Share

: ตอนที่ 3 : Sleeping Beauty เด็กดีไม่แกล้งหลับ (1)

ปรายลดาจำเป็นต้องเรียกแท็กซี่กลับบ้านก่อนเวลา ด้วยเหตุว่าเธอมีไข้ต่ำ ๆ จนเรียนวิชาต่อไปไม่ไหว ขณะที่เพื่อนรักอาสาอยู่จดบันทึกการสอนในห้องเรียนให้ แทนที่จะไปส่งซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องแปลกอยู่

เธอเป็นคนไม่มีญาติที่ไหน... นอกจากพี่เปา แม่อนงค์ และยัยปริม ก็คงจะไม่มีใครจริง ๆ พ่อปองกานต์จริง ๆ แล้วก็ไม่ใช่พ่อของเธอ ไม่เคยมาแยแสกันด้วยซ้ำ

นานแล้วที่เธอเคยอ่านหัวข้อสนทนา ‘ในวันที่ไม่รู้ว่าเป็นลูกใคร’ ในโลกออนไลน์ พอได้เกิดเข้ากับตัวเองจริงดันขำไม่ออก เพราะนั่นหมายความว่าเธอจะต้องดิ้นรนและพยายามให้มากกว่าคนอื่นหลาย ๆ เท่า

คอนโดมีเนียมของเธอที่ซื้อไว้นั้นอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย โดยสารทางรถยนต์แค่สิบนาทีก็ถึง จะเรียกวินมอเตอร์ไซค์ให้ไปส่งไม่น่าจะถึงห้าสิบบาท ต่อให้เป็นช่วงการจราจรติดขัด

ทันทีที่มาถึงห้องสตูดิโอฯ สี่เหลี่ยมที่มีขนาดกำลังพอดีไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป ตกแต่งด้วยดีไซส์ทันสมัยสมราคา เธอไม่ลืมส่งข้อความบอกเพื่อนว่าเดินทางมาถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพ ก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาจากกล่องยาในกระเป๋าสะพาย เดินตรงไปที่ตู้เย็น...

ทันใดนั้นเอง ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างมองชายร่างสูงใหญ่ในชุดทำงานเรียบร้อยก้าวพ้นออกมาจากความมืด ใต้แสงไฟสีเหลืองนวลสลัว

“พุด... ทำไมพี่โทรไปไม่รับ?” ความคับข้องหมองใจพุ่งขึ้นมาระลอกหนึ่งในแววตาประกายกร้าว เมื่อพบว่าสาวน้อยที่เขาเฝ้าทะนุถนอมซูบโทรมลงไปมากขนาดไหน

ปรายลดาเป็นคนผอมอยู่แล้ว ความเครียดทำให้เธอน้ำหนักหายไปกว่าห้ากิโลฯ ในเดือนเดียว ดวงตาแดงช้ำเศร้าหมองบอกว่าเธอไม่เคยมีความสุข หญิงสาวกัดริมฝีปากตัวเองแรง ๆ เพื่อพยายามกลั้นเสียงสั่น ๆ เอาไว้

“พี่เปามีอะไรคะ?”

ในน้ำเสียงเย็นชาอาจเย็นยะเยียบอยู่เท่า ๆ กันกับอีกคนหนึ่ง

“กลับบ้านกับพี่... เรายังเรียนหนังสือไม่จบ พี่ไม่อนุญาตให้มาอยู่กับผู้ชาย”

“พุดอยู่ที่นี่คนเดียว ห้องนี้... เป็นห้องพุด พุดไม่ได้ทำอะไรเสียหาย...”

วงหน้าหล่อเหลาเครียดเข้มขึ้น พอนึกถึงคำพูดของนัชชาที่อาจจะเชื่อไม่ได้ทั้งหมด ทว่าเขาก็ยังไม่แน่ใจ สายตาอาลัยอาวรณ์ของเขาค้างอยู่บนใบหน้าสดสวยซีดเผือดที่มีหยดน้ำตารินไหลลงอาบแก้ม แม้ว่าเธอกำลังจะเชิญเขาออกไปจากห้องนี้...

“พี่เปาเอากุญแจมาจากปริมใช่ไหม?”

“พี่เอากุญแจมาจากใครไม่สำคัญ เราต้องกลับบ้านกับพี่”

“อะไรนะคะ พุดเนี่ยนะ ต้องกลับบ้าน...?” ในเมื่อบ้านของเขาที่เธออาศัยอยู่มาตั้งแต่เกิด เขายังเป็นฝ่ายขับไสไล่ส่งเธอทางอ้อมแค่เพราะว่าไม่พอใจอะไรสักอย่าง ปรายลดาแค่นหัวเราะทั้งน้ำตา ก่อนจะแกล้งทำเป็นไม่สนใจ เปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำมารินใส่แก้ว แกะกล่องยาแต่ละช่องออกเพื่อรับประทานมัน

อย่างที่ว่าเธอต้องรักตัวเองหากเขาไม่เห็นคุณค่าของเธอ

“เรามีแฟนแล้วหรือ?”

“...”

“พ่อเลี้ยงถาม... ตอบ” ในคำสั่งอย่างทวงบุญคุณเป็นอะไรที่ปรายลดาไม่ชอบเลย ปรเมษฐ์มักจะแทนตัวเองว่า ‘พ่อเลี้ยง’ เวลาที่เขาโกรธเธอมาก ๆ ดวงตาคู่สวยเอ่อคลอเงยหน้าขึ้นจากแก้วน้ำใส

“พุดจะนอน”

น้ำตาแต่ละหยดที่ร่วงรินราวตกลงตรงกลางใจชายหนุ่ม ถึงมีความหึงหวงอยู่สักเท่าไร ตาคมจับจ้องร่างบางที่พาสองขาไร้เรี่ยวแรงไปล้มตัวลงนอน ก้าวตามไปหย่อนก้นนั่งลงบนเตียงนุ่มที่ยวบยุบลงตามน้ำหนักของชายร่างกำยำ

“ไม่สบายไปหาหมอหรือยัง ซื้อยาอะไรมากิน... ทำไมกินยาก่อนกินข้าว?”

ไม่มีคำตอบจากหญิงสาวที่ซุกตัวในผ้านวมหนาเพราะความหนาว เธอพริ้มตาปิดลงอย่างเหนื่อยล้าจากการเรียนและปัญหาหัวใจ โดยไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยดี ปรเมษฐ์ผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่ เพราะไม่รู้จะทำยังไง

ครั้งสุดท้ายที่เขาจากไป... มันเกิดเรื่องทำนองนี้

ในเมื่อเขาไม่ได้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ก็คงต้องมีอารมณ์ร้อนรุ่มประสาชายโสด และความปรารถนาอันมากล้นที่มีต่อตัวเธอ...

นานแล้วที่เขาแอบลักเล็กขโมยน้อยกับเรือนร่างหอมกรุ่นตอนหลับ... เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง ริมฝีปากไม่ทำตามสัมปชัญญะจะคอยเฝ้าจุมพิตไปบนซอกคอขาวเนียน ไล่เรียงไปตามเรือนกายราวกับว่าเธอเป็นของเขา ปัดป่ายมือไปมาในชุดกระโปรงนอน จบลงที่การกอดประคองด้วยความรักใคร่

อยู่มาวันหนึ่งเขาดันรู้ว่าเธอรู้สึกตัวอยู่ตลอด ไม่กล้าสู้หน้าจนต้องหนีไปทำงานต่างประเทศ

“พุด... เด็กดีไม่แกล้งหลับนะครับ” ในน้ำเสียงอ่อนโยนลง เหมือนที่เขาพูดกับเด็กน้อยคนหนึ่ง มือหนาเอื้อมไปข้างหน้า พลันค้างไว้ที่กลางอากาศ เขาไม่กล้าที่จะแตะต้องเธออีกแม้ปลายเส้นผม...

“พี่จะ... โทรหาปริมนะ”

ในเวลาที่ปรายลดาไม่อยากนอนเธอจะหลับตาอยู่ในความเงียบ เช่นตอนนี้ เธอรู้ดีว่าคนเจ้าแผนการอย่างยัยปริมไม่มีทางรับโทรศัพท์

และก็เป็นเช่นนั้น... หลังจากที่ปรเมษฐ์พยายามต่อสายหาเพื่อนผู้หญิง ซึ่งตัวของเขาเองก็คงจะไม่มี ปิ่นแก้วนั้นยังอยู่ฟิลิปปินส์ แม่อนงค์ก็กลับไปเลี้ยงหลาน

ในที่สุดเขาจึงต้องตัดสินใจก้าวผ่านความขี้ขลาดของตนเอง เมื่อชีวิตคนตรงหน้าสำคัญกว่า หากพอยื่นมือไปข้างหน้าอีกครั้ง ยาที่เริ่มออกฤทธิ์พาสติของเธอกลับมา อาการปวดศีรษะค่อยทุเลาลง ดวงตาสุกใสแดงก่ำเต็มไปด้วยความโกรธ น้อยเนื้อต่ำใจอย่างล้นเหลือ

“ตั้งใจจะฆ่ากันอยู่แล้ว ก็ปล่อยให้ตาย ๆ ไปเถอะ”

เสียงกระด้างราวแส้ที่หวดเขาด้วยพิษคำ ปลายรดาเป็นเด็กดีไม่เคยมีกริยาแบบนี้กับเขาแม้สักครั้ง สองเดือนที่ผ่านมาอะไร ๆ คงจะเปลี่ยนไปมาก

“ถ้าลุกไหว ก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ไปกินข้าวซะก่อน ค่อยมานอน” พออีกคนยังไม่ขยับ เสียงทุ้มแฝงความเคร่งขรึมขึ้นในถ้อยคำเด็ดขาด

“ลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”

ดวงตาคู่สวยหรี่เล็กลงเหยียดตรงมองกลับไปด้วยความขุ่นเคืองใจ เขาไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับเธอ!

“ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ พุทรา”

ความเสียใจหลั่งออกมาจากสีหน้าดื้อรั้น เสียงสั่น ๆ เค้นออกมาทีละคำ “ออกไป”

ใบหน้าสันคมฉายแววเจ็บปวด เมื่อสาวน้อยแสนเรียบร้อย น่ารักกับเขาเสมอ ลุกพรวดจากที่นอน เริ่มสาดเทความกร้าวโกรธใส่เขาด้วยหมอนที่ฟาดลงไม่ยั้ง

“ออกไป ๆ ไป... ไป!”

ปรเมษฐ์ไม่คิดว่าเธอจะทำร้ายเขา หากว่าเธอไม่เป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ! จึงยอมสงบศึกด้วยการลุกไปแต่โดยดี เขาให้เวลาเธอได้สงบสติอารมณ์ลำพัง โดยนั่งรออยู่ตรงโซฟาด้วยจิตใจกระวนกระวาย

มีแค่เสียงร้องไห้ครวญครางของผู้หญิงอกหักช้ำใจคนหนึ่ง... มันทำให้เขานึกถึงคำพูดของแม่ว่าจะเป็นบ้าตายไปเสียก่อนเพราะอะไร แล้วเขาหรือจะทนไหว...?

บาดแผลฉกรรจ์ครั้งนี้ที่เขาเป็นคนลงมีดเองคงจะอยู่ไปอีกเนิ่นนาน น้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบแก้มแค่ได้ยินซุ่มเสียงเจ็บปวดจนต้องยกมือขึ้นกุมหน้าตัวเองเอาไว้ นานนับชั่วโมงกว่ามันจะค่อย ๆ เงียบลง เมื่อถึงที่สุดของปรายลดาที่ร้องไห้จนผล็อยหลับไปเหมือนทุก ๆ วัน

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status