ปรายลดาจำเป็นต้องเรียกแท็กซี่กลับบ้านก่อนเวลา ด้วยเหตุว่าเธอมีไข้ต่ำ ๆ จนเรียนวิชาต่อไปไม่ไหว ขณะที่เพื่อนรักอาสาอยู่จดบันทึกการสอนในห้องเรียนให้ แทนที่จะไปส่งซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องแปลกอยู่
เธอเป็นคนไม่มีญาติที่ไหน... นอกจากพี่เปา แม่อนงค์ และยัยปริม ก็คงจะไม่มีใครจริง ๆ พ่อปองกานต์จริง ๆ แล้วก็ไม่ใช่พ่อของเธอ ไม่เคยมาแยแสกันด้วยซ้ำ นานแล้วที่เธอเคยอ่านหัวข้อสนทนา ‘ในวันที่ไม่รู้ว่าเป็นลูกใคร’ ในโลกออนไลน์ พอได้เกิดเข้ากับตัวเองจริงดันขำไม่ออก เพราะนั่นหมายความว่าเธอจะต้องดิ้นรนและพยายามให้มากกว่าคนอื่นหลาย ๆ เท่า คอนโดมีเนียมของเธอที่ซื้อไว้นั้นอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย โดยสารทางรถยนต์แค่สิบนาทีก็ถึง จะเรียกวินมอเตอร์ไซค์ให้ไปส่งไม่น่าจะถึงห้าสิบบาท ต่อให้เป็นช่วงการจราจรติดขัด ทันทีที่มาถึงห้องสตูดิโอฯ สี่เหลี่ยมที่มีขนาดกำลังพอดีไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป ตกแต่งด้วยดีไซส์ทันสมัยสมราคา เธอไม่ลืมส่งข้อความบอกเพื่อนว่าเดินทางมาถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพ ก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาจากกล่องยาในกระเป๋าสะพาย เดินตรงไปที่ตู้เย็น... ทันใดนั้นเอง ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างมองชายร่างสูงใหญ่ในชุดทำงานเรียบร้อยก้าวพ้นออกมาจากความมืด ใต้แสงไฟสีเหลืองนวลสลัว “พุด... ทำไมพี่โทรไปไม่รับ?” ความคับข้องหมองใจพุ่งขึ้นมาระลอกหนึ่งในแววตาประกายกร้าว เมื่อพบว่าสาวน้อยที่เขาเฝ้าทะนุถนอมซูบโทรมลงไปมากขนาดไหน ปรายลดาเป็นคนผอมอยู่แล้ว ความเครียดทำให้เธอน้ำหนักหายไปกว่าห้ากิโลฯ ในเดือนเดียว ดวงตาแดงช้ำเศร้าหมองบอกว่าเธอไม่เคยมีความสุข หญิงสาวกัดริมฝีปากตัวเองแรง ๆ เพื่อพยายามกลั้นเสียงสั่น ๆ เอาไว้ “พี่เปามีอะไรคะ?” ในน้ำเสียงเย็นชาอาจเย็นยะเยียบอยู่เท่า ๆ กันกับอีกคนหนึ่ง “กลับบ้านกับพี่... เรายังเรียนหนังสือไม่จบ พี่ไม่อนุญาตให้มาอยู่กับผู้ชาย” “พุดอยู่ที่นี่คนเดียว ห้องนี้... เป็นห้องพุด พุดไม่ได้ทำอะไรเสียหาย...” วงหน้าหล่อเหลาเครียดเข้มขึ้น พอนึกถึงคำพูดของนัชชาที่อาจจะเชื่อไม่ได้ทั้งหมด ทว่าเขาก็ยังไม่แน่ใจ สายตาอาลัยอาวรณ์ของเขาค้างอยู่บนใบหน้าสดสวยซีดเผือดที่มีหยดน้ำตารินไหลลงอาบแก้ม แม้ว่าเธอกำลังจะเชิญเขาออกไปจากห้องนี้... “พี่เปาเอากุญแจมาจากปริมใช่ไหม?” “พี่เอากุญแจมาจากใครไม่สำคัญ เราต้องกลับบ้านกับพี่” “อะไรนะคะ พุดเนี่ยนะ ต้องกลับบ้าน...?” ในเมื่อบ้านของเขาที่เธออาศัยอยู่มาตั้งแต่เกิด เขายังเป็นฝ่ายขับไสไล่ส่งเธอทางอ้อมแค่เพราะว่าไม่พอใจอะไรสักอย่าง ปรายลดาแค่นหัวเราะทั้งน้ำตา ก่อนจะแกล้งทำเป็นไม่สนใจ เปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำมารินใส่แก้ว แกะกล่องยาแต่ละช่องออกเพื่อรับประทานมัน อย่างที่ว่าเธอต้องรักตัวเองหากเขาไม่เห็นคุณค่าของเธอ “เรามีแฟนแล้วหรือ?” “...” “พ่อเลี้ยงถาม... ตอบ” ในคำสั่งอย่างทวงบุญคุณเป็นอะไรที่ปรายลดาไม่ชอบเลย ปรเมษฐ์มักจะแทนตัวเองว่า ‘พ่อเลี้ยง’ เวลาที่เขาโกรธเธอมาก ๆ ดวงตาคู่สวยเอ่อคลอเงยหน้าขึ้นจากแก้วน้ำใส “พุดจะนอน” น้ำตาแต่ละหยดที่ร่วงรินราวตกลงตรงกลางใจชายหนุ่ม ถึงมีความหึงหวงอยู่สักเท่าไร ตาคมจับจ้องร่างบางที่พาสองขาไร้เรี่ยวแรงไปล้มตัวลงนอน ก้าวตามไปหย่อนก้นนั่งลงบนเตียงนุ่มที่ยวบยุบลงตามน้ำหนักของชายร่างกำยำ “ไม่สบายไปหาหมอหรือยัง ซื้อยาอะไรมากิน... ทำไมกินยาก่อนกินข้าว?” ไม่มีคำตอบจากหญิงสาวที่ซุกตัวในผ้านวมหนาเพราะความหนาว เธอพริ้มตาปิดลงอย่างเหนื่อยล้าจากการเรียนและปัญหาหัวใจ โดยไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยดี ปรเมษฐ์ผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่ เพราะไม่รู้จะทำยังไง ครั้งสุดท้ายที่เขาจากไป... มันเกิดเรื่องทำนองนี้ ในเมื่อเขาไม่ได้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ก็คงต้องมีอารมณ์ร้อนรุ่มประสาชายโสด และความปรารถนาอันมากล้นที่มีต่อตัวเธอ... นานแล้วที่เขาแอบลักเล็กขโมยน้อยกับเรือนร่างหอมกรุ่นตอนหลับ... เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง ริมฝีปากไม่ทำตามสัมปชัญญะจะคอยเฝ้าจุมพิตไปบนซอกคอขาวเนียน ไล่เรียงไปตามเรือนกายราวกับว่าเธอเป็นของเขา ปัดป่ายมือไปมาในชุดกระโปรงนอน จบลงที่การกอดประคองด้วยความรักใคร่ อยู่มาวันหนึ่งเขาดันรู้ว่าเธอรู้สึกตัวอยู่ตลอด ไม่กล้าสู้หน้าจนต้องหนีไปทำงานต่างประเทศ “พุด... เด็กดีไม่แกล้งหลับนะครับ” ในน้ำเสียงอ่อนโยนลง เหมือนที่เขาพูดกับเด็กน้อยคนหนึ่ง มือหนาเอื้อมไปข้างหน้า พลันค้างไว้ที่กลางอากาศ เขาไม่กล้าที่จะแตะต้องเธออีกแม้ปลายเส้นผม... “พี่จะ... โทรหาปริมนะ” ในเวลาที่ปรายลดาไม่อยากนอนเธอจะหลับตาอยู่ในความเงียบ เช่นตอนนี้ เธอรู้ดีว่าคนเจ้าแผนการอย่างยัยปริมไม่มีทางรับโทรศัพท์ และก็เป็นเช่นนั้น... หลังจากที่ปรเมษฐ์พยายามต่อสายหาเพื่อนผู้หญิง ซึ่งตัวของเขาเองก็คงจะไม่มี ปิ่นแก้วนั้นยังอยู่ฟิลิปปินส์ แม่อนงค์ก็กลับไปเลี้ยงหลาน ในที่สุดเขาจึงต้องตัดสินใจก้าวผ่านความขี้ขลาดของตนเอง เมื่อชีวิตคนตรงหน้าสำคัญกว่า หากพอยื่นมือไปข้างหน้าอีกครั้ง ยาที่เริ่มออกฤทธิ์พาสติของเธอกลับมา อาการปวดศีรษะค่อยทุเลาลง ดวงตาสุกใสแดงก่ำเต็มไปด้วยความโกรธ น้อยเนื้อต่ำใจอย่างล้นเหลือ “ตั้งใจจะฆ่ากันอยู่แล้ว ก็ปล่อยให้ตาย ๆ ไปเถอะ” เสียงกระด้างราวแส้ที่หวดเขาด้วยพิษคำ ปลายรดาเป็นเด็กดีไม่เคยมีกริยาแบบนี้กับเขาแม้สักครั้ง สองเดือนที่ผ่านมาอะไร ๆ คงจะเปลี่ยนไปมาก “ถ้าลุกไหว ก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ไปกินข้าวซะก่อน ค่อยมานอน” พออีกคนยังไม่ขยับ เสียงทุ้มแฝงความเคร่งขรึมขึ้นในถ้อยคำเด็ดขาด “ลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า” ดวงตาคู่สวยหรี่เล็กลงเหยียดตรงมองกลับไปด้วยความขุ่นเคืองใจ เขาไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับเธอ! “ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ พุทรา” ความเสียใจหลั่งออกมาจากสีหน้าดื้อรั้น เสียงสั่น ๆ เค้นออกมาทีละคำ “ออกไป” ใบหน้าสันคมฉายแววเจ็บปวด เมื่อสาวน้อยแสนเรียบร้อย น่ารักกับเขาเสมอ ลุกพรวดจากที่นอน เริ่มสาดเทความกร้าวโกรธใส่เขาด้วยหมอนที่ฟาดลงไม่ยั้ง “ออกไป ๆ ไป... ไป!” ปรเมษฐ์ไม่คิดว่าเธอจะทำร้ายเขา หากว่าเธอไม่เป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ! จึงยอมสงบศึกด้วยการลุกไปแต่โดยดี เขาให้เวลาเธอได้สงบสติอารมณ์ลำพัง โดยนั่งรออยู่ตรงโซฟาด้วยจิตใจกระวนกระวาย มีแค่เสียงร้องไห้ครวญครางของผู้หญิงอกหักช้ำใจคนหนึ่ง... มันทำให้เขานึกถึงคำพูดของแม่ว่าจะเป็นบ้าตายไปเสียก่อนเพราะอะไร แล้วเขาหรือจะทนไหว...? บาดแผลฉกรรจ์ครั้งนี้ที่เขาเป็นคนลงมีดเองคงจะอยู่ไปอีกเนิ่นนาน น้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบแก้มแค่ได้ยินซุ่มเสียงเจ็บปวดจนต้องยกมือขึ้นกุมหน้าตัวเองเอาไว้ นานนับชั่วโมงกว่ามันจะค่อย ๆ เงียบลง เมื่อถึงที่สุดของปรายลดาที่ร้องไห้จนผล็อยหลับไปเหมือนทุก ๆ วันร่างสูงในเสื้อผ้าหลุดลุ่ยชุดเดิมยังนั่งอยู่ข้างเตียง หลายชั่วโมงแล้วที่คนป่วยมีอาการระส่ำระส่ายเพราะพิษไข้ เสียงพร่ากระซิบเรียกหาเขาอยู่ซ้ำ ๆ ใบหน้าสดสวยริมฝีปากอิ่มงามที่เขาเคยหลงใหลบัดนี้ซีดขาวราวกระดาษ กระทั่งเรือนกายซูบผอมจนเห็นกระดูก ตอกย้ำความรู้สึกผิดให้มากขึ้นเป็นเท่าตัว มือของเธอร้อน ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ เพราะยาคงไม่ได้ออกฤทธิ์นานนัก มันเป็นการรักษาที่ปลายเหตุระงับความเจ็บปวดได้ชั่วครั้งชั่วคราว ปรเมษฐ์จินตนาการไม่ออกจริง ๆ ว่าตลอดเวลาที่เขาจากไป เธอมีชีวิตอยู่ยังไง และการที่คนแข็งแรงไม่เคยป่วยอย่างปรายลดาถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อ น่าจะมีสาเหตุมาจากตัวเขาผู้ทำลายภูมิต้านทานของสาวน้อยไม่มีชิ้นดี ป่วยใจมักลามไปถึงกาย... เธอคงจะไม่ได้ดูแลสุขภาพของตัวเองเลย เพราะไม่มีคนชวนไปออกกำลังกาย เข้าฟิตเนส แม้แต่วิ่งในสวนสาธารณะในทุก ๆ เช้าเย็น อาหารการกินคงไม่มีอะไรลงท้องด้วยซ้ำ ถึงได้ผอมเอาๆ ชายหนุ่มคอยเฝ้าเช็ดทั้งใบหน้าและลำคอเปียกชุ่มเหงื่อโทรมกายด้วยผ้าสีขาวในขันน้ำเล็กข้าง ๆ ซึ่งคงจะทำได้เท่านั้น ในเมื่อมีครั้งที่หนึ่งก็ต้องมีครั้งสอง หากได้จับต้องหนึ่งครั้ง มันจะลุกลามไปอย่างรวดเร็วเ
ปรายลดาเป็นเด็กกตัญญูรู้คุณต่อผู้มีพระคุณเสมอ แม้ยังมีความรู้สึกขุ่นเคืองใจพ่อเลี้ยงอยู่ เธอเคยทำหน้าที่ดูแลเขาอย่างไร ยังทำเหมือนเดิมไม่มีขาดตกบกพร่องแต่เช้ามาไข้ที่ลดลงมากแล้วทำให้พอลุกไหว เธอจึงเข้าครัวไปทำอาหารง่าย ๆ เอาเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าเดินทางของเขาใส่ไม้แขวนไว้อีกฝั่งถัดจากเสื้อผ้าของเธอ ของใช้ผู้ชายก็นำไปไว้ในห้องน้ำ วางข้าวต้มลงบนโต๊ะแล้วครอบฝาไว้การกระทำทุกย่างก้าวอยู่ในแววตาคู่คมเข้มประกายจรัสคู่หนึ่งของคนที่นอนเหยียดกายอยู่บนโซฟาในชุดทำงานชุดเดิมของเมื่อวานความร้อนรุ่มในเรือนกายชายแกร่งสะสมมาร่วมสองเดือน กับการที่เขาต้องไปอยู่คนเดียวลำพัง ไกลถึงเกาะสวรรค์อย่างปาลาวัน ประเทศฟิลิปปินส์ มันเหมือนน้ำเดือด ๆ ในกระติกน้ำร้อนที่ใส่น้ำเยอะเกินไปมันอาจจะระเบิด... หรือเครื่องพังตอนไหนก็ได้ปรเมษฐ์คิดว่าเธอน่าจะรู้...จากขอบตาแดงช้ำใต้ดวงตาคู่สวยที่ยังคงลอบมองโซฟาหน้าโทรทัศน์จอแอลซีดีอยู่บ่อย ๆ ไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวเสือโหย ดูท่าทางว่าจะอยากเป็นอาหารเสืออีกต่างหากร่างบางในชุดนักศึกษาค่อย ๆ นั่งลงบนโซฟาข้างคนที่นอนขี้เกียจอยู่กับผ้านวมหนา “พี่เปาจะกินข้าวเลยไหม? จะกินน้ำอะไร พุ
ในทุก ๆ วันศุกร์เป็นวันที่นักศึกษาการตลาดระดับชั้นปีที่สามเรียนเสร็จในช่วงบ่าย อาการร้อนรนก้นไหม้นั่งไม่ติดเก้าอี้ทำให้ปรเมษฐ์ต้องบึ่งรถยนต์คู่ใจจากคอนโดมีเนียม มาจอดรออยู่ข้างตึกคณะก่อนเวลาเลิกเรียน หลังจากที่เขาได้โทรไปถามนัชชาว่าเธอกำลังรับประทานยาอะไรกันแน่กว่าจะเค้นคอเอาความจริงมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยความที่นัชชาปกปิดความลับนี้ให้เพื่อนมานาน หล่อนระเบิดอารมณ์ใส่ตัวต้นเหตุอย่างเขา จึงค่อยยอมบอกว่าปรายลดาเป็นโรคเครียดสะสม ร้องไห้อยู่บ่อย ๆ จนต้องรับประทานยาระงับประสาท และยาต้านซึมเศร้า...ก็คงจะเป็นโชคดีที่แม่ม่ายผัวตายไม่ตัดสินใจคล้องคอบนขื่อบ้านอย่างที่แม่อนงค์บอก เขายังเผลอดีใจไปว่าเธอขาดเขาไม่ได้ กระทั่งพบว่าเหตุผลทั้งหมดมันหักลบกลบกันไม่มีเหลือท่าทางกระหนุงกระหนิง หัวเราะคิกคักของสองหนุ่มสาวที่เดินเคียงข้างกันมาถึงหน้ารั้วมหาวิทยาลัยพาเปลวโทสะในดวงตาคู่คมลุกโชน ปรเมษฐ์กระโจนกายออกจากรถยนต์ที่จอดรออยู่หลายนาน มือกระแทกประตูรถยนต์ให้ปิดลงจนเกิดเสียงดัง ไปหยุดยืนอยู่ข้างหน้าคนทั้งสอง“สวัสดีครับ คุณพ่อ” นักศึกษาหนุ่มสูงยาวเข่าดีหน้าตาหล่อเหลาเอาการยกมือไหว้เขาในทันที ขณะที
ข้าวปั้นปลาดิบและอาหารมากมายบนโต๊ะไม่มีอะไรพร่องไปจากจานเลยสักอย่าง ธามไทนั้นไม่พอใจเป็นอย่างมาก พยายามจะตามไปแต่ก็ไม่ทัน เขายังไม่รู้ว่าแฟนสาวของตัวเองพักอยู่ที่ไหน ขณะที่ปรเมษฐ์สั่งพนักงานให้ห่ออาหาร ออกจากร้านอาหารไปด้วยท่าทางสบายใจ จนกระทั่งมาถึงห้องแล้วพบว่านัชชาแวะมาปรกติสองคนนี้เจอกันแทบทุกวัน เรียนที่เดียวกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด เขาถึงได้ตัดสินใจหนีปัญหาหัวใจ ไปทำงานไกลถึงต่างประเทศ เพราะคิดว่าหญิงสาวยังมีเพื่อนรักและแม่อนงค์ โดยไม่ได้รู้มาก่อนเลยว่า...ปรายลดากลัวการถูกทอดทิ้ง โดยเฉพาะจากพ่อเลี้ยงที่เธอรักมาตลอด เธอจึงเริ่มป่วย เหมือนคราวที่เขาจากไปคราวก่อนโรคซึมเศร้าเป็นปัญหาสภาวะสังคมในปัจจุบัน ผู้ป่วยจะเป็นโรคซึมเศร้าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมค่อนข้างมาก อารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด พฤติกรรม ร่างกายอ่อนแอลงในลำดับต่อมาสมัยมัธยมต้นครั้งหนึ่ง และมัธยมปลายอีกครั้ง ปรายลดามีผลการเรียนอยู่ในระดับตกต่ำจนเกือบต้องซ้ำชั้น หากไม่ได้เพื่อนรักอย่างนัชชาคอยช่วยเหลือ พาไปพบจิตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ และรับประทานยา ยังช่วยสะสางงาน กระตุ้นให้ทำงานส่งอาจารย์ให้ครบ ปรายลดาจึงก้าวผ่าวช่วงเวลา
“พี่จะนอนกับพุดทุกวัน” ปลายเสียงแอบแฝงความเจ้าเล่ห์ ปลายเท้าหนาที่ยังสวมถุงเท้าอยู่ก้าวไป หยุดยืนมองมือเรียวซึ่งคว้ารองเท้าสกปรกของเขาได้คู่หนึ่ง ปรายลดาไม่ใช่เด็กสาววัยใสอีกต่อไป... เธอพอจะรู้ และก็ค้างคาใจ “คือ... พุดไม่อยากให้พี่ธามเสียใจ เขาดีกับพุด คอยให้กำลังใจพุดตลอด พุดไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่เปาจะทิ้งพุดไปอีกเมื่อไร” ‘เขาดีกับพุด’ แววตาคู่คมทอประกายวูบไหวดุจเปลวไฟ เขาโกรธพอ ๆ กับที่เจ็บปวด ทว่าสติที่อยู่ครบถ้วนดีบอกว่าเขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง ขณะยืนดูหญิงสาวขัดรองเท้าสีดำเปรอะเปื้อนให้เงามัน... “เมื่อคืนนี้พี่นอนอยู่ที่โซฟา พี่รู้สึกเหมือนมีคนเดินผ่านไปผ่านมาในห้อง พุด... ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ?” “รู้สึกอะไร? ไม่เห็นจะมีอะไรนี่” เอ่ยเนือย ๆ แล้วเธอก็จัดการรองเท้าหนังราคาแพงจนใหม่เอี่ยมสะอาดในระดับที่พึงพอใจ วางไว้ให้เรียบร้อยดี “พี่เคยได้ยินเรื่องคอนโดฯ มือสอง ฆ่ายกครัว ผูกคอตาย... ทาสีใหม่ ใส่เฟอร์สวย ๆ ขายราคาถูก แป้บเดียวมีคนมาซื้อละ ลูกค้าประจำของพี่ประมูลบ้าน ที่ดิน คอนโดฯ มือสองมาโมใหม่แล้วขายต่อ พุดรู้หรือเปล่า? ห้องสวย ๆ มันราคาถูกเพราะว่าเคยมีคนตาย” “พี่เปา... พูดอะไร
รายการสุดสยองในคืนวันศุกร์... สยองสมชื่อรายการ หลังจากที่ยื้อแย่งกันอยู่ว่าจะดูรายการตลกหรือรายการผี คนที่มีกำลังมากกว่าได้ครอบครองรีโมทก็ดื้อดึงกดเปลี่ยนมันกลับมาอย่างไม่น่ารักเอาเสียเลยปรเมษฐ์กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะไปจับหนูในห้องน้ำให้ดี ๆ หรือปล่อยให้เธอกลัวอยู่เรื่อย ๆเมื่อเสียงโครมครามดังมาจากห้องน้ำอยู่หลายระลอก ตามด้วยแรงสะดุ้งที่ทำให้ตาคมต้องเหลือบมองเสื้อสีขาวสะอาดเปรอะเปื้อนน้ำส้มอยู่เป็นหยดหย่อม เรียวแขนทั้งสองกอดรัดลำแขนแกร่ง ถูไปถูมาแต่ละที! หนุ่มวัยสี่สิบสองปีผู้ถือศีลอดมานานได้แต่อดทน อดกลั้น...ยุบหนอ พองหนอ... มันก็ยุบยวบ พองขึ้นตามระดับสายตาที่แอบลอบมองอยู่เรื่อย ๆจินตนาการไปถึงไหนต่อไหนว่าข้างในเรือนกายนุ่มนิ่มกลิ่นหอมจะมีอะไรแอบซ่อนอยู่ ผิวขาวละเอียดนุ่มติดมือเหมือนก้นเด็กน้อยนั้นปั่นป่วนประสาทได้แค่ไหนไม่น่าไหว... และก็ไม่น่าจะดีแน่ ๆ“อืม... พี่ว่าพุดหายกลัว... ก็ไป... อาบน้ำได้แล้วนะ”“พี่เปาบอกจะไปจับหนูในห้องน้ำให้พุดไง... ไปจับเลยนะ ถ้ามันมีหนูพุดจะอาบน้ำได้ยังไง” บ่นอุบอิบ ใบหน้าร้อนผ่าวยิ่งซุกซบวงแขนเป็นล่ำสัน และเธอก็คงจะไม่เลิกราเพราะชอบมันเป็นที่สุด ถึง
“ไปไกล ๆ เลยนะ พุดจะนอนแล้ว พรุ่งนี้มีเรียน” แล้วเธอก็ทิ้งตัวลงนอน ไม่ลืมบอก “ไม่ต้องปิดไฟนะ”ปรเมษฐ์ถือว่าเขาได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของแผ่นหลังบางที่จงใจนอนหันก้นให้จึงแค่นยิ้ม แทรกกายเข้าซุกในผ้านวมหนาข้าง ๆ กัน วางงานของเธอไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง นอนแหงนหน้ามองไปที่เพดานสีขาว“พุด... ไว้ตอนซัมเมอร์ พี่จะพาไปเที่ยวทะเลสวย ๆ เราไปกันสองคนดีไหม?” ไม่รู้อะไรที่ทำให้เขาพูดมันขึ้นมา ขณะที่มือของเธอกำผ้าปูที่นอนไว้แน่นเพราะความประหม่า... ตื่นเต้น.. อา.. นั่นสิ เธอเคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อน“พุดว่าไปหลายคนสนุกกว่า”“แน่ใจนะว่าพุดไม่เป็นไร ถ้าไปกันหมด พี่ปองไม่ได้ทำให้เราอึดอัดใช่มั้ย?”ครอบครัวของเขาไปเที่ยวกันปีละครั้ง ปองกานต์ชอบที่จะพาผู้หญิงไปด้วย ก็นอนรวม ๆ กันเป็นบ้านหลังใหญ่ เป็นบังกะโลแล้วแต่โอกาส“พ่อไม่สนใจพุดอยู่แล้วนี่ พุดไม่ใช่ลูกพ่อปอง... พุดเป็นลูกพ่อเลี้ยงไง ฮะ ๆ” หัวเราะเจื่อน ๆ กระชับผ้าขึ้นซุกตัวอย่างรันทดใจ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อกับแม่ทะเลาะเรื่องอะไรกัน แม่ของเธอไม่อยู่แล้วและผู้ชายคนนั้นก็ไม่เคยจะเหลียวแลเธอตั้งแต่ที่รู้ว่าไม่ใช่พ่อ“พี่ไม่ได้อยู่กับเราตลอดซะหน่อย ถ้า
นัยน์ตาคู่กลมโตประกายวาววับมองตามแก้มสากของคนที่ค่อย ๆ ผละออกจากข้างหู คำขอแกมบังคับพาหัวใจดวงน้อยเต้นระรัวดังกลองวันกีฬาสี แต่เพียงไม่นานเปลือกตาขาวพริ้มปิดลง สองมือโอบรอบคอดึงผู้ชายตัวโตมาประกบริมฝีปากมันเป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ และไม่ต้องคิดอะไรมาก ในเมื่อทุกสี่ห้องหัวใจเธอเป็นของเขามาโดยตลอดชายหนุ่มเฝ้ารอเวลานี้มานาน สองเต้าเต่งตึงแต่งแต้มสีชมพูหวานตำตาเมื่อครู่ยังอยู่ในหัวสมอง จนต้องพามือหนาบีบเคล้น กระตุ้นปลายยอดแหลมมนจนได้ยินเสียงครางหวานหลุดรอดตามมาปากของลูกพุทราหวาน... นุ่มละมุนเสียจนไม่รู้ว่าเขาอดทนรอมาถึงวันนี้ได้ยังไงไหว น้ำลายยังกลายเป็นของเอร็ดอร่อยอย่างไม่เคยที่เขาจะคิดอยากดูดกลืนอะไรได้เท่านี้ความอดทนของชายผู้ห่างเหินความหอมหวานมาไม่รู้กี่ปีจึงสิ้นสุดลง จูบไม่ประสีประสาแทนที่ด้วยจูบแสนวาบหวาม ปลายลิ้นหนากระหวัดเกี่ยวเลาะไปตามไรฟันขาว พาลิ้นน้อยออกมาชิมชมอย่างหิวกระหาย เท่าไรที่พร่ำสอนไป หญิงสาวจะโต้ตอบกลับมาในแบบเดียวกันตามสัญชาติญาณฝ่ามืออุ่นร้อนเริ่มที่จะลากไล้ไปตามผิวเนียนละเอียดตามใจต้องการ ร่างบางสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์กาย ยิ่งเรือนร่างเปลือยเปล่าของเธอที