ในทุก ๆ วันศุกร์เป็นวันที่นักศึกษาการตลาดระดับชั้นปีที่สามเรียนเสร็จในช่วงบ่าย อาการร้อนรนก้นไหม้นั่งไม่ติดเก้าอี้ทำให้ปรเมษฐ์ต้องบึ่งรถยนต์คู่ใจจากคอนโดมีเนียม มาจอดรออยู่ข้างตึกคณะก่อนเวลาเลิกเรียน หลังจากที่เขาได้โทรไปถามนัชชาว่าเธอกำลังรับประทานยาอะไรกันแน่
กว่าจะเค้นคอเอาความจริงมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยความที่นัชชาปกปิดความลับนี้ให้เพื่อนมานาน หล่อนระเบิดอารมณ์ใส่ตัวต้นเหตุอย่างเขา จึงค่อยยอมบอกว่าปรายลดาเป็นโรคเครียดสะสม ร้องไห้อยู่บ่อย ๆ จนต้องรับประทานยาระงับประสาท และยาต้านซึมเศร้า... ก็คงจะเป็นโชคดีที่แม่ม่ายผัวตายไม่ตัดสินใจคล้องคอบนขื่อบ้านอย่างที่แม่อนงค์บอก เขายังเผลอดีใจไปว่าเธอขาดเขาไม่ได้ กระทั่งพบว่าเหตุผลทั้งหมดมันหักลบกลบกันไม่มีเหลือ ท่าทางกระหนุงกระหนิง หัวเราะคิกคักของสองหนุ่มสาวที่เดินเคียงข้างกันมาถึงหน้ารั้วมหาวิทยาลัยพาเปลวโทสะในดวงตาคู่คมลุกโชน ปรเมษฐ์กระโจนกายออกจากรถยนต์ที่จอดรออยู่หลายนาน มือกระแทกประตูรถยนต์ให้ปิดลงจนเกิดเสียงดัง ไปหยุดยืนอยู่ข้างหน้าคนทั้งสอง “สวัสดีครับ คุณพ่อ” นักศึกษาหนุ่มสูงยาวเข่าดีหน้าตาหล่อเหลาเอาการยกมือไหว้เขาในทันที ขณะที่คนรับไหว้ยกมือตามไปอย่างนั้น ใบหน้าคร้ามคมฉาบด้วยรอยยิ้มอาบยาพิษในน้ำคำ “ผมมีลูกเลี้ยงคนเดียว ไม่คิดรับลูกเขย ไม่รู้ก็ลองไปถามยัยปริมดูใหม่นะ ผมกับลูกพุทราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันทางสายเลือด” เหมือนชกหน้ากันด้วยหมัดหนัก ๆ! ธามไทไม่รู้มาก่อนว่าพ่อเลี้ยงของเธอไม่ใช่พ่อเลี้ยงแท้ ๆ ยังหน้าเด็กเท่าเด็กนักศึกษา เล่นเอาสาว ๆ เจ้าของรถยนต์แต่ละคนที่เดินมาเหลียวมองคอแทบหลุด คาดว่าคงไม่อยากกลับบ้านกันแล้วทีนี้ ปรายลดาได้แต่ยืนตะลึงงัน สบสายตาคมกริบที่กำลังเชือดเฉือนมายังเธอ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าการที่ยัยเพื่อนตัวแสบไม่ยอมกลับบ้านด้วยกันเป็นเพราะอะไร และทำไมพ่อเลี้ยงถึงได้มาอยู่ตรงหน้าเธอได้จังหวะพอดิบพอดี “พุดไปก่อน...” “ไปกินข้าวกันก่อนสิ ชื่อธามไทใช่ไหม?” “ครับ” ธามไทยิ้มตอบอย่างเป็นมิตร ใจดีสู้เสือ... โดยไม่ได้รู้ว่าเขาอาจถูกเสือขย้ำตายตั้งแต่ยังไม่ก้าวเข้าถ้ำ หากยังขืนจะแย่งลูกเสือตัวนี้ไป ปรเมษฐ์พานักศึกษาทั้งสองคนขึ้นรถยนต์ เลือกร้านอาหารไม่ไกลจากห้องพักของปรายลดามากนัก ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีในการเดินทาง ด้วยว่าการจราจรยังไม่ติดขัดในช่วงบ่าย ร้านอาหารญี่ปุ่นเล็ก ๆ ค่อนข้างเป็นส่วนตัว ด้านในสุดของร้านมีโต๊ะสี่ที่นั่ง โซฟาติดผนัง ท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ ในร้าน ปรายลดากลับรู้สึกมันชวนอึดอัดชอบกล ไม่มีการแนะนำตัวอะไรกันมากมาย ผู้ชายสองคนฟาดฟันกันทางสายตาอย่างดุเดือด สั่งอาหารเหมือนไม่ได้อยากมารับประทานอาหาร ที่จริงก็ตั้งแต่ในรถยนต์ที่เธอได้นั่งเงียบกริบมาตลอดทาง คงเป็นเพราะธามไทได้ยินเรื่องแต่งเสริมเติมแต่งที่เหมือนว่าจะถูกหลอกปั่นหัวจากยัยปริมตัวแสบ “ผมได้ยินมาว่าพ่อเลี้ยงทำงานที่ฟิลิปปินส์ มาคราวนี้กลับมากี่วันล่ะครับ?” “งานของผมทำที่ไหนก็ได้ คงไม่กลับไปแล้วล่ะ คิดถึงลูกเลี้ยงน่ะ” เขาตอบแล้วก็หันไปทางคนข้าง ๆ ในท่าทีและน้ำเสียงเป็นเจ้าของอย่างเต็มที่ “อยู่ที่นู่น นอนไม่หลับสักคืน เคยนอนกอดพุดทุกวัน...” นัยน์ตาคู่สีฟ้าครามลึกลงไปมีเปลวไฟลูกหนึ่ง เป็นไปไม่ได้เลยที่อีกฝ่ายจะไม่เห็น เลือดร้อน ๆ ของหนุ่มวัยยี่สิบเอ็ดปีขึ้นหน้าอยู่เหมือนกัน “ผมกำลังคบกับพุด คุณรู้ใช่ไหม?” “แล้วยังไง?” “ผมเคยเลี้ยงปลา... ตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ จนมันโต ผมไม่เคยคิดจะเอามันมาทำต้มยำกินเลยนะครับ ผมกินมันไม่ลง เพราะผมเลี้ยงมันมากับมือ” ธามไทสำรวมคำพูดอย่างรักษามารยาทที่สุดแล้ว เพราะเห็นได้ชัดว่ามีคนหนึ่งเริ่มที่จะนั่งก้มหน้าก้มตาอย่างอึดอัดอยู่ข้าง ๆ พ่อเลี้ยงที่เอ่ยปากชม “เข้าใจเปรียบเทียบ สมเป็นเด็กการตลาด แต่ว่าเนื้อปลามันคาว... ไม่ได้นุ่ม หอม หวาน จะไปกินลงได้ยังไงล่ะ?” “ผมไม่อยากให้คนอื่นมองพุดไม่ดี ว่าพุดมีเสี่ยเลี้ยง หรือว่าเลี้ยงต้อย...” ปรเมษฐ์หรือจะเลิกเลี้ยงต้อย! เป็นเรื่องแซวกันอย่างสนุกปากในหมู่เพื่อนตั้งแต่อายุยี่สิบเอ็ดปีที่รับอุปการะเด็กสาวคนหนึ่ง ส่งเสียเงินให้ทุกเดือนมาจนถึงทุกวันนี้ เขาคิดมันขึ้นมาแล้วก็ยิ้ม... รอยยิ้มของเขาช่างไร้ความจริงใจ แน่ว่ามันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพร้อมจะจัดการผู้ชายทุกคนให้อันตรธานหายไปจากชีวิตของปรายลดา โดยไม่สนวิธีการ “อายุแค่เท่านี้ ระวังก้างปลาจะทิ่มคอตายนะครับ เก็บอนาคตไว้ไปคบกับคนอื่นเถอะ ผู้หญิงเยอะแยะ คนนี้... พ่อเลี้ยงขอ” “พุดไม่สบาย.. ขอกลับห้องไปนอนก่อนนะคะ” เสียงใสโพล่งขึ้นมา หลังจากที่นั่งเก็บงำความเครียดเอาไว้ในใจ เธอไม่อยู่ในอารมณ์รับประทานอาหาร แม้ว่ามันจะเป็นอาหารจานโปรด “กินน้ำส้มสักแก้วสิ ค่อยไป กินยาซะด้วย” ซุ่มเสียงเด็ดขาด คนที่นิ่งอึ้งทำให้เขาต้องเอื้อมไปหยิบกระเป๋าผ้า ปรายลดาเป็นคนมีระบบระเบียบจัดของตัวเองเอาไว้เป็นอย่างดี มันจึงไม่ยากเลยที่เขาจะหยิบกล่องยาออกมา เรียงยาไว้บนกระดาษทิชชู่บนโต๊ะทีละเม็ด “ถึงพุดจะไม่มีใคร ไม่ได้หมายความผมจะต้องเป็นพ่อเธอ ผู้ชายสมัยนี้เขาเลี้ยงเด็ก เลี้ยงต้อยกันตั้งเยอะตั้งแยะ อย่าบอกนะว่า... น้องไม่เคยไปเลี้ยงอาหารบ้านเด็กกำพร้า? ยังงี้ใครไปทำบุญทำทาน ก็ต้องเป็นพ่อหมดเลยน่ะสิ” ตาคมเหลือบมองวงหน้าแดงก่ำของชายหนุ่มที่โกรธจัด มือกำหมัดแน่น ประกาศตัวเป็นศัตรูชัดเจน ขณะที่เจ้าตัวน่าจะรู้ดีว่าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ตั้งแต่วินาทีที่เขาปรากฎตัวต่อหน้าปรายลดาอีกครั้งแล้ว กินข้าวต่อไหวก็หน้าด้านเกินทน แต่วัยคึกคะนองก็เป็นแบบนั้น... พออาหารเริ่มทยอยมา ปรเมษฐ์ยกยิ้มมุมปากให้อย่างเชื้อเชิญ “มื้อนี้พ่อเลี้ยงเลี้ยงเอง เพื่อนพุดทุกคน พ่อเลี้ยงก็เลี้ยงมาหมด ใช่ไหมพุด?” ปรายลดาฝืนยิ้มเจื่อน ๆ ด้วยความตั้งใจว่าหาทางปลีกตัวกลับบ้าน จึงหยิบแก้วน้ำและยาขึ้นมารับประทาน ซึ่งมันแทบจะหก! พอรับรู้ได้ถึงอุณหภูมิร้อนที่ลากผ่านกระโปรงสีดำบริเวณหน้าขา ใต้โต๊ะที่คงจะไม่มีใครสังเกตเห็น มือหยาบลูบวนไปมา พาอารมณ์ประหลาดวนเวียนในหัวสมองของหญิงสาวที่ไม่เคยรับรู้เรื่องราวของความรักในรูปแบบความหลงใหล ความใคร่ หากเขาไม่เป็นคนพร่ำสอนบทเรียนนี้มาก่อน “เป็นคนที่ไม่สนขี้ปากใครจริง ๆ นะครับ” “สายตาใคร พี่ก็ไม่เคยสนใช่ไหม? พุทรา... ‘น้ำส้ม’ อร่อยไหม?” ในถ้อยคำย้ำชัด มือซุกซนเริ่มไต่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ... ในระดับที่ว่ากลืนน้ำส้มลงคอแต่ละครั้ง เธอรู้สึกว่าขาของเธอกำลังสั่น เพราะมันใกล้ถึงที่ที่เขาไม่ควรลุกลามไปเป็นอันขาด มันไม่ใช่พื้นที่สาธารณะอย่างเช่นที่นี่ที่ใครจะเช็คอินเข้ามารับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อไรก็ได้! “พุดกลับก่อนนะ!” ร่างบางลุกพรวดจากเก้าอี้ พร้อม ๆ กับที่วางน้ำส้มในมือ ไม่สนว่ามันจะหกกระเด็นใส่เสื้อสีขาว คว้ากระเป๋าขึ้นสะพายพาดบ่าหนีไปอย่างรวดเร็ว ยังกับว่าน้ำส้มสยองแก้วนั้นใส่อะไรลงไปข้าวปั้นปลาดิบและอาหารมากมายบนโต๊ะไม่มีอะไรพร่องไปจากจานเลยสักอย่าง ธามไทนั้นไม่พอใจเป็นอย่างมาก พยายามจะตามไปแต่ก็ไม่ทัน เขายังไม่รู้ว่าแฟนสาวของตัวเองพักอยู่ที่ไหน ขณะที่ปรเมษฐ์สั่งพนักงานให้ห่ออาหาร ออกจากร้านอาหารไปด้วยท่าทางสบายใจ จนกระทั่งมาถึงห้องแล้วพบว่านัชชาแวะมาปรกติสองคนนี้เจอกันแทบทุกวัน เรียนที่เดียวกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด เขาถึงได้ตัดสินใจหนีปัญหาหัวใจ ไปทำงานไกลถึงต่างประเทศ เพราะคิดว่าหญิงสาวยังมีเพื่อนรักและแม่อนงค์ โดยไม่ได้รู้มาก่อนเลยว่า...ปรายลดากลัวการถูกทอดทิ้ง โดยเฉพาะจากพ่อเลี้ยงที่เธอรักมาตลอด เธอจึงเริ่มป่วย เหมือนคราวที่เขาจากไปคราวก่อนโรคซึมเศร้าเป็นปัญหาสภาวะสังคมในปัจจุบัน ผู้ป่วยจะเป็นโรคซึมเศร้าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมค่อนข้างมาก อารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด พฤติกรรม ร่างกายอ่อนแอลงในลำดับต่อมาสมัยมัธยมต้นครั้งหนึ่ง และมัธยมปลายอีกครั้ง ปรายลดามีผลการเรียนอยู่ในระดับตกต่ำจนเกือบต้องซ้ำชั้น หากไม่ได้เพื่อนรักอย่างนัชชาคอยช่วยเหลือ พาไปพบจิตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ และรับประทานยา ยังช่วยสะสางงาน กระตุ้นให้ทำงานส่งอาจารย์ให้ครบ ปรายลดาจึงก้าวผ่าวช่วงเวลา
“พี่จะนอนกับพุดทุกวัน” ปลายเสียงแอบแฝงความเจ้าเล่ห์ ปลายเท้าหนาที่ยังสวมถุงเท้าอยู่ก้าวไป หยุดยืนมองมือเรียวซึ่งคว้ารองเท้าสกปรกของเขาได้คู่หนึ่ง ปรายลดาไม่ใช่เด็กสาววัยใสอีกต่อไป... เธอพอจะรู้ และก็ค้างคาใจ “คือ... พุดไม่อยากให้พี่ธามเสียใจ เขาดีกับพุด คอยให้กำลังใจพุดตลอด พุดไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่เปาจะทิ้งพุดไปอีกเมื่อไร” ‘เขาดีกับพุด’ แววตาคู่คมทอประกายวูบไหวดุจเปลวไฟ เขาโกรธพอ ๆ กับที่เจ็บปวด ทว่าสติที่อยู่ครบถ้วนดีบอกว่าเขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง ขณะยืนดูหญิงสาวขัดรองเท้าสีดำเปรอะเปื้อนให้เงามัน... “เมื่อคืนนี้พี่นอนอยู่ที่โซฟา พี่รู้สึกเหมือนมีคนเดินผ่านไปผ่านมาในห้อง พุด... ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ?” “รู้สึกอะไร? ไม่เห็นจะมีอะไรนี่” เอ่ยเนือย ๆ แล้วเธอก็จัดการรองเท้าหนังราคาแพงจนใหม่เอี่ยมสะอาดในระดับที่พึงพอใจ วางไว้ให้เรียบร้อยดี “พี่เคยได้ยินเรื่องคอนโดฯ มือสอง ฆ่ายกครัว ผูกคอตาย... ทาสีใหม่ ใส่เฟอร์สวย ๆ ขายราคาถูก แป้บเดียวมีคนมาซื้อละ ลูกค้าประจำของพี่ประมูลบ้าน ที่ดิน คอนโดฯ มือสองมาโมใหม่แล้วขายต่อ พุดรู้หรือเปล่า? ห้องสวย ๆ มันราคาถูกเพราะว่าเคยมีคนตาย” “พี่เปา... พูดอะไร
รายการสุดสยองในคืนวันศุกร์... สยองสมชื่อรายการ หลังจากที่ยื้อแย่งกันอยู่ว่าจะดูรายการตลกหรือรายการผี คนที่มีกำลังมากกว่าได้ครอบครองรีโมทก็ดื้อดึงกดเปลี่ยนมันกลับมาอย่างไม่น่ารักเอาเสียเลยปรเมษฐ์กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะไปจับหนูในห้องน้ำให้ดี ๆ หรือปล่อยให้เธอกลัวอยู่เรื่อย ๆเมื่อเสียงโครมครามดังมาจากห้องน้ำอยู่หลายระลอก ตามด้วยแรงสะดุ้งที่ทำให้ตาคมต้องเหลือบมองเสื้อสีขาวสะอาดเปรอะเปื้อนน้ำส้มอยู่เป็นหยดหย่อม เรียวแขนทั้งสองกอดรัดลำแขนแกร่ง ถูไปถูมาแต่ละที! หนุ่มวัยสี่สิบสองปีผู้ถือศีลอดมานานได้แต่อดทน อดกลั้น...ยุบหนอ พองหนอ... มันก็ยุบยวบ พองขึ้นตามระดับสายตาที่แอบลอบมองอยู่เรื่อย ๆจินตนาการไปถึงไหนต่อไหนว่าข้างในเรือนกายนุ่มนิ่มกลิ่นหอมจะมีอะไรแอบซ่อนอยู่ ผิวขาวละเอียดนุ่มติดมือเหมือนก้นเด็กน้อยนั้นปั่นป่วนประสาทได้แค่ไหนไม่น่าไหว... และก็ไม่น่าจะดีแน่ ๆ“อืม... พี่ว่าพุดหายกลัว... ก็ไป... อาบน้ำได้แล้วนะ”“พี่เปาบอกจะไปจับหนูในห้องน้ำให้พุดไง... ไปจับเลยนะ ถ้ามันมีหนูพุดจะอาบน้ำได้ยังไง” บ่นอุบอิบ ใบหน้าร้อนผ่าวยิ่งซุกซบวงแขนเป็นล่ำสัน และเธอก็คงจะไม่เลิกราเพราะชอบมันเป็นที่สุด ถึง
“ไปไกล ๆ เลยนะ พุดจะนอนแล้ว พรุ่งนี้มีเรียน” แล้วเธอก็ทิ้งตัวลงนอน ไม่ลืมบอก “ไม่ต้องปิดไฟนะ”ปรเมษฐ์ถือว่าเขาได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของแผ่นหลังบางที่จงใจนอนหันก้นให้จึงแค่นยิ้ม แทรกกายเข้าซุกในผ้านวมหนาข้าง ๆ กัน วางงานของเธอไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง นอนแหงนหน้ามองไปที่เพดานสีขาว“พุด... ไว้ตอนซัมเมอร์ พี่จะพาไปเที่ยวทะเลสวย ๆ เราไปกันสองคนดีไหม?” ไม่รู้อะไรที่ทำให้เขาพูดมันขึ้นมา ขณะที่มือของเธอกำผ้าปูที่นอนไว้แน่นเพราะความประหม่า... ตื่นเต้น.. อา.. นั่นสิ เธอเคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อน“พุดว่าไปหลายคนสนุกกว่า”“แน่ใจนะว่าพุดไม่เป็นไร ถ้าไปกันหมด พี่ปองไม่ได้ทำให้เราอึดอัดใช่มั้ย?”ครอบครัวของเขาไปเที่ยวกันปีละครั้ง ปองกานต์ชอบที่จะพาผู้หญิงไปด้วย ก็นอนรวม ๆ กันเป็นบ้านหลังใหญ่ เป็นบังกะโลแล้วแต่โอกาส“พ่อไม่สนใจพุดอยู่แล้วนี่ พุดไม่ใช่ลูกพ่อปอง... พุดเป็นลูกพ่อเลี้ยงไง ฮะ ๆ” หัวเราะเจื่อน ๆ กระชับผ้าขึ้นซุกตัวอย่างรันทดใจ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อกับแม่ทะเลาะเรื่องอะไรกัน แม่ของเธอไม่อยู่แล้วและผู้ชายคนนั้นก็ไม่เคยจะเหลียวแลเธอตั้งแต่ที่รู้ว่าไม่ใช่พ่อ“พี่ไม่ได้อยู่กับเราตลอดซะหน่อย ถ้า
นัยน์ตาคู่กลมโตประกายวาววับมองตามแก้มสากของคนที่ค่อย ๆ ผละออกจากข้างหู คำขอแกมบังคับพาหัวใจดวงน้อยเต้นระรัวดังกลองวันกีฬาสี แต่เพียงไม่นานเปลือกตาขาวพริ้มปิดลง สองมือโอบรอบคอดึงผู้ชายตัวโตมาประกบริมฝีปากมันเป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ และไม่ต้องคิดอะไรมาก ในเมื่อทุกสี่ห้องหัวใจเธอเป็นของเขามาโดยตลอดชายหนุ่มเฝ้ารอเวลานี้มานาน สองเต้าเต่งตึงแต่งแต้มสีชมพูหวานตำตาเมื่อครู่ยังอยู่ในหัวสมอง จนต้องพามือหนาบีบเคล้น กระตุ้นปลายยอดแหลมมนจนได้ยินเสียงครางหวานหลุดรอดตามมาปากของลูกพุทราหวาน... นุ่มละมุนเสียจนไม่รู้ว่าเขาอดทนรอมาถึงวันนี้ได้ยังไงไหว น้ำลายยังกลายเป็นของเอร็ดอร่อยอย่างไม่เคยที่เขาจะคิดอยากดูดกลืนอะไรได้เท่านี้ความอดทนของชายผู้ห่างเหินความหอมหวานมาไม่รู้กี่ปีจึงสิ้นสุดลง จูบไม่ประสีประสาแทนที่ด้วยจูบแสนวาบหวาม ปลายลิ้นหนากระหวัดเกี่ยวเลาะไปตามไรฟันขาว พาลิ้นน้อยออกมาชิมชมอย่างหิวกระหาย เท่าไรที่พร่ำสอนไป หญิงสาวจะโต้ตอบกลับมาในแบบเดียวกันตามสัญชาติญาณฝ่ามืออุ่นร้อนเริ่มที่จะลากไล้ไปตามผิวเนียนละเอียดตามใจต้องการ ร่างบางสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์กาย ยิ่งเรือนร่างเปลือยเปล่าของเธอที
“พี่เปา... ทำอะไรพุด?” เธอถาม ยังคงหอบหายใจด้วยท่าทางเอียงอาย อันเนื่องมาจากประสบการณ์ครั้งแรกที่เพิ่งเคยได้รับรู้ว่ามีเรื่องพรรค์นี้อยู่บนโลกปริมเพิ่งบอกเธอ... ว่ามันจะเกิดอะไร หากพ่อเลี้ยงรุกหนักอย่างไม่มีวี่แววว่าจะหยุด ทว่าทุกอย่างก็สายเกิน เธอคงไม่ต้องการคำปรึกษาทางทฤษฎีอีก เพราะมันไม่ละเอียดยิบ! เหมือนได้สัมผัสด้วยตัวเอง“ทำเมียไงครับ พี่ชอบกินพุทรา... พุทราของพี่สวยขนาดนี้...” เขายิ้ม อดทนทรมานเพื่อที่จะให้เธอมีความสุข แล้วก็สร้างความอับอายให้เธออีก เลื่อนใบหน้าลงซุกซบอกสาวเข้าครอบครองอย่างหิวกระหาย“อ๊ะ...!” ร่างบางแอ่นรับปากร้อนรัดกายราวกับว่าเขาต้องการดูดกลืนทุกสิ่งไปจากเธอ ตะกละตะกลามแต่ยังแอบแฝงความนุ่มนวลไว้ด้วยการดุนปลายลิ้นอยู่บ่อย ๆ ร่างบางบิดเร่า ๆ เพราะความซ่านสยิวปรเมษฐ์ทำทุกอย่างตามใจอยาก เขาเพิ่งรู้ตัวว่าต้องการผู้หญิงคนนี้มาตลอดอย่างไม่มีใครมาแทนที่ แต่พอได้ครอบครอง ไม่ว่าจะดื่มด่ำความหวานอร่อยสักเท่าไร เขาคงไม่มีวันอิ่ม และคงเหลือความอดทนไม่มาก...เต้าเต่งตึงเต็มมือเต็มปากที่ดูดเม้มบ้างสะกิดเลีย เขารับรู้ได้ถึงความหวาน ทว่าการเล้าโลมอีกฝ่ายอยู่อย่างนี้สร้างควา
เสียงนาฬิกาปลุกดังเตือนถี่หลายสิบนาที... ในอุณหภูมิห้องเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศที่ทำให้เรือนร่างงามต้องคลอเคลียแผงอกกว้างอยู่พอประมาณอย่างเกียจคร้าน ก่อนที่เธอจะค่อย ๆ ปรือเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นมองเจ้าของท่อนแขนอุ่น พลิกตัวหันกลับไปมองนาฬิกาบนฝาผนัง “สิบโมง!” โวยวายหน้าตื่นตะลึง ปรายลดาคว้าชุดกระโปรงนอนสีหวานที่กองอยู่บนพื้น ใช้เป็นที่กำบังกายพรวดพราดเข้าห้องน้ำไป แม้แต่ละย่างก้าวจะสะท้านสะเทือนจนต้องห่อริมฝีปากเพราะความเจ็บร้าวระบม ความเป็นคนขี้ลืมยังทำให้เธอวิ่งมาปิดเสียงหนวกหูน่ารำคาญก่อนแล้วเข้าไปใหม่ เธออาบน้ำอย่างรวดเร็วที่สุด อดไม่ได้ที่จะนึกโมโหหนุ่มวัยสี่สิบสองปีที่ทำตัวเป็นเด็กวัยรุ่น ความเร่าร้อนจัดจ้านของเขายังไม่ได้หยุดแค่เตียงนอน ห้องสี่เหลี่ยมที่จัดสรรสัดส่วนเป็นอย่างดีตอนนี้กลายเป็นว่าเล็กแคบลง จากทุกท่วงท่าอารมณ์หนักหน่วงครบถ้วนทุกกระบวนท่าบนเตียงร้อนลุกเป็นไฟ! เสื้อผ้าในตู้ที่พับวางไว้เรียบร้อยถูกรื้อออกมากระจัดกระจาย หนังสือปากกาบนโต๊ะ บนชั้นวางของพ่อคุณก็กวาดลงพื้น เขาอุ้มเธอไปได้ทั่วทุกมุมห้องแม้แต่บนโต๊ะอาหาร คงจะขาดแค่ระเบียง... ที่ไม่ได้ไป มันต้องมีรสนิยมทา
“พี่เปาอ่ะ... มาบอกรักอะไรแต่เช้า” แก้มขาวนวลร้อนผ่าวขึ้นตามลำดับ ไม่อายก็คงจะแปลก เธอยอมให้เขาจับจูงมืออย่างว่าง่าย มือหนากระตุกมือของเธอเบา ๆ เป็นเชิงว่าขอ...“พี่จะเอาพุดทุกวัน วันไหนไม่ให้... น่าดู”แววตาเป็นประกายบอกว่าเขากลายเป็นพวกเสพติดความหวานไปแล้ว ร่างสูงในเสื้อเชิ้ตเรียบร้อยเดินนำหน้าไปให้คนข้างหลังหลุบตามองแผ่นหลังกว้างด้วยความรู้สึกมากมายหลายอย่างบรรยากาศระหว่างเธอและเขาเปลี่ยนไป... ในทางที่ดีแม้ยังมองไม่เห็นอนาคตชั้นแรกของห้องพัก คอนโดมีเนียมสไตล์บ้านสวนอยู่ติดกับลานจอดรถยนต์กลางแจ้งที่มีต้นไม้ร่มรื่น ห่างไปไม่กี่ก้าวเดินคงจะต้องสวนกับห้องอื่น ๆ เป็นเรื่องธรรมดา มันไม่ธรรมดาตรงสายตาของเพื่อนบ้านวันนี้...ปรายลดาเป็นคนขี้อายอยู่แล้วคงจะหลบหน้าหลบตาผู้คน เธอก้มหน้าก้มตาเดินต่างจากผู้ชายหน้าหนาที่ทำหน้าตาเฉย เปิดประตูรถยนต์ให้เธอแล้วก็เข้าไปนั่งที่ของตัวเองอย่างอารมณ์ดี“พี่ว่า... เรากลับบ้านกันบ้างดีไหม? กำแพงที่นี่มันคงไม่หนาเท่าบ้านหลังที่พี่ออกแบบ ไม่ก็ต้องซื้อคอนโดฯ ที่มันแพง ๆ กว่านี้ เลือกที่เก็บเสียงหน่อย...” เบ้ปากว่าแล้วก็เลิกคิ้วมองคนข้างกายที่จะต้องโวยวายแน่