ปรายลดาเป็นเด็กกตัญญูรู้คุณต่อผู้มีพระคุณเสมอ แม้ยังมีความรู้สึกขุ่นเคืองใจพ่อเลี้ยงอยู่ เธอเคยทำหน้าที่ดูแลเขาอย่างไร ยังทำเหมือนเดิมไม่มีขาดตกบกพร่อง
แต่เช้ามาไข้ที่ลดลงมากแล้วทำให้พอลุกไหว เธอจึงเข้าครัวไปทำอาหารง่าย ๆ เอาเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าเดินทางของเขาใส่ไม้แขวนไว้อีกฝั่งถัดจากเสื้อผ้าของเธอ ของใช้ผู้ชายก็นำไปไว้ในห้องน้ำ วางข้าวต้มลงบนโต๊ะแล้วครอบฝาไว้ การกระทำทุกย่างก้าวอยู่ในแววตาคู่คมเข้มประกายจรัสคู่หนึ่งของคนที่นอนเหยียดกายอยู่บนโซฟาในชุดทำงานชุดเดิมของเมื่อวาน ความร้อนรุ่มในเรือนกายชายแกร่งสะสมมาร่วมสองเดือน กับการที่เขาต้องไปอยู่คนเดียวลำพัง ไกลถึงเกาะสวรรค์อย่างปาลาวัน ประเทศฟิลิปปินส์ มันเหมือนน้ำเดือด ๆ ในกระติกน้ำร้อนที่ใส่น้ำเยอะเกินไป มันอาจจะระเบิด... หรือเครื่องพังตอนไหนก็ได้ ปรเมษฐ์คิดว่าเธอน่าจะรู้... จากขอบตาแดงช้ำใต้ดวงตาคู่สวยที่ยังคงลอบมองโซฟาหน้าโทรทัศน์จอแอลซีดีอยู่บ่อย ๆ ไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวเสือโหย ดูท่าทางว่าจะอยากเป็นอาหารเสืออีกต่างหาก ร่างบางในชุดนักศึกษาค่อย ๆ นั่งลงบนโซฟาข้างคนที่นอนขี้เกียจอยู่กับผ้านวมหนา “พี่เปาจะกินข้าวเลยไหม? จะกินน้ำอะไร พุดจะลงไปเซเว่น ไปซื้อให้” “พี่กินแค่ข้าวพุดก็พอแล้ว เราน่ะ.. ไปเรียนไหวหรือไง พี่ว่าไปหาหมอก่อนไหม? เรียนเมื่อไรก็ได้ ถ้าไม่ไหวก็ดรอปไปก่อน” “พุดไปหาหมอมาแล้วค่ะ พุดมียากิน ยังไงก็ต้องไป พุดอยากเรียนจบไว ๆ” ในประโยคหลังกระตุกหัวใจอยู่ไม่น้อย หากว่าสาวน้อยของเขาจะไปมีชีวิตของตัวเองเหมือนที่เธอกำลังทำ จะอย่างไร ความเป็นห่วงนั้นมีมากกว่า เมื่อปรายลดาพยายามปกปิดอาการป่วยไว้ด้วยเครื่องสำอางอ่อน ลิปสติกสีชมพูหวาน เป็นอะไรที่เขาไม่ชอบเอาเสียเลย “พุดไปหาหมอตอนไหน กินยาอะไร?” คนถูกถามเงียบไปครู่จึงตอบ “พุดเป็นไข้บ่อย กินยาเดิมนั่นแหละ อาการมันเหมือนเดิม” “เป็นไข้อะไรบ่อย ๆ?” ในสีหน้าสงสัย ปรเมษฐ์คงไม่ปล่อยเธอไปง่าย ๆ จนกว่าเขาจะได้คำตอบ “เราปิดบังอะไรพี่?” “พุดไปเรียนก่อน ค่อยกลับมาคุยได้ไหมคะ?” “มีเรียนกี่โมงล่ะ? มออยู่ใกล้ ๆ แค่นี้ไม่ใช่เหรอ” นิสัยของปรายลดาคือตื่นก่อนเวลาไปโรงเรียนหลายชั่วโมง เพราะต้องทำหน้าที่แม่บ้าน แม่ครัว ที่เธอต้องยอมเหนื่อยขนาดนั้นเพราะถ้าไม่มีปรเมษฐ์แล้ว ในวันที่พ่อปองกานต์ทิ้งเธอไป เธอคงจะต้องไปอยู่บ้านเด็กกำพร้า ไม่ได้อยู่บ้านหลังใหญ่ ๆ มีชีวิตสุขสบายขนาดนี้ เธอผ่อนลมหายใจออกครั้งหนึ่ง “พุดอยู่ก่อนก็ได้... พี่เปาจะกินข้าวก่อนไหม? พุดเก็บของของพี่เปา ทำกับข้าว ทำอะไรเสร็จหมดแล้ว” ในน้ำเสียงอ่อนลงเป็นคนละคนกับหญิงสาวที่โกรธจัดเอาแต่ร้องไห้เมื่อวาน ร่างสูงหยัดกายลุกขึ้นนั่งบนโซฟานุ่มที่นอนหลับ ๆ ตื่น ๆ ตลอดคืน สะบัดผ้าห่มออกวางไว้ข้างกายลวก ๆ “เรากินข้าวกินยาให้เรียบร้อย เดี๋ยวพี่จะไปส่ง...” “ค่ะ” คำตอบสั้น ๆ ในสีหน้านิ่งเรียบมีความไม่พอใจแฝงอยู่ ผ้านวมหนาที่เขาสะบัดไป เธอแค่ลุกขึ้นไปพับมันให้เรียบร้อย ปรายลดาควรจะบ่นว่าทำไมเขาถึงได้เป็นผู้ชายซกมก ไม่ทำอะไรเลยสักอย่าง แต่เป็นเพราะว่าเธอไม่บ่นอะไรสักคำ ชายหนุ่มตาละห้อยมองตามท่าทางเย็นชาไร้เยื่อใย กระทั่งว่าเธอเก็บผ้าห่มหมอนของเขาเสร็จ “พุด... ยังโกรธพี่ใช่ไหม?” “พุดจะมีสิทธิ์อะไรไปโกรธพี่เปา.. พี่จะอยู่หรือไป พุดเป็นแค่ลูกเลี้ยง พุดทำได้แค่อยู่ตรงนี้ หน้าที่ของพุดคือเรียนหนังสือให้จบ” เธอมั่นใจในคำพูดของตัวเองทุกถ้อยคำและยังทำหน้าที่ของตัวเองดี แม้ความอดทนใกล้สิ้นสุดลงเต็มทีกับทุก ๆ ครั้งที่เขาทิ้งเธอไปและกลับมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “พี่จะไม่ไปไหนแล้ว กลับมาเป็นเหมือนเดิมนะพุด เลิกโกรธอะไรไร้สาระน่ะ” ปรเมษฐ์ไม่ขอโทษ ยังไม่ชอบการอ้อนวอนใคร ใบหน้าสดสวยชะงักนิ่ง หม่นหมองกว่าเก่าขณะแค่นยิ้ม “แน่ใจหรือคะ... ว่าพี่เปาจะเป็นได้?” คำถามเจือแววเจ็บปวดสร้างความหวาดหวั่นให้เกิดขึ้นในใจชายหนุ่ม ยิ่งปรายลดาเยือกเย็นจนดูเหมือนว่าเธอไม่ใช่คนเดิมที่เขาเคยรู้จัก “พี่ทำมันไม่ได้หรอก... เชื่อพุดสิ...” “ก็คอยดูไปละกันว่าพี่จะดูแลเราเหมือนเดิมไหม ไปกินข้าว กินยาได้แล้ว” น้ำเสียงเคร่งขรึมยืนกรานว่าห้ามโต้แย้งใด ๆ เขาลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะรับประทานอาหารไม่กี่ก้าว ห้องขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไป ผสมผสานไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่ใช้ห้อง ๆ หนึ่งเป็นทั้งที่อยู่อาศัยและทำงาน ผนังสีขาวกั้นแบ่งแยกเป็นสัดส่วน มีครัวขนาดเล็กและโต๊ะรับประทานอาหารสองตัว กลิ่นหอมกรุ่นของอาหารฝีมือแม่ครัวคนเดิมจากโต๊ะรับประทานอาหารให้ความรู้สึกเหมือนว่าเขาอยู่ที่บ้าน ชายหนุ่มนั่งลงดีแล้วจึงถาม “พี่แป๋วกับแม่บอกว่าพุดซื้อห้องเองนี่ พี่แต่งให้ใหม่เหมือนเดิมดีไหม?” “ไม่ค่ะ แบบนี้ดีแล้ว พุดเบื่อสีชมพู” ไม่พูดเปล่า พอนั่งลงในฝั่งตรงข้ามกันกับเขา เธอมีความคิดบางอย่าง... “ที่พี่เปาว่าให้พุดเป็นเหมือนเดิม มันควรจะเป็นช่วงเวลาไหนดี? ตอนพุดตัวเล็ก ๆ ตอนสิบขวบ หรือว่า... บนเตียงนอนก่อนที่พี่จะทิ้งพุดไป” ปรเมษฐ์กลืนน้ำลายลงคอจนเกิดเสียง เขาพยายามทำตัวให้เป็นปรกติในทุก ๆ มื้อเช้า ก้มหน้าตักอาหารเขาปาก “แล้วแต่พุด... พี่เป็นคนอยากกลับมาอยู่กับพุด พี่จะไปบังคับอะไรพุดได้” “งั้น... พุดยังไม่หิว พุดจะนั่งเล่นมือถือ ค่อยกินข้าวอีกสิบนาที” ว่าแล้วเธอก็จ้องเขาด้วยแววตาวาววับอย่างท้าท้าย เสียงกระทบกันของช้อนที่หล่นลงในจานดังเคร้ง! เมื่อภาพของอดีตในวัยเยาว์ของปรายลดาผุดเข้ามาในหัว “เด็กดีไม่เล่นมือถือเกินสิบนาที” ร่างบางหยัดกายลุกขึ้นจากที่นั่งมาหยุดยืนข้าง ๆ ตาคมเหลือบมองตามอย่างหวาดหวั่น เธอไม่ได้ใช่เด็กตัวเล็ก ๆ ที่จะทำเรื่องแบบนั้นได้ “พี่... จะกินข้าวยังไง?” “เมื่อก่อนพี่เปาก็กินได้นี่... ทำไมตอนนี้จะกินไม่ได้” เธอยิ้มอย่างที่เคยคือฉีกยิ้มกว้าง คว้าท่อนแขนใต้ชุดนอนลายขวางไปอีกทาง แล้วหย่อนก้นนั่งลงบนตักแกร่ง โดยที่เขาไม่ได้ทำอะไรนอกจากวางมือไว้ที่เดิมคือบนโต๊ะ ร่างนุ่มหอมในชุดนักศึกษาทำเอาสั่นไปทั้งตัว! ความคิดของชายหนุ่มปรากฎอยู่ในสายตาหื่นกระหาย ซึ่งเขาต้องผ่อนลมหายใจออกเฮือกหนึ่ง “พุด... พุดรู้ว่าพี่ไปเพราะอะไร พุดเป็นแบบนี้พี่ลำบากใจนะ” เธอยิ้มกับคำพูดของเขาแทนที่จะโกรธหรือน้อยอกน้อยใจ มันเป็นยิ้มที่ปรากฏให้เห็นแม้กระทั่งในแววตา “พุดรักพี่เปา... รักจนอาจจะตายเมื่อไรก็ได้ ถ้าพุดตายคงไม่ได้เผา พุดบริจาคอวัยวะให้โรงพยาบาลไปละ” “พี่ไม่ชอบฟังเรื่องตาย...” “พุดแค่บอก” เธอบอกแล้วอิงแอบกายแนบชิด ซบใบหน้าลงบนแผงอกกว้างกำยำ เพื่อที่จะกดจอสี่เหลี่ยมอย่างที่ไม่รู้เหมือนกันว่ากดมันไปเพื่ออะไร ใจของเธอพร้อมจะกลับไปเด็กสิบห้าขวบอีกครั้ง เธอชอบที่จะนั่งตักเขาเล่นโทรศัพท์ไปแบบนี้จนหลับ สุดท้ายก็ไม่ได้กินข้าว... มันจึงเป็นปัญหาใหญ่ของปรเมษฐ์ ในสมัยที่เขายังเป็นเสือผู้หญิง เขาดันมีความคิดอกุศลกับเด็กสาววัยสวยสะพรั่งอยู่บ่อย ๆ และต้องคอยหักห้ามใจเพราะยังมีสำนึกความดีความชั่วอยู่ในใจเสมอ จนต้องหาที่ระบายอารมณ์ไปเรื่อยเปื่อย ทุกวันนี้เขาแค่กลายเป็นเสือสิ้นลายไร้เขี้ยวเล็บ... ที่กลัวแม้กระทั่งเด็กอายุยี่สิบเอ็ดย่างเข้ายี่สิบสองปี “พุด... ไม่ต้องเล่นมือถือจนครบสิบนาทีก็ได้มั้ง เดี๋ยวไปเรียนสายหรอก” ตาคมเหลือบมองนาฬิกาบนฝาผนังครั้งหนึ่ง แล้วหลุบดวงตาสุกใสที่เหลือบขึ้นมองอย่างไม่ได้ให้คำตอบอะไรเขา กลิ่นหอมอ่อนของเส้นผมสีดำขลับหลังสระไดร์ใหม่ ๆ ใบหน้าสดสวยที่เชยขึ้นมองกรามแกร่งที่มีเคราเขียวครึ้มขึ้นแซม พาเสียงดังสะท้านสะเทือนจากอกของเขาและเธอเกือบจะเป็นเสียงเดียวกัน มีบางอย่างเกิดขึ้น... มันเป็นเรื่องปรกติของผู้ชายที่ยังใช้งานได้เป็นอย่างดี คนที่นั่งทับมันอยู่เต็มก้นรู้สึกได้ว่าพ่อเลี้ยงแอบซ่อนความยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างขนาดไหนไว้ในกางเกงนอน! มันอยู่ในองศาที่คงจะสามารถสอดใส่กันได้อย่างพอดิบพอดีหากไม่มีเสื้อผ้ามาขวางกั้น เสียงกริ่งดัง... ช่วยชีวิตคนทั้งคู่ โดยเฉพาะชายหนุ่มที่นั่งแข็งไปทั้งตัว โดยเฉพาะตรงนั้น... “สงสัยปริมจะมารับ... ไม่ต้องกวนพี่แล้วล่ะ ตามสบายนะคะ” เสียงหวานเอ่ยพลันลุกพรวด เก็บโทรศัพท์มือถือลงในกระเป๋าผ้าอย่างรวดเร็ว ปรายลดาแทบวิ่งออกไปจากห้องของตัวเอง ทิ้งคนข้างหลังไว้กับความหงุดหงิดงุ่นง่านในห้องเปลี่ยว ๆ ลำพังในทุก ๆ วันศุกร์เป็นวันที่นักศึกษาการตลาดระดับชั้นปีที่สามเรียนเสร็จในช่วงบ่าย อาการร้อนรนก้นไหม้นั่งไม่ติดเก้าอี้ทำให้ปรเมษฐ์ต้องบึ่งรถยนต์คู่ใจจากคอนโดมีเนียม มาจอดรออยู่ข้างตึกคณะก่อนเวลาเลิกเรียน หลังจากที่เขาได้โทรไปถามนัชชาว่าเธอกำลังรับประทานยาอะไรกันแน่กว่าจะเค้นคอเอาความจริงมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยความที่นัชชาปกปิดความลับนี้ให้เพื่อนมานาน หล่อนระเบิดอารมณ์ใส่ตัวต้นเหตุอย่างเขา จึงค่อยยอมบอกว่าปรายลดาเป็นโรคเครียดสะสม ร้องไห้อยู่บ่อย ๆ จนต้องรับประทานยาระงับประสาท และยาต้านซึมเศร้า...ก็คงจะเป็นโชคดีที่แม่ม่ายผัวตายไม่ตัดสินใจคล้องคอบนขื่อบ้านอย่างที่แม่อนงค์บอก เขายังเผลอดีใจไปว่าเธอขาดเขาไม่ได้ กระทั่งพบว่าเหตุผลทั้งหมดมันหักลบกลบกันไม่มีเหลือท่าทางกระหนุงกระหนิง หัวเราะคิกคักของสองหนุ่มสาวที่เดินเคียงข้างกันมาถึงหน้ารั้วมหาวิทยาลัยพาเปลวโทสะในดวงตาคู่คมลุกโชน ปรเมษฐ์กระโจนกายออกจากรถยนต์ที่จอดรออยู่หลายนาน มือกระแทกประตูรถยนต์ให้ปิดลงจนเกิดเสียงดัง ไปหยุดยืนอยู่ข้างหน้าคนทั้งสอง“สวัสดีครับ คุณพ่อ” นักศึกษาหนุ่มสูงยาวเข่าดีหน้าตาหล่อเหลาเอาการยกมือไหว้เขาในทันที ขณะที
ข้าวปั้นปลาดิบและอาหารมากมายบนโต๊ะไม่มีอะไรพร่องไปจากจานเลยสักอย่าง ธามไทนั้นไม่พอใจเป็นอย่างมาก พยายามจะตามไปแต่ก็ไม่ทัน เขายังไม่รู้ว่าแฟนสาวของตัวเองพักอยู่ที่ไหน ขณะที่ปรเมษฐ์สั่งพนักงานให้ห่ออาหาร ออกจากร้านอาหารไปด้วยท่าทางสบายใจ จนกระทั่งมาถึงห้องแล้วพบว่านัชชาแวะมาปรกติสองคนนี้เจอกันแทบทุกวัน เรียนที่เดียวกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด เขาถึงได้ตัดสินใจหนีปัญหาหัวใจ ไปทำงานไกลถึงต่างประเทศ เพราะคิดว่าหญิงสาวยังมีเพื่อนรักและแม่อนงค์ โดยไม่ได้รู้มาก่อนเลยว่า...ปรายลดากลัวการถูกทอดทิ้ง โดยเฉพาะจากพ่อเลี้ยงที่เธอรักมาตลอด เธอจึงเริ่มป่วย เหมือนคราวที่เขาจากไปคราวก่อนโรคซึมเศร้าเป็นปัญหาสภาวะสังคมในปัจจุบัน ผู้ป่วยจะเป็นโรคซึมเศร้าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมค่อนข้างมาก อารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด พฤติกรรม ร่างกายอ่อนแอลงในลำดับต่อมาสมัยมัธยมต้นครั้งหนึ่ง และมัธยมปลายอีกครั้ง ปรายลดามีผลการเรียนอยู่ในระดับตกต่ำจนเกือบต้องซ้ำชั้น หากไม่ได้เพื่อนรักอย่างนัชชาคอยช่วยเหลือ พาไปพบจิตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ และรับประทานยา ยังช่วยสะสางงาน กระตุ้นให้ทำงานส่งอาจารย์ให้ครบ ปรายลดาจึงก้าวผ่าวช่วงเวลา
“พี่จะนอนกับพุดทุกวัน” ปลายเสียงแอบแฝงความเจ้าเล่ห์ ปลายเท้าหนาที่ยังสวมถุงเท้าอยู่ก้าวไป หยุดยืนมองมือเรียวซึ่งคว้ารองเท้าสกปรกของเขาได้คู่หนึ่ง ปรายลดาไม่ใช่เด็กสาววัยใสอีกต่อไป... เธอพอจะรู้ และก็ค้างคาใจ “คือ... พุดไม่อยากให้พี่ธามเสียใจ เขาดีกับพุด คอยให้กำลังใจพุดตลอด พุดไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่เปาจะทิ้งพุดไปอีกเมื่อไร” ‘เขาดีกับพุด’ แววตาคู่คมทอประกายวูบไหวดุจเปลวไฟ เขาโกรธพอ ๆ กับที่เจ็บปวด ทว่าสติที่อยู่ครบถ้วนดีบอกว่าเขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง ขณะยืนดูหญิงสาวขัดรองเท้าสีดำเปรอะเปื้อนให้เงามัน... “เมื่อคืนนี้พี่นอนอยู่ที่โซฟา พี่รู้สึกเหมือนมีคนเดินผ่านไปผ่านมาในห้อง พุด... ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ?” “รู้สึกอะไร? ไม่เห็นจะมีอะไรนี่” เอ่ยเนือย ๆ แล้วเธอก็จัดการรองเท้าหนังราคาแพงจนใหม่เอี่ยมสะอาดในระดับที่พึงพอใจ วางไว้ให้เรียบร้อยดี “พี่เคยได้ยินเรื่องคอนโดฯ มือสอง ฆ่ายกครัว ผูกคอตาย... ทาสีใหม่ ใส่เฟอร์สวย ๆ ขายราคาถูก แป้บเดียวมีคนมาซื้อละ ลูกค้าประจำของพี่ประมูลบ้าน ที่ดิน คอนโดฯ มือสองมาโมใหม่แล้วขายต่อ พุดรู้หรือเปล่า? ห้องสวย ๆ มันราคาถูกเพราะว่าเคยมีคนตาย” “พี่เปา... พูดอะไร
รายการสุดสยองในคืนวันศุกร์... สยองสมชื่อรายการ หลังจากที่ยื้อแย่งกันอยู่ว่าจะดูรายการตลกหรือรายการผี คนที่มีกำลังมากกว่าได้ครอบครองรีโมทก็ดื้อดึงกดเปลี่ยนมันกลับมาอย่างไม่น่ารักเอาเสียเลยปรเมษฐ์กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะไปจับหนูในห้องน้ำให้ดี ๆ หรือปล่อยให้เธอกลัวอยู่เรื่อย ๆเมื่อเสียงโครมครามดังมาจากห้องน้ำอยู่หลายระลอก ตามด้วยแรงสะดุ้งที่ทำให้ตาคมต้องเหลือบมองเสื้อสีขาวสะอาดเปรอะเปื้อนน้ำส้มอยู่เป็นหยดหย่อม เรียวแขนทั้งสองกอดรัดลำแขนแกร่ง ถูไปถูมาแต่ละที! หนุ่มวัยสี่สิบสองปีผู้ถือศีลอดมานานได้แต่อดทน อดกลั้น...ยุบหนอ พองหนอ... มันก็ยุบยวบ พองขึ้นตามระดับสายตาที่แอบลอบมองอยู่เรื่อย ๆจินตนาการไปถึงไหนต่อไหนว่าข้างในเรือนกายนุ่มนิ่มกลิ่นหอมจะมีอะไรแอบซ่อนอยู่ ผิวขาวละเอียดนุ่มติดมือเหมือนก้นเด็กน้อยนั้นปั่นป่วนประสาทได้แค่ไหนไม่น่าไหว... และก็ไม่น่าจะดีแน่ ๆ“อืม... พี่ว่าพุดหายกลัว... ก็ไป... อาบน้ำได้แล้วนะ”“พี่เปาบอกจะไปจับหนูในห้องน้ำให้พุดไง... ไปจับเลยนะ ถ้ามันมีหนูพุดจะอาบน้ำได้ยังไง” บ่นอุบอิบ ใบหน้าร้อนผ่าวยิ่งซุกซบวงแขนเป็นล่ำสัน และเธอก็คงจะไม่เลิกราเพราะชอบมันเป็นที่สุด ถึง
“ไปไกล ๆ เลยนะ พุดจะนอนแล้ว พรุ่งนี้มีเรียน” แล้วเธอก็ทิ้งตัวลงนอน ไม่ลืมบอก “ไม่ต้องปิดไฟนะ”ปรเมษฐ์ถือว่าเขาได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของแผ่นหลังบางที่จงใจนอนหันก้นให้จึงแค่นยิ้ม แทรกกายเข้าซุกในผ้านวมหนาข้าง ๆ กัน วางงานของเธอไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง นอนแหงนหน้ามองไปที่เพดานสีขาว“พุด... ไว้ตอนซัมเมอร์ พี่จะพาไปเที่ยวทะเลสวย ๆ เราไปกันสองคนดีไหม?” ไม่รู้อะไรที่ทำให้เขาพูดมันขึ้นมา ขณะที่มือของเธอกำผ้าปูที่นอนไว้แน่นเพราะความประหม่า... ตื่นเต้น.. อา.. นั่นสิ เธอเคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อน“พุดว่าไปหลายคนสนุกกว่า”“แน่ใจนะว่าพุดไม่เป็นไร ถ้าไปกันหมด พี่ปองไม่ได้ทำให้เราอึดอัดใช่มั้ย?”ครอบครัวของเขาไปเที่ยวกันปีละครั้ง ปองกานต์ชอบที่จะพาผู้หญิงไปด้วย ก็นอนรวม ๆ กันเป็นบ้านหลังใหญ่ เป็นบังกะโลแล้วแต่โอกาส“พ่อไม่สนใจพุดอยู่แล้วนี่ พุดไม่ใช่ลูกพ่อปอง... พุดเป็นลูกพ่อเลี้ยงไง ฮะ ๆ” หัวเราะเจื่อน ๆ กระชับผ้าขึ้นซุกตัวอย่างรันทดใจ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อกับแม่ทะเลาะเรื่องอะไรกัน แม่ของเธอไม่อยู่แล้วและผู้ชายคนนั้นก็ไม่เคยจะเหลียวแลเธอตั้งแต่ที่รู้ว่าไม่ใช่พ่อ“พี่ไม่ได้อยู่กับเราตลอดซะหน่อย ถ้า
นัยน์ตาคู่กลมโตประกายวาววับมองตามแก้มสากของคนที่ค่อย ๆ ผละออกจากข้างหู คำขอแกมบังคับพาหัวใจดวงน้อยเต้นระรัวดังกลองวันกีฬาสี แต่เพียงไม่นานเปลือกตาขาวพริ้มปิดลง สองมือโอบรอบคอดึงผู้ชายตัวโตมาประกบริมฝีปากมันเป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ และไม่ต้องคิดอะไรมาก ในเมื่อทุกสี่ห้องหัวใจเธอเป็นของเขามาโดยตลอดชายหนุ่มเฝ้ารอเวลานี้มานาน สองเต้าเต่งตึงแต่งแต้มสีชมพูหวานตำตาเมื่อครู่ยังอยู่ในหัวสมอง จนต้องพามือหนาบีบเคล้น กระตุ้นปลายยอดแหลมมนจนได้ยินเสียงครางหวานหลุดรอดตามมาปากของลูกพุทราหวาน... นุ่มละมุนเสียจนไม่รู้ว่าเขาอดทนรอมาถึงวันนี้ได้ยังไงไหว น้ำลายยังกลายเป็นของเอร็ดอร่อยอย่างไม่เคยที่เขาจะคิดอยากดูดกลืนอะไรได้เท่านี้ความอดทนของชายผู้ห่างเหินความหอมหวานมาไม่รู้กี่ปีจึงสิ้นสุดลง จูบไม่ประสีประสาแทนที่ด้วยจูบแสนวาบหวาม ปลายลิ้นหนากระหวัดเกี่ยวเลาะไปตามไรฟันขาว พาลิ้นน้อยออกมาชิมชมอย่างหิวกระหาย เท่าไรที่พร่ำสอนไป หญิงสาวจะโต้ตอบกลับมาในแบบเดียวกันตามสัญชาติญาณฝ่ามืออุ่นร้อนเริ่มที่จะลากไล้ไปตามผิวเนียนละเอียดตามใจต้องการ ร่างบางสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์กาย ยิ่งเรือนร่างเปลือยเปล่าของเธอที
“พี่เปา... ทำอะไรพุด?” เธอถาม ยังคงหอบหายใจด้วยท่าทางเอียงอาย อันเนื่องมาจากประสบการณ์ครั้งแรกที่เพิ่งเคยได้รับรู้ว่ามีเรื่องพรรค์นี้อยู่บนโลกปริมเพิ่งบอกเธอ... ว่ามันจะเกิดอะไร หากพ่อเลี้ยงรุกหนักอย่างไม่มีวี่แววว่าจะหยุด ทว่าทุกอย่างก็สายเกิน เธอคงไม่ต้องการคำปรึกษาทางทฤษฎีอีก เพราะมันไม่ละเอียดยิบ! เหมือนได้สัมผัสด้วยตัวเอง“ทำเมียไงครับ พี่ชอบกินพุทรา... พุทราของพี่สวยขนาดนี้...” เขายิ้ม อดทนทรมานเพื่อที่จะให้เธอมีความสุข แล้วก็สร้างความอับอายให้เธออีก เลื่อนใบหน้าลงซุกซบอกสาวเข้าครอบครองอย่างหิวกระหาย“อ๊ะ...!” ร่างบางแอ่นรับปากร้อนรัดกายราวกับว่าเขาต้องการดูดกลืนทุกสิ่งไปจากเธอ ตะกละตะกลามแต่ยังแอบแฝงความนุ่มนวลไว้ด้วยการดุนปลายลิ้นอยู่บ่อย ๆ ร่างบางบิดเร่า ๆ เพราะความซ่านสยิวปรเมษฐ์ทำทุกอย่างตามใจอยาก เขาเพิ่งรู้ตัวว่าต้องการผู้หญิงคนนี้มาตลอดอย่างไม่มีใครมาแทนที่ แต่พอได้ครอบครอง ไม่ว่าจะดื่มด่ำความหวานอร่อยสักเท่าไร เขาคงไม่มีวันอิ่ม และคงเหลือความอดทนไม่มาก...เต้าเต่งตึงเต็มมือเต็มปากที่ดูดเม้มบ้างสะกิดเลีย เขารับรู้ได้ถึงความหวาน ทว่าการเล้าโลมอีกฝ่ายอยู่อย่างนี้สร้างควา
เสียงนาฬิกาปลุกดังเตือนถี่หลายสิบนาที... ในอุณหภูมิห้องเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศที่ทำให้เรือนร่างงามต้องคลอเคลียแผงอกกว้างอยู่พอประมาณอย่างเกียจคร้าน ก่อนที่เธอจะค่อย ๆ ปรือเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นมองเจ้าของท่อนแขนอุ่น พลิกตัวหันกลับไปมองนาฬิกาบนฝาผนัง “สิบโมง!” โวยวายหน้าตื่นตะลึง ปรายลดาคว้าชุดกระโปรงนอนสีหวานที่กองอยู่บนพื้น ใช้เป็นที่กำบังกายพรวดพราดเข้าห้องน้ำไป แม้แต่ละย่างก้าวจะสะท้านสะเทือนจนต้องห่อริมฝีปากเพราะความเจ็บร้าวระบม ความเป็นคนขี้ลืมยังทำให้เธอวิ่งมาปิดเสียงหนวกหูน่ารำคาญก่อนแล้วเข้าไปใหม่ เธออาบน้ำอย่างรวดเร็วที่สุด อดไม่ได้ที่จะนึกโมโหหนุ่มวัยสี่สิบสองปีที่ทำตัวเป็นเด็กวัยรุ่น ความเร่าร้อนจัดจ้านของเขายังไม่ได้หยุดแค่เตียงนอน ห้องสี่เหลี่ยมที่จัดสรรสัดส่วนเป็นอย่างดีตอนนี้กลายเป็นว่าเล็กแคบลง จากทุกท่วงท่าอารมณ์หนักหน่วงครบถ้วนทุกกระบวนท่าบนเตียงร้อนลุกเป็นไฟ! เสื้อผ้าในตู้ที่พับวางไว้เรียบร้อยถูกรื้อออกมากระจัดกระจาย หนังสือปากกาบนโต๊ะ บนชั้นวางของพ่อคุณก็กวาดลงพื้น เขาอุ้มเธอไปได้ทั่วทุกมุมห้องแม้แต่บนโต๊ะอาหาร คงจะขาดแค่ระเบียง... ที่ไม่ได้ไป มันต้องมีรสนิยมทา