ฮองเฮา ซีฮัน และมเหสีรองทั้งเจ็ด
เข่อชิงหวงกุ้ยเฟย พระอัครเทวีผู้สูงศักดิ์ มเหสีรองผู้มีอำนาจล้นจนจะเทียบเท่าฮองเฮาได้อยู่แล้ว หากซีฮันไม่ฟื้นขึ้นมาเสียก่อนแผนการณ์ที่วางไว้ก็จะสำเร็จดังหมาย
เซียนรื่อหงกุ้ยเฟย อัครเทวีผู้ล้ำค่า นางผู้ประจบประแจงและพยายามตามติดเข่อชิงหวงกุ้ยเฟยเพื่อรอวันรับช่วงต่ออำนาจรองจากฮองเฮา
ยู่จินเชียงกุ้ยเฟย อัครเทวีผู้ล้ำค่า นางคือหมอยาที่ชอบสะสมพิษจากสัตว์ร้าย สมคบคิดกับเข่อชิงหวงกุ้ยเฟยเพื่อถวายโอสถทิพย์แก่ฮองเฮา
จินเช่อเฟย ฉลาดล้ำและแอบฝึกวิชาป้องกันตัว สะสมอาวุธและพิศมัยการทรมานนางสนมที่บังอาจดีเกินหน้า
เซียวจื่อเฟย หลงใหลในมนต์ดำ และยาเสน่ห์เพื่อให้ฮ่องเต้รักและสงสาร
โถวฝ่าเฟย หลงใหลในงานปักผ้าและแพรพรรณ นางตั้งใจปักเสื้อคลุมดอกเหมยถวายแด่องค์ฮองเฮา
ซินจางเฟย น่าสงสารเป็นที่สุด นางไม่มีความสามารถพิเศษใด ๆ นอกเสียจากความภักดีที่มีให้ฮ่องเต้และฮองเฮา
บทที่ 1
ฮองเฮาผู้อ่อนแอ
ราชวงศ์ชิง รัชสมัยองค์จักรพรรดิเฉียนหลง
เสียงร้องโหยหวนสลับกับกรีดแหลมดังมาจากตำหนักใหญ่อันเป็นที่ประทับของฮองเฮาซีฮัน พระอัครมเหสีเอกแห่งเฉียนหลงฮ่องเต้ในยามวิกาลที่รอบ ๆ มีนางสนมนั่งคอยเฝ้าและเหล่าทหารยามยืนนิ่งราวรูปปั้น ห่างจากตำหนักใหญ่ของฮองเฮาเป็นรั้วตำหนักเล็กลดหลั่นกันไปของมเหสีรอง แต่ตำหนักที่อยู่ใกล้ที่สุดคือตำหนักของ เข่อชิงหวงกุ้ยเฟย พระอัครเทวีผู้เป็นมเหสีรอง นางนั่งสงบนิ่งอยู่บนตั่งลายหงส์ภายในห้องทว่าตอนนี้นางไม่ได้อยู่เพียงลำพัง รอบกายนั้นรายล้อมด้วยหญิงในอาภรณ์ของนางผู้สูงศักดิ์ภายในมหาราชวังหลวงของเฉียนหลงฮ่องเต้
ลำดับยศของนางเหล่านั้นล้วนเป็นมเหสีลำดับรองลดหลั่นตามระดับชั้นของวังหลัง นับจากฮองเฮาซีฮัน อัครมเหสีเอกก็เป็น เข่อชิงหวงกุ้ยเฟย มเหสีรองผู้มีอำนาจเกือบจะเทียบเท่าฮองเฮาหากไม่นับทรัพย์สมบัติที่มีน้อยกว่า ลำดับถัดจากนั้นคือเซียนรื่อหงกุ้ยเฟย ยู่จินเชียงกุ้ยเฟย จินเช่อเฟย เซียวจื่อเฟย โถวฝ่าเฟย และนางสุดท้ายคือซินจางเฟย เหล่านางนั้นยืนคอยฟังเสียงร่ำร้องที่ดังมาจากตำหนักใหญ่ สักครู่หนึ่งในนั้นเดินเข้าไปหาเข่อชิงหวงกุ้ยเฟยและเอ่ยขึ้น
“ท่านพี่...ท่านคิดว่าฮองเฮาจะมีพระชนมายุรอดพ้นผ่านราตรีนี้หรือไม่”
“ข้าก็กำลังรอฟังข่าวอยู่นี่อย่างไร ซินจาง”
“แต่ฟังพระสุรเสียงของพระนางช่างทุกข์ทรมานยิ่งนัก”
“เจ้าสงสารนางรึ...ซินจาง”
จินเช่อเฟยเอ่ยถามและบิดปากเชิงเยาะหยัน นางรู้ดีว่าอุปนิสัยของมเหสีรองในชั้นเฟยอย่างซินจางนั้นเป็นเช่นไร ดูเหมือนว่าในบรรดาเมียรองทั้งเจ็ดของฮ่องเต้ซินจางเฟยคือหญิงงามรวยน้ำใจ สงสารคนและสัตว์ซึ่งแตกต่างไปจากจินเช่อเฟยที่เป็นหญิงห้าวหาญ ชอบสะสมอาวุธและแอบฝึกวิทยายุทธราวกับชายอกสามศอก แต่ในบรรดามเหสีรองจากฮองเฮาซีฮัน ผู้มีอำนาจและบทบาทเหนือใครคือเข่อชิงหวงกุ้ยเฟย ตำแหน่งพระอัครเทวีผู้มีอำนาจล้นจนจะเทียบเท่าฮองเฮาได้อยู่แล้ว เมื่อได้ฟังทั้งสองคุยกันเข่อชิงก็เหยียดปากออก
“หึ!...เสียงกรีดร้องของเสด็จพี่ซีฮันราวกับคนวิปลาศ หรือว่านางจะเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ”
“ก็โดนโอสถทิพย์ที่ข้าปรุงจากรากไม้พิษและพิษจากตะขาบและงูสามชนิด วันละนิดวันละหน่อย เมื่อสะสมในกายถึงจุดที่ไม่สามารถต้านไหวมันก็จะสำแดงฤทธิ์เดชเช่นนี้”
ยู่จินเซียงกุ้ยเฟยเอ่ยด้วยรอยยิ้มซ่อนเล่ห์ นางเป็นมเหสีรองที่ชอบลองยาพิษจนนางสนมซึ่งเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ต้องจบชีวิตอย่างลึกลับและหาสาเหตุไม่ได้ไปนักต่อนัก ไม่มีใครกล้ายุ่งเกี่ยวกับนางเพราะ ยู่จินเซียงคอยตามติดหวงกุ้ยเฟย นางฉลาดหลักแหลมในเรื่องการวางยาอย่างหาตัวจับยาก เพราะแม้แต่หมอหลวงก็ยังไม่สามารถล่วงรู้ได้ ขณะนั้นทุกคนนิ่งฟังเสียงกรีดร้องที่ดังมาจากตำหนักใหญ่ที่อยู่ไม่ห่างออกไป เข่อชิงหวงกุ้ยเฟยลุกจากตั่งและยืนอยู่ตรงกลางท่ามกลางมเหสีรองอีกหกคนที่รายล้อม
“ข้าแน่ใจว่าก่อนรุ่งอรุณของวันพรุ่งพวกเจ้าต้องได้รับข่าวดีถึงการจากไปของฮองเฮาที่เจ็บป่วยร่ำร้องอย่างคนวิปลาศตลอดทั้งคืนจนร่างกายแทบแหลกสลาย เสร็จสิ้นงานนี้แล้วพวกเราจะได้ฉลองกัน เพราะเมื่อไม่มีนาง ข้าก็จะได้ครองตำแหน่งฮองเฮา ยิ่งใหญ่กว่าผู้ใดในแผ่นดินรองจากฮ่องเต้”
“ท่านอย่าลืมพวกเราเสียเล่า ท่านพี่เข่อชิง”
นางทั้งหกกล่าวขึ้นพร้อมกัน และในเวลานั้นที่ตำหนักใหญ่ ฮองเฮาซีฮันร่ำร้องเหมือนจะขาดใจ นางดิ้นไปมาอย่างทุรนทุรายบนบรรจถรณ์ขณะหมอหลวงคอยจะถวายนโอสถเพื่อคลายพิษความเจ็บปวด หากแต่ก็ต้องล่าถอยออกมาอยู่นอกห้องกับตงเปียน ขันทีคนสนิทของพระนาง
“หมอหลวง...นี่เราจะทำเช่นไรดี ฮองเฮากรีดร้องราวกับถูกพิษร้ายแรงและเป็นเช่นนี้มาถึงราตรีนี้เป็นราตรีที่เจ็ดแล้ว ข้าจนใจเหลือเกิน”
“ข้าก็พยายามเสาะหาโอสถชั้นเลิศเพื่อนำมาถวายการรักษาพระองค์ แต่ไม่มีโอสถขนานใดเลยที่จะสามารถช่วยทุเลาเบาบางพระอาการของพระนางได้”
“หรือว่าพระนางจะทรงต้องพิษ หรือมีผู้ใดวางยาฮองเฮา”
“ใครจะกล้าทำเรื่องร้ายกาจเช่นนั้นกันเล่าขันทีตงเปียน ข้านี้เป็นหมอหลวงมานานหลายสิบปี รู้ดีว่าอาการผู้ต้องพิษนั้นเป็นเช่นไร แต่นี่เจ้าก็รู้ว่าฮองเฮาซีฮันนั้นทรงอ่อนแอมาเนิ่นนาน พระองค์ยังพระชนม์ชีพอยู่ได้ด้วยโอสถและยาบำรุงที่ข้าล้วนต้องจัดสรรให้ทุกทิวาราตรี แต่ข้าก็มีข้อสงสัยอย่างหนึ่ง”
“ท่านสงสัยอะไรรึ”
“พระนางอาจต้องการกำลังใจ นี่อาจเป็นอาการของผู้กำลังเรียกร้องหากำลังใจก็เป็นได้”พอได้ยินหมอหลวงกล่าวเช่นนั้นขันทีตงเปียนก็ทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนดวงตาฉายประกายนึกได้“เช่นนั้นแล้วข้าต้องรีบไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้”“ด้วยเหตุผลอันใด ในเมื่อท่านก็รู้นี่ว่า...”“พระองค์อาจทรงเบื่อหน่ายและไม่สนพระทัยฮองเฮา แต่ในเวลาเช่นนี้ฮ่องเต้ควรเห็นพระทัยพระนางบ้าง เพราะหากว่าฮองเฮาทรงเป็นอะไรไป...อืม...ช่างเถิด...ข้าต้องลองดูสักครั้ง”“อ่าว...พูดเองเออเองแล้วก็ทิ้งข้าไป...ท่านขันทีตงเปียน”หมอหลวงร้องเรียกด้วยเสียงแห้งแหบแต่ไม่ทันขันทีหนุ่มที่เดินลิ่วออกจากตำหนักใหญ่ของฮองเฮาโดยมีผู้ติดตามไปอีกสองคนตรงไปยังตำหนักหลวงที่ประทับของฮ่องเต้เฉียนหลง เมื่อไปถึงกลับต้องพบกับราชองครักษ์ที่คอยเฝ้าหน้าตำหนักก่อนถามว่า“ไท่เจี้ยน...ดึกดื่นป่านนี้เจ้ามาที่นี่มีธุระอะไรรึ”“ท่านองครักษ์ห่าวอู๋ ข้ามิรู้ว่าจะพึ่งพาผู้ใดแล้ว ขอให้ท่านได้โปรดเห็นใจข้าด้วย”©©©©©©©©บทที่ 2เหตุอาเพศ“ไท่เจี้ยน...”ราชองครักษ์ห่าวอู๋ นายทหารฝีมือดีและเป็นหัวหน้าองครักษ์มีสีหน้าตกใจที่จู่ ๆ ขันทีตงเปียนผู้ใกล้ชิดติดตามฮองเฮาฮันซีถึงกับคุกเข่าลงตร
ฮ่องเต้ยิ่งตระหนกและรีบเดินออกจากห้องโถงขณะที่ตงเปียนขันทีลุกขึ้นยืนสีหน้าตื่นตกใจ“ว่ายังไงนะท่านองครักษ์ ฟ้าผ่าที่ตำหนักของฮองเฮาเช่นนั้นรึ”“ใช่...ข้าให้ทหารตามไปดูแล้ว ข้าเห็นกับตา เมื่อครู่นี้สายฟ้าฟาดลงมาที่ตำหนักของฮองเฮาน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก”“นี่มันเกิดอาเภทอะไรกัน ฮองเฮาทรงประชวรหนักแล้วยังจะมีเรื่องร้าย ๆ เช่นนี้อีกรึ”“ข้าว่าเรารีบไปที่ตำหนักของฮองเฮากันเถิด”“เดี๋ยวท่านองครักษ์”“มีอะไรอีกรึไท่เจี้ยน”“ท่านดูเถิด ฮ่องเต้ทรงเร่งร้อนไปก่อนพวกเราเสียอีก พระองค์ต้องทรงเป็นห่วงฮองเฮาแน่ๆ เห็นแล้วข้าน้ำตาจะไหล”“อย่าช้าอยู่เลย รีบไปกันเถิด ป่านนี้ฮองเฮาจะทรงตกพระทัยและเป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้”แล้วทั้งสองก็รีบรุดไปยังตำหนักหลวงที่ประทับของฮองเฮาซีฮัน ตามหลังฮ่องเต้ที่ล่วงหน้าไปก่อน ขณะนั้นที่ตำหนักของพระอัครมเหสีเต็มไปด้วยเหล่าทหารและนางสนมรวมทั้งมเหสีรองทั้งเจ็ดที่ยืนมุงดูอยู่หน้าตำหนัก แต่เมื่อทุกคนเห็นฮ่องเต้เสด็จมาก็รีบคุกเข่าลงและถวายคำนับอย่างพร้อมเพรียง เฉียนหลงเสด็จลงจากเสลี่ยงและจ้องมองตำหนักของพระอัครมเหสีด้วยแววพระเนตรตื่นตระหนก“นี่เกิดอะไรขึ้น ฮองเฮาล่ะ”พระองค์ตรั
“ขอบคุณท่านพี่ที่ชี้นำ ยู่จินเซียงนี้มิรู้ตื้นลึกหนาบางดังที่ท่านว่าจริง ๆ ค่ะ”“เกิดอาเภทคราวนี้มีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้น ข้าแน่ใจอย่างเหลือเกินว่านั่นคือนิมิตหมายอันดีที่ช่วยส่งเสริมงานของพวกเรา อย่างน้อยฮองเฮาก็คงมิอาจต้านพิษร้ายที่เจ้าเป็นผู้คิดค้นและวางยานางได้อย่างแน่นอน”ว่าแล้วก็ผละเดินไปอีกทาง ขณะนั้นเซียวจื่อเฟยเข้ามายืนข้างยู่จินเซียงกุ้ยเฟยและถามว่า“ท่านพี่เข่อชิงว่าเช่นไรบ้างคะ”ยู่จินเซียงเหยียดปากออกก่อนตอบ “จะว่าเช่นไร นางก็คิดว่าตัวเองฉลาดหลักแหลมที่สุดนั่นอย่างไร...หึ! ถือว่าตัวเองเป็นอัครมเหสีรองทีมีเพียงตำแหน่งเดียว แต่คงลืมไปแล้วว่าฮ่องเต้ยังมีมเหสีรองอีกหลายตำแหน่ง”“ดูท่าเกิดอาเภทครานี้ร้ายแรง มันอาจเป็นข่าวดีสำหรับพวกเราก็เป็นได้นะท่านพี่”ทั้งสองต่างสบตาและเหยียดยิ้มให้กันอย่างเข้าใจ ขณะนั้นฮ่องเต้และตงเปียนขันทีเข้าไปในตำหนักพร้อมด้วยทหารคอยระแวดระวังหลายสิบนาย เฉียนหลงมองไปรอบๆ ภายในห้องโถง เพดานตำหนักและห้องหับต่าง ๆ ยังอยู่เป็นปกติ ไม่มีอะไรเสียหาย แต่แล้วตงเปียนก็ร้องขึ้นเมื่อเห็นร่างของฮองเฮาซีฮันนอนเหยียดยาวอยู่บนพื้นห้องบรรทม“ฮองเฮา!...ฮองเฮาพะย่ะค
เสียงนั้นลั่นเสียดทะลุเข้าไปในโสตประสาทของเฉียนหลงขณะหมอหลวงรีบเข้าไปนั่งคุกเข่าแทบพระบาท ฮ่องเต้ทรงถามขึ้นทั้งที่ไม่ได้หันมองหน้าเพราะมัวแต่จ้องภาพเบื้องหลังฮองเฮาที่กรีดร้องลั่นอยู่กับสระน้ำไม่ต่างอะไรจากคราแรกก่อนนางสิ้นชีพจร“นี่มันเกิดอะไรขึ้น...นางเป็นอะไร...ข้าถามว่าฮองเฮาเป็นอะไร!”“หม่อมฉันก็มิอาจทราบได้เลยพะย่ะค่ะ...ตะ...แต่ว่า...”“แต่ว่าอะไร”“ขอพระราชทานอภัย...นอกเหนือจากความอัศจรรย์ที่ฮองเฮาทรงฟื้นคืนพระชนม์ชีพขึ้นมาได้...ก็เห็นจะมีอีกอย่างนั่นคือ...ลางร้ายของราชสำนัก”“หรือว่านางจะถูกปิศาจเข้าสิงเพคะ” เข่อชิงหวงกุ้ยเฟยรีบเข้ามาสำทับและทำให้เฉียนหลงต้องทรงคิดหนัก ขณะนั้นฮองเฮาหยุดส่งเสียงกรีดร้องและหันขวับกลับมาทำให้ทุกคนในที่นั้นผงะ โดยเฉพาะฮ่องเต้ที่จ้องมองนางด้วยความสับสนจนพระองค์เองก็คุมพระสติแทบไม่อยู่เช่นกัน แต่แล้วซีฮันฮองเฮาก็ส่งเสียงกรีดร้องลั่นขึ้นอีกครั้งก่อนทรุดฮวบลงและผู้ปรี่เข้าไปรับร่างนั้นไว้คือตงเปียนขันทีผู้ซื่อสัตย์“ฮองเฮา...ฮองเฮาพะย่ะค่ะ...ฮ่องเต้...ฮองเฮาทรงหมดสติ แต่ยังมีลมหายพระทัยอยู่พะย่ะค่ะ”“นำนางกลับเข้าไปในตำหนัก!” ฮ่องเต้รับสั่งด้วยพระสุรเ
เสียงนั้นลั่นเสียดทะลุเข้าไปในโสตประสาทของเฉียนหลงขณะหมอหลวงรีบเข้าไปนั่งคุกเข่าแทบพระบาท ฮ่องเต้ทรงถามขึ้นทั้งที่ไม่ได้หันมองหน้าเพราะมัวแต่จ้องภาพเบื้องหลังฮองเฮาที่กรีดร้องลั่นอยู่กับสระน้ำไม่ต่างอะไรจากคราแรกก่อนนางสิ้นชีพจร“นี่มันเกิดอะไรขึ้น...นางเป็นอะไร...ข้าถามว่าฮองเฮาเป็นอะไร!”“หม่อมฉันก็มิอาจทราบได้เลยพะย่ะค่ะ...ตะ...แต่ว่า...”“แต่ว่าอะไร”“ขอพระราชทานอภัย...นอกเหนือจากความอัศจรรย์ที่ฮองเฮาทรงฟื้นคืนพระชนม์ชีพขึ้นมาได้...ก็เห็นจะมีอีกอย่างนั่นคือ...ลางร้ายของราชสำนัก”“หรือว่านางจะถูกปิศาจเข้าสิงเพคะ” เข่อชิงหวงกุ้ยเฟยรีบเข้ามาสำทับและทำให้เฉียนหลงต้องทรงคิดหนัก ขณะนั้นฮองเฮาหยุดส่งเสียงกรีดร้องและหันขวับกลับมาทำให้ทุกคนในที่นั้นผงะ โดยเฉพาะฮ่องเต้ที่จ้องมองนางด้วยความสับสนจนพระองค์เองก็คุมพระสติแทบไม่อยู่เช่นกัน แต่แล้วซีฮันฮองเฮาก็ส่งเสียงกรีดร้องลั่นขึ้นอีกครั้งก่อนทรุดฮวบลงและผู้ปรี่เข้าไปรับร่างนั้นไว้คือตงเปียนขันทีผู้ซื่อสัตย์“ฮองเฮา...ฮองเฮาพะย่ะค่ะ...ฮ่องเต้...ฮองเฮาทรงหมดสติ แต่ยังมีลมหายพระทัยอยู่พะย่ะค่ะ”“นำนางกลับเข้าไปในตำหนัก!” ฮ่องเต้รับสั่งด้วยพระสุรเ
“ขอบคุณท่านพี่ที่ชี้นำ ยู่จินเซียงนี้มิรู้ตื้นลึกหนาบางดังที่ท่านว่าจริง ๆ ค่ะ”“เกิดอาเภทคราวนี้มีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้น ข้าแน่ใจอย่างเหลือเกินว่านั่นคือนิมิตหมายอันดีที่ช่วยส่งเสริมงานของพวกเรา อย่างน้อยฮองเฮาก็คงมิอาจต้านพิษร้ายที่เจ้าเป็นผู้คิดค้นและวางยานางได้อย่างแน่นอน”ว่าแล้วก็ผละเดินไปอีกทาง ขณะนั้นเซียวจื่อเฟยเข้ามายืนข้างยู่จินเซียงกุ้ยเฟยและถามว่า“ท่านพี่เข่อชิงว่าเช่นไรบ้างคะ”ยู่จินเซียงเหยียดปากออกก่อนตอบ “จะว่าเช่นไร นางก็คิดว่าตัวเองฉลาดหลักแหลมที่สุดนั่นอย่างไร...หึ! ถือว่าตัวเองเป็นอัครมเหสีรองทีมีเพียงตำแหน่งเดียว แต่คงลืมไปแล้วว่าฮ่องเต้ยังมีมเหสีรองอีกหลายตำแหน่ง”“ดูท่าเกิดอาเภทครานี้ร้ายแรง มันอาจเป็นข่าวดีสำหรับพวกเราก็เป็นได้นะท่านพี่”ทั้งสองต่างสบตาและเหยียดยิ้มให้กันอย่างเข้าใจ ขณะนั้นฮ่องเต้และตงเปียนขันทีเข้าไปในตำหนักพร้อมด้วยทหารคอยระแวดระวังหลายสิบนาย เฉียนหลงมองไปรอบๆ ภายในห้องโถง เพดานตำหนักและห้องหับต่าง ๆ ยังอยู่เป็นปกติ ไม่มีอะไรเสียหาย แต่แล้วตงเปียนก็ร้องขึ้นเมื่อเห็นร่างของฮองเฮาซีฮันนอนเหยียดยาวอยู่บนพื้นห้องบรรทม“ฮองเฮา!...ฮองเฮาพะย่ะค
ฮ่องเต้ยิ่งตระหนกและรีบเดินออกจากห้องโถงขณะที่ตงเปียนขันทีลุกขึ้นยืนสีหน้าตื่นตกใจ“ว่ายังไงนะท่านองครักษ์ ฟ้าผ่าที่ตำหนักของฮองเฮาเช่นนั้นรึ”“ใช่...ข้าให้ทหารตามไปดูแล้ว ข้าเห็นกับตา เมื่อครู่นี้สายฟ้าฟาดลงมาที่ตำหนักของฮองเฮาน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก”“นี่มันเกิดอาเภทอะไรกัน ฮองเฮาทรงประชวรหนักแล้วยังจะมีเรื่องร้าย ๆ เช่นนี้อีกรึ”“ข้าว่าเรารีบไปที่ตำหนักของฮองเฮากันเถิด”“เดี๋ยวท่านองครักษ์”“มีอะไรอีกรึไท่เจี้ยน”“ท่านดูเถิด ฮ่องเต้ทรงเร่งร้อนไปก่อนพวกเราเสียอีก พระองค์ต้องทรงเป็นห่วงฮองเฮาแน่ๆ เห็นแล้วข้าน้ำตาจะไหล”“อย่าช้าอยู่เลย รีบไปกันเถิด ป่านนี้ฮองเฮาจะทรงตกพระทัยและเป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้”แล้วทั้งสองก็รีบรุดไปยังตำหนักหลวงที่ประทับของฮองเฮาซีฮัน ตามหลังฮ่องเต้ที่ล่วงหน้าไปก่อน ขณะนั้นที่ตำหนักของพระอัครมเหสีเต็มไปด้วยเหล่าทหารและนางสนมรวมทั้งมเหสีรองทั้งเจ็ดที่ยืนมุงดูอยู่หน้าตำหนัก แต่เมื่อทุกคนเห็นฮ่องเต้เสด็จมาก็รีบคุกเข่าลงและถวายคำนับอย่างพร้อมเพรียง เฉียนหลงเสด็จลงจากเสลี่ยงและจ้องมองตำหนักของพระอัครมเหสีด้วยแววพระเนตรตื่นตระหนก“นี่เกิดอะไรขึ้น ฮองเฮาล่ะ”พระองค์ตรั
“พระนางอาจต้องการกำลังใจ นี่อาจเป็นอาการของผู้กำลังเรียกร้องหากำลังใจก็เป็นได้”พอได้ยินหมอหลวงกล่าวเช่นนั้นขันทีตงเปียนก็ทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนดวงตาฉายประกายนึกได้“เช่นนั้นแล้วข้าต้องรีบไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้”“ด้วยเหตุผลอันใด ในเมื่อท่านก็รู้นี่ว่า...”“พระองค์อาจทรงเบื่อหน่ายและไม่สนพระทัยฮองเฮา แต่ในเวลาเช่นนี้ฮ่องเต้ควรเห็นพระทัยพระนางบ้าง เพราะหากว่าฮองเฮาทรงเป็นอะไรไป...อืม...ช่างเถิด...ข้าต้องลองดูสักครั้ง”“อ่าว...พูดเองเออเองแล้วก็ทิ้งข้าไป...ท่านขันทีตงเปียน”หมอหลวงร้องเรียกด้วยเสียงแห้งแหบแต่ไม่ทันขันทีหนุ่มที่เดินลิ่วออกจากตำหนักใหญ่ของฮองเฮาโดยมีผู้ติดตามไปอีกสองคนตรงไปยังตำหนักหลวงที่ประทับของฮ่องเต้เฉียนหลง เมื่อไปถึงกลับต้องพบกับราชองครักษ์ที่คอยเฝ้าหน้าตำหนักก่อนถามว่า“ไท่เจี้ยน...ดึกดื่นป่านนี้เจ้ามาที่นี่มีธุระอะไรรึ”“ท่านองครักษ์ห่าวอู๋ ข้ามิรู้ว่าจะพึ่งพาผู้ใดแล้ว ขอให้ท่านได้โปรดเห็นใจข้าด้วย”©©©©©©©©บทที่ 2เหตุอาเพศ“ไท่เจี้ยน...”ราชองครักษ์ห่าวอู๋ นายทหารฝีมือดีและเป็นหัวหน้าองครักษ์มีสีหน้าตกใจที่จู่ ๆ ขันทีตงเปียนผู้ใกล้ชิดติดตามฮองเฮาฮันซีถึงกับคุกเข่าลงตร
ฮองเฮา ซีฮัน และมเหสีรองทั้งเจ็ดเข่อชิงหวงกุ้ยเฟย พระอัครเทวีผู้สูงศักดิ์ มเหสีรองผู้มีอำนาจล้นจนจะเทียบเท่าฮองเฮาได้อยู่แล้ว หากซีฮันไม่ฟื้นขึ้นมาเสียก่อนแผนการณ์ที่วางไว้ก็จะสำเร็จดังหมายเซียนรื่อหงกุ้ยเฟย อัครเทวีผู้ล้ำค่า นางผู้ประจบประแจงและพยายามตามติดเข่อชิงหวงกุ้ยเฟยเพื่อรอวันรับช่วงต่ออำนาจรองจากฮองเฮายู่จินเชียงกุ้ยเฟย อัครเทวีผู้ล้ำค่า นางคือหมอยาที่ชอบสะสมพิษจากสัตว์ร้าย สมคบคิดกับเข่อชิงหวงกุ้ยเฟยเพื่อถวายโอสถทิพย์แก่ฮองเฮาจินเช่อเฟย ฉลาดล้ำและแอบฝึกวิชาป้องกันตัว สะสมอาวุธและพิศมัยการทรมานนางสนมที่บังอาจดีเกินหน้าเซียวจื่อเฟย หลงใหลในมนต์ดำ และยาเสน่ห์เพื่อให้ฮ่องเต้รักและสงสารโถวฝ่าเฟย หลงใหลในงานปักผ้าและแพรพรรณ นางตั้งใจปักเสื้อคลุมดอกเหมยถวายแด่องค์ฮองเฮาซินจางเฟย น่าสงสารเป็นที่สุด นางไม่มีความสามารถพิเศษใด ๆ นอกเสียจากความภักดีที่มีให้ฮ่องเต้และฮองเฮาบทที่ 1ฮองเฮาผู้อ่อนแอ ราชวงศ์ชิง รัชสมัยองค์จักรพรรดิเฉียนหลง เสียงร้องโหยหวนสลับกับกรีดแหลมดังมาจากตำหนักใหญ่อันเป็นที่ประทับของฮองเฮาซีฮัน พระอัครมเหสีเอกแห่งเฉียนหลงฮ่องเต้ในยามวิกาลที