ร่างสูงในเสื้อผ้าหลุดลุ่ยชุดเดิมยังนั่งอยู่ข้างเตียง หลายชั่วโมงแล้วที่คนป่วยมีอาการระส่ำระส่ายเพราะพิษไข้ เสียงพร่ากระซิบเรียกหาเขาอยู่ซ้ำ ๆ
ใบหน้าสดสวยริมฝีปากอิ่มงามที่เขาเคยหลงใหลบัดนี้ซีดขาวราวกระดาษ กระทั่งเรือนกายซูบผอมจนเห็นกระดูก ตอกย้ำความรู้สึกผิดให้มากขึ้นเป็นเท่าตัว มือของเธอร้อน ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ เพราะยาคงไม่ได้ออกฤทธิ์นานนัก มันเป็นการรักษาที่ปลายเหตุระงับความเจ็บปวดได้ชั่วครั้งชั่วคราว ปรเมษฐ์จินตนาการไม่ออกจริง ๆ ว่าตลอดเวลาที่เขาจากไป เธอมีชีวิตอยู่ยังไง และการที่คนแข็งแรงไม่เคยป่วยอย่างปรายลดาถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อ น่าจะมีสาเหตุมาจากตัวเขาผู้ทำลายภูมิต้านทานของสาวน้อยไม่มีชิ้นดี ป่วยใจมักลามไปถึงกาย... เธอคงจะไม่ได้ดูแลสุขภาพของตัวเองเลย เพราะไม่มีคนชวนไปออกกำลังกาย เข้าฟิตเนส แม้แต่วิ่งในสวนสาธารณะในทุก ๆ เช้าเย็น อาหารการกินคงไม่มีอะไรลงท้องด้วยซ้ำ ถึงได้ผอมเอาๆ ชายหนุ่มคอยเฝ้าเช็ดทั้งใบหน้าและลำคอเปียกชุ่มเหงื่อโทรมกายด้วยผ้าสีขาวในขันน้ำเล็กข้าง ๆ ซึ่งคงจะทำได้เท่านั้น ในเมื่อมีครั้งที่หนึ่งก็ต้องมีครั้งสอง หากได้จับต้องหนึ่งครั้ง มันจะลุกลามไปอย่างรวดเร็วเหมือนไฟลามทุ่ง เขาคงไม่สามารถหักห้ามใจ ไม่ให้ไปต่อ... จากนั้นมันจะจบลงที่สถานที่แสนอ้างว้าง โดดเดี่ยว... นั่นก็คือห้องน้ำ! “พี่... เปา..” เสียงแผ่วเบาราวกระซิบ อาการปวดร้าวระบมศีรษะทำให้เธออยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น ปรายลดาปรือตาขึ้นมองเพดานสีขาว กระพริบตาสองสามครั้ง “พุด.. ไหวไหม? ไปหาหมอนะ เดี๋ยวพี่พาไป” ทั้งน้ำเสียงและแววตาห่วงใย มือหนาวางผ้าลอยน้ำไว้เช่นเดิม “พุดไม่ได้เป็นอะไรมาก..” เธอพูด สบตาคมตรง ๆ ด้วยเหตุผลอะไรไม่รู้ได้ หัวใจของเธอไม่พร้อมที่จะให้เขาเข้ามา และก็จะทิ้งเธอไปอีก “พ่อเลี้ยงกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ บ้านหลังนั้น... พุดจะไม่กลับไป พ่อเลี้ยงอยากมีชีวิตของพ่อเลี้ยงเอง พ่อไปได้เลย ไม่ต้องห่วงพุด พุดกำลังตั้งตัว พุดสบายเมื่อไร พุดจะตอบแทนบุญคุณพ่อเลี้ยงที่ส่งเสียพุดมาจนโต” ‘พ่อเลี้ยง’ ปรายลดาได้ขีดเส้นไว้อย่างชัดเจนแล้ว อีกคนกลับคิดอีกอย่าง เขาได้ทำผิดมหันต์กับการทอดทิ้งผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งไว้ลำพัง ดวงตาแสบร้อนมีหยาดน้ำอุ่นเอ่อคลอขึ้นมา “พี่ไม่ไปไหนแล้วพุด... พุดไม่กลับ พี่ก็จะอยู่กับพุดที่นี่ พี่เก็บเสื้อผ้ามาแล้ว พุดอยู่บ้านพี่มายี่สิบกว่าปี พุดคงไม่ไล่พี่ไปจากบ้านพุดใช่ไหม?” คำพูดของเขากระทบจิตใจแข็งกร้าวจนสั่นสะเทือนเบา ๆ บุญคุณท่วมหัวของเขาคงไม่สามารถที่จะทำให้เธอไล่เขาไปไหนได้ “แม่อนงค์ยังทนพุดไม่ไหว... ถ้าพ่อเลี้ยงทนได้ก็อยู่ไปค่ะ หมอน ผ้าห่มอยู่ในตู้ ไปนอนที่โซฟานะ” ประกายแห่งความหวังเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นในดวงตาคู่สีฟ้าคราม “เรียกพี่เปา... เหมือนเดิมได้ไหม? พุด... เลิกโกรธพี่ได้แล้วนะ” กระแสแห่งความอบอุ่นไหลท่วมหัวใจอ่อนล้าเหนื่อยแรง ดวงตาแดงก่ำเหมือนจะมีน้ำตาไหลซึมออกมาอีกระลอก เสียงโทรศัพท์สั่นดังจากกระเป๋าสะพายผ้าใบโปรดบนโต๊ะหัวเตียงหยุดบรรยากาศอันน่าอึดอัดของคนทั้งคู่ ร่างบางค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงโดยได้รับความช่วยเหลือจากอีกคนที่ขยับหมอนขึ้นรองหลังให้ ก่อนที่เธอจะเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า ปลายสายคือเจ้าของรูปภาพของดอกเดซี่ อันหมายถึงความรักบริสุทธิ์ ไร้เดียงสา เธอมองมันครู่เดียวก็รีบรับ “ว่าไงคะ? พี่ธาม...” [พุดเป็นไงบ้าง ปริมบอกพี่ว่าเราไม่สบาย] น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยกรอกมาตามสาย ดวงตาคู่สวยกลอกไปมา ใช้ความคิดว่าควรตอบอย่างไรดี เมื่อสีหน้าของคนข้างกายบอกว่าเขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก ยังพยายามที่จะเข้ามาใกล้ ๆ เพื่อพยายามเงี่ยหูฟัง “พุดกินยาแล้ว... ตอนเช้าพุดโทรหาอีกทีนะ” [ให้พี่ไปรับนะ พุดแชร์โลเคชั่นมาให้พี่หน่อยสิ] “คือ... พุดไปกับปริมดีกว่า ค่อยเจอกันที่มอนะพี่ธาม แค่นี้ก่อนนะคะ” ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องรีบวางสายเลย ปรายลดาทำตัวเหมือนเด็กน้อยทำความผิด ทั้งที่เคยคุยโทรศัพท์กับธามไทได้เป็นชั่วโมง ๆ เธอสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิต เมื่อเงยหน้าขึ้นจากจอสี่เหลี่ยมในมือ ดวงตาคุโชนด้วยไฟโทสะยังคงจ้องเขม็งมายังเธอ “พุดคุยกับใคร?” “เพื่อนพุดค่ะ ไว้พุดจะพามาแนะนำให้รู้จัก แม่อนงค์เคยเจอพี่ธามแล้ว ตอนพี่เปาไม่อยู่” ‘ไม่อยู่’ คำสั้น ๆ ช่วงเวลาสั้น ๆ สำหรับเขาที่เกือบจะฆ่าเธอให้ตาย ก้อนแข็งจุกตันคอขึ้นอีกคราวที่เธอทิ้งตัวลงปิดกระบอกตาร้อนผ่าวเพื่อข่มตานอน เขานั่งอยู่ข้าง ๆ เธอใกล้เพียงเอื้อมมือ โดยไม่พูดอะไรสักคำหลังจากนั้น ปรเมษฐ์รู้สึกผิดที่ทำร้ายเธอมากพอ ๆ กับความโกรธที่มีเพราะแรงริษยา ใบหน้าหล่อเหลาปรากฎแววเหี้ยมโหดที่ไม่ได้เห็นมานานนับปี ไม่มีวันซะหรอก! ถ้าลูกพุทราที่เข้าเฝ้าทะนุถนอมมาแต่เล็กจนโตจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตน คงจะต้องข้ามศพพ่อเลี้ยงอย่างเขาก่อนปรายลดาเป็นเด็กกตัญญูรู้คุณต่อผู้มีพระคุณเสมอ แม้ยังมีความรู้สึกขุ่นเคืองใจพ่อเลี้ยงอยู่ เธอเคยทำหน้าที่ดูแลเขาอย่างไร ยังทำเหมือนเดิมไม่มีขาดตกบกพร่องแต่เช้ามาไข้ที่ลดลงมากแล้วทำให้พอลุกไหว เธอจึงเข้าครัวไปทำอาหารง่าย ๆ เอาเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าเดินทางของเขาใส่ไม้แขวนไว้อีกฝั่งถัดจากเสื้อผ้าของเธอ ของใช้ผู้ชายก็นำไปไว้ในห้องน้ำ วางข้าวต้มลงบนโต๊ะแล้วครอบฝาไว้การกระทำทุกย่างก้าวอยู่ในแววตาคู่คมเข้มประกายจรัสคู่หนึ่งของคนที่นอนเหยียดกายอยู่บนโซฟาในชุดทำงานชุดเดิมของเมื่อวานความร้อนรุ่มในเรือนกายชายแกร่งสะสมมาร่วมสองเดือน กับการที่เขาต้องไปอยู่คนเดียวลำพัง ไกลถึงเกาะสวรรค์อย่างปาลาวัน ประเทศฟิลิปปินส์ มันเหมือนน้ำเดือด ๆ ในกระติกน้ำร้อนที่ใส่น้ำเยอะเกินไปมันอาจจะระเบิด... หรือเครื่องพังตอนไหนก็ได้ปรเมษฐ์คิดว่าเธอน่าจะรู้...จากขอบตาแดงช้ำใต้ดวงตาคู่สวยที่ยังคงลอบมองโซฟาหน้าโทรทัศน์จอแอลซีดีอยู่บ่อย ๆ ไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวเสือโหย ดูท่าทางว่าจะอยากเป็นอาหารเสืออีกต่างหากร่างบางในชุดนักศึกษาค่อย ๆ นั่งลงบนโซฟาข้างคนที่นอนขี้เกียจอยู่กับผ้านวมหนา “พี่เปาจะกินข้าวเลยไหม? จะกินน้ำอะไร พุ
ในทุก ๆ วันศุกร์เป็นวันที่นักศึกษาการตลาดระดับชั้นปีที่สามเรียนเสร็จในช่วงบ่าย อาการร้อนรนก้นไหม้นั่งไม่ติดเก้าอี้ทำให้ปรเมษฐ์ต้องบึ่งรถยนต์คู่ใจจากคอนโดมีเนียม มาจอดรออยู่ข้างตึกคณะก่อนเวลาเลิกเรียน หลังจากที่เขาได้โทรไปถามนัชชาว่าเธอกำลังรับประทานยาอะไรกันแน่กว่าจะเค้นคอเอาความจริงมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยความที่นัชชาปกปิดความลับนี้ให้เพื่อนมานาน หล่อนระเบิดอารมณ์ใส่ตัวต้นเหตุอย่างเขา จึงค่อยยอมบอกว่าปรายลดาเป็นโรคเครียดสะสม ร้องไห้อยู่บ่อย ๆ จนต้องรับประทานยาระงับประสาท และยาต้านซึมเศร้า...ก็คงจะเป็นโชคดีที่แม่ม่ายผัวตายไม่ตัดสินใจคล้องคอบนขื่อบ้านอย่างที่แม่อนงค์บอก เขายังเผลอดีใจไปว่าเธอขาดเขาไม่ได้ กระทั่งพบว่าเหตุผลทั้งหมดมันหักลบกลบกันไม่มีเหลือท่าทางกระหนุงกระหนิง หัวเราะคิกคักของสองหนุ่มสาวที่เดินเคียงข้างกันมาถึงหน้ารั้วมหาวิทยาลัยพาเปลวโทสะในดวงตาคู่คมลุกโชน ปรเมษฐ์กระโจนกายออกจากรถยนต์ที่จอดรออยู่หลายนาน มือกระแทกประตูรถยนต์ให้ปิดลงจนเกิดเสียงดัง ไปหยุดยืนอยู่ข้างหน้าคนทั้งสอง“สวัสดีครับ คุณพ่อ” นักศึกษาหนุ่มสูงยาวเข่าดีหน้าตาหล่อเหลาเอาการยกมือไหว้เขาในทันที ขณะที
ข้าวปั้นปลาดิบและอาหารมากมายบนโต๊ะไม่มีอะไรพร่องไปจากจานเลยสักอย่าง ธามไทนั้นไม่พอใจเป็นอย่างมาก พยายามจะตามไปแต่ก็ไม่ทัน เขายังไม่รู้ว่าแฟนสาวของตัวเองพักอยู่ที่ไหน ขณะที่ปรเมษฐ์สั่งพนักงานให้ห่ออาหาร ออกจากร้านอาหารไปด้วยท่าทางสบายใจ จนกระทั่งมาถึงห้องแล้วพบว่านัชชาแวะมาปรกติสองคนนี้เจอกันแทบทุกวัน เรียนที่เดียวกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด เขาถึงได้ตัดสินใจหนีปัญหาหัวใจ ไปทำงานไกลถึงต่างประเทศ เพราะคิดว่าหญิงสาวยังมีเพื่อนรักและแม่อนงค์ โดยไม่ได้รู้มาก่อนเลยว่า...ปรายลดากลัวการถูกทอดทิ้ง โดยเฉพาะจากพ่อเลี้ยงที่เธอรักมาตลอด เธอจึงเริ่มป่วย เหมือนคราวที่เขาจากไปคราวก่อนโรคซึมเศร้าเป็นปัญหาสภาวะสังคมในปัจจุบัน ผู้ป่วยจะเป็นโรคซึมเศร้าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมค่อนข้างมาก อารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด พฤติกรรม ร่างกายอ่อนแอลงในลำดับต่อมาสมัยมัธยมต้นครั้งหนึ่ง และมัธยมปลายอีกครั้ง ปรายลดามีผลการเรียนอยู่ในระดับตกต่ำจนเกือบต้องซ้ำชั้น หากไม่ได้เพื่อนรักอย่างนัชชาคอยช่วยเหลือ พาไปพบจิตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ และรับประทานยา ยังช่วยสะสางงาน กระตุ้นให้ทำงานส่งอาจารย์ให้ครบ ปรายลดาจึงก้าวผ่าวช่วงเวลา
“พี่จะนอนกับพุดทุกวัน” ปลายเสียงแอบแฝงความเจ้าเล่ห์ ปลายเท้าหนาที่ยังสวมถุงเท้าอยู่ก้าวไป หยุดยืนมองมือเรียวซึ่งคว้ารองเท้าสกปรกของเขาได้คู่หนึ่ง ปรายลดาไม่ใช่เด็กสาววัยใสอีกต่อไป... เธอพอจะรู้ และก็ค้างคาใจ “คือ... พุดไม่อยากให้พี่ธามเสียใจ เขาดีกับพุด คอยให้กำลังใจพุดตลอด พุดไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่เปาจะทิ้งพุดไปอีกเมื่อไร” ‘เขาดีกับพุด’ แววตาคู่คมทอประกายวูบไหวดุจเปลวไฟ เขาโกรธพอ ๆ กับที่เจ็บปวด ทว่าสติที่อยู่ครบถ้วนดีบอกว่าเขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง ขณะยืนดูหญิงสาวขัดรองเท้าสีดำเปรอะเปื้อนให้เงามัน... “เมื่อคืนนี้พี่นอนอยู่ที่โซฟา พี่รู้สึกเหมือนมีคนเดินผ่านไปผ่านมาในห้อง พุด... ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ?” “รู้สึกอะไร? ไม่เห็นจะมีอะไรนี่” เอ่ยเนือย ๆ แล้วเธอก็จัดการรองเท้าหนังราคาแพงจนใหม่เอี่ยมสะอาดในระดับที่พึงพอใจ วางไว้ให้เรียบร้อยดี “พี่เคยได้ยินเรื่องคอนโดฯ มือสอง ฆ่ายกครัว ผูกคอตาย... ทาสีใหม่ ใส่เฟอร์สวย ๆ ขายราคาถูก แป้บเดียวมีคนมาซื้อละ ลูกค้าประจำของพี่ประมูลบ้าน ที่ดิน คอนโดฯ มือสองมาโมใหม่แล้วขายต่อ พุดรู้หรือเปล่า? ห้องสวย ๆ มันราคาถูกเพราะว่าเคยมีคนตาย” “พี่เปา... พูดอะไร
รายการสุดสยองในคืนวันศุกร์... สยองสมชื่อรายการ หลังจากที่ยื้อแย่งกันอยู่ว่าจะดูรายการตลกหรือรายการผี คนที่มีกำลังมากกว่าได้ครอบครองรีโมทก็ดื้อดึงกดเปลี่ยนมันกลับมาอย่างไม่น่ารักเอาเสียเลยปรเมษฐ์กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะไปจับหนูในห้องน้ำให้ดี ๆ หรือปล่อยให้เธอกลัวอยู่เรื่อย ๆเมื่อเสียงโครมครามดังมาจากห้องน้ำอยู่หลายระลอก ตามด้วยแรงสะดุ้งที่ทำให้ตาคมต้องเหลือบมองเสื้อสีขาวสะอาดเปรอะเปื้อนน้ำส้มอยู่เป็นหยดหย่อม เรียวแขนทั้งสองกอดรัดลำแขนแกร่ง ถูไปถูมาแต่ละที! หนุ่มวัยสี่สิบสองปีผู้ถือศีลอดมานานได้แต่อดทน อดกลั้น...ยุบหนอ พองหนอ... มันก็ยุบยวบ พองขึ้นตามระดับสายตาที่แอบลอบมองอยู่เรื่อย ๆจินตนาการไปถึงไหนต่อไหนว่าข้างในเรือนกายนุ่มนิ่มกลิ่นหอมจะมีอะไรแอบซ่อนอยู่ ผิวขาวละเอียดนุ่มติดมือเหมือนก้นเด็กน้อยนั้นปั่นป่วนประสาทได้แค่ไหนไม่น่าไหว... และก็ไม่น่าจะดีแน่ ๆ“อืม... พี่ว่าพุดหายกลัว... ก็ไป... อาบน้ำได้แล้วนะ”“พี่เปาบอกจะไปจับหนูในห้องน้ำให้พุดไง... ไปจับเลยนะ ถ้ามันมีหนูพุดจะอาบน้ำได้ยังไง” บ่นอุบอิบ ใบหน้าร้อนผ่าวยิ่งซุกซบวงแขนเป็นล่ำสัน และเธอก็คงจะไม่เลิกราเพราะชอบมันเป็นที่สุด ถึง
“ไปไกล ๆ เลยนะ พุดจะนอนแล้ว พรุ่งนี้มีเรียน” แล้วเธอก็ทิ้งตัวลงนอน ไม่ลืมบอก “ไม่ต้องปิดไฟนะ”ปรเมษฐ์ถือว่าเขาได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของแผ่นหลังบางที่จงใจนอนหันก้นให้จึงแค่นยิ้ม แทรกกายเข้าซุกในผ้านวมหนาข้าง ๆ กัน วางงานของเธอไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง นอนแหงนหน้ามองไปที่เพดานสีขาว“พุด... ไว้ตอนซัมเมอร์ พี่จะพาไปเที่ยวทะเลสวย ๆ เราไปกันสองคนดีไหม?” ไม่รู้อะไรที่ทำให้เขาพูดมันขึ้นมา ขณะที่มือของเธอกำผ้าปูที่นอนไว้แน่นเพราะความประหม่า... ตื่นเต้น.. อา.. นั่นสิ เธอเคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อน“พุดว่าไปหลายคนสนุกกว่า”“แน่ใจนะว่าพุดไม่เป็นไร ถ้าไปกันหมด พี่ปองไม่ได้ทำให้เราอึดอัดใช่มั้ย?”ครอบครัวของเขาไปเที่ยวกันปีละครั้ง ปองกานต์ชอบที่จะพาผู้หญิงไปด้วย ก็นอนรวม ๆ กันเป็นบ้านหลังใหญ่ เป็นบังกะโลแล้วแต่โอกาส“พ่อไม่สนใจพุดอยู่แล้วนี่ พุดไม่ใช่ลูกพ่อปอง... พุดเป็นลูกพ่อเลี้ยงไง ฮะ ๆ” หัวเราะเจื่อน ๆ กระชับผ้าขึ้นซุกตัวอย่างรันทดใจ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อกับแม่ทะเลาะเรื่องอะไรกัน แม่ของเธอไม่อยู่แล้วและผู้ชายคนนั้นก็ไม่เคยจะเหลียวแลเธอตั้งแต่ที่รู้ว่าไม่ใช่พ่อ“พี่ไม่ได้อยู่กับเราตลอดซะหน่อย ถ้า
นัยน์ตาคู่กลมโตประกายวาววับมองตามแก้มสากของคนที่ค่อย ๆ ผละออกจากข้างหู คำขอแกมบังคับพาหัวใจดวงน้อยเต้นระรัวดังกลองวันกีฬาสี แต่เพียงไม่นานเปลือกตาขาวพริ้มปิดลง สองมือโอบรอบคอดึงผู้ชายตัวโตมาประกบริมฝีปากมันเป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ และไม่ต้องคิดอะไรมาก ในเมื่อทุกสี่ห้องหัวใจเธอเป็นของเขามาโดยตลอดชายหนุ่มเฝ้ารอเวลานี้มานาน สองเต้าเต่งตึงแต่งแต้มสีชมพูหวานตำตาเมื่อครู่ยังอยู่ในหัวสมอง จนต้องพามือหนาบีบเคล้น กระตุ้นปลายยอดแหลมมนจนได้ยินเสียงครางหวานหลุดรอดตามมาปากของลูกพุทราหวาน... นุ่มละมุนเสียจนไม่รู้ว่าเขาอดทนรอมาถึงวันนี้ได้ยังไงไหว น้ำลายยังกลายเป็นของเอร็ดอร่อยอย่างไม่เคยที่เขาจะคิดอยากดูดกลืนอะไรได้เท่านี้ความอดทนของชายผู้ห่างเหินความหอมหวานมาไม่รู้กี่ปีจึงสิ้นสุดลง จูบไม่ประสีประสาแทนที่ด้วยจูบแสนวาบหวาม ปลายลิ้นหนากระหวัดเกี่ยวเลาะไปตามไรฟันขาว พาลิ้นน้อยออกมาชิมชมอย่างหิวกระหาย เท่าไรที่พร่ำสอนไป หญิงสาวจะโต้ตอบกลับมาในแบบเดียวกันตามสัญชาติญาณฝ่ามืออุ่นร้อนเริ่มที่จะลากไล้ไปตามผิวเนียนละเอียดตามใจต้องการ ร่างบางสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์กาย ยิ่งเรือนร่างเปลือยเปล่าของเธอที
“พี่เปา... ทำอะไรพุด?” เธอถาม ยังคงหอบหายใจด้วยท่าทางเอียงอาย อันเนื่องมาจากประสบการณ์ครั้งแรกที่เพิ่งเคยได้รับรู้ว่ามีเรื่องพรรค์นี้อยู่บนโลกปริมเพิ่งบอกเธอ... ว่ามันจะเกิดอะไร หากพ่อเลี้ยงรุกหนักอย่างไม่มีวี่แววว่าจะหยุด ทว่าทุกอย่างก็สายเกิน เธอคงไม่ต้องการคำปรึกษาทางทฤษฎีอีก เพราะมันไม่ละเอียดยิบ! เหมือนได้สัมผัสด้วยตัวเอง“ทำเมียไงครับ พี่ชอบกินพุทรา... พุทราของพี่สวยขนาดนี้...” เขายิ้ม อดทนทรมานเพื่อที่จะให้เธอมีความสุข แล้วก็สร้างความอับอายให้เธออีก เลื่อนใบหน้าลงซุกซบอกสาวเข้าครอบครองอย่างหิวกระหาย“อ๊ะ...!” ร่างบางแอ่นรับปากร้อนรัดกายราวกับว่าเขาต้องการดูดกลืนทุกสิ่งไปจากเธอ ตะกละตะกลามแต่ยังแอบแฝงความนุ่มนวลไว้ด้วยการดุนปลายลิ้นอยู่บ่อย ๆ ร่างบางบิดเร่า ๆ เพราะความซ่านสยิวปรเมษฐ์ทำทุกอย่างตามใจอยาก เขาเพิ่งรู้ตัวว่าต้องการผู้หญิงคนนี้มาตลอดอย่างไม่มีใครมาแทนที่ แต่พอได้ครอบครอง ไม่ว่าจะดื่มด่ำความหวานอร่อยสักเท่าไร เขาคงไม่มีวันอิ่ม และคงเหลือความอดทนไม่มาก...เต้าเต่งตึงเต็มมือเต็มปากที่ดูดเม้มบ้างสะกิดเลีย เขารับรู้ได้ถึงความหวาน ทว่าการเล้าโลมอีกฝ่ายอยู่อย่างนี้สร้างควา