”ไม่จำเป็น แกทำเหมือนว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นซะ และแกห้ามเปิดเผยเรื่องเกี่ยวกับคุณชายหลี่แม้แต่คำเดียว” ชูจงเทียนพูดตามคำสั่งของหลี่โม่ "อะไรนะครับ?" พี่ตาวมองไปยังชูจงเทียนด้วยความประหลาดใจ และไม่แน่ใจว่านี่มันเรื่องอะไรกัน “คุณชายหลี่ต้องการเล่นงานเขาอย่างช้า ๆ วัน ๆ ไม่ต้องรู้จักแต่ทุบตีและฆ่าอย่างเดียว หัดฉลาดขึ้นบ้าง พาคนของแกไสหัวออกไปซะ” ชูจงเทียนพูดอย่างเย็นชา “ครับ ครับ เราจะไปเดี๋ยวนี้" พี่ตาวรีบพาพวกลูกน้องของเขาถอยกลับไปทันที หลูหมิงเชิงมองหลี่โม่ด้วยรอยยิ้มที่ประจบสอพลอ "คุณชายหลี่คำนวณได้ยอดจริง ๆ ครับ เกรงว่าจะเก่งกว่าจูกัดเหลียงคำนวณเก่งกว่าขงเบ้ง และมีไหวพริบกว้างไกลกว่าว่อหลง" เมื่อฟังคำชมของหลูหมิงเชิง หลี่โม่ก็ดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย “คุณกำลังพูดเรื่องตลกเหรอ?” "อะไรนะครับ?" หลูหมิงเชิงไม่เข้าใจ ตัวเองตั้งใจเลียเข้งเลียขาประจบสอพลอขนาดนี้ ทำไมถึงกลายเป็นเรื่องตลก เมื่อมองไปยังหัวหมูที่เฉื่อยชาของหลูหมิงเชิง ชูจงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า "จูกัดเหลียง ขงเบ้ง ว่อหลง ล้วนเป็นคนคนเดียวกัน" “โอ้พระเจ้า คุณดูสิครับผมนี่ช่างไม่รู้จักวัฒนธรรมจริง ๆ”
หลี่โม่หันไปมองตามเสียง และเห็นกลุ่มหนุ่มหล่อสาวสวยมองมาที่เขาด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม ท่ามกลางกลุ่มนั้นมีสาวที่ดูสวยแพงอยู่คนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่ทำเสียงประหลาดใจเมื่อครู่นี้ เธอชื่อเฉินผิงผิงเป็นเพื่อนร่วมชั้นของกู้หยุนหลาน และเป็นคนที่แข่งขันแย่งชิงตำแหน่งดาวห้องเรียนและดาวโรงเรียนกับกู้หยุนหลานตั้งแต่เด็ก แต่ไม่ว่าเฉินผิงผิงจะขยันแค่ไหน เธอก็ยังด้อยกว่ากู้หยุนหลาน อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เธอได้ยินว่า กู้หยุนหลานได้แต่งงานกับคนต่ำต้อย เฉินผิงผิงก็มีความสุขอย่างมาก และได้รวบรวมเรื่องราวที่น่าสมเพชของหลี่โม่ไว้มากมาย และวางแผนว่างานเลี้ยงรวมตัวเพื่อนร่วมชั้นอีกครั้ง จะทำให้กู้หยุนหลานอับอายขายหน้า แต่คิดไม่ถึงว่า จะได้เจอกับหลี่โม่ที่คลับดราก้อนพาเลซในวันนี้ ดังนั้นเฉินผิงผิงจึงรีบใช้หลี่โม่เพื่อฝึกฝีมือทันที เมื่องานเลี้ยงรวมตัวเพื่อนร่วมชั้นมาถึง เธอก็จะสามารถทำให้กู้หยุนหลานอับอายขายหน้าได้มากขึ้น “โอ้โห สวมใส่เสื้อผ้าขาด ๆ ทั้งตัวก็สามารถเข้าและออกจากคลับดราก้อนพาเลซได้แบบสบาย ๆ เหรอเนี่ย? เป็นเพราะค่าใช้จ่ายบริโภคของคลับดราก้อนพาเลซลดลงแล้ว หรือแรงงานต่างด้าวบางคนไม่ด
ผู้คนมากมายที่สร้างปัญหาในคลับดราก้อนพาเลซนั้นล้วนถูกอัดจนพิการ ขึ้นชื่อเรื่องสั่งสอนคนด้วยเลือดและน้ำตา “ไอ้ยาจก ชูจงเทียนเชิญนายมากินข้าวงั้นเหรอ สถานะอย่างชูจงเทียน เขาจะยุ่งกับคนอย่างนายงั้นเหรอ? นายไม่คู่ควรให้เลียรองเท้าชูจงเทียนด้วยซ้ำ!” “ทุกวันนี้นี่พวกยาจกเสแสร้งเก่งจริง ๆ ก่อนจะเสแสร้งก็หัดดูสารรูปตัวเองก่อนไหม อย่างนายที่สวมใส่เสื้อผ้าแผงลอยทั้งตัวแบบนี้ คิดว่าจะพบกับท่านเทียนได้อย่างนั้นเหรอ? บอกตามตรงเลยว่าตลกมาก” “ฉันคิดว่าว่า มันเข้ามาหาอาซ้อแถวนี้หรือเปล่า อย่างน้อยอาซ้อก็น่าจะซื้อเสื้อผ้าดี ๆ ให้สักสองสามชุดสิ ใช่ไหม? หรือว่ามันมา… ขาย” หนุ่มหล่อหัวเราะขึ้นมาเสียงดัง เฉินผิงผิงดูเหมือนจะฟังไม่เข้าใจและถามด้วยความสงสัยว่า "ขายอะไรเหรอ?" "ขายนี่ไง!" หนุ่มหล่อที่พูดอยู่ก็ตบ ๆ ที่ก้น แล้วมองหลี่โม่อย่างติดตลกและพูดว่า “ไอ้จ้อนของนายคงจะเหี่ยวเฉาไปนานแล้วล่ะมั้ง” "ฮ่า ฮ่า ฮ่า" เฉินผิงผิงหัวเราะจนตัวโยกไปมา หนุ่มหล่อที่อยู่ด้านข้างนั้นต่างพากันมองไปที่ก้อนสั่นสะเทือนของเฉินผิงผิงอย่างตะลึงจนน้ำลายแทบไหล “พูดได้สมเหตุสมผล คนไร้ประโยชน์อย่างนายมาขายตัวอย่างน
เมื่อชูจงเทียนได้ยินเสียงตะโกนของเฉินผิงผิง เขาก็กังวลทันที ถ้าหากว่าหลี่โม่เสียหน้าในถิ่นของตนล่ะก็ หลี่โม่คงไม่ติดต่อกับตนอีกต่อไป เรียกได้ว่าตกม้าตายเพราะเรื่องโง่ ๆ ดังนั้นไม่รอที่จะเดินถึงหน้าเฉินผิงผิงและคนอื่น ๆ ชูจงเทียนก็ตะโกนออกมาเสียงดัง เมื่อเฉินผิงผิงที่กำลังโมโหอยู่ได้ยินเสียงคนตะโกนใส่ตัวเอง ในใจก็รู้สึกไม่พอใจมากขึ้น เธอหันกลับไปชี้ชูจงเทียนแล้วโวยวายว่า “คุณเป็นใคร ใครให้คุณเข้ามาแส่หาเรื่อง ฉันจะสั่งสอนคนไร้ค่า ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ!" หนุ่มหล่อทั้งกลุ่มไปมองที่ชูจงเทียน และหนุ่มหล่อหลายคนแสดงท่าทางแข็งแกร่ง และได้สาปแช่งแล้ว “ใครที่ไม่ได้รูดซิปกางเกงดี ๆ แล้วปล่อยให้คนไร้ประโยชน์นี่ออกมา ไม่ยอมอยู่ในกางเกงดี ๆ ที่แส่เข้ามานี่อยากโดนเราเหยียบตายใช่ไหม!” “กล้าที่จะดูหมิ่นผิงผิงของเรา รนหาที่ตายจัด แน่จริงตามฉันออกจากคลับดราก้อนพาเลซ เดี๋ยวไอ้ไร้ค่านี่ก็จะไปด้วย จะได้จัดการสั่งสอนทีเดียว” ขณะที่หนุ่มหล่อหลายคนกำลังด่าทออย่างแรง มีบางคนในนั้นที่ตามีแวว เขาบ่นพึมพำเมื่อมองดูชูจงเทียน “นี่ดูเหมือนว่าจะเป็นชูจงเทียน พวกนายมองคนให้ชัดเจนก่อนพูดไร้สาระดีไหม พวกที่
ไม่รอให้เฉินผิงผิงตะโกนโหวกแหวกโวยวายเสร็จ มือของชูจงเทียนก็ได้ตบลงบนหน้าของเฉินผิงผิงแล้ว เฉินผิงผิงเคยทำศัลยกรรมไมโครพลาสติกหลายครั้ง และใบหน้าที่บอบบางของเธอก็เต็มไปด้วยกรดไฮยาลูโรนิก ทันใดนั้นก็ดูแปลกขึ้นมา คางเอียงแล้ว จมูกเบี้ยวแล้ว และใบหน้าทั้งซ้ายขวาก็ไม่สมมาตร เมื่อเฉินผิงผิงโดนตบครั้งนี้ ก็ทำให้ใบหน้าที่สวยงามละเอียดอ่อนกลายเป็นผีสาวที่น่ากลัว “ยังกล้าที่จะดูหมิ่นคุณชายหลี่อีก เธอกำลังพยายามทำให้ฉันชูจงเทียนอับอายขายหน้าต่อหน้าคุณชายหลี่ใช่ไหม?” ชูจงเทียนตอบกลับอย่างเย็นชา บรรดาเศรษฐีหนุ่มที่อยู่รอบ ๆ เฉินผิงผิง เมื่อเห็นเฉินผิงผิงในตอนนี้ดูน่ากลัวสยดสยอง ทันใดนั้นต่างก็เว้นระยะห่างกับเฉินผิงผิง ทำเหมือนว่าไม่เคยรู้จักเฉินผิงผิงมาก่อน พูดได้เลยว่า ก่อนหน้านี้เฉินผิงผิงดูเหมือนจะเป็นอาหารอันโอชะ มองแล้วก็ทำให้คนอยากเข้าไปชิม แต่ตอนนี้กลายเป็นว่ายังด้อยกว่าของที่เหลือ “คุณชายหลี่ครับ ผมผิดไปแล้ว เมื่อครู่นี้ผมถูกคนแพศยาอย่างเฉินผิงผิงทำให้สับสน และพูดจาไม่ดีกับคุณชายหลี่ ผมขอโทษคุณอย่างเป็นทางการ” “ผมก็ขอโทษด้วยครับ ผมก็ถูกมนต์ของเฉินผิงผิงด้วย คุณชายหลี่อย่า
บรรดาเศรษฐีหนุ่มทั้งหลาย รู้สึกตกใจจนตัวแข็งทื่อเป็นหุ่น นอกจากคำว่าไม่นะ พวกเขาก็พูดอะไรไม่ออกอีก ใครจะคิดว่าหลี่โม่ที่สวมเสื้อผ้าธรรมดา ๆ กลับมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ขนาดผู้มีอำนาจอย่างชูจงเทียนยังต้องให้ความเคารพ หากตอนนี้มียาที่ทำให้ย้อนเวลากลับไปได้ บรรดาเศรษฐีหนุ่มเหล่านี้ คงจะต้องรีบหยิบยาย้อนเวลาขึ้นมาคนละขวด และรีบเทเข้าปากอย่างแน่นอน ถ้าหากย้อนเวลาได้ บรรดาเศรษฐีหนุ่มเหล่านี้คงจะตบหน้าเฉินผิงผิง ก่อนที่เฉินผิงผิงเรียกหลี่โม่แน่นอน แต่ไม่มีคำว่าถ้าหาก มีแต่ความโหดร้ายบนโลกแห่งความจริง พนักงานต้อนรับสาวสวยได้แจ้งเจ้าการ์ดอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นทีมเจ้าการ์ดของคลับดราก้อนพาเลซ ก็รีบวิ่งเข้ามายืนเข้าแถวอย่างเรียบร้อยต่อหน้าหลี่โม่และชูจงเทียน เมื่อมองไปที่เจ้าการ์ดของคลับดราก้อนพาเลซ เศรษฐีหนุ่มทั้งหลายก็รู้สึกหมดหวัง บ้าเอ๊ย ต้องจบเห่จริง ๆ หรือนี่! หลี่โม่เดินก้าวเข้าไปข้างหน้า พวกเศรษฐีหนุ่มคุกเข่าลงอย่างตื่นตระหนก และมองไปที่หลี่โม่ด้วยสายตาอ้อนวอน “คุณหลี่ ไม่สิ คุณท่านหลี่ ปล่อยผมไปเถอะ ผมช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ต่อจากนี้ไป หากผมพบคุณท่านหลี่ ผมจะให
กู้เจี้ยนกั๋วกล่าวอย่างโหดเหี้ยม การพัฒนาธุรกิจของกู้หยุนหลานที่ผ่านมา ทำให้ทั้งกู้เจี้ยนกั๋วและกู้ซิ่งเหว่ยรู้สึกเหมือนถูกคุกคาม ทั้งสองตัดสินใจร่วมมือกันสร้างสถานการณ์ให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น เพื่อให้การทำงานที่โรงงานวัตถุดิบทางการแพทย์หยุดชะงัก และทำให้กู้หยุนหลาน ไม่สามารถส่งมอบสินค้าตามคำสั่งซื้อของหรงคังกรุ๊ปได้ตรงตามเวลา และเมื่อถึงตอนนั้น คงต้องชดใช้ค่าเสียหายมูลค่ามหาศาลอย่างแน่นอน ตราบใดที่สามารถกดดันกู้หยุนหลานได้ พวกเขาจึงจะสามารถควบคุมธุรกิจของครอบครัวให้ดีขึ้นได้ และได้รับผลกำไรที่มากขึ้น กู้ซิ่งเหว่ยวางโทรศัพท์ลง จากนั้นจึงหันหน้าไปมองพนักงานสองสามคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วพูดออกมาเบา ๆ ว่า “สิ่งที่สั่งพวกนายไปก่อนหน้านี้ จำได้หรือยัง?” “จำได้ครับ พี่ซิ่งเหว่ยวางใจเถอะครับ ทันทีที่พวกเราลงมือ รับรองว่าสายการผลิตวัตถุดิบจะหยุดชะงักลงทันที ตราบใดที่เราไม่บอกว่าปัญหาอยู่ที่ไหน พวกเขาจะไม่มีทางค้นเจอสาเหตุของปัญหาได้เลย และสายการผลิตจะไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติอย่างแน่นอน” ชายที่เป็นหัวหน้ากล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม “อย่างนั้นก็ดี หากทำเรื่องนี้สำเร็จ พวกนายเองก็ได้ผลประโยช
กู้หยุนหลานเคยได้ยินชื่อเสียงของหลูหมิงเชิง เขาถือเป็นเจ้าแห่งการเอารัดเอาเปรียบเลยก็ว่าได้ “จุดที่คุณควรให้ความสนใจ ไม่ใช่เรื่องที่แม่ของเราถูกทำร้ายหรอกหรือ?” หลี่โม่ถามด้วยความสงสัย กู้หยุนหลานกลอกตา และพูดอย่างไม่พอใจนัก “หลังจากที่ฉันสนใจแล้ว ยังไงต่อล่ะ? จะให้บ่นเกี่ยวกับเรื่องที่แม่ของฉันออกหน้าแทนฮั๋วเจี้ยนเฟิง หรือจะให้โกรธเรื่องที่คุณดูแลแม่ของฉันได้ไม่ดี” เรื่องที่หวังฟางโดนตบหน้า กู้หยุนหลานจงใจแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน แต่หลี่โม่กลับยกขึ้นมาพูดอย่างไม่คิด ไม่ว่าจะเข้าข้างใคร กู้หยุนหลานก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี หลี่โม่เกาหัวเบา ๆ รู้สึกเหมือนว่าเขาพูดอะไรผิดอีกครั้ง “อ๋อ จริง ๆ แล้วเป็นเพราะผมไม่ทันรู้ตัว พอผมตั้งสติได้มันก็สายไปเสียแล้ว” หลี่โม่อธิบายเบา ๆ กู้หยุนหลานเหลือบมองไปที่หลี่โม่ เมื่อเห็นท่าทางของหลี่โม่ ก็อดขำไม่ได้ “ไม่ต้องอธิบายแล้ว ยิ่งอธิบายยิ่งแย่ มาพูดถึงเรื่องที่คุณทำสำเร็จได้ยังไงดีกว่า ไม่รู้มาก่อนเลยว่า คุณจะมีความสามารถยอดเยี่ยมแบบนี้” “ไม่ใช่ว่าผมเก่ง แต่เป็นเพราะผมใช้วิธีเขียนเสือให้วัวกลัวต่างหาก โดยอาศัยชื่อเสียงของเพื่อนร่วมชั้นทำให