เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคมคายในเสื้อเชิ้ตสีขาวหลุดลุ่ยจากกางเกงแสล็คดำ ผมเผ้ายุ่งเหยิงเพราะความรีบร้อน หยุดปลายเท้าลงในห้องโล่งเปล่าที่มีข้าวของหลายอย่างหายไป
ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน อุปกรณ์การเรียนและหนังสือ ชั้นวางของกระจุกกระจิกสะอาดเกลี้ยงเหมือนเป็นห้องที่ไม่มีใครอยู่ ร่างสูงก้าวไว ๆ ไปที่ตู้เสื้อผ้าลายการ์ตูนเพื่อเปิดมันออกดูให้แน่ใจซึ่งก็ไม่มีเสื้อผ้าสักตัว จากเปลวโทสะลูกใหญ่ที่ทำให้เก็บกระเป๋าเสื้อผ้าตีตั๋วกลับประเทศไทยในทันที กลายเป็นความรู้สึกอ้างว้างประหลาดจู่โจมเข้ามาในหัวใจ “แม่... พุทราไปไหน?” เสียงทุ้มสั่นเครือ นัยน์ตาคู่คมเข้มสีฟ้าครามประกายกร้าวอ่อนลงเหลือแค่ความสิ้นหวัง ไม่แม้แต่จะเหลียวมองแม่อนงค์ที่ยืนข้าง ๆ กัน “เขาก็ไปอยู่ของเขาสิ โตแล้วนี่... จะไปไหนก็ได้ ทีลูกยังหอบกระเป๋าไปฟิลิปปินส์ไม่บอกคนที่บ้านสักคำ ถ้าแม่ไม่โทรไปถามปิ่นก็คงไม่รู้” ปิ่นแก้วเป็นเพื่อนสาวคนสนิทในกลุ่ม จบสถาปนิกมาด้วยกัน อยู่ในสายงานเดียวกันคือสายวิชาการออกแบบอุตสาหกรรม หากไม่เดินสวนกันหรือปากต่อปากบอกต่อ เขาตั้งใจไปอยู่คนเดียวเงียบ ๆ โดยไม่บอกใครสักคนจริง ๆ “แล้วพี่ปองล่ะ?” ในสีหน้าคร่ำเครียดกว่าเดิมเมื่อนึกถึงพี่ชายที่ไม่เคยจะกลับบ้าน ไม่คิดจะเลี้ยงลูกเลี้ยงตัวเอง ถึงปองกานต์จะมารู้ทีหลังว่าปรายลดาไม่ใช่ลูก แต่คนอยู่ด้วยกันมาน่าจะมีน้ำใจสักหน่อย “แม่จะไปรู้ไหมล่ะ? รายนั้น ตั้งแต่แม่พุทราเสียก็ทำตัวเละเทะเปะปะไปเรื่อยเปื่อยนั่นแหละ ลูกจะไปตามมันกลับมาหรือไง?” “ไม่เด็ดขาด” ในน้ำเสียงหนักแน่น เขาคงไม่คิดจะไปตามตัวปองกานต์กลับบ้านแน่ ๆ เพราะไม่น่าจะเป็นเรื่องดีหากพี่ชายที่ถูกผีพนันเข้าสิงจะกลับมาสูบเลือดสูบเนื้อคนในบ้าน “พี่ปองส่งเงินให้พุดใช้บ้างไหม? แล้วนี่... พุดยังเรียนหนังสือไม่จบ เงินก็ยังขอผมใช้ จะไปอยู่เองได้ยังไง?” แม่อนงค์ส่ายหน้าไปมา “พุดไม่ได้ใช้เงินลูกมาเป็นปี ๆ แล้วเปา... สมุดบัญชีกับบัตรเอทีเอ็มของพุดอยู่กับแม่ พุดบอกให้แม่เก็บไว้ใช้ซื้อของให้หลาน” อนงค์ว่าจะไม่บอกเรื่องนี้เพราะหญิงสาวนั้นขอเอาไว้ แต่เป็นเพราะสีหน้าซีดเผือดไร้เม็ดสีของลูกชายที่ไม่เชื่อหูตัวเองยังจะเอาผิดแม่อีกคน “แม่ทำไมไม่บอกผม.. แม่ปล่อยพุดไปได้ยังไง?” “บ้านเงียบ ๆ แบบนี้ใครมันจะอยากอยู่ แม่ยังไม่อยากจะอยู่ นี่ถ้าแกไม่โทรมา แม่ก็ไม่มาหรอก แค่จะมาเอาของกับดูบ้านสักหน่อยเท่านั้นแหละ” “แต่ผมบอกให้แม่อยู่กับพุด” ในน้ำเสียงไม่พอใจ แม่อนงค์ยกมือเท้าเอวเอาเรื่อง “ขืนอยู่จะได้เป็นบ้าเพราะมันก่อนน่ะสิ ร้องไห้เช้ากลางวันเย็นก่อนนอนยังกับแม่ม่ายผัวตาย มันไม่ผูกคอตายคาขื่อบ้านแกก็เป็นบุญเท่าไร กว่าจะเลี้ยงมันโตมาก็แทบแย่ แม่ต้องมารอเก็บศพมันด้วยหรือยังไง?” บ้านอีกหลังที่อาศัยอยู่กับหลานๆ นั้นก็อยู่ในซอยเดียวกัน อนงค์จึงเดินทางมาเยี่ยมเยียนบ้านหลังนี้อาทิตย์ละวันสองวัน มาบ่อยขึ้นตั้งแต่ปรายลดาเริ่มแตกเนื้อสาว... อาจจะด้วยสาเหตุว่าสายตาของชายหนุ่มที่มองลูกเลี้ยงนั้นเปลี่ยนไป ชนิดว่าคนรู้กันทั้งซอย! ใคร ๆ ก็รู้ว่าพ่อบ้านนี้ไม่เคยกลับบ้าน ทิ้งน้องชายให้เลี้ยงลูกแทน ซึ่งขี้ปากหลายคนละแวกนี้ก็คงจะกล้านินทาแค่ลับหลังเท่านั้นว่าลูกเลี้ยงอาเลี้ยงกลายเป็นคู่ผัวเมีย เจ้าของบ้านจึงบากหน้าทนไปอย่างไม่สะทกสะท้านอะไรมาหลายปี กระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง ไม่รู้นึกครึ้มอะไรถึงได้หอบเสื้อผ้าหนีไปดื้อ ๆ “พุด... ร้องไห้เหรอแม่? ตอนนี้.. พุดอยู่ที่ไหน?” “ฉันจะไปรู้ไหมล่ะ? โต ๆ กันแล้ว จัดการปัญหาเองก็แล้วกัน ฉันจะกลับไปเลี้ยงหลานละ” น้ำเสียงขุ่นมัวของอนงค์หมายความว่าหล่อนไม่อยากยุ่งอะไรด้วยอีก ที่หญิงสาววัยเจ็ดสิบสองปีมาคงเป็นเพราะกำลังเห่อหลานคนใหม่ จึงตั้งใจมาเอาของในสมัยปรายลดายังเป็นเด็กสาวตัวกระจ้อยร่อย เพื่อระลึกความหลัง ได้ถือโอกาสมาหาลูกชายด้วย ปรเมษฐ์มีพี่สาวอีกสองคน แต่งงานมีครอบครัวกันไปหมดแล้วยังเปลี่ยนนามสกุลตามสามี เป็นเหตุให้เขาคือความหวังอันริบหรี่ของบ้านที่อาจรักษานามสกุล ‘โรจน์จินดา’ ไว้ให้สืบทอดต่อไป หากว่ามีโอกาสจะได้มีลูกมีหลานกับเขา ส่วนอีกคนนั้นคือปองกานต์คงไปตั้งความหวังอะไรไม่ได้ ของเล่นเด็กบางส่วนถูกห่อวางไว้ในกล่องลังหลายใบก่อนหน้าที่เขาจะกลับมาถึง ชายหนุ่มเดินตามแม่ลงไปข้างล่าง เพื่อช่วยยกของขึ้นรถยนต์ พี่สาวของเขาจอดรถรอแม่อยู่ออกจะดีใจเพราะนาน ๆ ได้พบกัน นานขนาดว่าคงจุดพลุฉลองได้ หากจะได้เห็นหน้าค่าตาของน้องชายแท้ ๆ สักครั้ง จึงลดกระจกลงเพื่อถามไถ่ “อ้าว! มาพอดีเลยไอ้น้อง เป็นไงบ้าง ผอมลงหรือเปล่าแก?” “นิดหน่อยพี่แป๋ว... อาหารไม่ถูกปากน่ะ” สองแม่ลูกนั่งในรถเรียบร้อยดีแทบหัวเราะออกมา คงไม่ใช่เพราะกับข้าวที่นู่นไม่อร่อยเหมือนอาหารไทย แต่เป็นเพราะไม่มีแม่ครัวประจำตัวที่ทำอะไรก็อร่อย แม่ครัวคนสวยยังเป็นแม่บ้านทำทุกอย่างให้เขาแม้กระทั่งซักชุดชั้นใน... จะไม่ให้คิดถึงยังไงไหว “ถ้าเจอพุด ฝากเอาเสื้อนี่ไปให้ด้วยนะ บอกว่าพี่เอาอีกสองตัวสีแดงกับสีชมพู ไซส์นี้แหละ” ชายหนุ่มรับเดรสตัวสวยสีขาวมาด้วยสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย เขาเคยได้ยินจากอลันเมื่อหลายปีก่อนว่าปรายลดาทำหัดทำธุรกิจออนไลน์ ตามสาขาที่เรียนคือบริหารธุจกิจ การจัดการการตลาด “พุด... ยังขายเสื้อผ้าอยู่เหรอพี่?” “ขายสิ เดี๋ยวนี้นางเปิดร้านใหญ่โตกับเพื่อนสาว พี่ได้ยินว่าเพิ่งกู้ซื้อคอนโดฯ ผ่านด้วย อายุเท่านี้เอง เก่งมาก ๆ” “อ้าว ไม่ใช่ไปอยู่กับแฟนเหรอ? พ่อรูปหล่อคนนั้นน่ะ” ได้ยินเท่านั้น ความริษยารุนแรงปรากฏขึ้นในสายตาประกายกร้าว หวงแหนราวกับว่าหญิงสาวเป็นสมบัติส่วนตน “พุดจะไปกับคนอื่นได้ยังไงแม่ พุดจะมีแฟน ยังไงก็ต้องบอกผมเป็นคนแรกสิ” เขาคิดแบบนั้น คิดได้ตรงใจแม่อนงค์ที่รู้ดีว่าลูกชายน่าจะโกรธจนเป็นบ้าได้เพราะความหึงหวง “แม่ก็ไม่รู้ แต่นางพาหนุ่มมาให้แม่รู้จักคนแรก ปรกติแล้วเคยพาใครมาที่ไหน? จะว่าเป็นกะเทยก็ไม่น่าใช่ ไปคุยกันเองละกัน แม่ไปละ” “ไว้เจอกันไอ้น้อง มีอะไรค่อย ๆ คุยกันนะ” บอกลากันดีแล้วรถยนต์ก็เคลื่อนตัวออกไปจนลับตา คำพูดของแม่ทำให้เขาต้องใช้ความคิดอย่างหนัก ขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปมบนใบหน้ายุ่งเหยิง กลับเข้าบ้านพร้อมเสื้อเดรสในมือหนึ่งตัว ก่อนที่เขาจะโยนของเกะกะลงบนโซฟาอย่างไม่แยแส ล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า ไม่มีเสียงตอบรับจากปลายสายที่อาจจะปิดเครื่องเปลี่ยนเบอร์หนีเขาหรือเกิดเรื่องอะไรขึ้นไม่รู้ได้ เขารู้แค่ว่าเธอไม่เคยเป็นแบบนี้... หากว่าเขาหายไปไม่ว่าจะนานเท่าไร เธอจะรอ... รอเขากลับมา วิ่งเข้าหาอ้อมกอดของเขาในก้าวแรกที่ประตูบ้านเปิดออก ร้องไห้อย่างดีอกดีใจ แล้วร้องไห้อีกครั้งในวันที่เห็นกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ นานแล้วที่เขาทิ้งปรายลดาอยู่บ่อย ๆ ตั้งแต่เธอเริ่มแตกเนื้อสาว ตั้งแต่... ดวงตาของเขาหยุดอยู่ที่ผมสีดำนุ่มสลวยลอดผ่านปลายนิ้วทีละเส้น นาฬิกาชีวิตของเขาหยุดเดินไปกับรอยยิ้มแสนสวยของเธอ กลิ่นหอมอ่อนจากนวลเนื้อเนียนละเอียดโชยมาแตะจมูกแล้วเขาก็จะค่อย ๆ พริ้มตาปิดลง จินตนาการอะไรต่อมิอะไรไปต่าง ๆ นา ๆ ในแบบของผู้ชายคนหนึ่ง... ไม่ใช่อาหรือพ่อเลี้ยง... แต่เป็นไอ้โคแก่บ้ากาม! จ้องจะเขมือบเด็กสาว สิบสามปี สิบห้าปี สิบแปดปี ยี่สิบปี.... เขาจึงตัดสินใจที่จะไป เฝ้ารอเธออยู่ห่าง ๆ ดูภาพถ่ายที่แม่ส่งไปให้ในสถานที่ที่ไกลมากพอหนีพ้นความรู้สึกประหลาดในหัวใจ ถึงไม่เคยทำได้สักครั้ง ยิ่งหนีเท่าไร ก็ยิ่งจะต้องออกแรงวิ่งให้มากขึ้นอีก วิ่งจนถึงจุด ๆ ที่วิ่งต่อไปไม่ไหว สุดท้ายก็วิ่งกลับไปที่เดิม ทุกวันนี้เขายังสงสัยอยู่ว่าจะหนีเธอไปให้เหนื่อยทำไม? ทำไมเขาไม่อยู่เคียงข้างเธอ ให้กำลังใจเธอให้ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่ส่งแค่เงิน กลับบ้านมาอยู่เป็นพัก ๆ แล้วก็หาเรื่องไปทำงานต่างประเทศ ไป ๆ มา ๆ จนวันนี้เธออาจจะเป็นฝ่ายทิ้งเขาบ้าง... เขาต้องรอสาวน้อยในความดูแลกลับมางั้นเหรอ!?ปรายลดาจำเป็นต้องเรียกแท็กซี่กลับบ้านก่อนเวลา ด้วยเหตุว่าเธอมีไข้ต่ำ ๆ จนเรียนวิชาต่อไปไม่ไหว ขณะที่เพื่อนรักอาสาอยู่จดบันทึกการสอนในห้องเรียนให้ แทนที่จะไปส่งซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องแปลกอยู่เธอเป็นคนไม่มีญาติที่ไหน... นอกจากพี่เปา แม่อนงค์ และยัยปริม ก็คงจะไม่มีใครจริง ๆ พ่อปองกานต์จริง ๆ แล้วก็ไม่ใช่พ่อของเธอ ไม่เคยมาแยแสกันด้วยซ้ำนานแล้วที่เธอเคยอ่านหัวข้อสนทนา ‘ในวันที่ไม่รู้ว่าเป็นลูกใคร’ ในโลกออนไลน์ พอได้เกิดเข้ากับตัวเองจริงดันขำไม่ออก เพราะนั่นหมายความว่าเธอจะต้องดิ้นรนและพยายามให้มากกว่าคนอื่นหลาย ๆ เท่าคอนโดมีเนียมของเธอที่ซื้อไว้นั้นอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย โดยสารทางรถยนต์แค่สิบนาทีก็ถึง จะเรียกวินมอเตอร์ไซค์ให้ไปส่งไม่น่าจะถึงห้าสิบบาท ต่อให้เป็นช่วงการจราจรติดขัดทันทีที่มาถึงห้องสตูดิโอฯ สี่เหลี่ยมที่มีขนาดกำลังพอดีไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป ตกแต่งด้วยดีไซส์ทันสมัยสมราคา เธอไม่ลืมส่งข้อความบอกเพื่อนว่าเดินทางมาถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพ ก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาจากกล่องยาในกระเป๋าสะพาย เดินตรงไปที่ตู้เย็น...ทันใดนั้นเอง ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างมองชายร่างสูงใหญ่ในชุดทำงานเรียบร้อยก้าวพ้
ร่างสูงในเสื้อผ้าหลุดลุ่ยชุดเดิมยังนั่งอยู่ข้างเตียง หลายชั่วโมงแล้วที่คนป่วยมีอาการระส่ำระส่ายเพราะพิษไข้ เสียงพร่ากระซิบเรียกหาเขาอยู่ซ้ำ ๆ ใบหน้าสดสวยริมฝีปากอิ่มงามที่เขาเคยหลงใหลบัดนี้ซีดขาวราวกระดาษ กระทั่งเรือนกายซูบผอมจนเห็นกระดูก ตอกย้ำความรู้สึกผิดให้มากขึ้นเป็นเท่าตัว มือของเธอร้อน ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ เพราะยาคงไม่ได้ออกฤทธิ์นานนัก มันเป็นการรักษาที่ปลายเหตุระงับความเจ็บปวดได้ชั่วครั้งชั่วคราว ปรเมษฐ์จินตนาการไม่ออกจริง ๆ ว่าตลอดเวลาที่เขาจากไป เธอมีชีวิตอยู่ยังไง และการที่คนแข็งแรงไม่เคยป่วยอย่างปรายลดาถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อ น่าจะมีสาเหตุมาจากตัวเขาผู้ทำลายภูมิต้านทานของสาวน้อยไม่มีชิ้นดี ป่วยใจมักลามไปถึงกาย... เธอคงจะไม่ได้ดูแลสุขภาพของตัวเองเลย เพราะไม่มีคนชวนไปออกกำลังกาย เข้าฟิตเนส แม้แต่วิ่งในสวนสาธารณะในทุก ๆ เช้าเย็น อาหารการกินคงไม่มีอะไรลงท้องด้วยซ้ำ ถึงได้ผอมเอาๆ ชายหนุ่มคอยเฝ้าเช็ดทั้งใบหน้าและลำคอเปียกชุ่มเหงื่อโทรมกายด้วยผ้าสีขาวในขันน้ำเล็กข้าง ๆ ซึ่งคงจะทำได้เท่านั้น ในเมื่อมีครั้งที่หนึ่งก็ต้องมีครั้งสอง หากได้จับต้องหนึ่งครั้ง มันจะลุกลามไปอย่างรวดเร็วเ
ปรายลดาเป็นเด็กกตัญญูรู้คุณต่อผู้มีพระคุณเสมอ แม้ยังมีความรู้สึกขุ่นเคืองใจพ่อเลี้ยงอยู่ เธอเคยทำหน้าที่ดูแลเขาอย่างไร ยังทำเหมือนเดิมไม่มีขาดตกบกพร่องแต่เช้ามาไข้ที่ลดลงมากแล้วทำให้พอลุกไหว เธอจึงเข้าครัวไปทำอาหารง่าย ๆ เอาเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าเดินทางของเขาใส่ไม้แขวนไว้อีกฝั่งถัดจากเสื้อผ้าของเธอ ของใช้ผู้ชายก็นำไปไว้ในห้องน้ำ วางข้าวต้มลงบนโต๊ะแล้วครอบฝาไว้การกระทำทุกย่างก้าวอยู่ในแววตาคู่คมเข้มประกายจรัสคู่หนึ่งของคนที่นอนเหยียดกายอยู่บนโซฟาในชุดทำงานชุดเดิมของเมื่อวานความร้อนรุ่มในเรือนกายชายแกร่งสะสมมาร่วมสองเดือน กับการที่เขาต้องไปอยู่คนเดียวลำพัง ไกลถึงเกาะสวรรค์อย่างปาลาวัน ประเทศฟิลิปปินส์ มันเหมือนน้ำเดือด ๆ ในกระติกน้ำร้อนที่ใส่น้ำเยอะเกินไปมันอาจจะระเบิด... หรือเครื่องพังตอนไหนก็ได้ปรเมษฐ์คิดว่าเธอน่าจะรู้...จากขอบตาแดงช้ำใต้ดวงตาคู่สวยที่ยังคงลอบมองโซฟาหน้าโทรทัศน์จอแอลซีดีอยู่บ่อย ๆ ไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวเสือโหย ดูท่าทางว่าจะอยากเป็นอาหารเสืออีกต่างหากร่างบางในชุดนักศึกษาค่อย ๆ นั่งลงบนโซฟาข้างคนที่นอนขี้เกียจอยู่กับผ้านวมหนา “พี่เปาจะกินข้าวเลยไหม? จะกินน้ำอะไร พุ
ในทุก ๆ วันศุกร์เป็นวันที่นักศึกษาการตลาดระดับชั้นปีที่สามเรียนเสร็จในช่วงบ่าย อาการร้อนรนก้นไหม้นั่งไม่ติดเก้าอี้ทำให้ปรเมษฐ์ต้องบึ่งรถยนต์คู่ใจจากคอนโดมีเนียม มาจอดรออยู่ข้างตึกคณะก่อนเวลาเลิกเรียน หลังจากที่เขาได้โทรไปถามนัชชาว่าเธอกำลังรับประทานยาอะไรกันแน่กว่าจะเค้นคอเอาความจริงมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยความที่นัชชาปกปิดความลับนี้ให้เพื่อนมานาน หล่อนระเบิดอารมณ์ใส่ตัวต้นเหตุอย่างเขา จึงค่อยยอมบอกว่าปรายลดาเป็นโรคเครียดสะสม ร้องไห้อยู่บ่อย ๆ จนต้องรับประทานยาระงับประสาท และยาต้านซึมเศร้า...ก็คงจะเป็นโชคดีที่แม่ม่ายผัวตายไม่ตัดสินใจคล้องคอบนขื่อบ้านอย่างที่แม่อนงค์บอก เขายังเผลอดีใจไปว่าเธอขาดเขาไม่ได้ กระทั่งพบว่าเหตุผลทั้งหมดมันหักลบกลบกันไม่มีเหลือท่าทางกระหนุงกระหนิง หัวเราะคิกคักของสองหนุ่มสาวที่เดินเคียงข้างกันมาถึงหน้ารั้วมหาวิทยาลัยพาเปลวโทสะในดวงตาคู่คมลุกโชน ปรเมษฐ์กระโจนกายออกจากรถยนต์ที่จอดรออยู่หลายนาน มือกระแทกประตูรถยนต์ให้ปิดลงจนเกิดเสียงดัง ไปหยุดยืนอยู่ข้างหน้าคนทั้งสอง“สวัสดีครับ คุณพ่อ” นักศึกษาหนุ่มสูงยาวเข่าดีหน้าตาหล่อเหลาเอาการยกมือไหว้เขาในทันที ขณะที
ข้าวปั้นปลาดิบและอาหารมากมายบนโต๊ะไม่มีอะไรพร่องไปจากจานเลยสักอย่าง ธามไทนั้นไม่พอใจเป็นอย่างมาก พยายามจะตามไปแต่ก็ไม่ทัน เขายังไม่รู้ว่าแฟนสาวของตัวเองพักอยู่ที่ไหน ขณะที่ปรเมษฐ์สั่งพนักงานให้ห่ออาหาร ออกจากร้านอาหารไปด้วยท่าทางสบายใจ จนกระทั่งมาถึงห้องแล้วพบว่านัชชาแวะมาปรกติสองคนนี้เจอกันแทบทุกวัน เรียนที่เดียวกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด เขาถึงได้ตัดสินใจหนีปัญหาหัวใจ ไปทำงานไกลถึงต่างประเทศ เพราะคิดว่าหญิงสาวยังมีเพื่อนรักและแม่อนงค์ โดยไม่ได้รู้มาก่อนเลยว่า...ปรายลดากลัวการถูกทอดทิ้ง โดยเฉพาะจากพ่อเลี้ยงที่เธอรักมาตลอด เธอจึงเริ่มป่วย เหมือนคราวที่เขาจากไปคราวก่อนโรคซึมเศร้าเป็นปัญหาสภาวะสังคมในปัจจุบัน ผู้ป่วยจะเป็นโรคซึมเศร้าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมค่อนข้างมาก อารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด พฤติกรรม ร่างกายอ่อนแอลงในลำดับต่อมาสมัยมัธยมต้นครั้งหนึ่ง และมัธยมปลายอีกครั้ง ปรายลดามีผลการเรียนอยู่ในระดับตกต่ำจนเกือบต้องซ้ำชั้น หากไม่ได้เพื่อนรักอย่างนัชชาคอยช่วยเหลือ พาไปพบจิตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ และรับประทานยา ยังช่วยสะสางงาน กระตุ้นให้ทำงานส่งอาจารย์ให้ครบ ปรายลดาจึงก้าวผ่าวช่วงเวลา
“พี่จะนอนกับพุดทุกวัน” ปลายเสียงแอบแฝงความเจ้าเล่ห์ ปลายเท้าหนาที่ยังสวมถุงเท้าอยู่ก้าวไป หยุดยืนมองมือเรียวซึ่งคว้ารองเท้าสกปรกของเขาได้คู่หนึ่ง ปรายลดาไม่ใช่เด็กสาววัยใสอีกต่อไป... เธอพอจะรู้ และก็ค้างคาใจ “คือ... พุดไม่อยากให้พี่ธามเสียใจ เขาดีกับพุด คอยให้กำลังใจพุดตลอด พุดไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่เปาจะทิ้งพุดไปอีกเมื่อไร” ‘เขาดีกับพุด’ แววตาคู่คมทอประกายวูบไหวดุจเปลวไฟ เขาโกรธพอ ๆ กับที่เจ็บปวด ทว่าสติที่อยู่ครบถ้วนดีบอกว่าเขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง ขณะยืนดูหญิงสาวขัดรองเท้าสีดำเปรอะเปื้อนให้เงามัน... “เมื่อคืนนี้พี่นอนอยู่ที่โซฟา พี่รู้สึกเหมือนมีคนเดินผ่านไปผ่านมาในห้อง พุด... ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ?” “รู้สึกอะไร? ไม่เห็นจะมีอะไรนี่” เอ่ยเนือย ๆ แล้วเธอก็จัดการรองเท้าหนังราคาแพงจนใหม่เอี่ยมสะอาดในระดับที่พึงพอใจ วางไว้ให้เรียบร้อยดี “พี่เคยได้ยินเรื่องคอนโดฯ มือสอง ฆ่ายกครัว ผูกคอตาย... ทาสีใหม่ ใส่เฟอร์สวย ๆ ขายราคาถูก แป้บเดียวมีคนมาซื้อละ ลูกค้าประจำของพี่ประมูลบ้าน ที่ดิน คอนโดฯ มือสองมาโมใหม่แล้วขายต่อ พุดรู้หรือเปล่า? ห้องสวย ๆ มันราคาถูกเพราะว่าเคยมีคนตาย” “พี่เปา... พูดอะไร
รายการสุดสยองในคืนวันศุกร์... สยองสมชื่อรายการ หลังจากที่ยื้อแย่งกันอยู่ว่าจะดูรายการตลกหรือรายการผี คนที่มีกำลังมากกว่าได้ครอบครองรีโมทก็ดื้อดึงกดเปลี่ยนมันกลับมาอย่างไม่น่ารักเอาเสียเลยปรเมษฐ์กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะไปจับหนูในห้องน้ำให้ดี ๆ หรือปล่อยให้เธอกลัวอยู่เรื่อย ๆเมื่อเสียงโครมครามดังมาจากห้องน้ำอยู่หลายระลอก ตามด้วยแรงสะดุ้งที่ทำให้ตาคมต้องเหลือบมองเสื้อสีขาวสะอาดเปรอะเปื้อนน้ำส้มอยู่เป็นหยดหย่อม เรียวแขนทั้งสองกอดรัดลำแขนแกร่ง ถูไปถูมาแต่ละที! หนุ่มวัยสี่สิบสองปีผู้ถือศีลอดมานานได้แต่อดทน อดกลั้น...ยุบหนอ พองหนอ... มันก็ยุบยวบ พองขึ้นตามระดับสายตาที่แอบลอบมองอยู่เรื่อย ๆจินตนาการไปถึงไหนต่อไหนว่าข้างในเรือนกายนุ่มนิ่มกลิ่นหอมจะมีอะไรแอบซ่อนอยู่ ผิวขาวละเอียดนุ่มติดมือเหมือนก้นเด็กน้อยนั้นปั่นป่วนประสาทได้แค่ไหนไม่น่าไหว... และก็ไม่น่าจะดีแน่ ๆ“อืม... พี่ว่าพุดหายกลัว... ก็ไป... อาบน้ำได้แล้วนะ”“พี่เปาบอกจะไปจับหนูในห้องน้ำให้พุดไง... ไปจับเลยนะ ถ้ามันมีหนูพุดจะอาบน้ำได้ยังไง” บ่นอุบอิบ ใบหน้าร้อนผ่าวยิ่งซุกซบวงแขนเป็นล่ำสัน และเธอก็คงจะไม่เลิกราเพราะชอบมันเป็นที่สุด ถึง
“ไปไกล ๆ เลยนะ พุดจะนอนแล้ว พรุ่งนี้มีเรียน” แล้วเธอก็ทิ้งตัวลงนอน ไม่ลืมบอก “ไม่ต้องปิดไฟนะ”ปรเมษฐ์ถือว่าเขาได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของแผ่นหลังบางที่จงใจนอนหันก้นให้จึงแค่นยิ้ม แทรกกายเข้าซุกในผ้านวมหนาข้าง ๆ กัน วางงานของเธอไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง นอนแหงนหน้ามองไปที่เพดานสีขาว“พุด... ไว้ตอนซัมเมอร์ พี่จะพาไปเที่ยวทะเลสวย ๆ เราไปกันสองคนดีไหม?” ไม่รู้อะไรที่ทำให้เขาพูดมันขึ้นมา ขณะที่มือของเธอกำผ้าปูที่นอนไว้แน่นเพราะความประหม่า... ตื่นเต้น.. อา.. นั่นสิ เธอเคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อน“พุดว่าไปหลายคนสนุกกว่า”“แน่ใจนะว่าพุดไม่เป็นไร ถ้าไปกันหมด พี่ปองไม่ได้ทำให้เราอึดอัดใช่มั้ย?”ครอบครัวของเขาไปเที่ยวกันปีละครั้ง ปองกานต์ชอบที่จะพาผู้หญิงไปด้วย ก็นอนรวม ๆ กันเป็นบ้านหลังใหญ่ เป็นบังกะโลแล้วแต่โอกาส“พ่อไม่สนใจพุดอยู่แล้วนี่ พุดไม่ใช่ลูกพ่อปอง... พุดเป็นลูกพ่อเลี้ยงไง ฮะ ๆ” หัวเราะเจื่อน ๆ กระชับผ้าขึ้นซุกตัวอย่างรันทดใจ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อกับแม่ทะเลาะเรื่องอะไรกัน แม่ของเธอไม่อยู่แล้วและผู้ชายคนนั้นก็ไม่เคยจะเหลียวแลเธอตั้งแต่ที่รู้ว่าไม่ใช่พ่อ“พี่ไม่ได้อยู่กับเราตลอดซะหน่อย ถ้า