยสีหน้าดุร้าย ปลดปล่อยอาร่าผู้ยิ่งใหญ่โดยรอบ หลูหมิงเชิงยิ้มและพูดกับหลี่โม่ว่า “คนอันธพาลตัวเล็ก ๆ พวกนี้มีจำนวนน้อยเกินไปที่จะให้ชูจงเทียนจัดการ คุณชายหลี่รอชมการแสดงอย่างสบายใจได้เลยครับ อีกเดี๋ยวก็ได้รู้แล้วว่าเจ้านายของพวกเขาเป็นใคร” “อืม” หลี่โม่ตอบอย่างใจเย็น สงสัยว่าการปรากฏตัวของพวกอันธพาลตัวเล็ก ๆ เหล่านี้ดูจะบังเอิญเกินไปหรือเปล่า เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขามาเพราะตัวเอง เพราะเมื่อครู่นี้หลี่โม่ทำให้ฮั๋วเจี้ยนเฟิงและฉวี่หมานเสียศักดิ์ศรี และทั้งสองคนได้รวมหัวกันทำสิ่งที่ไม่สมควร แบบนี้ดูยังดูสมเหตุสมผลกว่า ชูจงเทียนยืนอยู่ข้างรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ มองดูชายหนุ่มอันธ
ชูจงเทียนต่อยเข้าบนหัวของอันธพาลพังก์ผมเหลือง ต่อยจนอันธพาลพังก์ผมเหลืองกลายเป็นอันธพาลข้างถนน อันธพาลหนุ่มที่เหลือกวัดแกว่งไม้เบสบอลตรงเข้ามาทุบตี ชูจงเทียนไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย เขาเป็นเหมือนม้าศึกต่อสู้เพียงลำพังท่ามกลางฝูงชน ในไม่ช้าก็ล้มพวกอันธพาลลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว และแสดงความเป็นเจ้าพ่อได้อย่างเหมาะสม ในรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ หลูหมิงเชิงก็หยิบซิการ์ฮาวานาที่สะสมออกมา หลังจากตัดหัวซิการ์แล้ว ก็ยื่นส่งซิการ์ให้หลี่โม่ “คุณชายหลี่ครับ คุณลองสูบซิการ์ฮาวานาที่ผมสะสมดูสิครับ สำหรับผมกว่าจะหามาได้ก็ยากเอาเรื่อง แต่สำหรับคุณ นี่อาจจะไม่ได้พิเศษอะไร” หลี่โม่หนีบซิการ์ด้วยสองนิ้ว หลูหมิงเชิงก็รีบหยิบไฟแช็กน้ำมันก๊าดสีทองออกมาทันทีและจุดซิการ์ให้หลี่โม่ หลี่โม่สูบซิการ์แล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า “สูบซิการ์ต้องใช้ไม้ขีดไฟที่ทำจากต้นสนซีดาร์จุด คราวหลังอย่าใช้ไฟแช็กน้ำมันจุดอีก คุณจะถูกคนหัวเราะเยาะได้” หลูหมิงเชิงนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบเก็บไฟแช็กน้ำมันก๊าดสีทองในมือทันที “แหะ ๆ ผมนี่มันช่างบ้านนอกไม่รู้เรื่องราวเลย คราวหลังผมจะตั้งใจเรียนรู้ศึกษาไว้ และจะไม่ทำให้คุณชายหลี่ต้อง
พี่ตาวขี่มอเตอร์ไซค์บิดมาอย่างรวดเร็ว คนมากกว่าหนึ่งร้อยคนที่อันธพาลพังก์ผมเหลืองพูดถึงนั้น ไม่เห็นมีแม้แต่เงา กลายเป็นว่ามีคนมากมายมาสร้างปัญหาบนท้องถนนใหญ่เส้นนี้ และมีเพียงคนที่มีปัญหาทางสมองเท่านั้นที่จะทำได้ นอกจากนี้ พี่ตาวยังเป็นคนมีทักษะการต่อสู้สูงและกล้าหาญ พูดอย่างไรก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นจอมอันธพาลคนหนึ่ง แค่รายงานชื่อออกมาก็ทำให้อีกฝ่ายคุกเข่าลงแล้ว พี่ตาวจอดรถมอเตอร์ไซค์ข้าง ๆ รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ แล้วมองดูลูกน้องที่ต่างนอนราบอยู่บนพื้น ทันใดนั้นจมูกของเขาก็บูดเบี้ยว “พวกแกนี่ช่างทำให้ฉันขายขี้หน้าจริง ๆ คนเยอะแยะขนาดนี้ยังจัดการกับไอ้เวรนั่นไม่ได้ ไอ้เวรนั่นอยู่ไหนล่ะ ฉันจะสั่งสอนมันเอง!” พี่ตาวตะโกนด่าพลาง แล้วดึงมีดล่าสัตว์ออกมาจากด้านหลังเอวของเขา เหตุผลที่พี่ตาวถูกเรียกว่าพี่ตาวก็เพราะเขาเล่นมีดได้อย่างยอดเยี่ยม และเขายังภูมิใจในตัวเองที่สามารถรวมกับมีดได้เป็นหนึ่ง “เสี่ยวตาว แกจะสั่งสอนฉัน?” ชูจงเทียนเดินออกมาจากด้านหลังรถ "ที่จะสั่งสอนก็คือ… ฉิบหาย! ท่านเทียน!" ตอนที่พี่ตาวเห็นชูจงเทียน ผมของเขาก็แทบจะลุกขึ้น ตอนแรกคิดว่าเป็นแค่คนที่มีวิชาศิลปะการต่
”ไม่จำเป็น แกทำเหมือนว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นซะ และแกห้ามเปิดเผยเรื่องเกี่ยวกับคุณชายหลี่แม้แต่คำเดียว” ชูจงเทียนพูดตามคำสั่งของหลี่โม่ "อะไรนะครับ?" พี่ตาวมองไปยังชูจงเทียนด้วยความประหลาดใจ และไม่แน่ใจว่านี่มันเรื่องอะไรกัน “คุณชายหลี่ต้องการเล่นงานเขาอย่างช้า ๆ วัน ๆ ไม่ต้องรู้จักแต่ทุบตีและฆ่าอย่างเดียว หัดฉลาดขึ้นบ้าง พาคนของแกไสหัวออกไปซะ” ชูจงเทียนพูดอย่างเย็นชา “ครับ ครับ เราจะไปเดี๋ยวนี้" พี่ตาวรีบพาพวกลูกน้องของเขาถอยกลับไปทันที หลูหมิงเชิงมองหลี่โม่ด้วยรอยยิ้มที่ประจบสอพลอ "คุณชายหลี่คำนวณได้ยอดจริง ๆ ครับ เกรงว่าจะเก่งกว่าจูกัดเหลียงคำนวณเก่งกว่าขงเบ้ง และมีไหวพริบกว้างไกลกว่าว่อหลง" เมื่อฟังคำชมของหลูหมิงเชิง หลี่โม่ก็ดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย “คุณกำลังพูดเรื่องตลกเหรอ?” "อะไรนะครับ?" หลูหมิงเชิงไม่เข้าใจ ตัวเองตั้งใจเลียเข้งเลียขาประจบสอพลอขนาดนี้ ทำไมถึงกลายเป็นเรื่องตลก เมื่อมองไปยังหัวหมูที่เฉื่อยชาของหลูหมิงเชิง ชูจงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า "จูกัดเหลียง ขงเบ้ง ว่อหลง ล้วนเป็นคนคนเดียวกัน" “โอ้พระเจ้า คุณดูสิครับผมนี่ช่างไม่รู้จักวัฒนธรรมจริง ๆ”
หลี่โม่หันไปมองตามเสียง และเห็นกลุ่มหนุ่มหล่อสาวสวยมองมาที่เขาด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม ท่ามกลางกลุ่มนั้นมีสาวที่ดูสวยแพงอยู่คนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่ทำเสียงประหลาดใจเมื่อครู่นี้ เธอชื่อเฉินผิงผิงเป็นเพื่อนร่วมชั้นของกู้หยุนหลาน และเป็นคนที่แข่งขันแย่งชิงตำแหน่งดาวห้องเรียนและดาวโรงเรียนกับกู้หยุนหลานตั้งแต่เด็ก แต่ไม่ว่าเฉินผิงผิงจะขยันแค่ไหน เธอก็ยังด้อยกว่ากู้หยุนหลาน อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เธอได้ยินว่า กู้หยุนหลานได้แต่งงานกับคนต่ำต้อย เฉินผิงผิงก็มีความสุขอย่างมาก และได้รวบรวมเรื่องราวที่น่าสมเพชของหลี่โม่ไว้มากมาย และวางแผนว่างานเลี้ยงรวมตัวเพื่อนร่วมชั้นอีกครั้ง จะทำให้กู้หยุนหลานอับอายขายหน้า แต่คิดไม่ถึงว่า จะได้เจอกับหลี่โม่ที่คลับดราก้อนพาเลซในวันนี้ ดังนั้นเฉินผิงผิงจึงรีบใช้หลี่โม่เพื่อฝึกฝีมือทันที เมื่องานเลี้ยงรวมตัวเพื่อนร่วมชั้นมาถึง เธอก็จะสามารถทำให้กู้หยุนหลานอับอายขายหน้าได้มากขึ้น “โอ้โห สวมใส่เสื้อผ้าขาด ๆ ทั้งตัวก็สามารถเข้าและออกจากคลับดราก้อนพาเลซได้แบบสบาย ๆ เหรอเนี่ย? เป็นเพราะค่าใช้จ่ายบริโภคของคลับดราก้อนพาเลซลดลงแล้ว หรือแรงงานต่างด้าวบางคนไม่ด
ผู้คนมากมายที่สร้างปัญหาในคลับดราก้อนพาเลซนั้นล้วนถูกอัดจนพิการ ขึ้นชื่อเรื่องสั่งสอนคนด้วยเลือดและน้ำตา “ไอ้ยาจก ชูจงเทียนเชิญนายมากินข้าวงั้นเหรอ สถานะอย่างชูจงเทียน เขาจะยุ่งกับคนอย่างนายงั้นเหรอ? นายไม่คู่ควรให้เลียรองเท้าชูจงเทียนด้วยซ้ำ!” “ทุกวันนี้นี่พวกยาจกเสแสร้งเก่งจริง ๆ ก่อนจะเสแสร้งก็หัดดูสารรูปตัวเองก่อนไหม อย่างนายที่สวมใส่เสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวแบบนี้ คิดว่าจะพบกับท่านเทียนได้อย่างนั้นเหรอ? บอกตามตรงเลยว่าตลกมาก” “ฉันคิดว่าว่า มันเข้ามาหาอาซ้อแถวนี้หรือเปล่า อย่างน้อยอาซ้อก็น่าจะซื้อเสื้อผ้าดี ๆ ให้สักสองสามชุดสิ ใช่ไหม? หรือว่ามันมา… ขาย” หนุ่มหล่อหัวเราะขึ้นมาเสียงดัง เฉินผิงผิงดูเหมือนจะฟังไม่เข้าใจและถามด้วยความสงสัยว่า "ขายอะไรเหรอ?" "ขายนี่ไง!" หนุ่มหล่อที่พูดอยู่ก็ตบ ๆ ที่ก้น แล้วมองหลี่โม่อย่างติดตลกและพูดว่า “ไอ้จ้อนของนายคงจะเหี่ยวเฉาไปนานแล้วล่ะมั้ง” "ฮ่า ฮ่า ฮ่า" เฉินผิงผิงหัวเราะจนตัวโยกไปมา หนุ่มหล่อที่อยู่ด้านข้างนั้นต่างพากันมองไปที่ก้อนสั่นสะเทือนของเฉินผิงผิงอย่างตะลึงจนน้ำลายแทบไหล “พูดได้สมเหตุสมผล คนไร้ประโยชน์อย่างนายมาขายตัวอย่างน
เมื่อชูจงเทียนได้ยินเสียงตะโกนของเฉินผิงผิง เขาก็กังวลทันที ถ้าหากว่าหลี่โม่เสียหน้าในถิ่นของตนล่ะก็ หลี่โม่คงไม่ติดต่อกับตนอีกต่อไป เรียกได้ว่าตกม้าตายเพราะเรื่องโง่ ๆ ดังนั้นไม่รอที่จะเดินถึงหน้าเฉินผิงผิงและคนอื่น ๆ ชูจงเทียนก็ตะโกนออกมาเสียงดัง เมื่อเฉินผิงผิงที่กำลังโมโหอยู่ได้ยินเสียงคนตะโกนใส่ตัวเอง ในใจก็รู้สึกไม่พอใจมากขึ้น เธอหันกลับไปชี้ชูจงเทียนแล้วโวยวายว่า “คุณเป็นใคร ใครให้คุณเข้ามาแส่หาเรื่อง ฉันจะสั่งสอนคนไร้ค่า ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ!" หนุ่มหล่อทั้งกลุ่มไปมองที่ชูจงเทียน และหนุ่มหล่อหลายคนแสดงท่าทางแข็งแกร่ง และได้สาปแช่งแล้ว “ใครที่ไม่ได้รูดซิปกางเกงดี ๆ แล้วปล่อยให้คนไร้ประโยชน์นี่ออกมา ไม่ยอมอยู่ในกางเกงดี ๆ ที่แส่เข้ามานี่อยากโดนเราเหยียบตายใช่ไหม!” “กล้าที่จะดูหมิ่นผิงผิงของเรา รนหาที่ตายจัด แน่จริงตามฉันออกจากคลับดราก้อนพาเลซ เดี๋ยวไอ้ไร้ค่านี่ก็จะไปด้วย จะได้จัดการสั่งสอนทีเดียว” ขณะที่หนุ่มหล่อหลายคนกำลังด่าทออย่างแรง มีบางคนในนั้นที่ตามีแวว เขาบ่นพึมพำเมื่อมองดูชูจงเทียน “นี่ดูเหมือนว่าจะเป็นชูจงเทียน พวกนายมองคนให้ชัดเจนก่อนพูดไร้สาระดีไหม พวกที่
ไม่รอให้เฉินผิงผิงตะโกนโหวกแหวกโวยวายเสร็จ มือของชูจงเทียนก็ได้ตบลงบนหน้าของเฉินผิงผิงแล้ว เฉินผิงผิงเคยทำศัลยกรรมไมโครพลาสติกหลายครั้ง และใบหน้าที่บอบบางของเธอก็เต็มไปด้วยกรดไฮยาลูโรนิก ทันใดนั้นก็ดูแปลกขึ้นมา คางเอียงแล้ว จมูกเบี้ยวแล้ว และใบหน้าทั้งซ้ายขวาก็ไม่สมมาตร เมื่อเฉินผิงผิงโดนตบครั้งนี้ ก็ทำให้ใบหน้าที่สวยงามละเอียดอ่อนกลายเป็นผีสาวที่น่ากลัว “ยังกล้าที่จะดูหมิ่นคุณชายหลี่อีก เธอกำลังพยายามทำให้ฉันชูจงเทียนอับอายขายหน้าต่อหน้าคุณชายหลี่ใช่ไหม?” ชูจงเทียนตอบกลับอย่างเย็นชา บรรดาเศรษฐีหนุ่มที่อยู่รอบ ๆ เฉินผิงผิง เมื่อเห็นเฉินผิงผิงในตอนนี้ดูน่ากลัวสยดสยอง ทันใดนั้นต่างก็เว้นระยะห่างกับเฉินผิงผิง ทำเหมือนว่าไม่เคยรู้จักเฉินผิงผิงมาก่อน พูดได้เลยว่า ก่อนหน้านี้เฉินผิงผิงดูเหมือนจะเป็นอาหารอันโอชะ มองแล้วก็ทำให้คนอยากเข้าไปชิม แต่ตอนนี้กลายเป็นว่ายังด้อยกว่าของที่เหลือ “คุณชายหลี่ครับ ผมผิดไปแล้ว เมื่อครู่นี้ผมถูกคนแพศยาอย่างเฉินผิงผิงทำให้สับสน และพูดจาไม่ดีกับคุณชายหลี่ ผมขอโทษคุณอย่างเป็นทางการ” “ผมก็ขอโทษด้วยครับ ผมก็ถูกมนต์ของเฉินผิงผิงด้วย คุณชายหลี่อย่า