ห่างกันสักพักคงดี...
ชายหนุ่มคิดฟุ้งซ่านอยู่ตลอดวันหยุดงานที่เขาไม่คิดจะโทรหาปรายลดา ต่อให้โทรมาเขาก็คงไม่รับ และใช้ข้ออ้างเดิม ๆ ว่างานยุ่ง ทันใดนั้นเอง เสียงโทรศัพท์สั่นดังจากข้างหู ใบหน้าหล่อเหลาลงตัวหันมองตาม หยิบขึ้นมาดูอย่างพิจารณา แน่ว่าที่ไหนบนโลกแม้จะเป็นกลางทะเลเดี๋ยวนี้ก็มีสัญญาณ ปลายสายไม่น่าจะใช่คนขี้งกที่เจียดเงินทุกบาททุกสตางค์ไว้เล่าเรียน ไม่ว่าเขาจะหาเงินให้ใช้มากมายเท่าไร แต่เป็นนัชชา... ‘พุทรามีแฟนแล้วนะคะ พ่อเลี้ยง... พี่รหัสชื่อธามไท กำลังจะย้ายไปอยู่ด้วยกัน’ ข้อความสั้น ๆ ได้ใจความชัดเจน ร่างสูงลุกพรวดขึ้นกำโทรศัพท์แน่นยังกับว่าจะบีบมันให้แหลกคามือ ทะเลสีมรกตสดสวยละเลงด้วยเปลวเพลิงแห่งโทสะลึกลงไปในดวงตาของเขาเอง “จะมีผัวเป็นตัวเป็นตน ไม่คิดบอกพ่อเลี้ยงเลยสักคำงั้นหรือ? พุทรา...!” ปลายเสียงตวาดกร้าวอยู่ลำพังในเรือที่เหมาเอาไว้ทั้งลำ ระดับหุ้นส่วนใหญ่บริษัทรับเหมาก่อสร้างเอกชน เจ้าของรีสอร์ตหรูริมทะเลหลายแห่ง สถาปนิกคนดังที่ทั้งสร้างและถือหุ้นใหญ่ผูกขาดไว้กับตัวเอง ต่อให้เจียดให้ลูกเลี้ยงในนามกับแม่บ้าง เขาก็ยังเหลือกินเหลือใช้ มีเงินมากพอที่จะเหมาโรงแรมกลางทะเลนอนเล่น ปรเมษฐ์พยายามที่จะต่อสายหาเด็กสาวในความดูแล แต่ก็ไร้วี่แววเสียงหวาน ๆ ของคนที่ขาดการติดต่อกันไป ซึ่งในคราวแรกนั้นมันเริ่มต้นมาจากเขา “ไม่รับโทรศัพท์พี่เรอะ! กล้ามากนักนะ ดี! ถึงเวลาอย่ามาของค่าเทอมละกัน” ว่าไปแล้วเขาถึงได้กลอกตาไปมา พยายามสงบสติอารมณ์ เมื่อนึกถึงตอนโอนเงินไปให้ครั้งล่าสุดสองเดือนที่แล้ว... ปรกติเขาจะสั่งเลขาฯ ให้โอนเงินให้แม่และปรายลดาทุกเดือนในจำนวนไม่เท่ากัน มากน้อยแล้วแต่ความเหมาะสม และสถานการณ์ทางการเงินของตัวเขาด้วย ด้วยความที่แม่อนงค์มีลูกหลานมาก นอกจากเขาแล้วก็มีพี่สาวพี่ชาย มีหลานอีกห้าคน ให้ไปห้าถึงหกหมื่นบาทบางทีเป็นแสนก็ไม่พอใช้ ดันมีเรื่องแปลก ๆ คือแม่ไม่ขอเงินเขาเพิ่ม... ปรเมษฐ์ตัดสินใจต่อสายหาแม่ แต่หล่อนอาจเลี้ยงหลานหรือทำอะไรสักอย่างอยู่ ร่างกำยำที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามในกางเกงขาสั้นที่ดูเล็กไปถนัดตา กระแทกเท้าปึงปังลงมาจากดาดฟ้าเรือ ภายใต้แสงอาทิตย์ร้อนแรงแม้มีหลังคาบดบังความร้อนอยู่ จิตใจร้อนรุ่มกระวนกระวายของเขาไม่ได้เย็นลง... พุทราคนสวยของเขาไม่ธรรมดามาตั้งแต่เริ่มย่างเข้าสู่วัยสาว เขายังจำได้ว่าตอนอายุสิบกว่าขวบ ไม่ว่าประกวดความงามเวทีไหน รอยยิ้มแสนหวานในความสวยอย่างไทยราวภาพวาดนางในวรรณคดีทำให้เธอคว้ารางวัลมาทุกเวที ตอนนี้ก็ยังเป็นดาวมหาวิทยาลัย! ที่ผ่านมา เขาไม่เคยทิ้งลูกกระต่ายน้อยน่ารักไว้ลำพังท่ามกลางฝูงหมาป่าหิวกระหาย เว้นคราวนี้ที่จากมา “อลัน... แกไปเช็คเอ้าท์ให้ฉัน จ่ายราคาเต็ม จองตั๋วกลับไทย ไฟล์เร็วที่สุดให้ฉันภายในวันนี้” เลขานุการประจำตัวของปรเมษฐ์ยืนรออยู่ หลังชะโงกหน้ามองขึ้นไปข้างบน ได้ยินเสียงคนโวยวายประมาณว่าทะเลแสนสวยที่ชื่นชมความงามมาแต่เช้าจะกลายเป็น ‘ทะเลเดือด’ “ครับ ผมจะจัดการให้ แล้วคุณเปาจะให้ผมไปดูไอ้เด็กนั่นด้วยไหม? แฟนน้องพุทราน่ะ” เป็นงานนอกเหนือจากงานประจำเงินเดือนสูงลิบ ลูกครึ่งหนุ่มบราซิลส่งผ้าขนหนูให้มือหนารับไปพาดบ่าไว้ “ฉันจะไปหามันเอง พุดทำอะไร นอกจากเรียนไหม?” “จะรู้ไหมครับ? ก็บอสบอกผมว่าไม่ต้องตาม... คงจะขายเสื้อผ้าแฟชั่นเหมือนเดิมหรือเปล่า?” อลันไหวไหล่ มือหยิบแท็บเล็ตที่วางไว้บนโต๊ะขึ้นมาปัดไปมา ทั้งงานบริษัทรับเหมาก่อสร้าง รีสอร์ตส่วนตัว อสังหาริมทรัพย์ ไม่มีทางที่จะทำคนเดียวไหว เลขานุการชาย เป็นตัวเลือกของปรเมษฐ์ เพราะไม่ต้องการภาระเรื่องชู้สาวตามมาทีหลัง นิสัยยุ่มย่ามวุ่นวายเรื่องของเจ้านายก็ไม่มากเกินพอดี ทำงานแค่ตามคำสั่ง ทว่าเขาอาจจะตัดสินใจผิดไปสักหน่อย หน้าตาระรื่นของหนุ่มวัยสามสิบปีบอกว่าเจ้าตัวช่างมีความสุขกับการเพ่งจอสี่เหลี่ยมเพื่อจัดการงานของตน “คนอะไรไม่รู้ ยิ่งโต ยิ่งสวย... ไม่น่ารีบมีแฟนเลย” “แกว่าอะไร... เมื่อกี้ แกพูดว่าอะไรนะ?” สุ้มเสียงเข้มขรึมขึ้น สายตาคมกริบจ้องลูกครึ่งหนุ่มเขม็ง สาวเท้าเข้าไปใกล้ ๆ บนเรือโคลงเคลงที่มีแค่เขา อลัน และกัปตันเรือ “เปล่าครับ ผมพูดกับลมฟ้าอากาศ” ในท่าทีเฉยเมย เลขานุการหนุ่มทำหน้าที่ของตัวเองอยู่อย่างไม่มีตกหล่น อลันไม่ได้เกรงกลัวเจ้านายไปเสียทุกเรื่อง เขาทำงานทุกอย่างให้ปรเมษฐ์ได้เหมือนกับว่าตัวเองเป็นน้องชายอีกคนหนึ่งมานับสิบปี ซึ่งความสนิทสนมนั้นได้รับผลตอบแทนในตัวของมันอย่างสมน้ำสมเนื้อ “ออ... พูดกับลมฟ้าอากาศ?” สิ้นคำ ดวงตาลุกโชนหลุบมองวงหน้าหล่อเหลาที่มองกลับมาครั้งหนึ่ง ความเป็นคนมือไว เขาก็คว้าจอสี่เหลี่ยมมาดูด้วยความเคลือบแคลงใจอะไรบางอย่าง พักหลัง ๆ มานี้ลูกน้องหนุ่มเล่นโทรศัพท์บ่อยขึ้น ปรเมษฐ์คาดหวังไว้ว่ามันควรเป็นเรื่องงานในเวลางาน เพราะเขาจ่ายเงินเดือนสูงลิบ พร้อมโบนัสพิเศษ ดวงไฟอีกดวงหนึ่งลุกไหม้ในเรือนกายชายแกร่งที่ขบกรามแน่นเป็นสันนูน เมื่อพบภาพถ่ายมากมายในพื้นที่ส่วนตัวของเลขาฯ “นี่แก... เซฟรูป... พุทราไว้เป็นหน้าโปรไฟล์...?” “รูปดารา... น่ะครับ” คนตอบฉีกยิ้มกว้างกลบเกลื่อนคำโกหก จากที่ไม่กลัวก็เริ่มกลัวขึ้นมาบ้างแล้วตอนนี้ ขณะร่างสูงตวัดกายแกร่งเดินไป ถือวิสาสะเปิดดูทุกอย่างเหมือนเป็นโทรศัพท์ของตัวเอง นอกจากหน้าจอที่มีหญิงสาวหน้าตาสะสวยฉีกยิ้มหวานให้อย่างเต็มใจ เหมือนไปถ่ายมากับมือ ยังมีรูปถ่ายอีกมากมายเป็นอัลบั้ม ทั้งกินไอศกรีม เดินเล่นในสวนสาธารณะตามลำพัง บางครั้งก็อยู่กับเขา มันคือรูปเก่า ๆ ในวันวาน เป็นไปได้ว่าอาจเป็นเรื่องงานซึ่งเขาได้สั่งให้อลันคอยติดตามลูกเลี้ยงคนสวยอยู่ห่าง ๆ ไม่ให้บรรดาหนุ่มน้อยใหญ่มาแจกขนมจีบ แฟ้มภาพดันอยู่ในอีกที่หนึ่ง... มีตัวอักษรกำกับไว้ว่า ‘น้องพุทราคนสวย’ “ขออุปกรณ์การทำงานของผมคืนนะครับ... บอส” “ได้สิ...” เขาตอบเมื่อขายาว ๆ ที่ก้าวไปสุดท้ายเรือหยุดก้าวลง พลันหันหลังกลับไปส่งยิ้มให้อย่างเคย เพื่อส่งของคืนแต่ก็ไม่ถึงมือ... โครม! ชายร่างกำยำในเชิ้ตสีขาวสะอาดลงไปลอยคออยู่กลางทะเลด้วยลูกถีบของเจ้านายที่โบกแท็บเล็ตในมือไปมา วงหน้าหล่อเหลายิ้มเริงร่า พอได้ระบายอารมณ์เดือดพล่านไปกับทะเล และเลขาฯ ทรยศ! “พูดกับลมกับทะเลไปนานๆ นะ อลัน ฉันไม่รีบ แต่ถ้าแกทำงานช้า เงินเดือน ๆ นี้ไม่ต้องเอา”“ขอบคุณที่เลี้ยงพุดมานะคะ พ่อเลี้ยง พุดลาพ่อนะ...” ปรายรดาระบายลมหายใจสั่น ๆ หยดน้ำใสบดบังวิสัยทัศเบื้องหน้าให้พร่าเลือนลง ยามเชยหน้าขึ้นมองตู้ไม้สักที่เต็มไปด้วยของสะสมโบราณข้างบนนั้นมีภาพถ่ายครอบครัว เด็กสาววัยห้าขวบดูสดใสร่าเริงยืนหัวเราะร่าเคียงข้างหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา นัยน์ตาสีฟ้าครามรับจมูกโด่งเป็นสันคม รูปร่างกำยำเป็นล่ำสัน เพราะรักการออกกำลังกายและเข้าฟิตเนสเป็นประจำต้นตระกูลของปรเมษฐ์ผสมปนเปไปหลายเชื้อชาติ ทั้งไทย อังกฤษ จีน แขกมอญ ผิวพรรณของหนุ่มวัยสี่สิบสองปีจึงออกไปทางสีน้ำผึ้ง สูงชะรูดหุ่นนายแบบกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรถึงเขาออกจะเป็นคนเงียบขรึมสักหน่อย ในหมู่เพื่อนฝูงก็ยังป็อบปูลาร์ เรียกได้ว่าพ่อเลี้ยงชี้สาวคนไหนในยามท่องราตรี ผู้หญิงมากหน้าหลายตาต่างยินยอมพร้อมใจที่จะกระโจนกายขึ้นเตียงของเขา...เมื่อนานมาแล้วในสมัยที่ยังเป็นเด็กสาววัยสิบกว่าขวบ เธอเคยเห็นเขาพาผู้หญิงมาบ่อย ๆ หายเข้าไปในห้องหลายนาน...ห้องที่เธอไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปแม้กระทั่งทำความสะอาด เสียงสุขสมของผู้หญิงเหล่านั้นที่ดังลอดผ่านประตูออกมาสร้างความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสให้เธอทุกครั้งขอบตาแดงช้ำ
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคมคายในเสื้อเชิ้ตสีขาวหลุดลุ่ยจากกางเกงแสล็คดำ ผมเผ้ายุ่งเหยิงเพราะความรีบร้อน หยุดปลายเท้าลงในห้องโล่งเปล่าที่มีข้าวของหลายอย่างหายไปผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน อุปกรณ์การเรียนและหนังสือ ชั้นวางของกระจุกกระจิกสะอาดเกลี้ยงเหมือนเป็นห้องที่ไม่มีใครอยู่ ร่างสูงก้าวไว ๆ ไปที่ตู้เสื้อผ้าลายการ์ตูนเพื่อเปิดมันออกดูให้แน่ใจซึ่งก็ไม่มีเสื้อผ้าสักตัวจากเปลวโทสะลูกใหญ่ที่ทำให้เก็บกระเป๋าเสื้อผ้าตีตั๋วกลับประเทศไทยในทันที กลายเป็นความรู้สึกอ้างว้างประหลาดจู่โจมเข้ามาในหัวใจ“แม่... พุทราไปไหน?” เสียงทุ้มสั่นเครือ นัยน์ตาคู่คมเข้มสีฟ้าครามประกายกร้าวอ่อนลงเหลือแค่ความสิ้นหวัง ไม่แม้แต่จะเหลียวมองแม่อนงค์ที่ยืนข้าง ๆ กัน“เขาก็ไปอยู่ของเขาสิ โตแล้วนี่... จะไปไหนก็ได้ ทีลูกยังหอบกระเป๋าไปฟิลิปปินส์ไม่บอกคนที่บ้านสักคำ ถ้าแม่ไม่โทรไปถามปิ่นก็คงไม่รู้”ปิ่นแก้วเป็นเพื่อนสาวคนสนิทในกลุ่ม จบสถาปนิกมาด้วยกัน อยู่ในสายงานเดียวกันคือสายวิชาการออกแบบอุตสาหกรรม หากไม่เดินสวนกันหรือปากต่อปากบอกต่อ เขาตั้งใจไปอยู่คนเดียวเงียบ ๆ โดยไม่บอกใครสักคนจริง ๆ“แล้วพี่ปองล่ะ?” ในสีหน้าคร่ำเครียดกว่าเดิม
ปรายลดาจำเป็นต้องเรียกแท็กซี่กลับบ้านก่อนเวลา ด้วยเหตุว่าเธอมีไข้ต่ำ ๆ จนเรียนวิชาต่อไปไม่ไหว ขณะที่เพื่อนรักอาสาอยู่จดบันทึกการสอนในห้องเรียนให้ แทนที่จะไปส่งซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องแปลกอยู่เธอเป็นคนไม่มีญาติที่ไหน... นอกจากพี่เปา แม่อนงค์ และยัยปริม ก็คงจะไม่มีใครจริง ๆ พ่อปองกานต์จริง ๆ แล้วก็ไม่ใช่พ่อของเธอ ไม่เคยมาแยแสกันด้วยซ้ำนานแล้วที่เธอเคยอ่านหัวข้อสนทนา ‘ในวันที่ไม่รู้ว่าเป็นลูกใคร’ ในโลกออนไลน์ พอได้เกิดเข้ากับตัวเองจริงดันขำไม่ออก เพราะนั่นหมายความว่าเธอจะต้องดิ้นรนและพยายามให้มากกว่าคนอื่นหลาย ๆ เท่าคอนโดมีเนียมของเธอที่ซื้อไว้นั้นอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย โดยสารทางรถยนต์แค่สิบนาทีก็ถึง จะเรียกวินมอเตอร์ไซค์ให้ไปส่งไม่น่าจะถึงห้าสิบบาท ต่อให้เป็นช่วงการจราจรติดขัดทันทีที่มาถึงห้องสตูดิโอฯ สี่เหลี่ยมที่มีขนาดกำลังพอดีไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป ตกแต่งด้วยดีไซส์ทันสมัยสมราคา เธอไม่ลืมส่งข้อความบอกเพื่อนว่าเดินทางมาถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพ ก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาจากกล่องยาในกระเป๋าสะพาย เดินตรงไปที่ตู้เย็น...ทันใดนั้นเอง ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างมองชายร่างสูงใหญ่ในชุดทำงานเรียบร้อยก้าวพ้
ร่างสูงในเสื้อผ้าหลุดลุ่ยชุดเดิมยังนั่งอยู่ข้างเตียง หลายชั่วโมงแล้วที่คนป่วยมีอาการระส่ำระส่ายเพราะพิษไข้ เสียงพร่ากระซิบเรียกหาเขาอยู่ซ้ำ ๆ ใบหน้าสดสวยริมฝีปากอิ่มงามที่เขาเคยหลงใหลบัดนี้ซีดขาวราวกระดาษ กระทั่งเรือนกายซูบผอมจนเห็นกระดูก ตอกย้ำความรู้สึกผิดให้มากขึ้นเป็นเท่าตัว มือของเธอร้อน ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ เพราะยาคงไม่ได้ออกฤทธิ์นานนัก มันเป็นการรักษาที่ปลายเหตุระงับความเจ็บปวดได้ชั่วครั้งชั่วคราว ปรเมษฐ์จินตนาการไม่ออกจริง ๆ ว่าตลอดเวลาที่เขาจากไป เธอมีชีวิตอยู่ยังไง และการที่คนแข็งแรงไม่เคยป่วยอย่างปรายลดาถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อ น่าจะมีสาเหตุมาจากตัวเขาผู้ทำลายภูมิต้านทานของสาวน้อยไม่มีชิ้นดี ป่วยใจมักลามไปถึงกาย... เธอคงจะไม่ได้ดูแลสุขภาพของตัวเองเลย เพราะไม่มีคนชวนไปออกกำลังกาย เข้าฟิตเนส แม้แต่วิ่งในสวนสาธารณะในทุก ๆ เช้าเย็น อาหารการกินคงไม่มีอะไรลงท้องด้วยซ้ำ ถึงได้ผอมเอาๆ ชายหนุ่มคอยเฝ้าเช็ดทั้งใบหน้าและลำคอเปียกชุ่มเหงื่อโทรมกายด้วยผ้าสีขาวในขันน้ำเล็กข้าง ๆ ซึ่งคงจะทำได้เท่านั้น ในเมื่อมีครั้งที่หนึ่งก็ต้องมีครั้งสอง หากได้จับต้องหนึ่งครั้ง มันจะลุกลามไปอย่างรวดเร็วเ
ปรายลดาเป็นเด็กกตัญญูรู้คุณต่อผู้มีพระคุณเสมอ แม้ยังมีความรู้สึกขุ่นเคืองใจพ่อเลี้ยงอยู่ เธอเคยทำหน้าที่ดูแลเขาอย่างไร ยังทำเหมือนเดิมไม่มีขาดตกบกพร่องแต่เช้ามาไข้ที่ลดลงมากแล้วทำให้พอลุกไหว เธอจึงเข้าครัวไปทำอาหารง่าย ๆ เอาเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าเดินทางของเขาใส่ไม้แขวนไว้อีกฝั่งถัดจากเสื้อผ้าของเธอ ของใช้ผู้ชายก็นำไปไว้ในห้องน้ำ วางข้าวต้มลงบนโต๊ะแล้วครอบฝาไว้การกระทำทุกย่างก้าวอยู่ในแววตาคู่คมเข้มประกายจรัสคู่หนึ่งของคนที่นอนเหยียดกายอยู่บนโซฟาในชุดทำงานชุดเดิมของเมื่อวานความร้อนรุ่มในเรือนกายชายแกร่งสะสมมาร่วมสองเดือน กับการที่เขาต้องไปอยู่คนเดียวลำพัง ไกลถึงเกาะสวรรค์อย่างปาลาวัน ประเทศฟิลิปปินส์ มันเหมือนน้ำเดือด ๆ ในกระติกน้ำร้อนที่ใส่น้ำเยอะเกินไปมันอาจจะระเบิด... หรือเครื่องพังตอนไหนก็ได้ปรเมษฐ์คิดว่าเธอน่าจะรู้...จากขอบตาแดงช้ำใต้ดวงตาคู่สวยที่ยังคงลอบมองโซฟาหน้าโทรทัศน์จอแอลซีดีอยู่บ่อย ๆ ไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวเสือโหย ดูท่าทางว่าจะอยากเป็นอาหารเสืออีกต่างหากร่างบางในชุดนักศึกษาค่อย ๆ นั่งลงบนโซฟาข้างคนที่นอนขี้เกียจอยู่กับผ้านวมหนา “พี่เปาจะกินข้าวเลยไหม? จะกินน้ำอะไร พุ
ในทุก ๆ วันศุกร์เป็นวันที่นักศึกษาการตลาดระดับชั้นปีที่สามเรียนเสร็จในช่วงบ่าย อาการร้อนรนก้นไหม้นั่งไม่ติดเก้าอี้ทำให้ปรเมษฐ์ต้องบึ่งรถยนต์คู่ใจจากคอนโดมีเนียม มาจอดรออยู่ข้างตึกคณะก่อนเวลาเลิกเรียน หลังจากที่เขาได้โทรไปถามนัชชาว่าเธอกำลังรับประทานยาอะไรกันแน่กว่าจะเค้นคอเอาความจริงมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยความที่นัชชาปกปิดความลับนี้ให้เพื่อนมานาน หล่อนระเบิดอารมณ์ใส่ตัวต้นเหตุอย่างเขา จึงค่อยยอมบอกว่าปรายลดาเป็นโรคเครียดสะสม ร้องไห้อยู่บ่อย ๆ จนต้องรับประทานยาระงับประสาท และยาต้านซึมเศร้า...ก็คงจะเป็นโชคดีที่แม่ม่ายผัวตายไม่ตัดสินใจคล้องคอบนขื่อบ้านอย่างที่แม่อนงค์บอก เขายังเผลอดีใจไปว่าเธอขาดเขาไม่ได้ กระทั่งพบว่าเหตุผลทั้งหมดมันหักลบกลบกันไม่มีเหลือท่าทางกระหนุงกระหนิง หัวเราะคิกคักของสองหนุ่มสาวที่เดินเคียงข้างกันมาถึงหน้ารั้วมหาวิทยาลัยพาเปลวโทสะในดวงตาคู่คมลุกโชน ปรเมษฐ์กระโจนกายออกจากรถยนต์ที่จอดรออยู่หลายนาน มือกระแทกประตูรถยนต์ให้ปิดลงจนเกิดเสียงดัง ไปหยุดยืนอยู่ข้างหน้าคนทั้งสอง“สวัสดีครับ คุณพ่อ” นักศึกษาหนุ่มสูงยาวเข่าดีหน้าตาหล่อเหลาเอาการยกมือไหว้เขาในทันที ขณะที
ข้าวปั้นปลาดิบและอาหารมากมายบนโต๊ะไม่มีอะไรพร่องไปจากจานเลยสักอย่าง ธามไทนั้นไม่พอใจเป็นอย่างมาก พยายามจะตามไปแต่ก็ไม่ทัน เขายังไม่รู้ว่าแฟนสาวของตัวเองพักอยู่ที่ไหน ขณะที่ปรเมษฐ์สั่งพนักงานให้ห่ออาหาร ออกจากร้านอาหารไปด้วยท่าทางสบายใจ จนกระทั่งมาถึงห้องแล้วพบว่านัชชาแวะมาปรกติสองคนนี้เจอกันแทบทุกวัน เรียนที่เดียวกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด เขาถึงได้ตัดสินใจหนีปัญหาหัวใจ ไปทำงานไกลถึงต่างประเทศ เพราะคิดว่าหญิงสาวยังมีเพื่อนรักและแม่อนงค์ โดยไม่ได้รู้มาก่อนเลยว่า...ปรายลดากลัวการถูกทอดทิ้ง โดยเฉพาะจากพ่อเลี้ยงที่เธอรักมาตลอด เธอจึงเริ่มป่วย เหมือนคราวที่เขาจากไปคราวก่อนโรคซึมเศร้าเป็นปัญหาสภาวะสังคมในปัจจุบัน ผู้ป่วยจะเป็นโรคซึมเศร้าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมค่อนข้างมาก อารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด พฤติกรรม ร่างกายอ่อนแอลงในลำดับต่อมาสมัยมัธยมต้นครั้งหนึ่ง และมัธยมปลายอีกครั้ง ปรายลดามีผลการเรียนอยู่ในระดับตกต่ำจนเกือบต้องซ้ำชั้น หากไม่ได้เพื่อนรักอย่างนัชชาคอยช่วยเหลือ พาไปพบจิตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ และรับประทานยา ยังช่วยสะสางงาน กระตุ้นให้ทำงานส่งอาจารย์ให้ครบ ปรายลดาจึงก้าวผ่าวช่วงเวลา
“พี่จะนอนกับพุดทุกวัน” ปลายเสียงแอบแฝงความเจ้าเล่ห์ ปลายเท้าหนาที่ยังสวมถุงเท้าอยู่ก้าวไป หยุดยืนมองมือเรียวซึ่งคว้ารองเท้าสกปรกของเขาได้คู่หนึ่ง ปรายลดาไม่ใช่เด็กสาววัยใสอีกต่อไป... เธอพอจะรู้ และก็ค้างคาใจ “คือ... พุดไม่อยากให้พี่ธามเสียใจ เขาดีกับพุด คอยให้กำลังใจพุดตลอด พุดไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่เปาจะทิ้งพุดไปอีกเมื่อไร” ‘เขาดีกับพุด’ แววตาคู่คมทอประกายวูบไหวดุจเปลวไฟ เขาโกรธพอ ๆ กับที่เจ็บปวด ทว่าสติที่อยู่ครบถ้วนดีบอกว่าเขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง ขณะยืนดูหญิงสาวขัดรองเท้าสีดำเปรอะเปื้อนให้เงามัน... “เมื่อคืนนี้พี่นอนอยู่ที่โซฟา พี่รู้สึกเหมือนมีคนเดินผ่านไปผ่านมาในห้อง พุด... ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ?” “รู้สึกอะไร? ไม่เห็นจะมีอะไรนี่” เอ่ยเนือย ๆ แล้วเธอก็จัดการรองเท้าหนังราคาแพงจนใหม่เอี่ยมสะอาดในระดับที่พึงพอใจ วางไว้ให้เรียบร้อยดี “พี่เคยได้ยินเรื่องคอนโดฯ มือสอง ฆ่ายกครัว ผูกคอตาย... ทาสีใหม่ ใส่เฟอร์สวย ๆ ขายราคาถูก แป้บเดียวมีคนมาซื้อละ ลูกค้าประจำของพี่ประมูลบ้าน ที่ดิน คอนโดฯ มือสองมาโมใหม่แล้วขายต่อ พุดรู้หรือเปล่า? ห้องสวย ๆ มันราคาถูกเพราะว่าเคยมีคนตาย” “พี่เปา... พูดอะไร