เสียงนั้นลั่นเสียดทะลุเข้าไปในโสตประสาทของเฉียนหลงขณะหมอหลวงรีบเข้าไปนั่งคุกเข่าแทบพระบาท ฮ่องเต้ทรงถามขึ้นทั้งที่ไม่ได้หันมองหน้าเพราะมัวแต่จ้องภาพเบื้องหลังฮองเฮาที่กรีดร้องลั่นอยู่กับสระน้ำไม่ต่างอะไรจากคราแรกก่อนนางสิ้นชีพจร
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น...นางเป็นอะไร...ข้าถามว่าฮองเฮาเป็นอะไร!”
“หม่อมฉันก็มิอาจทราบได้เลยพะย่ะค่ะ...ตะ...แต่ว่า...”
“แต่ว่าอะไร”
“ขอพระราชทานอภัย...นอกเหนือจากความอัศจรรย์ที่ฮองเฮาทรงฟื้นคืนพระชนม์ชีพขึ้นมาได้...ก็เห็นจะมีอีกอย่างนั่นคือ...ลางร้ายของราชสำนัก”
“หรือว่านางจะถูกปิศาจเข้าสิงเพคะ” เข่อชิงหวงกุ้ยเฟยรีบเข้ามาสำทับและทำให้เฉียนหลงต้องทรงคิดหนัก ขณะนั้นฮองเฮาหยุดส่งเสียงกรีดร้องและหันขวับกลับมาทำให้ทุกคนในที่นั้นผงะ โดยเฉพาะฮ่องเต้ที่จ้องมองนางด้วยความสับสนจนพระองค์เองก็คุมพระสติแทบไม่อยู่เช่นกัน แต่แล้วซีฮันฮองเฮาก็ส่งเสียงกรีดร้องลั่นขึ้นอีกครั้งก่อนทรุดฮวบลงและผู้ปรี่เข้าไปรับร่างนั้นไว้คือตงเปียนขันทีผู้ซื่อสัตย์
“ฮองเฮา...ฮองเฮาพะย่ะค่ะ...ฮ่องเต้...ฮองเฮาทรงหมดสติ แต่ยังมีลมหายพระทัยอยู่พะย่ะค่ะ”
“นำนางกลับเข้าไปในตำหนัก!” ฮ่องเต้รับสั่งด้วยพระสุรเสียงที่ก็ไม่มั่นคงนัก “ตงเปียน...ข้าขอมอบหมายให้เจ้าเป็นผู้ดูแลฮองเฮาจนกว่านางจะฟื้น เมื่อนางฟื้นจงให้คนไปรายงานข้า คอยดูแลอย่าให้นางคลาดสายตา ข้าจะให้ทหารกับองครักษ์มาคุ้มกันรอบตำหนักนี้ ห้ามผู้ใดเข้าออกหากมิได้รับอนุญาต!”
รับสั่งแล้วก็เสด็จกลับ ปล่อยให้เหล่าทหารและนางกำนัลช่วยกันพาร่างไร้สติของฮองเฮากลับเข้าไปในตำหนัก ท่ามกลางความวุ่นวายนั้นเข่อชิงหันไปทางพระสนมเอกทั้งหกนางและโบกมือส่งสัญญาณให้พวกนางรีบกลับกันไปก่อน ส่วนนางเดินออกมายังเกี้ยวที่รออยู่ด้านนอกตำหนัก ขณะนั้นหมอหลวงก็รีบตามออกมาติดๆ และกล่าวกับนางว่า
“สงสัยคราวนี้ฮองเฮาจะมีพระอาการหนักกว่าเดิม บางทีพระนางอาจวิปลาสไปจริง ๆ ก็เป็นได้”
“ท่านคิดเช่นนั้นรึ” เข่อชิงหันกลับมาและส่งสายตาเป็นประกายคมวับไปยังตำหนักหลวงของพระอัครมเหสีซึ่งตอนนี้อยู่ในพระอาการที่น่าหวั่นวิตก นางหยัดปากเป็นรอยยิ้มเหยียด
“นึกว่าคืนนี้จะได้รับข่าวดีแต่ก็พลาดเสียได้ นางฟื้นขึ้นมาทั้งที่ทุกคนก็เห็นว่านางตายไปแล้ว เช่นนี้ข้ารู้สึกผิดหวัง”
“อย่ากังวลไปเลยหวงกุ้ยเฟย ถึงเช่นไรพระองค์ก็อยู่ในฐานะของพระอัครมเหสีรองที่รอคอยแทนที่สตรีผู้มีพระราชอำนาจสูงสุดในแผ่นดิน แต่ข้าขอรับรองว่าหลังจากนี้แผนการณ์ต้องสำเร็จ ครั้งนี้ข้ายอมรับว่าอยู่เหนือการควบคุมจริงๆ”
“แต่ข้าก็ปรารถนาได้ยินข่าวดี นี่เหมือนกับว่าเราต้องเริ่มต้นกันใหม่”
“เราไปเกินครึ่งทางแล้วต่างหาก หวงกุ้ยเฟย...นางเป็นถึงขนาดนี้เชื่อแน่ว่าฮ่องเต้คงมิทรงต้องการอยู่กับมเหสีที่เสียสติเป็นแน่”
©©©©©©©©
บทที่ 5
ฉันไม่ใช่...คนเดิม
เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วยามที่ตงเปียนยังเดินวนเวียนอยู่หน้าห้องบรรทมของพระอัครมเหสี บรรยากาศตำหนักหลวงด้านในนั้นยังอึมครึมและเงียบอย่าน่าใจหาย หลังฮ่องเต้เสด็จกลับก็มีทหารหลายสิบนายมาคอยคุ้มกันดูแลรอบ ๆ ตำหนัก ยิ่งทำให้ทั้งขันทีคนสนิทและนางสนมอึดอัดกับบรรยากาศอันบีบคั้นซึ่งก่อนหน้านี้ก็เป็นเช่นนี้มานานนับเดือน นั่นเพราะอาการพระประชวรของฮองเฮาที่นับวันก็ยิ่งหนักหนา มีเสียงลือไปทั่วว่าที่นางประชวรหนักเพราะความเครียดและถูกจับตาจากเหล่านางต้องห้ามที่พยายามดันตัวเองให้อยู่ในสายพระเนตรของฮ่องเต้ กระทั่งคราวนี้ดูเหมือนสถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายเพราะแม้แต่นางกำนัลที่มาถวายการรับใช้ก็ยังหวั่นกลัวจนไม่มีใครกล้าเข้าไปในห้องบรรทม ตงเปียนเห็นแล้วขัดใจจนต้องตวาดเหล่านางรับใช้ที่นั่งกระจุกตัวกันสองสามคนตรงมุมห้อง
“นี่...พวกเจ้าเป็นอะไรกันฮึ..เหตุใดจึงไปนั่งกองกันอยู่อย่างนั้น ทำอย่างกับว่าในตำหนักนี้มีปิศาจร้ายเช่นนั้นล่ะ”
“ก็มันน่ากลัวไหมเล่าท่านขันที” นางกำนัลนางหนึ่งเอ่ยขึ้น “เมื่อตอนหัวค่ำที่ฮองเฮาทรงประชวรหนักมีสายฟ้าฟาดลงมาที่ตำหนัก หนำซ้ำยังมีคนเห็นงูเผือกใหญ่อยู่ในนี้ ท่านมิกลัวบ้างรึ”
ฮองเฮา ซีฮัน และมเหสีรองทั้งเจ็ดเข่อชิงหวงกุ้ยเฟย พระอัครเทวีผู้สูงศักดิ์ มเหสีรองผู้มีอำนาจล้นจนจะเทียบเท่าฮองเฮาได้อยู่แล้ว หากซีฮันไม่ฟื้นขึ้นมาเสียก่อนแผนการณ์ที่วางไว้ก็จะสำเร็จดังหมายเซียนรื่อหงกุ้ยเฟย อัครเทวีผู้ล้ำค่า นางผู้ประจบประแจงและพยายามตามติดเข่อชิงหวงกุ้ยเฟยเพื่อรอวันรับช่วงต่ออำนาจรองจากฮองเฮายู่จินเชียงกุ้ยเฟย อัครเทวีผู้ล้ำค่า นางคือหมอยาที่ชอบสะสมพิษจากสัตว์ร้าย สมคบคิดกับเข่อชิงหวงกุ้ยเฟยเพื่อถวายโอสถทิพย์แก่ฮองเฮาจินเช่อเฟย ฉลาดล้ำและแอบฝึกวิชาป้องกันตัว สะสมอาวุธและพิศมัยการทรมานนางสนมที่บังอาจดีเกินหน้าเซียวจื่อเฟย หลงใหลในมนต์ดำ และยาเสน่ห์เพื่อให้ฮ่องเต้รักและสงสารโถวฝ่าเฟย หลงใหลในงานปักผ้าและแพรพรรณ นางตั้งใจปักเสื้อคลุมดอกเหมยถวายแด่องค์ฮองเฮาซินจางเฟย น่าสงสารเป็นที่สุด นางไม่มีความสามารถพิเศษใด ๆ นอกเสียจากความภักดีที่มีให้ฮ่องเต้และฮองเฮาบทที่ 1ฮองเฮาผู้อ่อนแอ ราชวงศ์ชิง รัชสมัยองค์จักรพรรดิเฉียนหลง เสียงร้องโหยหวนสลับกับกรีดแหลมดังมาจากตำหนักใหญ่อันเป็นที่ประทับของฮองเฮาซีฮัน พระอัครมเหสีเอกแห่งเฉียนหลงฮ่องเต้ในยามวิกาลที
“พระนางอาจต้องการกำลังใจ นี่อาจเป็นอาการของผู้กำลังเรียกร้องหากำลังใจก็เป็นได้”พอได้ยินหมอหลวงกล่าวเช่นนั้นขันทีตงเปียนก็ทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนดวงตาฉายประกายนึกได้“เช่นนั้นแล้วข้าต้องรีบไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้”“ด้วยเหตุผลอันใด ในเมื่อท่านก็รู้นี่ว่า...”“พระองค์อาจทรงเบื่อหน่ายและไม่สนพระทัยฮองเฮา แต่ในเวลาเช่นนี้ฮ่องเต้ควรเห็นพระทัยพระนางบ้าง เพราะหากว่าฮองเฮาทรงเป็นอะไรไป...อืม...ช่างเถิด...ข้าต้องลองดูสักครั้ง”“อ่าว...พูดเองเออเองแล้วก็ทิ้งข้าไป...ท่านขันทีตงเปียน”หมอหลวงร้องเรียกด้วยเสียงแห้งแหบแต่ไม่ทันขันทีหนุ่มที่เดินลิ่วออกจากตำหนักใหญ่ของฮองเฮาโดยมีผู้ติดตามไปอีกสองคนตรงไปยังตำหนักหลวงที่ประทับของฮ่องเต้เฉียนหลง เมื่อไปถึงกลับต้องพบกับราชองครักษ์ที่คอยเฝ้าหน้าตำหนักก่อนถามว่า“ไท่เจี้ยน...ดึกดื่นป่านนี้เจ้ามาที่นี่มีธุระอะไรรึ”“ท่านองครักษ์ห่าวอู๋ ข้ามิรู้ว่าจะพึ่งพาผู้ใดแล้ว ขอให้ท่านได้โปรดเห็นใจข้าด้วย”©©©©©©©©บทที่ 2เหตุอาเพศ“ไท่เจี้ยน...”ราชองครักษ์ห่าวอู๋ นายทหารฝีมือดีและเป็นหัวหน้าองครักษ์มีสีหน้าตกใจที่จู่ ๆ ขันทีตงเปียนผู้ใกล้ชิดติดตามฮองเฮาฮันซีถึงกับคุกเข่าลงตร
ฮ่องเต้ยิ่งตระหนกและรีบเดินออกจากห้องโถงขณะที่ตงเปียนขันทีลุกขึ้นยืนสีหน้าตื่นตกใจ“ว่ายังไงนะท่านองครักษ์ ฟ้าผ่าที่ตำหนักของฮองเฮาเช่นนั้นรึ”“ใช่...ข้าให้ทหารตามไปดูแล้ว ข้าเห็นกับตา เมื่อครู่นี้สายฟ้าฟาดลงมาที่ตำหนักของฮองเฮาน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก”“นี่มันเกิดอาเภทอะไรกัน ฮองเฮาทรงประชวรหนักแล้วยังจะมีเรื่องร้าย ๆ เช่นนี้อีกรึ”“ข้าว่าเรารีบไปที่ตำหนักของฮองเฮากันเถิด”“เดี๋ยวท่านองครักษ์”“มีอะไรอีกรึไท่เจี้ยน”“ท่านดูเถิด ฮ่องเต้ทรงเร่งร้อนไปก่อนพวกเราเสียอีก พระองค์ต้องทรงเป็นห่วงฮองเฮาแน่ๆ เห็นแล้วข้าน้ำตาจะไหล”“อย่าช้าอยู่เลย รีบไปกันเถิด ป่านนี้ฮองเฮาจะทรงตกพระทัยและเป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้”แล้วทั้งสองก็รีบรุดไปยังตำหนักหลวงที่ประทับของฮองเฮาซีฮัน ตามหลังฮ่องเต้ที่ล่วงหน้าไปก่อน ขณะนั้นที่ตำหนักของพระอัครมเหสีเต็มไปด้วยเหล่าทหารและนางสนมรวมทั้งมเหสีรองทั้งเจ็ดที่ยืนมุงดูอยู่หน้าตำหนัก แต่เมื่อทุกคนเห็นฮ่องเต้เสด็จมาก็รีบคุกเข่าลงและถวายคำนับอย่างพร้อมเพรียง เฉียนหลงเสด็จลงจากเสลี่ยงและจ้องมองตำหนักของพระอัครมเหสีด้วยแววพระเนตรตื่นตระหนก“นี่เกิดอะไรขึ้น ฮองเฮาล่ะ”พระองค์ตรั
“ขอบคุณท่านพี่ที่ชี้นำ ยู่จินเซียงนี้มิรู้ตื้นลึกหนาบางดังที่ท่านว่าจริง ๆ ค่ะ”“เกิดอาเภทคราวนี้มีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้น ข้าแน่ใจอย่างเหลือเกินว่านั่นคือนิมิตหมายอันดีที่ช่วยส่งเสริมงานของพวกเรา อย่างน้อยฮองเฮาก็คงมิอาจต้านพิษร้ายที่เจ้าเป็นผู้คิดค้นและวางยานางได้อย่างแน่นอน”ว่าแล้วก็ผละเดินไปอีกทาง ขณะนั้นเซียวจื่อเฟยเข้ามายืนข้างยู่จินเซียงกุ้ยเฟยและถามว่า“ท่านพี่เข่อชิงว่าเช่นไรบ้างคะ”ยู่จินเซียงเหยียดปากออกก่อนตอบ “จะว่าเช่นไร นางก็คิดว่าตัวเองฉลาดหลักแหลมที่สุดนั่นอย่างไร...หึ! ถือว่าตัวเองเป็นอัครมเหสีรองทีมีเพียงตำแหน่งเดียว แต่คงลืมไปแล้วว่าฮ่องเต้ยังมีมเหสีรองอีกหลายตำแหน่ง”“ดูท่าเกิดอาเภทครานี้ร้ายแรง มันอาจเป็นข่าวดีสำหรับพวกเราก็เป็นได้นะท่านพี่”ทั้งสองต่างสบตาและเหยียดยิ้มให้กันอย่างเข้าใจ ขณะนั้นฮ่องเต้และตงเปียนขันทีเข้าไปในตำหนักพร้อมด้วยทหารคอยระแวดระวังหลายสิบนาย เฉียนหลงมองไปรอบๆ ภายในห้องโถง เพดานตำหนักและห้องหับต่าง ๆ ยังอยู่เป็นปกติ ไม่มีอะไรเสียหาย แต่แล้วตงเปียนก็ร้องขึ้นเมื่อเห็นร่างของฮองเฮาซีฮันนอนเหยียดยาวอยู่บนพื้นห้องบรรทม“ฮองเฮา!...ฮองเฮาพะย่ะค
เสียงนั้นลั่นเสียดทะลุเข้าไปในโสตประสาทของเฉียนหลงขณะหมอหลวงรีบเข้าไปนั่งคุกเข่าแทบพระบาท ฮ่องเต้ทรงถามขึ้นทั้งที่ไม่ได้หันมองหน้าเพราะมัวแต่จ้องภาพเบื้องหลังฮองเฮาที่กรีดร้องลั่นอยู่กับสระน้ำไม่ต่างอะไรจากคราแรกก่อนนางสิ้นชีพจร“นี่มันเกิดอะไรขึ้น...นางเป็นอะไร...ข้าถามว่าฮองเฮาเป็นอะไร!”“หม่อมฉันก็มิอาจทราบได้เลยพะย่ะค่ะ...ตะ...แต่ว่า...”“แต่ว่าอะไร”“ขอพระราชทานอภัย...นอกเหนือจากความอัศจรรย์ที่ฮองเฮาทรงฟื้นคืนพระชนม์ชีพขึ้นมาได้...ก็เห็นจะมีอีกอย่างนั่นคือ...ลางร้ายของราชสำนัก”“หรือว่านางจะถูกปิศาจเข้าสิงเพคะ” เข่อชิงหวงกุ้ยเฟยรีบเข้ามาสำทับและทำให้เฉียนหลงต้องทรงคิดหนัก ขณะนั้นฮองเฮาหยุดส่งเสียงกรีดร้องและหันขวับกลับมาทำให้ทุกคนในที่นั้นผงะ โดยเฉพาะฮ่องเต้ที่จ้องมองนางด้วยความสับสนจนพระองค์เองก็คุมพระสติแทบไม่อยู่เช่นกัน แต่แล้วซีฮันฮองเฮาก็ส่งเสียงกรีดร้องลั่นขึ้นอีกครั้งก่อนทรุดฮวบลงและผู้ปรี่เข้าไปรับร่างนั้นไว้คือตงเปียนขันทีผู้ซื่อสัตย์“ฮองเฮา...ฮองเฮาพะย่ะค่ะ...ฮ่องเต้...ฮองเฮาทรงหมดสติ แต่ยังมีลมหายพระทัยอยู่พะย่ะค่ะ”“นำนางกลับเข้าไปในตำหนัก!” ฮ่องเต้รับสั่งด้วยพระสุรเ
“ขอบคุณท่านพี่ที่ชี้นำ ยู่จินเซียงนี้มิรู้ตื้นลึกหนาบางดังที่ท่านว่าจริง ๆ ค่ะ”“เกิดอาเภทคราวนี้มีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้น ข้าแน่ใจอย่างเหลือเกินว่านั่นคือนิมิตหมายอันดีที่ช่วยส่งเสริมงานของพวกเรา อย่างน้อยฮองเฮาก็คงมิอาจต้านพิษร้ายที่เจ้าเป็นผู้คิดค้นและวางยานางได้อย่างแน่นอน”ว่าแล้วก็ผละเดินไปอีกทาง ขณะนั้นเซียวจื่อเฟยเข้ามายืนข้างยู่จินเซียงกุ้ยเฟยและถามว่า“ท่านพี่เข่อชิงว่าเช่นไรบ้างคะ”ยู่จินเซียงเหยียดปากออกก่อนตอบ “จะว่าเช่นไร นางก็คิดว่าตัวเองฉลาดหลักแหลมที่สุดนั่นอย่างไร...หึ! ถือว่าตัวเองเป็นอัครมเหสีรองทีมีเพียงตำแหน่งเดียว แต่คงลืมไปแล้วว่าฮ่องเต้ยังมีมเหสีรองอีกหลายตำแหน่ง”“ดูท่าเกิดอาเภทครานี้ร้ายแรง มันอาจเป็นข่าวดีสำหรับพวกเราก็เป็นได้นะท่านพี่”ทั้งสองต่างสบตาและเหยียดยิ้มให้กันอย่างเข้าใจ ขณะนั้นฮ่องเต้และตงเปียนขันทีเข้าไปในตำหนักพร้อมด้วยทหารคอยระแวดระวังหลายสิบนาย เฉียนหลงมองไปรอบๆ ภายในห้องโถง เพดานตำหนักและห้องหับต่าง ๆ ยังอยู่เป็นปกติ ไม่มีอะไรเสียหาย แต่แล้วตงเปียนก็ร้องขึ้นเมื่อเห็นร่างของฮองเฮาซีฮันนอนเหยียดยาวอยู่บนพื้นห้องบรรทม“ฮองเฮา!...ฮองเฮาพะย่ะค
ฮ่องเต้ยิ่งตระหนกและรีบเดินออกจากห้องโถงขณะที่ตงเปียนขันทีลุกขึ้นยืนสีหน้าตื่นตกใจ“ว่ายังไงนะท่านองครักษ์ ฟ้าผ่าที่ตำหนักของฮองเฮาเช่นนั้นรึ”“ใช่...ข้าให้ทหารตามไปดูแล้ว ข้าเห็นกับตา เมื่อครู่นี้สายฟ้าฟาดลงมาที่ตำหนักของฮองเฮาน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก”“นี่มันเกิดอาเภทอะไรกัน ฮองเฮาทรงประชวรหนักแล้วยังจะมีเรื่องร้าย ๆ เช่นนี้อีกรึ”“ข้าว่าเรารีบไปที่ตำหนักของฮองเฮากันเถิด”“เดี๋ยวท่านองครักษ์”“มีอะไรอีกรึไท่เจี้ยน”“ท่านดูเถิด ฮ่องเต้ทรงเร่งร้อนไปก่อนพวกเราเสียอีก พระองค์ต้องทรงเป็นห่วงฮองเฮาแน่ๆ เห็นแล้วข้าน้ำตาจะไหล”“อย่าช้าอยู่เลย รีบไปกันเถิด ป่านนี้ฮองเฮาจะทรงตกพระทัยและเป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้”แล้วทั้งสองก็รีบรุดไปยังตำหนักหลวงที่ประทับของฮองเฮาซีฮัน ตามหลังฮ่องเต้ที่ล่วงหน้าไปก่อน ขณะนั้นที่ตำหนักของพระอัครมเหสีเต็มไปด้วยเหล่าทหารและนางสนมรวมทั้งมเหสีรองทั้งเจ็ดที่ยืนมุงดูอยู่หน้าตำหนัก แต่เมื่อทุกคนเห็นฮ่องเต้เสด็จมาก็รีบคุกเข่าลงและถวายคำนับอย่างพร้อมเพรียง เฉียนหลงเสด็จลงจากเสลี่ยงและจ้องมองตำหนักของพระอัครมเหสีด้วยแววพระเนตรตื่นตระหนก“นี่เกิดอะไรขึ้น ฮองเฮาล่ะ”พระองค์ตรั
“พระนางอาจต้องการกำลังใจ นี่อาจเป็นอาการของผู้กำลังเรียกร้องหากำลังใจก็เป็นได้”พอได้ยินหมอหลวงกล่าวเช่นนั้นขันทีตงเปียนก็ทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนดวงตาฉายประกายนึกได้“เช่นนั้นแล้วข้าต้องรีบไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้”“ด้วยเหตุผลอันใด ในเมื่อท่านก็รู้นี่ว่า...”“พระองค์อาจทรงเบื่อหน่ายและไม่สนพระทัยฮองเฮา แต่ในเวลาเช่นนี้ฮ่องเต้ควรเห็นพระทัยพระนางบ้าง เพราะหากว่าฮองเฮาทรงเป็นอะไรไป...อืม...ช่างเถิด...ข้าต้องลองดูสักครั้ง”“อ่าว...พูดเองเออเองแล้วก็ทิ้งข้าไป...ท่านขันทีตงเปียน”หมอหลวงร้องเรียกด้วยเสียงแห้งแหบแต่ไม่ทันขันทีหนุ่มที่เดินลิ่วออกจากตำหนักใหญ่ของฮองเฮาโดยมีผู้ติดตามไปอีกสองคนตรงไปยังตำหนักหลวงที่ประทับของฮ่องเต้เฉียนหลง เมื่อไปถึงกลับต้องพบกับราชองครักษ์ที่คอยเฝ้าหน้าตำหนักก่อนถามว่า“ไท่เจี้ยน...ดึกดื่นป่านนี้เจ้ามาที่นี่มีธุระอะไรรึ”“ท่านองครักษ์ห่าวอู๋ ข้ามิรู้ว่าจะพึ่งพาผู้ใดแล้ว ขอให้ท่านได้โปรดเห็นใจข้าด้วย”©©©©©©©©บทที่ 2เหตุอาเพศ“ไท่เจี้ยน...”ราชองครักษ์ห่าวอู๋ นายทหารฝีมือดีและเป็นหัวหน้าองครักษ์มีสีหน้าตกใจที่จู่ ๆ ขันทีตงเปียนผู้ใกล้ชิดติดตามฮองเฮาฮันซีถึงกับคุกเข่าลงตร
ฮองเฮา ซีฮัน และมเหสีรองทั้งเจ็ดเข่อชิงหวงกุ้ยเฟย พระอัครเทวีผู้สูงศักดิ์ มเหสีรองผู้มีอำนาจล้นจนจะเทียบเท่าฮองเฮาได้อยู่แล้ว หากซีฮันไม่ฟื้นขึ้นมาเสียก่อนแผนการณ์ที่วางไว้ก็จะสำเร็จดังหมายเซียนรื่อหงกุ้ยเฟย อัครเทวีผู้ล้ำค่า นางผู้ประจบประแจงและพยายามตามติดเข่อชิงหวงกุ้ยเฟยเพื่อรอวันรับช่วงต่ออำนาจรองจากฮองเฮายู่จินเชียงกุ้ยเฟย อัครเทวีผู้ล้ำค่า นางคือหมอยาที่ชอบสะสมพิษจากสัตว์ร้าย สมคบคิดกับเข่อชิงหวงกุ้ยเฟยเพื่อถวายโอสถทิพย์แก่ฮองเฮาจินเช่อเฟย ฉลาดล้ำและแอบฝึกวิชาป้องกันตัว สะสมอาวุธและพิศมัยการทรมานนางสนมที่บังอาจดีเกินหน้าเซียวจื่อเฟย หลงใหลในมนต์ดำ และยาเสน่ห์เพื่อให้ฮ่องเต้รักและสงสารโถวฝ่าเฟย หลงใหลในงานปักผ้าและแพรพรรณ นางตั้งใจปักเสื้อคลุมดอกเหมยถวายแด่องค์ฮองเฮาซินจางเฟย น่าสงสารเป็นที่สุด นางไม่มีความสามารถพิเศษใด ๆ นอกเสียจากความภักดีที่มีให้ฮ่องเต้และฮองเฮาบทที่ 1ฮองเฮาผู้อ่อนแอ ราชวงศ์ชิง รัชสมัยองค์จักรพรรดิเฉียนหลง เสียงร้องโหยหวนสลับกับกรีดแหลมดังมาจากตำหนักใหญ่อันเป็นที่ประทับของฮองเฮาซีฮัน พระอัครมเหสีเอกแห่งเฉียนหลงฮ่องเต้ในยามวิกาลที