“ขึ้นมาเลยห้องวีแปด มาไม่ถูกถามรีเซฟชั่นหรือมาม่าเอานะ...” เมธพนธ์ส่ายหน้าไปมาอย่างเซ็ง ๆ เพราะไม่อยากให้เพื่อนกลับก่อนปรายลดารู้จักเพื่อนของพ่อเลี้ยงทุกคน ยังรู้ว่าผู้ชายชอบไปเที่ยวที่ไหนกันคลับละแวกนี้เปิดตั้งแต่หนึ่งทุ่ม ปิดในเวลาตีสองกว่า เธอสามารถที่จะนั่งเล่นร้านอาหารญี่ปุ่นในบิ๊กซีฝั่งตรงข้าม ไปดูหนังตรงสี่แยกเอกมัยแล้วกลับมาวนเวียนอยู่แถวร้านข้าวต้มโต้รุ่งเพื่อรอ ตีสองตีสามเธอก็รอพ่อเลี้ยงได้ นาน ๆ ครั้งเขาจะเมาจนหลับคาที่จนเธอต้องมาช่วยแบกกลับบ้าน“ปรกติก็รออยู่แถว ๆ นี้ วันนี้นึกครึ้มอะไร ตามถึงที่...” เมธพนธ์บ่น“ตามขนาดนี้ ลูกเลี้ยงหรือเมียวะ?”คนได้ยินถึงกับสำลักน้ำในแก้วที่ไหลผ่านลำคอแห้งผาก กลอกตาซ้ายขวาเหมือนว่ามีความลับบางอย่าง ซึ่งไม่เคยปิดบังอะไรได้จากสายตาอันแหลมคมของจอมพลที่หรี่ตาเล็กลงจนเหยียดตรง“กูว่าท่าทางไอ้เปามันแปลก มันต้องมีเรื่องอะไรที่ไม่บอกเราสองคนแน่”“อืม... กูว่าน่าจะใช่” เมธพนธ์เออออตาม ยกแก้วตาม หมดแล้วก็มีน้อง ๆ คอยบริการชงเหล้าให้เป็นอย่างดี ในช่วงหัวค่ำที่ลูกค้ายังไม่มากนัก มาม่าซังสาวใหญ่ เซลล์ขายเหล้าคอยอยู่เอาใจ รินเหล้าให้พวกเขาด้วยประตูท
“พุด... ไม่ค่อยสบาย... ค่ะ พุดขอตัวก่อน พี่ ๆ อยู่กันตามสบายนะคะ” เธอตอบแล้วยิ้มกลบเกลื่อน “เจอกันที่บ้านนะพี่เปา...”ปลายเสียงหยุดลงตรงชายหนุ่มที่อ่านความรู้สึกผ่านสีหน้าของปรายลดาออกได้ไม่ยาก เขารู้สึกผิดต่อเธอในหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องของปิ่นแก้วในอดีต มือหนายังกุมมือน้อยไว้แน่น สั่งด้วยน้ำเสียงวางอำนาจ“พี่ไม่ให้ไป...”แววตาคู่สวยวูบไหวในวินาทีนั้น ขณะที่หญิงสาวอีกคนสงสัยว่าทำไมปรเมษฐ์จึงมีท่าทีแปลกไป ช่วงที่เขาทำงานในไทย ลูกเลี้ยงมารอเขากินเหล้าไม่รู้กี่ชั่วโมง เขาก็สนใจบ้างไม่สนบ้างแล้วแต่อารมณ์หล่อนนั่งอยู่ข้างปรายลดา ชะโงกหน้าไปบ่นว่า “แกน่ะ อยู่คุยกับฉันก่อนเลย ทำไมทิ้งงานมา ฉันต้องทำให้แกตั้งหลายอย่าง ยุ่งเป็นบ้า”“ฉันพาพุดไปส่งบ้านก่อน เหล้ากินเมื่อไรก็ได้ คุยกับแกก็คุยเมื่อไรก็ได้เหมือนกัน” ในถ้อยคำขาด ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนสุดความสูงโดยไม่ปล่อยมือคนตัวเล็ก ที่บอกว่าจะเปิดเหล้าหนึ่งขวดก็ไม่ได้ลืม“เดี๋ยวโอนเงินค่าเหล้าให้นะ ไปก่อน”“อ้าว... ฉันเพิ่งมาถึงเองนะ คนอุตส่าห์มารับ” สาววัยสี่สิบบ่นอุบอิบ เมธพนธ์ จอมพลและเหล่าสาวน้อยใหญ่ก็ไม่อยากให้รีบกลับชายหนุ่มไหวไห
“FWB ใช่ไหมคะ? พุดได้ยินเพื่อนพูดกันอยู่นะ”“เพื่อนกัน มันส์ดีไงน้อง” ปิ่นแก้วหัวเราะอย่างนึกตลกขบขันกับเรื่องในอดีตเมื่อนานมาแล้วความสัมพันธ์ของคนทั้งสองจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่ามันจะสร้างความเจ็บปวดให้มากมายเท่าไร ปรายลดาพยายามเป็นเด็กดีอยู่เสมอ เธอไม่ทำกริยาให้หญิงสาวอายุมากกว่ารู้สึกว่าเป็นส่วนเกินหรือไม่พอใจอะไรเลย“พุดต้องขอคำปรึกษาจากพี่ปิ่นแล้วล่ะ พุดอยากมีเพื่อนแบบนี้บ้าง”“พี่ว่าระดับพุทราหาไม่ยากมั้ง เอาไว้คุยกัน ปรึกษาพี่ได้เสมอ แต่ว่าเรียนให้จบก่อนนะคะ เรื่องพวกนี้ไว้ทีหลัง”“ขอบคุณนะคะ พี่ปิ่น”“ไม่เป็นไร น้อง” ในแววตาที่มองผ่านกระจกหลังไปยังทั้งสองคน เหมือนคนได้รับชัยชนะ ลึกๆ แล้วหล่อนยังมีความหวงในตัวปรเมษฐ์ ถึงไม่ได้คาดหวังอะไรมาก ก็ใช้ชีวิตไปเรื่อยเปื่อยตามประสาคนโสด“พี่ไม่ได้ยุ่งกับปิ่นเป็นสิบ ๆ ปีแล้ว... พี่กับปิ่นเป็นเพื่อนกัน พุดจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม?” ไม่จบคำดี มือเรียวขาวสะบัดออกแรง ๆ ตามด้วยเสียงกระแทกประตูใส่หน้าอย่างจัง ชายหนุ่มรีบลงจากรถตามไปไว ๆ ขวางหน้าเอาไว้“พุด... ฟังพี่ก่อน”วงหน้าหวานเชยขึ้นมองกำแพงมนุษย์ ก่อนที่เธอจะก้มหน้าลงล้วงกุญแจในกระเป๋าสะพาย
รุ่งอรุณแสนหวานที่มีเรือนร่างหอมกรุ่นนุ่มนิ่มหลับใหลอยู่ในอ้อมแขน เช่นทุกราตรีที่ดำเนินศึกรักหนักหน่วงจนสิ้นฤทธิ์ไปในอ้อมกอดกันและกัน ผ่านไปจนถึงกระทั่งช่วงสาย ปรเมษฐ์ลุกก่อนทุกคนในบ้าน ออกไปจ่ายตลาดซื้อกับข้าวมาเตรียมไว้บนโต๊ะอาหาร จากนั้นก็นุ่งกางเกงตัวเดียวเดินไปเดินมาด้วยจุดประสงค์บางอย่างปิ่นแก้วเดินมาถามอยู่สองสามคำว่าคนอื่นรู้เรื่องนี้หรือยัง ยังให้ความเห็นว่าไม่เหมาะสม เขาตอบเท่านั้น“เมียฉัน... ฉันรักของฉัน ใครจะทำไม?”หล่อนจึงใช้เวลาพักผ่อน นั่งเขียนแบบงานอยู่ในบ้านของเขา เพื่อกดดันหรือต้องการอะไรไม่รู้แน่ แม่อนงค์แวะเข้ามาไม่นาน รับรู้เรื่องนี้จากปากของปิ่นแก้ว ก็ทำเฉยเพราะรู้มานานแล้ว และคาดเดาได้ว่าเขาคงจะต้องคบกับลูกเลี้ยงของพี่ชายเข้าสักวันนับวันที่ปรายลดาโตเป็นสาวสวยสะพรั่ง สายตาของเขา... ยิ่งเสียกว่าหมาป่ามองลูกแกะตอนนี้ปรเมษฐ์กำลังพยายามปรับตัวเข้าหาคนป่วย พอเห็นว่าสาวน้อยในความดูแลทานข้าวทานยาเสร็จเรียบร้อยดี แล้วไปนั่งอ่านหนังสือ ทำรายงาน หรือทำอะไรสักอย่างอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ในสวนหลังบ้านกว่าหลายชั่วโมง เขาได้ให้เวลาส่วนตัวกับปรายลดาจนคิดว่าทนไม่ไหวสไตล์การแต
“พี่เปาเอาใจพุด เพราะอยากได้อะไรหรือเปล่า?”“ก็ต้องอยากได้สิ พุดเป็นเมียพี่ พี่ชอบกอดพุด หอมพุด จูบพุด พี่ชอบทำเรื่องแบบนั้นกับพุด พี่รู้สึกดี... หรือว่าพุดไม่ชอบ?”ในคำถามที่รู้คำตอบดีเขายิ้ม... คนช่างอายหลุบตาหนีครั้งหนึ่งก็เชยดวงตาคู่หวานขึ้น เมื่อเขาไม่ยอมพูดมันขึ้นมาก่อนเหมือนทุกวันเธอจึงเป็นฝ่ายบอก“พุดรักพี่เปานะ... ขอบคุณที่ดูแลพุดค่ะ...”หลายวันมานี้เธอไม่ต้องตื่นแต่เช้ามาทำงานบ้าน เพราะมีแม่บ้านมาทำความสะอาด กับข้าวที่ต้องไปจ่ายตลาดมาทำอาหารไว้ให้แม่อนงค์ทุกเย็น และจะต้องยกหม้อห่อใส่ถุงไปรับประทานกันอีกบ้านหนึ่งซึ่งมีทั้งเด็กผู้ใหญ่อยู่กันเต็มบ้าน เจ้าของบ้านเป็นธุระไปซื้อมาให้ทั้งหมดหรือเธออาจจะคิดไปเองว่าเขาไม่ใช่คนทำดีหวังผล...“พุดไม่ต้องขอบคุณพี่หรอก พุดยังมีหน้าที่ต้องทำตลอด” หน้าที่... ปรากฏผ่านแววตาคู่สวยด้วยเช่นกัน แค่ถูกอาวุธคู่กายชายถูไถไปมา กางเกงตัวจิ๋วเปียกชุ่มพาเลือดทั้งกายร้อนลงไปรวมอยู่ในจุดจุดเดียวเหมือนน้ำมันกับไฟ แค่สัมผัสกันก็คงจะเกิดอารมณ์ประหลาด ๆ“กางเกงในน่ะ วันหลังไม่ต้องใส่ อยู่กับพี่... เดี๋ยวก็ต้องถอดอยู่ดี”“จะให้พุดเดินแก้ผ้าแบบพี่เปาเนี่ยนะ”
“ฉันกลับก่อนนะ ใส่เสื้อผ้าพุดมาหลายวันละ ไปเอาของก่อนค่อยมานั่งทำงานห้องแกใหม่” ใบหน้าสดสวยของสาววัยสี่สิบประดับด้วยรอยยิ้ม เหมือนไม่รู้สึกอะไรกับเสียงสุดแสบเสียวของคู่รักข้าวใหม่ปลามัน ซึ่งอยากจะอยู่กันตามลำพัง โดยไม่ได้สนใจหล่อนเลยแม้กระทั่งตอนนี้เจ้าของร่างสูงในชุดนอนบุรุษเรียบร้อยเหยียดกายอยู่บนเปลตาข่ายกับโน๊ตบุ๊คเครื่องหนึ่ง ยังคงจับจ้องหญิงสาวที่กำลังนั่งเก้าอี้ม้านั่งในสวนเป็นพัก ๆ หากว่าพอละวางจากงานของตนได้“อืม... มาเมื่อไร โทรมาบอกล่วงหน้าล่ะ ช่วงนี้ฉันกับพุดไม่ค่อยอยู่บ้านนี้”“ไปอยู่ไหนกัน?” ปิ่นแก้วมีสีหน้าแปลกใจ หลายเดือนที่ผ่านมาหล่อนอยู่ฟิลิปปินส์กับปรเมษฐ์และทีมงาน พูดคุยกันแค่เรื่องงานถึงได้ไม่รู้ความเคลื่อนไหวของลูกเลี้ยงเขาเลย“พุดซื้อคอนโดฯ ไว้ใกล้ ๆ มอ เลยไปนอนนู่น”“โอเค ถ้าจะเข้ามา ฉันจะโทรมาก่อน เออ... ฝากกระเป๋าเครื่องสำอางให้น้องด้วย ฉันซื้อมาฝากจากฟิลิปปินส์น่ะ” พูดแล้วก็หยิบของในกระเป๋าสะพายส่งให้ชายหนุ่มรับไป ในความริษยาของปิ่นแก้วลึก ๆ นั้นเขาไม่เคยรู้หรือระแคะระคาย“ขอบใจมาก...”“ไม่เป็นไร ฉันชอบซื้อของมาฝากน้องสาวอยู่แล้ว” หยักยิ้มมุมปากครั้งหนึ่ง ก
“นังเด็กร่าน... เป็นลูกเลี้ยงดี ๆ ไม่ชอบ...” เสียงแหลมเล็กสบถด่าผ่านไรฟันขาวที่ขบกัดกัน ขณะสาดอารมณ์เดือดดาลใส่จอสี่เหลี่ยมในมือที่สามารถสร้างเรื่องราวขึ้นมาด้วยปลายนิ้วเคาะพิมพ์ปิ่นแก้วอยู่ในสถานะเพื่อนรู้ใจมาสิบกว่าปี เคยไปหาเขาเมื่อไรก็ได้ กับแม่อนงค์ ลูกหลานทุกคนในบ้านสนิทกันเหมือนเป็นเครือญาติตั้งแต่ปรเมษฐ์เอ่ยปากขอสิ้นสุดความสัมพันธ์เร่าร้อนบนเตียงกับเธอ เพราะความรักที่มีต่อลูกเลี้ยง เขาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนอีก หัวใจร้อนผ่าวไปทั้งดวงแค่คิดว่าชายหนุ่มกำลังจะถูกแย่งไปในเมื่อความเป็นเพื่อนยังคงอยู่ เธอคงไม่อยู่เฉยกับเรื่องนี้...ในช่วงหัวค่ำของวันหยุด หลังจากที่เปิดหัวข้อสนทนาในโลกโซเชียล ระบายความคับแค้นใจนี้ออกไปให้ผู้คนได้เห็นความชั่วร้ายของเด็กสาวคนหนึ่ง ซึ่งแย่งผู้ชายไปจากเธอหน้าด้าน ๆ!เธอไม่ได้เข้าไปจัดการแบบแปลนงานอาคารของบริษัทที่จะต้องส่งกลับไปให้วิศวกรในฟิลิปปินส์ งานซึ่งปรเมษฐ์ทิ้งมาเสียเฉย ๆ ปล่อยให้เป็นภาระของเธอและลูกทีมก่อสร้างโปรเจคใหญ่อีกหลายชีวิต ปิ่นแก้วตรงไปยังห้องพักชานเมืองพอเหมาะสมราคาเดือนละสามพันกว่าบาท เพื่อพบคนที่อดนึกถึงไม่ได้...“ลมอะไรหอบแกมา... นัง
ในห้องทำงานกว้างขวางโอ่อ่าโทนสีเขาเข้ากันกับตัวบ้านหลังใหญ่ ถัดจากโต๊ะเขียนแบบงานของสถาปนิก โต๊ะไม้สักอย่างดีวางโน๊ตบุ๊คเอาไว้สองเครื่อง กองเอกสาร กระดาษเปื้อนหมึกปากกาด้วยลายมือขยุกขยิก สมุดจดเล่มเล็ก ๆ ปรเมษฐ์ยังคงหยุดงานทั้งเดือนตามรับปากไว้ เขาเพียงแก้แบบงานในบ้าน เพื่อที่จะคอยอยู่ใกล้ ๆ คนป่วยตลอด อาการของปรายลดาดีขึ้นตามลำดับ ด้วยความช่างเอาอกเอาใจของเขาเอง ทว่าสองสามวันมานี้ หลังจากที่นำกระเป๋าเดินทางเต็มไปด้วยสัมภาระมาวางไว้ในห้องของเขาทั้งหมด เพราะยังเดินทางไปคอนโดฯ บ้างก็กลับมาบ้าน บางคนจงใจทำตัวให้ยุ่งอยู่แต่กับงาน เพื่อน และเรื่องเรียน ไม่แม้แต่จะสนใจเขาที่ไม่ยอมพาเธอเข้าห้องนั้นเด็ดขาด “พี่ไม่ชอบสีชมพู มันขายไม่ออก น้องไลฟ์สีดำกับแดงเยอะ ๆ เลย” “ออ... แกจะไปเช็คของให้ฉันเหรอ? ใจมากเพื่อนรัก เพิ่งลงจากสนามบินมาสองคอนเทนเนอร์นะ ฉันให้พม่าแบกไปไว้ที่สต็อกละ” ในสีหน้าแย้มยิ้มของคนที่วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ร่างบางในชุดสบาย ๆ เสื้อตัวหลวมโคร่งกางเกงขาสั้นเปลี่ยนเป็นคนละคนเมื่อมองไปทางชายหนุ่ม เขาวางดินสอจากมือที่หุ้มด้วยถุงมือสำหรับเขียนงานออกในทันที “พุด...” “รอเดี๋ย
“พ่อกินข้าวมารึยัง?” เสียงหวานถามอย่างดีอกดีใจ หลังพ่อปองกานต์ก้าวผ่านประตูบ้านมาได้ไม่กี่ก้าวเท่านั้นตาคมหลุบมองหน้าท้องเนินนูนของลูกสาวที่ดูมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าเก่า ไม่อวบอ้วนจนเกินไป หน้าตาสดใสมีความสุขดี“ยังเลย มีอะไรให้พ่อกินบ้างล่ะ?”“กับข้าวเต็มโต๊ะเลยพ่อ พี่เปาซื้อมา พ่ออาบน้ำ โกนหนวดก่อนไหมคะ? หรือพ่อจะกินข้าวก่อน” ทั้งน้ำเสียงและแววตาแลดูเป็นห่วงเป็นใยพ่อเสียเหลือเกิน แม้แต่คนที่เดินข้างกันเข้าบ้านแล้วยังรู้สึกได้ตั้งแต่ปองกานต์ทิ้งบ้านไปตอนลูกสาวอายุได้ประมาณห้าขวบ จะกลับมาก็แค่ปีละหนสองหน ยังไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน แม้ไม่ได้มีความผูกพันอะไรกันทางสายเลือดหรืออยู่ด้วยกันตลอด มีหลาย ๆ ครั้งที่ปรายลดาคิดถึงพ่อพอคนพ่อเดินตามไปถึงห้องรับประทานอาหาร ติดห้องรับแขกกว้างขวาง ลูกสาวตักข้าวร้อน ๆ ให้ใส่จาน“เป็นยังไงบ้างล่ะ? ปวดขา ปวดหลังไหม ลูกดิ้นหรือยัง?”“ดิ้นแล้ว... ชอบดิ้นตอนกลางคืน ปวดขา ปวดหลังค่ะ แต่ว่ามีคนนวดให้” วงหน้าหวานปรากฏรอยยิ้มบาง ๆ ก้มหน้าเอียงอายมองทัพพีในมือเหมือนข้าวในหม้อจะโรยน้ำตาล“ไม่ได้เรื่องหรอก พ่อนวดเก่งกว่าเยอะ เดี๋ยวพ่อกินข้าวเสร็จ พ่อนวดเท้าให้ลูกดีไหม?
“แม่จัดการหนี้ให้หมดแล้ว อย่าไปก่อเรื่องอีกล่ะ มีพ่อที่ไหนเขาต้องให้ลูกเลี้ยงอายุแค่ยี่สิบกว่า ๆ มาโอนเงินให้ตลอด เหล้าน่ะกินมันเข้าไป ไว้หนวดไว้เครายังกับโจร เมื่อไรแกจะทำตัวเป็นผู้เป็นคนสักที” อนงค์บ่นน้ำไหลไฟดับ ก้าวฉับ ๆ เดินฝ่าแดดร้อนจัดข้างชายที่อยู่ในสภาพเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเก่า ๆ ต่างกันกับตัวเธอ การแต่งตัวนั้นก็ออกไปทางวัยรุ่น ด้วยกางเกงยีนส์เสื้อยืด ไม่ได้นุ่งผ้าซิ่นแบบคนเฒ่าหากพูดเรื่องความกระฉับกระเฉงของสาววัยเจ็ดสิบสองที่ดูแลตัวเองสม่ำเสมอเป็นคนละเรื่องกับลูกชายวัยห้าสิบปี เขาดันดูแก่กว่าแม่เสียอีก“เรื่องของผมเปล่าแม่...”คนได้ยินมองขวับตาขวาง โทสะเดือดพล่านขึ้นมาในทันที “เรื่องของแก มันเป็นปัญหาของฉันไหมล่ะ? ไอ้ที่ต้องมาโรงพักเพราะเจ้าหนี้มันจะฟ้องฉ้อโกง มันไม่ใช่เรื่องของฉันตรงไหน.. ฮะ”“ผมหมายถึงเรื่องหนวด... มันหนวดผม” ปองกานต์ชี้ไปที่หนวดแล้วก็ทำเมินเฉย ปล่อยให้แม่โมโหอยู่อย่างนั้นทีแรกเขาก็นึกว่าพวก ‘เฮียซ้ง’ จะจ้างคนมาทำร้ายหรือไปรังควานลูกสาวของเขา กลายเป็นลากมาขึ้นโรงพักลงบันทึกประจำวัน ยื่นฟ้องฐานฉ้อโกง เพื่อเอาครอบครัวเข้ามาเอี่ยว คู่กรณีอย่างเขาจึงต้องจ่ายเ
‘ผู้หญิงของเจ้านายคุณน่ะ ระวังตัวไว้ดี ๆ ก็แล้วกัน ฉันโทรมาเตือนครั้งสุดท้าย’คำขู่ของหญิงสาวผู้เต็มไปด้วยความริษยาในตัวลูกเลี้ยงเมื่อหลายวันก่อนทำให้เขาไม่สบายใจอลันทำการสืบสาวเรื่องราวบางอย่างมาได้สักพักว่ามีอะไรแปลก ๆ เกี่ยวกับปิ่นแก้ว และรายงานเจ้านายไปก่อนหน้านี้ นอกจากเรื่องที่เธอไปหาปองกานต์ ยังไปยุ่งวุ่นวายกับพวกกู้หนี้นอกระบบ บ่อน ซึ่งเขาได้สั่งให้ลูกน้องแอบตามไปสัญชาติญาณเลขาฯ ไฟแรงเขาคงอยากลุกขึ้นมาสะสางปัญหาเรื่องผู้หญิงของเจ้านายให้เรียบร้อย คนที่หยุดปลายเท้าลงข้างเตียงดันทักขึ้นเสียก่อน“คุณอลัน... กินข้าวต้ม กินยาให้ครบ ไม่ไหวก็ไม่ต้องลุก เดี๋ยวฉันจะกลับแล้วนะ” ในน้ำเสียงกึ่งสั่ง ใบหน้าหล่อเหลาซีดขาวราวกระดาษมองกลับไปยังร่างบางในชุดเสื้อยืด กางเกงขาสั้นงานแบรนด์สมฐานะคุณหนูนัชชาถึงเป็นเด็กปากร้ายไปสักหน่อย เธอกลับรับผิดชอบในการกระทำ ตั้งแต่นอนเฝ้าไข้เขาอยู่ข้างเตียงคนป่วยในโรงพยาบาล ขับรถยนต์ให้แทนเพื่อพาเขากลับมาส่งถึงคอนโดฯ ยังคอยดูแลเรื่องยาและอาหารให้ไม่แปลกที่ฝรั่งไร้ญาติจะเกิดความรู้สึกเศร้าเสียดาย จู่ ๆ เขาซึ่งอยู่คนเดียวมาตลอดดันอยากให้เธออยู่ด้วยกันเรื่อย ๆ
ตั้งแต่ทุกคนออกจากบ้านไปแล้วหญิงสาวกลับมาแค่สองคน ได้เรื่องว่าเลขาฯ หนุ่มโดนหมอจับล้างท้องจนไม่เหลือเรี่ยวแรงยังต้องนอนหยอดน้ำเกลือ เขาคงจะต้องโมโห จึงพยายามติดต่อเจ้าตัวซึ่งหายเข้ากลีบเมฆ ยังไม่รับสายหลังก่อเรื่องเอาไว้ทันทีที่ประตูบ้านปิดลงพร้อมการจากไปของนัชชาซึ่งรับปากว่าจะไปดูแลอลัน ให้แทน เนื่องจากว่าลูกครึ่งหนุ่มบราซิลไม่มีญาติที่ไหนร่างสูงในชุดทำงานก้าวพรวดไปสอดลำแขนเข้าประคองเอวเล็ก สัดส่วนโค้งเข้าพอดี หน้าท้องเนินนูนเพียงเล็กน้อยตามอายุครรภ์เพียง 13 สัปดาห์ ปรายลดาเริ่มใส่เดรสของคนท้องบ้างในบางวันยังติดเข็มกลัดไว้ตามที่แม่อนงค์บอก“พุทรา... พวกเขาไปกันหมดแล้ว หมดเรื่องแล้ว พุดไม่ต้องกังวลนะ พี่ไม่อยู่เฉย ๆ กับเรื่องนี้แน่” ปลายเสียงเด็ดขาด แน่ว่าเขาจะต้องเอาเรื่องในภายหลัง หล่อนไม่มีวันได้มาเหยียบบ้านของเขาอีก!ตอนนี้เขายังคิดอยู่ว่าถ้าสตรีมีครรภ์รับประทานยาปลุกเซ็กส์เข้าไป ตามฉลากห้ามรับประทาน เด็กในท้องคงได้รับอันตราย ไม่ต้องพูดถึงว่าถ้าเป็นพวกมักมากอย่างเขาที่โดนกับคนอื่นก็คงจะทนไหว แต่กับสาวน้อยในความดูแลแล้วเท่าไรคงไม่พอ...“พี่ไม่ได้เจอเมียมาเป็นอาทิตย์แหนะ”“แล้ว
“กรี๊ด!”ต่างคนปิดยกมือขึ้นปิดหูแม้กระทั่งคนกรี๊ดเอง เว้นแค่ปรายลดาที่ยืนหัวเราะเพื่อน เห็นอยู่ว่านัชชาจงใจตะเบ็งเสียงคอแทบแตกใส่หน้าปิ่นแก้ว ก่อนที่เจ้าตัวจะทำหน้าเฉยเมยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น“โดนตัดออกจากกองมรดกแล้วค่ะ ปริมแค่แวะมาบอก โตแล้วเนอะจะไปไหนก็ได้นี่ ไปกันดีกว่า พุด...”“พุด... รอไปพร้อมพี่” ชายหนุ่มแทรกขึ้นมาแล้วเดินไปคว้ามือเรียวไว ๆ แต่ก็ถูกสะบัดออกด้วยสีหน้าดื้อรั้นซึ่งเลือนหายไปในอีกครู่ เป็นรอยยิ้มใส ๆ“พุดไปกับปริมดีกว่าค่ะ พุดรีบ เดี๋ยวไปไม่ทัน วันนี้อาจารย์หมอมาด้วย พุดมีคำถามตั้งเยอะแยะ พี่ทำงานไปก่อนเถอะ เรื่องลูกเมื่อไรก็ได้” พูดแล้วก็คว้ามือเพื่อนสาว รีบเดินหนีเจ้าของบ้านไป ปรายลดาโมโหอย่างไรยังสำรวมกริยา ถึงเธออยากจะกรี๊ดใส่หน้าใครสักคนให้ได้อย่างนัชชาสักแค่ไหนคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังหัวใจกระตุกวูบ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อตัว และเขาก็ไม่อยากจะทำงานต่อ“เดี๋ยวผมให้วิศวกรดูหน้างานอีกที สระว่ายน้ำกับร้านอาหาร ผนังต้องให้ลูกค้าเลือกก่อนว่าจะเอาผนังปูนเปลือย บล็อกอิฐแก้ว หรือกระจก คุณเป็นหัวหน้างานสถาปนิกคุมทีมก่อสร้าง มีอะไรคุณตัดสินใจไปเลยละกัน”เพราะคำว่า ‘หัวหน
ปรเมษฐ์ มาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงเย็นพร้อมปิ่นแก้วที่หอบงานโปรเจคใหญ่กลับมาทำต่อ มันเป็นงานที่จะต้องทำร่วมกันเป็นทีม ซึ่งเจ้าของบ้านก็ให้เกียรติภรรยา ไม่พาผู้หญิงเข้าห้องทำงานส่วนตัว ใช้สถานที่ในห้องรับแขกโปร่งโล่ง เปิดกระจกไว้ทุกบาน สำหรับวางกระดานแบบงานอันใหญ่ใต้ร่มไม้ของม้านั่งหินในสวนหย่อมหน้าบ้าน ดวงตาคู่สวยจ้องเขม็งผ่านขอบจอโน๊ตบุ๊คไปยังบุคคลทั้งสองในบ้าน พวกเขากำลังยืนอยู่หน้ากระดานแบบงานหน้าบ้านหน้าตาคร่ำเครียด“ฉันกลับมาขายเสื้อกับแกต่อได้มั้ย?” คนถามนั่งเท้าคางอย่างเซ็ง ๆ ขณะที่ปรายลดาไม่ตอบอะไรฮอร์โมนคนท้องทำให้เธอกลายเป็นคนอารมณ์แปรปรวน ยังหงุดหงิดตลอดวัน ดีหน่อยตรงที่ไม่แพ้ท้องมาก นัชชายังอยู่เป็นเพื่อนตลอด หลังจากที่เจ้าตัวไม่มีไข้แล้ว อาการดีขึ้นตามลำดับเรียกได้ว่าเกือบหายดี“แกไม่ฟังที่ฉันพูดเลย หึงผัวล่ะสิ ให้ฉันจัดการเหอะ”“ไม่เป็นไร... ขอบใจนะ ปริม แกเอาตัวแกเองให้รอดเหอะ” ย้อนคำคนที่มีกำลังปัญหาความรักและชีวิตครอบครัวขนาดว่าไม่ยอมกลับบ้าน ก่อนจะหันมองใบหน้าสดสวยสลดเศร้าลงจนต้องถาม“ตกลงแกทะเลาะอะไรกับพี่ธาม ร้องไห้จนหลับ ไม่เห็นเล่าให้ฉันฟังสักอย่าง”“เรื่องมันยาวอ่ะ
ในรุ่งเช้าเวลาเจ็ดโมงกว่า นัยน์สีฟ้าครามเข้มเบิกโพล่งตะลึงตื่นจากนิทรา พลันผลักผ้านวมหนาที่คลุมห่มตัวอยู่อย่างงุนงง เมื่อคืนที่หลับไปทั้งชุดทำงานเขาไม่ได้หยิบจับอะไรสักอย่าง ผ้าห่มลายตุ๊กตาน่ารักจะเป็นฝีมือใครหากไม่ใช่เมียเจ้าของบ้าน!ร่างสูงในเชิ้ตสีดำยับยู่ยี่หยัดกายลุกขึ้นนั่ง พอดีกับที่โทรศัพท์สั่นดังจากข้างหมอน สายจากปรเมษฐ์โทรมาถามสารทุกข์สุขดิบของลูกเมีย และงานเฝ้าของเขาว่าเรียบร้อยดีไหม พร้อมส่งข่าวมาว่ากำลังจะกลับในวันพรุ่งนี้ทำให้ตื่นเต็มตาได้ไม่ยากทว่าพอวางสายจากเจ้านายหนุ่ม อลันมีความคิดบางอย่างเมื่อเหลือบมองตามบันไดทางขึ้นไปชั้นสองของบ้านสไตล์โมเดิร์นโทนสีเทาอบอุ่นทำไมบ้านเงียบ? พุทราก็ไม่มาเรียกเขาสักคำเพราะนิสัยของปรายลดาเป็นคนช่างห่วง ยังดูแลทุกคนรอบตัวเป็นอย่างดี เขาไม่ลังเลที่จะถือวิสาสะบุกห้องนอนตามหน้าที่ ก้าวขายาว ๆ เหยียบย่องขึ้นบันไดไปชั้นสองมีสามห้องนอน ห้องโถงกลาง และห้องนอนสำหรับเล่นสนุกซุกซนของเจ้านาย ซึ่งคนเป็นเลขาฯ มานานถึงสิบปีต้องรู้ความลับเรื่องรสนิยมทางเพศของปรเมษฐ์เป็นอย่างดี ถึงเจ้าตัวจะเลิกราจากคู่ขาประหลาด ๆ ไปเพราะความรักในตัวลูกเลี้ยงห้องนอน
ใคร ๆ ต่างก็ว่านัชชาเป็นลูกผู้ดีตีนแดงที่มีนิสัยก้าวร้าว เอาแต่ใจตัวเอง รวมไปถึงอลันซึ่งไม่เคยชอบขี้หน้าเธอเลยเหตุการณ์ทั้งหมดมันเริ่มต้นเมื่อนานมาแล้ว เมื่อเด็กสาววัยสิบเอ็ดขวบ แต่งตัวแก่แดดเกินวัย ทาปากแดงเป็นผู้ใหญ่ เปรยคำหนึ่งขึ้นมาลอย ๆ ว่า ‘เด็กเส้น’ ตั้งแต่วันแรกที่เขาเริ่มทำงานให้ปรเมษฐ์มันเป็นเรื่องจริงด้วยว่าหนุ่มวัยยี่สิบปีกำลังฝึกงานไป เรียนไป ทางด้านสายงานบริหารฯ ใบปริญญาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในรัฐแคลิฟอร์เนียร์ คงยุ่งรัดตัวและไม่มีประสบการณ์มากพอ ไม่อาจเป็นเลขาฯ ให้เจ้าของรีสอร์ตระดับห้าดาว สถาปนิกหนุ่มคนดังได้ หากไม่ใช่เพราะบารมีของคุณปู่ฝากฝังให้ช่วยงานคนรู้จักกันเด็กน้อยที่มีกริยามารยาทดี มีกาลเทศะรู้ว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูด“โตขึ้นเยอะนะเรา มาหาพุทรา มีแผนจะพากันไปไหนล่ะ?” เสียงเข้มทัก อลันทำตัวเหมือนเป็นบ้านตัวเอง เพราะมาบ้านเจ้านายอยู่บ่อย ๆ ปรายลดาเอาผ้าเช็ดตัว ผ้านวมมาให้เพื่อนคลายหนาวร่างสั่นเทาจึงรับผ้าขนหนูสีชมพูผืนโตมาเช็ดผมเป็นอย่างแรก โดยไม่ได้สนใจคำถามของเขาเลยสักนิด นัชชาเพิ่งตั้งสติได้ว่าไม่ใช่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่จะต้องหวาดกลัวฝรั่งยักษ์อีกต่อไปชาย
‘หนูสบายดีนะคะ... แม่ไม่ต้องห่วงนะ...’คำพูดผ่านใบหน้าระบายยิ้มจาง ๆ คงส่งไปถึงเถ้ากระดูกของหญิงสาวคนหนึ่งในโกศตรงหน้าวันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของแม่ ถึงแม่จะจากเธอไปนานแล้ว ในวัยที่ยังจำความอะไรไม่ได้มาก รอยยิ้มหวาน ๆ ของแม่ยังอยู่ในห้วงความทรงจำมาเสมอ อาจจะเป็นความผิดของแม่ที่หลอกพ่อปองกานต์ เธอกลับไม่เคยคิดว่าแม่เป็นคนผิด และเธอไม่เคยโกรธพ่อพ่อผู้แสนดีของเธอได้ตายจากโลกนี้ไปนานแล้ว เช่นเดียวกันกับพ่อแท้ ๆ ผู้ให้กำเนิดเธอที่ไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่ร่างบางในชุดนักศึกษาผ่อนลมหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนจะหยิบร่มในกระเป๋าสะพายผ้าใบโปรดมากางออก เมื่อเม็ดฝนเริ่มโปรยปรายซึ่งเธอเพิ่งรู้สึกมันได้ไม่นาน เพราะมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยหญ้ารกรุงรังบนพื้นที่ก้าวย่ำเหยียบอย่างระวัง ต้องใช้เวลาสักครู่กว่าจะไปถึงที่จอดรถยนต์ ด้านหลังวัดมีโกศรายเรียงอยู่มากมาย คนขับรถประจำตัวกำลังรออยู่ เขาทำหน้ายุ่งมองเธอที่ก้าวขึ้นรถนั่งที่ข้างคนขับ“ฝนตกทำไมไม่เรียกผมล่ะครับ?”“ไม่ได้ตกหนักค่ะ คุณอลัน แค่ปรอย ๆ รถอยู่ใกล้แค่นี้เอง” เหตุผลของเธอพอฟังขึ้นอยู่ หากไม่ใช่เป็นเพราะเจ้านายกำชับเรื่องบางอย่างไว้“แต่คราวหน้า