เมื่อชูจงเทียนได้ยินเสียงตะโกนของเฉินผิงผิง เขาก็กังวลทันที ถ้าหากว่าหลี่โม่เสียหน้าในถิ่นของตนล่ะก็ หลี่โม่คงไม่ติดต่อกับตนอีกต่อไป เรียกได้ว่าตกม้าตายเพราะเรื่องโง่ ๆ ดังนั้นไม่รอที่จะเดินถึงหน้าเฉินผิงผิงและคนอื่น ๆ ชูจงเทียนก็ตะโกนออกมาเสียงดัง เมื่อเฉินผิงผิงที่กำลังโมโหอยู่ได้ยินเสียงคนตะโกนใส่ตัวเอง ในใจก็รู้สึกไม่พอใจมากขึ้น เธอหันกลับไปชี้ชูจงเทียนแล้วโวยวายว่า “คุณเป็นใคร ใครให้คุณเข้ามาแส่หาเรื่อง ฉันจะสั่งสอนคนไร้ค่า ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ!" หนุ่มหล่อทั้งกลุ่มไปมองที่ชูจงเทียน และหนุ่มหล่อหลายคนแสดงท่าทางแข็งแกร่ง และได้สาปแช่งแล้ว “ใครที่ไม่ได้รูดซิปกางเกงดี ๆ แล้วปล่อยให้คนไร้ประโยชน์นี่ออกมา ไม่ยอมอยู่ในกางเกงดี ๆ ที่แส่เข้ามานี่อยากโดนเราเหยียบตายใช่ไหม!” “กล้าที่จะดูหมิ่นผิงผิงของเรา รนหาที่ตายจัด แน่จริงตามฉันออกจากคลับดราก้อนพาเลซ เดี๋ยวไอ้ไร้ค่านี่ก็จะไปด้วย จะได้จัดการสั่งสอนทีเดียว” ขณะที่หนุ่มหล่อหลายคนกำลังด่าทออย่างแรง มีบางคนในนั้นที่ตามีแวว เขาบ่นพึมพำเมื่อมองดูชูจงเทียน “นี่ดูเหมือนว่าจะเป็นชูจงเทียน พวกนายมองคนให้ชัดเจนก่อนพูดไร้สาระดีไหม พวกที่
ไม่รอให้เฉินผิงผิงตะโกนโหวกแหวกโวยวายเสร็จ มือของชูจงเทียนก็ได้ตบลงบนหน้าของเฉินผิงผิงแล้ว เฉินผิงผิงเคยทำศัลยกรรมไมโครพลาสติกหลายครั้ง และใบหน้าที่บอบบางของเธอก็เต็มไปด้วยกรดไฮยาลูโรนิก ทันใดนั้นก็ดูแปลกขึ้นมา คางเอียงแล้ว จมูกเบี้ยวแล้ว และใบหน้าทั้งซ้ายขวาก็ไม่สมมาตร เมื่อเฉินผิงผิงโดนตบครั้งนี้ ก็ทำให้ใบหน้าที่สวยงามละเอียดอ่อนกลายเป็นผีสาวที่น่ากลัว “ยังกล้าที่จะดูหมิ่นคุณชายหลี่อีก เธอกำลังพยายามทำให้ฉันชูจงเทียนอับอายขายหน้าต่อหน้าคุณชายหลี่ใช่ไหม?” ชูจงเทียนตอบกลับอย่างเย็นชา บรรดาเศรษฐีหนุ่มที่อยู่รอบ ๆ เฉินผิงผิง เมื่อเห็นเฉินผิงผิงในตอนนี้ดูน่ากลัวสยดสยอง ทันใดนั้นต่างก็เว้นระยะห่างกับเฉินผิงผิง ทำเหมือนว่าไม่เคยรู้จักเฉินผิงผิงมาก่อน พูดได้เลยว่า ก่อนหน้านี้เฉินผิงผิงดูเหมือนจะเป็นอาหารอันโอชะ มองแล้วก็ทำให้คนอยากเข้าไปชิม แต่ตอนนี้กลายเป็นว่ายังด้อยกว่าของที่เหลือ “คุณชายหลี่ครับ ผมผิดไปแล้ว เมื่อครู่นี้ผมถูกคนแพศยาอย่างเฉินผิงผิงทำให้สับสน และพูดจาไม่ดีกับคุณชายหลี่ ผมขอโทษคุณอย่างเป็นทางการ” “ผมก็ขอโทษด้วยครับ ผมก็ถูกมนต์ของเฉินผิงผิงด้วย คุณชายหลี่อย่า
บรรดาเศรษฐีหนุ่มทั้งหลาย รู้สึกตกใจจนตัวแข็งทื่อเป็นหุ่น นอกจากคำว่าไม่นะ พวกเขาก็พูดอะไรไม่ออกอีก ใครจะคิดว่าหลี่โม่ที่สวมเสื้อผ้าธรรมดา ๆ กลับมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ขนาดผู้มีอำนาจอย่างชูจงเทียนยังต้องให้ความเคารพ หากตอนนี้มียาที่ทำให้ย้อนเวลากลับไปได้ บรรดาเศรษฐีหนุ่มเหล่านี้ คงจะต้องรีบหยิบยาย้อนเวลาขึ้นมาคนละขวด และรีบเทเข้าปากอย่างแน่นอน ถ้าหากย้อนเวลาได้ บรรดาเศรษฐีหนุ่มเหล่านี้คงจะตบหน้าเฉินผิงผิง ก่อนที่เฉินผิงผิงเรียกหลี่โม่แน่นอน แต่ไม่มีคำว่าถ้าหาก มีแต่ความโหดร้ายบนโลกแห่งความจริง พนักงานต้อนรับสาวสวยได้แจ้งเจ้าการ์ดอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นทีมเจ้าการ์ดของคลับดราก้อนพาเลซ ก็รีบวิ่งเข้ามายืนเข้าแถวอย่างเรียบร้อยต่อหน้าหลี่โม่และชูจงเทียน เมื่อมองไปที่เจ้าการ์ดของคลับดราก้อนพาเลซ เศรษฐีหนุ่มทั้งหลายก็รู้สึกหมดหวัง บ้าเอ๊ย ต้องจบเห่จริง ๆ หรือนี่! หลี่โม่เดินก้าวเข้าไปข้างหน้า พวกเศรษฐีหนุ่มคุกเข่าลงอย่างตื่นตระหนก และมองไปที่หลี่โม่ด้วยสายตาอ้อนวอน “คุณหลี่ ไม่สิ คุณท่านหลี่ ปล่อยผมไปเถอะ ผมช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ต่อจากนี้ไป หากผมพบคุณท่านหลี่ ผมจะให
กู้เจี้ยนกั๋วกล่าวอย่างโหดเหี้ยม การพัฒนาธุรกิจของกู้หยุนหลานที่ผ่านมา ทำให้ทั้งกู้เจี้ยนกั๋วและกู้ซิ่งเหว่ยรู้สึกเหมือนถูกคุกคาม ทั้งสองตัดสินใจร่วมมือกันสร้างสถานการณ์ให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น เพื่อให้การทำงานที่โรงงานวัตถุดิบทางการแพทย์หยุดชะงัก และทำให้กู้หยุนหลาน ไม่สามารถส่งมอบสินค้าตามคำสั่งซื้อของหรงคังกรุ๊ปได้ตรงตามเวลา และเมื่อถึงตอนนั้น คงต้องชดใช้ค่าเสียหายมูลค่ามหาศาลอย่างแน่นอน ตราบใดที่สามารถกดดันกู้หยุนหลานได้ พวกเขาจึงจะสามารถควบคุมธุรกิจของครอบครัวให้ดีขึ้นได้ และได้รับผลกำไรที่มากขึ้น กู้ซิ่งเหว่ยวางโทรศัพท์ลง จากนั้นจึงหันหน้าไปมองพนักงานสองสามคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วพูดออกมาเบา ๆ ว่า “สิ่งที่สั่งพวกนายไปก่อนหน้านี้ จำได้หรือยัง?” “จำได้ครับ พี่ซิ่งเหว่ยวางใจเถอะครับ ทันทีที่พวกเราลงมือ รับรองว่าสายการผลิตวัตถุดิบจะหยุดชะงักลงทันที ตราบใดที่เราไม่บอกว่าปัญหาอยู่ที่ไหน พวกเขาจะไม่มีทางค้นเจอสาเหตุของปัญหาได้เลย และสายการผลิตจะไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติอย่างแน่นอน” ชายที่เป็นหัวหน้ากล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม “อย่างนั้นก็ดี หากทำเรื่องนี้สำเร็จ พวกนายเองก็ได้ผลประโยช
กู้หยุนหลานเคยได้ยินชื่อเสียงของหลูหมิงเชิง เขาถือเป็นเจ้าแห่งการเอารัดเอาเปรียบเลยก็ว่าได้ “จุดที่คุณควรให้ความสนใจ ไม่ใช่เรื่องที่แม่ของเราถูกทำร้ายหรอกหรือ?” หลี่โม่ถามด้วยความสงสัย กู้หยุนหลานกลอกตา และพูดอย่างไม่พอใจนัก “หลังจากที่ฉันสนใจแล้ว ยังไงต่อล่ะ? จะให้บ่นเกี่ยวกับเรื่องที่แม่ของฉันออกหน้าแทนฮั๋วเจี้ยนเฟิง หรือจะให้โกรธเรื่องที่คุณดูแลแม่ของฉันได้ไม่ดี” เรื่องที่หวังฟางโดนตบหน้า กู้หยุนหลานจงใจแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน แต่หลี่โม่กลับยกขึ้นมาพูดอย่างไม่คิด ไม่ว่าจะเข้าข้างใคร กู้หยุนหลานก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี หลี่โม่เกาหัวเบา ๆ รู้สึกเหมือนว่าเขาพูดอะไรผิดอีกครั้ง “อ๋อ จริง ๆ แล้วเป็นเพราะผมไม่ทันรู้ตัว พอผมตั้งสติได้มันก็สายไปเสียแล้ว” หลี่โม่อธิบายเบา ๆ กู้หยุนหลานเหลือบมองไปที่หลี่โม่ เมื่อเห็นท่าทางของหลี่โม่ ก็อดขำไม่ได้ “ไม่ต้องอธิบายแล้ว ยิ่งอธิบายยิ่งแย่ มาพูดถึงเรื่องที่คุณทำสำเร็จได้ยังไงดีกว่า ไม่รู้มาก่อนเลยว่า คุณจะมีความสามารถยอดเยี่ยมแบบนี้” “ไม่ใช่ว่าผมเก่ง แต่เป็นเพราะผมใช้วิธีเขียนเสือให้วัวกลัวต่างหาก โดยอาศัยชื่อเสียงของเพื่อนร่วมชั้นทำให
“คุณระวังตัวด้วย ถ้าพวกเขาคิดจะลงไม้ลงมือ พวกเราก็รีบหนีกันเถอะ” กู้หยุนหลานเตือน “ถ้าพวกเขาลงไม้ลงมือจริง ๆ คุณรีบหนีไปก่อนนะ ผมจะระวังหลังให้เอง” หลี่โม่หันมาหัวเราะ กู้หยุนหลานรู้สึกอบอุ่นใจ ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกว่าในที่สุดหลี่โม่ก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์ขนาดนั้น อย่างน้อยช่วงเวลาสำคัญเขายังเป็นลูกผู้ชายพอ พี่หู่เหลือบมองหลี่โม่ และพูดข่มขู่ “น้องชาย ฉันจะให้เวลาแกสิบวินาทีเพื่อให้แกรีบไสหัวออกไปจากที่นี่ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจนะ” “พวกนายเป็นใคร ทำไมถึงมาขวางประตูที่นี่” กู้หยุนหลานที่ยืนอยู่ด้านหลังหลี่โม่ได้ถามขึ้น “ฉันเป็นพี่ใหญ่ของถิ่นนี้ โรงงานของคุณไม่ได้จ่ายคุ้มครองให้ฉัน แน่นอนว่าฉันต้องพาบรรดาลูกน้องของฉันมาเรียกเก็บเงินอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณยอมมานอนกับพวกเรา ก็พอที่จะละเว้นค่าคุ้มครองทั้งหมดได้ พวกเราว่าใช่ไหม?” พี่หู่หัวเราะ “พี่หู่พูดถูก ขอแค่คนสวยไปกับเรา ค่าคุ้มครองทั้งหมดก็เป็นอันละเว้น” “อย่าว่าแต่ละเว้นค่าคุ้มครองเลย เรายังสามารถให้คนสวยกินดีอยู่ดี และใช้ชีวิตที่สุขสบายเหนือคนอื่นได้” พวกของพี่หู่ต่างเลือดร้อน ตอนนี้พวกเขาคิดที่จะดึงกู้หยุนหลาน
เมื่อเห็นสถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับพี่หู่ บรรดาลูกน้องของพี่หู่ต่างก็ถอยหลังไปสิบกว่าก้าว ไม่มีใครกล้าวิ่งเข้าไปช่วยพี่หู่เลยสักคน ต่างแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า พรรคพวกตายไปก็ไม่เป็นไร แต่ตนเองต้องรอด กู้หยุนหลานมองดูทุกสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเธอเห็นคนเหล่านั้นถูกหลี่โม่ต่อยจนเกิดรอยฟกช้ำขึ้นทั้งที่จมูกและใบหน้า ก็ยิ่งทำให้เธอประหลาดใจมากขึ้น เมื่อครู่ที่หลี่โม่พุ่งเขานั้น เขาต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้มากมายเพียงลำพัง! ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลี่โม่ไม่เพียงแต่ทำให้คู่ต่อสู้บาดเจ็บเท่านั้น แต่ตัวเขาเองกลับไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย สิ่งนี้ทำให้กู้หยุนหลานไม่อาจเข้าใจได้เลย สามีที่ไร้ประโยชน์ของตน เก่งกาจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ไม่เพียงแต่กู้หยุนหลานที่ไม่อาจเข้าใจได้ สำหรับพี่หู่เอง ก็ยากที่จะเข้าใจได้เช่นกัน แต่ไหนแต่ไรมา เมื่อเขาพาพวกลูกน้องไปไหนมาไหนก็ตาม เพียงแค่ยืนนิ่งก็สามารถทำให้ผู้คนหวาดกลัวได้แล้ว ทว่าตอนนี้ กลับต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือที่กล้าประจันหน้ากับคู่ต่อสู้กลุ่มใหญ่เพียงลำพัง และที่สำคัญ ชายคนนี้ไม่มีใบหน้าที่แสดงออกถึงความโหดเห
หลี่โม่เกาหัวพร้อมยิ้ม คาดเดาไม่ออกเลยว่าสายตาเช่นนั้นหมายถึงอะไร หรือเพราะเธอรังเกียจที่เขาพูดมากเกินไป หรือรู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นไม่ถูกต้อง ทั้งสองเดินอย่างเงียบ ๆ ภายในโรงงานมีชายร่างผอมอายุประมาณสามสิบกว่า สวมใส่ชุดสูท และกำลังเดินนำคนกลุ่มหนึ่งเข้ามา “คนที่เป็นหัวหน้าคือกู้เผิงเฟย เดี๋ยวคุณไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น เพราะคุณไม่ได้ทำงานในบริษัทของครอบครัวอยู่แล้ว” หลี่โม่พยักหน้า เพื่อไม่ให้กู้หยุนหลานลำบากใจ ความคับข้องใจของหลี่โม่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย “อ้าว หยุนหลานมาแล้วเหรอ จู่ ๆ ที่นี่ก็เกิดปัญหาขึ้น ฉันส่งคนไปซ่อมแซมแล้วแหละ เธอไม่ต้องกังวลเลย จะมาให้เหนื่อยทำไมกัน” กู้เผิงเฟยกล่าวอย่างเคร่งขรึม ด้วยท่าทีที่ต้องการปฏิเสธผู้อื่นไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยว “ไม่จำเป็นจะต้องมาดู ช่วงนี้มีรายการสั่งซื้อเข้ามาจำนวนมาก ถ้าวัตถุดิบผลิตไม่ทัน ก็เป็นไปได้อย่างมากว่าจะส่งของทันตามเวลาที่กำหนด และผลที่ตามมาคงร้ายแรงมาก” กู้หยุนหลานมองไปที่กู้เผิงเฟยด้วยใบหน้าที่เย็นชา และแสดงท่าทีว่ากำลังทำตามหน้าที่ เมื่อทั้งสองพบกัน ก็เกิดความกระทบกระทั่งกันขึ้นทันที หลี่โม่ขมวดคิ้ว คิด