“พี่เปา... ทำอะไรพุด?” เธอถาม ยังคงหอบหายใจด้วยท่าทางเอียงอาย อันเนื่องมาจากประสบการณ์ครั้งแรกที่เพิ่งเคยได้รับรู้ว่ามีเรื่องพรรค์นี้อยู่บนโลกปริมเพิ่งบอกเธอ... ว่ามันจะเกิดอะไร หากพ่อเลี้ยงรุกหนักอย่างไม่มีวี่แววว่าจะหยุด ทว่าทุกอย่างก็สายเกิน เธอคงไม่ต้องการคำปรึกษาทางทฤษฎีอีก เพราะมันไม่ละเอียดยิบ! เหมือนได้สัมผัสด้วยตัวเอง“ทำเมียไงครับ พี่ชอบกินพุทรา... พุทราของพี่สวยขนาดนี้...” เขายิ้ม อดทนทรมานเพื่อที่จะให้เธอมีความสุข แล้วก็สร้างความอับอายให้เธออีก เลื่อนใบหน้าลงซุกซบอกสาวเข้าครอบครองอย่างหิวกระหาย“อ๊ะ...!” ร่างบางแอ่นรับปากร้อนรัดกายราวกับว่าเขาต้องการดูดกลืนทุกสิ่งไปจากเธอ ตะกละตะกลามแต่ยังแอบแฝงความนุ่มนวลไว้ด้วยการดุนปลายลิ้นอยู่บ่อย ๆ ร่างบางบิดเร่า ๆ เพราะความซ่านสยิวปรเมษฐ์ทำทุกอย่างตามใจอยาก เขาเพิ่งรู้ตัวว่าต้องการผู้หญิงคนนี้มาตลอดอย่างไม่มีใครมาแทนที่ แต่พอได้ครอบครอง ไม่ว่าจะดื่มด่ำความหวานอร่อยสักเท่าไร เขาคงไม่มีวันอิ่ม และคงเหลือความอดทนไม่มาก...เต้าเต่งตึงเต็มมือเต็มปากที่ดูดเม้มบ้างสะกิดเลีย เขารับรู้ได้ถึงความหวาน ทว่าการเล้าโลมอีกฝ่ายอยู่อย่างนี้สร้างควา
เสียงนาฬิกาปลุกดังเตือนถี่หลายสิบนาที... ในอุณหภูมิห้องเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศที่ทำให้เรือนร่างงามต้องคลอเคลียแผงอกกว้างอยู่พอประมาณอย่างเกียจคร้าน ก่อนที่เธอจะค่อย ๆ ปรือเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นมองเจ้าของท่อนแขนอุ่น พลิกตัวหันกลับไปมองนาฬิกาบนฝาผนัง “สิบโมง!” โวยวายหน้าตื่นตะลึง ปรายลดาคว้าชุดกระโปรงนอนสีหวานที่กองอยู่บนพื้น ใช้เป็นที่กำบังกายพรวดพราดเข้าห้องน้ำไป แม้แต่ละย่างก้าวจะสะท้านสะเทือนจนต้องห่อริมฝีปากเพราะความเจ็บร้าวระบม ความเป็นคนขี้ลืมยังทำให้เธอวิ่งมาปิดเสียงหนวกหูน่ารำคาญก่อนแล้วเข้าไปใหม่ เธออาบน้ำอย่างรวดเร็วที่สุด อดไม่ได้ที่จะนึกโมโหหนุ่มวัยสี่สิบสองปีที่ทำตัวเป็นเด็กวัยรุ่น ความเร่าร้อนจัดจ้านของเขายังไม่ได้หยุดแค่เตียงนอน ห้องสี่เหลี่ยมที่จัดสรรสัดส่วนเป็นอย่างดีตอนนี้กลายเป็นว่าเล็กแคบลง จากทุกท่วงท่าอารมณ์หนักหน่วงครบถ้วนทุกกระบวนท่าบนเตียงร้อนลุกเป็นไฟ! เสื้อผ้าในตู้ที่พับวางไว้เรียบร้อยถูกรื้อออกมากระจัดกระจาย หนังสือปากกาบนโต๊ะ บนชั้นวางของพ่อคุณก็กวาดลงพื้น เขาอุ้มเธอไปได้ทั่วทุกมุมห้องแม้แต่บนโต๊ะอาหาร คงจะขาดแค่ระเบียง... ที่ไม่ได้ไป มันต้องมีรสนิยมทา
“พี่เปาอ่ะ... มาบอกรักอะไรแต่เช้า” แก้มขาวนวลร้อนผ่าวขึ้นตามลำดับ ไม่อายก็คงจะแปลก เธอยอมให้เขาจับจูงมืออย่างว่าง่าย มือหนากระตุกมือของเธอเบา ๆ เป็นเชิงว่าขอ...“พี่จะเอาพุดทุกวัน วันไหนไม่ให้... น่าดู”แววตาเป็นประกายบอกว่าเขากลายเป็นพวกเสพติดความหวานไปแล้ว ร่างสูงในเสื้อเชิ้ตเรียบร้อยเดินนำหน้าไปให้คนข้างหลังหลุบตามองแผ่นหลังกว้างด้วยความรู้สึกมากมายหลายอย่างบรรยากาศระหว่างเธอและเขาเปลี่ยนไป... ในทางที่ดีแม้ยังมองไม่เห็นอนาคตชั้นแรกของห้องพัก คอนโดมีเนียมสไตล์บ้านสวนอยู่ติดกับลานจอดรถยนต์กลางแจ้งที่มีต้นไม้ร่มรื่น ห่างไปไม่กี่ก้าวเดินคงจะต้องสวนกับห้องอื่น ๆ เป็นเรื่องธรรมดา มันไม่ธรรมดาตรงสายตาของเพื่อนบ้านวันนี้...ปรายลดาเป็นคนขี้อายอยู่แล้วคงจะหลบหน้าหลบตาผู้คน เธอก้มหน้าก้มตาเดินต่างจากผู้ชายหน้าหนาที่ทำหน้าตาเฉย เปิดประตูรถยนต์ให้เธอแล้วก็เข้าไปนั่งที่ของตัวเองอย่างอารมณ์ดี“พี่ว่า... เรากลับบ้านกันบ้างดีไหม? กำแพงที่นี่มันคงไม่หนาเท่าบ้านหลังที่พี่ออกแบบ ไม่ก็ต้องซื้อคอนโดฯ ที่มันแพง ๆ กว่านี้ เลือกที่เก็บเสียงหน่อย...” เบ้ปากว่าแล้วก็เลิกคิ้วมองคนข้างกายที่จะต้องโวยวายแน่
“แม่ไม่ใช่แม่แท้ๆ ของพุดนะ แม่เป็นแม่ของเปา... พ่อเลี้ยงพุด เคยเจอกันแล้วใช่ไหม?” อนงค์ได้ยินมาจากชายหนุ่มที่เล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ในห้องรับแขกกว้างขวางของบ้านหลังใหญ่ธามไทตั้งใจเดินทางมาถามความจริง เพราะมันเป็นสถานที่ ๆ เดียวที่ปรายลดาเคยพามาไหว้ผู้ใหญ่ เขาคงได้แต่หวังว่าจะได้ข่าวคราวของเธอบ้างหลายวันมานี้เธอบล็อกไลน์ บล็อกเฟซ ปิดเครื่องเปลี่ยนเบอร์หนีไปเสียอย่างนั้น ไปตามหาตัวที่คณะก็ไม่เจอทั้งที่เคยส่งเสียงหัวเราะมาตามสายพูดคุยเรื่องสนุก ๆ ทุกคืน ไปรับไปส่งกันตลอดในความสัมพันธ์ที่ไม่มีใครพูดอะไร นอกจากความรู้สึกดี ๆ ผ่านแววตาเศร้าหมองของหญิงสาวที่ดูมีชีวิตชีวิตขึ้นตอนอยู่กับเขา“แล้ว... ตกลงทั้งสองคนเป็นอะไรกันครับ? ปริมบอกผมว่าพ่อเลี้ยงเลี้ยงพุดมา แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน”“ตาเปา ลูกชายแม่เป็นน้องชายของพ่อเลี้ยงพุด ก็เป็นอานั่นแหละจ๊ะ เขาเรียกกันแบบนั้น ‘พี่’ ‘พ่อเลี้ยง’ จะให้เรียกอาเลี้ยง มันยังไง ๆ” ในความเข้าใจของอนงค์คือเด็กหญิงพุทราแยกไม่ออกระหว่างพ่อกับอาคืออะไรกันแน่ เมื่อการกระทำของคนทั้งสองสวนทางกัน หล่อนยังเป็นคนบอกเองว่าอาเลี้ยงมันไม่มี...ก็เรียกกันแบบนั้นมาตล
“ไปสิ อาจารย์ให้พี่จัดบูธเอกับน้อง ๆ ปีสาม แกจัดล็อคเอาไว้แล้ว”ธามไทกำลังพูดกับเพื่อนของปรายลดาแต่กลับมองตรงไปที่ใบหน้าสดสวย เธอมีแววตาและท่าทีแตกต่างไปจากคนเมื่อหลายวันก่อน ดูไร้เยื่อใยราวกับเป็นคนละคน“พุดขอโทษนะพี่ธาม... คือ...”“ถ้าเป็นเพื่อนกันก็คุยได้ พี่ให้เวลาทำรายงานสองชั่วโมง... พอไหม?” เสียงเข้มขัดหลังจากที่จอดรถยนต์เรียบร้อยจึงตามมาทีหลัง ปรเมษฐ์ไปรับลูกเลี้ยงด้วยตัวเองยังอาสาพาเพื่อนนักศึกษาที่บอกว่าจะมาทำรายงานด้วยกันกลับมาด้วย“พอค่ะ...”“พี่ไม่อนุญาตให้มีแฟนเข้าใจนะ?” นั่นนับว่าเขาให้เกียรติหญิงสาวในความดูแลมาก ๆ แล้ว ตอนนี้เธอยังอยู่ในสถานะที่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง...ปรเมษฐ์มองคนทั้งสองด้วยสีหน้าไม่พอใจ สะกดกลั้นอารมณ์เดือดพล่านเอาไว้เพื่อเดินปึงปังขึ้นห้องไป“พ่อเลี้ยงแกดุอ่า... เมื่อกี้ยังยิ้มหวานอยู่เลย”“พี่เปาแกเป็นแบบนี้แหละ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย บางวันดีก็ดี เวลาหงุดหงิดที... อืม” เธอเงียบไปเพราะไม่อยากนินทาผู้มีพระคุณว่าเขาน่ะเหมือนคนวัยทอง! เขาเพิ่งจะพูดจาดีกับเธอและเพื่อนในรถยนต์แต่เปลี่ยนไปเป็นคนละคนพอถึงบ้าน“แกได้ไปช่วยแม่อนงค์เลี้ยงหลานบ้างป่ะ อ
ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงแค่ไหนเพราะความหึงหวง ปรเมษฐ์ก็พยายามที่จะเป็นผู้ใหญ่ พอวางร่างบางลงบนเตียง และเห็นว่าเธอกำลังป่าวประท้วงเขาทางสายตา เขาจำเป็นต้องตักเตือน“พุดทำไมไม่ระวังตัว ปล่อยให้ผู้ชายมานั่งใกล้ๆ มาถูกเนื้อต้องตัว แทบจะสิงกันเข้าไปในบ้านพี่ แม่อนงค์ไม่เคยสอนหรือยังไง?” ตะคอกด้วยเสียงโกรธขึ้งออกมาเบาๆ ก่อนที่เขาจะกักเก็บความรู้สึกทั้งหมดไว้ในเสียงสั่นๆ “พุดไม่ให้เกียรติพี่เลย...”ดวงตาคู่สีฟ้าครามวูบไหวทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ออก เวลาพ่อเลี้ยงดุหรือแม้แต่แม่อนงค์เองก็ตาม ปรายลดาไม่เคยเถียงผู้ใหญ่“ถ้าพี่มีแฟน พี่ไม่บอกเลิกแฟนพี่ พี่มาทำเรื่องแบบนี้กับพุด พุดจะรู้สึกยังไง?”ความอ่อนน้อมถ่อมตนของเธอยังคงอยู่ในการกระทำ ยกฝ่ามือทั้งสองขึ้นประนมแนบอก และน้ำเสียงว่าสำนึกผิด “พุดขอโทษค่ะ คราวหน้าพุดจะระวัง”“ไหว้ทำไม.. พุดยกมือไหว้พี่ทำไม...? พี่ไม่ใช่พ่อเลี้ยงพุดแล้ว!” เสียงตวาดพาร่างบางสะดุ้งเฮือก น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเสียใจ เขาไม่รู้ว่าดังไปถึงไหน แต่พอรู้ว่าตัวเองยืนในห้องนี้ต่อไปไม่ไหว สองขาไร้เรี่ยวแรงกลับก้าววิ่งออกไปปรเมษฐ์ไม่ได้เป็นคนเอาแต่ใจอย่างเดียว
“ขึ้นมาเลยห้องวีแปด มาไม่ถูกถามรีเซฟชั่นหรือมาม่าเอานะ...” เมธพนธ์ส่ายหน้าไปมาอย่างเซ็ง ๆ เพราะไม่อยากให้เพื่อนกลับก่อนปรายลดารู้จักเพื่อนของพ่อเลี้ยงทุกคน ยังรู้ว่าผู้ชายชอบไปเที่ยวที่ไหนกันคลับละแวกนี้เปิดตั้งแต่หนึ่งทุ่ม ปิดในเวลาตีสองกว่า เธอสามารถที่จะนั่งเล่นร้านอาหารญี่ปุ่นในบิ๊กซีฝั่งตรงข้าม ไปดูหนังตรงสี่แยกเอกมัยแล้วกลับมาวนเวียนอยู่แถวร้านข้าวต้มโต้รุ่งเพื่อรอ ตีสองตีสามเธอก็รอพ่อเลี้ยงได้ นาน ๆ ครั้งเขาจะเมาจนหลับคาที่จนเธอต้องมาช่วยแบกกลับบ้าน“ปรกติก็รออยู่แถว ๆ นี้ วันนี้นึกครึ้มอะไร ตามถึงที่...” เมธพนธ์บ่น“ตามขนาดนี้ ลูกเลี้ยงหรือเมียวะ?”คนได้ยินถึงกับสำลักน้ำในแก้วที่ไหลผ่านลำคอแห้งผาก กลอกตาซ้ายขวาเหมือนว่ามีความลับบางอย่าง ซึ่งไม่เคยปิดบังอะไรได้จากสายตาอันแหลมคมของจอมพลที่หรี่ตาเล็กลงจนเหยียดตรง“กูว่าท่าทางไอ้เปามันแปลก มันต้องมีเรื่องอะไรที่ไม่บอกเราสองคนแน่”“อืม... กูว่าน่าจะใช่” เมธพนธ์เออออตาม ยกแก้วตาม หมดแล้วก็มีน้อง ๆ คอยบริการชงเหล้าให้เป็นอย่างดี ในช่วงหัวค่ำที่ลูกค้ายังไม่มากนัก มาม่าซังสาวใหญ่ เซลล์ขายเหล้าคอยอยู่เอาใจ รินเหล้าให้พวกเขาด้วยประตูท
“พุด... ไม่ค่อยสบาย... ค่ะ พุดขอตัวก่อน พี่ ๆ อยู่กันตามสบายนะคะ” เธอตอบแล้วยิ้มกลบเกลื่อน “เจอกันที่บ้านนะพี่เปา...”ปลายเสียงหยุดลงตรงชายหนุ่มที่อ่านความรู้สึกผ่านสีหน้าของปรายลดาออกได้ไม่ยาก เขารู้สึกผิดต่อเธอในหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องของปิ่นแก้วในอดีต มือหนายังกุมมือน้อยไว้แน่น สั่งด้วยน้ำเสียงวางอำนาจ“พี่ไม่ให้ไป...”แววตาคู่สวยวูบไหวในวินาทีนั้น ขณะที่หญิงสาวอีกคนสงสัยว่าทำไมปรเมษฐ์จึงมีท่าทีแปลกไป ช่วงที่เขาทำงานในไทย ลูกเลี้ยงมารอเขากินเหล้าไม่รู้กี่ชั่วโมง เขาก็สนใจบ้างไม่สนบ้างแล้วแต่อารมณ์หล่อนนั่งอยู่ข้างปรายลดา ชะโงกหน้าไปบ่นว่า “แกน่ะ อยู่คุยกับฉันก่อนเลย ทำไมทิ้งงานมา ฉันต้องทำให้แกตั้งหลายอย่าง ยุ่งเป็นบ้า”“ฉันพาพุดไปส่งบ้านก่อน เหล้ากินเมื่อไรก็ได้ คุยกับแกก็คุยเมื่อไรก็ได้เหมือนกัน” ในถ้อยคำขาด ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนสุดความสูงโดยไม่ปล่อยมือคนตัวเล็ก ที่บอกว่าจะเปิดเหล้าหนึ่งขวดก็ไม่ได้ลืม“เดี๋ยวโอนเงินค่าเหล้าให้นะ ไปก่อน”“อ้าว... ฉันเพิ่งมาถึงเองนะ คนอุตส่าห์มารับ” สาววัยสี่สิบบ่นอุบอิบ เมธพนธ์ จอมพลและเหล่าสาวน้อยใหญ่ก็ไม่อยากให้รีบกลับชายหนุ่มไหวไห