“พระนางอาจต้องการกำลังใจ นี่อาจเป็นอาการของผู้กำลังเรียกร้องหากำลังใจก็เป็นได้”
พอได้ยินหมอหลวงกล่าวเช่นนั้นขันทีตงเปียนก็ทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนดวงตาฉายประกายนึกได้
“เช่นนั้นแล้วข้าต้องรีบไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้”
“ด้วยเหตุผลอันใด ในเมื่อท่านก็รู้นี่ว่า...”
“พระองค์อาจทรงเบื่อหน่ายและไม่สนพระทัยฮองเฮา แต่ในเวลาเช่นนี้ฮ่องเต้ควรเห็นพระทัยพระนางบ้าง เพราะหากว่าฮองเฮาทรงเป็นอะไรไป...อืม...ช่างเถิด...ข้าต้องลองดูสักครั้ง”
“อ่าว...พูดเองเออเองแล้วก็ทิ้งข้าไป...ท่านขันทีตงเปียน”
หมอหลวงร้องเรียกด้วยเสียงแห้งแหบแต่ไม่ทันขันทีหนุ่มที่เดินลิ่วออกจากตำหนักใหญ่ของฮองเฮาโดยมีผู้ติดตามไปอีกสองคนตรงไปยังตำหนักหลวงที่ประทับของฮ่องเต้เฉียนหลง เมื่อไปถึงกลับต้องพบกับราชองครักษ์ที่คอยเฝ้าหน้าตำหนักก่อนถามว่า
“ไท่เจี้ยน...ดึกดื่นป่านนี้เจ้ามาที่นี่มีธุระอะไรรึ”
“ท่านองครักษ์ห่าวอู๋ ข้ามิรู้ว่าจะพึ่งพาผู้ใดแล้ว ขอให้ท่านได้โปรดเห็นใจข้าด้วย”
©©©©©©©©
บทที่ 2
เหตุอาเพศ
“ไท่เจี้ยน...”
ราชองครักษ์ห่าวอู๋ นายทหารฝีมือดีและเป็นหัวหน้าองครักษ์มีสีหน้าตกใจที่จู่ ๆ ขันทีตงเปียนผู้ใกล้ชิดติดตามฮองเฮาฮันซีถึงกับคุกเข่าลงตรงหน้า ตงเปียนบีบน้ำตาร่ำไห้
“ท่านก็รู้ว่าตอนนี้ที่ตำหนักของฮองเฮาเกิดอะไรขึ้น พระนางทรงประชวรอย่างหนัก ร่ำร้องราวกับว่าจะขาดพระทัยมาเป็นเพลาถึงเจ็ดราตรีแล้ว และข้ามาที่นี่ก็เพื่อขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ขอให้พระองค์ไปดูพระทัยของฮองเฮาเพราะข้ากลัวเหลือเกินว่าพระนางอาจจะ...อาจจะ...”
“ลุกขึ้นก่อนเถิดไท่เจี้ยน...ท่านทำเช่นนี้ข้ารู้สึกลำบากใจยิ่งนัก”
“ข้าเพียงขอความเห็นใจจากท่าน เพราะหากท่านไม่ช่วยเปิดทางให้ข้าก็คงไม่สามารถเข้าเฝ้าพระองค์ได้”
“รอที่นี่สักครู่ ข้ายังไม่แน่ใจว่าพระองค์จะทรงบรรทมแล้วหรือไม่ หากพระองค์ทรงบรรทมแล้วข้าคงจนใจจะช่วย”
ราชองครักษ์หายเข้าไปหลังประตูตำหนักหลวงก่อนกลับออกมาอีกครั้งและพยักหน้าให้ตงเปียนขันทีตามเข้าไปเพียงลำพัง และเมื่อเข้าสู่ตำหนักชั้นในอันเป็นที่ประทับของฮ่องเต้ขันทีหนุ่มก็แอบโล่งใจเพราะพระองค์ยังไม่ทรงบรรทม ตงเปียนขันทีจึงเข้าเฝ้า คุกเข่าลงอย่างน้อมนอบต่อหน้าฮ่องเต้เฉียนหลงซึ่งบัดนี้อยู่ในฉลองพระองค์เตรียมเข้าบรรทม ฮ่องเต้หนุ่มผู้ได้ชื่อว่าเปี่ยมล้นด้วยเสน่ห์และทรงอำนาจในแผ่นดินจ้องมองขันทีผู้ใกล้ชิดฮองเฮาที่คุกเข่าก้มตัวลงแสดงความเคารพ
“ขอพระราชทานอภัยด้วยที่ข้าตงเปียนมาขอเข้าเฝ้าพระองค์ยามวิกาล”
“เจ้ามีอะไรเช่นนั้นรึ จริง ๆ แล้วข้าก็ยังไม่ง่วงตอนนี้ดอก”
“อ่า...เอ้อ...”
“เจ้าจะอึกอักเช่นนี้อีกนานไหม มิเช่นนั้นแล้วก็จงกลับไป”
“ขอพระราชทานอภัย ที่กระหม่อมเข้าเฝ้าหาได้ประสงค์สิ่งใดนอกจาก...อ่า...เอ้อ...ขอให้พระองเสด็จไปที่ตำหนักของฮองเฮาในตอนนี้ด้วยเถิดพะย่ะค่ะ”
“ข้าบอกกี่หนแล้วว่าข้าไม่อยากไป!”
พระสุรเสียงหนักหน่วงทำให้คนฟังสะดุ้ง ตงเปียนหน้าถอดสีและก้มหน้าลงกับพื้นขณะเฉียนหลงฮ่องเต้ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงสง่างาม เสียงทอดถอนพระทัยนั้นดังก้องในห้องโถงที่ประทับส่วนพระองค์
“ข้าล่ะเบื่อหน่ายความอ่อนแอของซีฮัน เมื่อไหร่นางจะเลิกเรียกร้องความสนใจจากข้าเสียที หรือตำแหน่งฮองเฮาและทรัพย์สมบัติที่ข้ามอบให้ยังมิเป็นที่พึงใจนาง”
“หามิได้กระหม่อม...ตอนนี้ฮองเฮากำลังทรงพระประชวรหนัก หม่อมฉันเพียงอยากขอให้พระองค์ทรงเห็นพระทัยของฮองเฮา พระนางเจ็บปวดและทรมานมาก”
“หมอหลวงไปดูแลนางแล้วใยข้าต้องไปอีก”
“กราบทูลพระองค์เถิดว่าขนาดหมอหลวงก็ยังไม่สามารถหาโอสถถวายการรักษาให้ฮองเฮาทุเลาความเจ็บปวดลงได้ กระหม่อมจึงเพียงขอความเห็นพระทัยจากพระองค์ นี่ก็นับเป็นราตรีที่เจ็ดแล้วที่ฮองเฮาร่ำร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด”
“เดี๋ยวนางก็หาย ซีฮันเป็นเช่นนี้มาตั้งกี่หนกี่ครั้งแล้ว ข้าเชื่อว่าหมอหลวงจะรักษานางได้”
“ฮ่องเต้...ได้โปรด...”
ตงเปียนพูดไม่ทันขาดคำก็ได้ยินเสียงดังสนั่นเลื่อนลั่นดังขึ้นด้านนอกตำหนักหลวง เฉียนหลงฮ่องเต้ก็ชะงักงันก่อนราชองครักษ์ห่าวอู๋วิ่งหน้าตื่นเข้ามาในห้องโถงใหญ่ พระองค์ถามด้วยสีพะรพักตร์ตื่นตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น...ข้าได้ยินเหมือนเสียงฟ้าลั่น”
“มิใช่เพียงฟ้าลั่นดอกพะย่ะค่ะ แต่มีฟ้าผ่าลงมาที่ตำหนักของฮองเฮา”
“ว่ายังไงนะ!”
ฮ่องเต้ยิ่งตระหนกและรีบเดินออกจากห้องโถงขณะที่ตงเปียนขันทีลุกขึ้นยืนสีหน้าตื่นตกใจ“ว่ายังไงนะท่านองครักษ์ ฟ้าผ่าที่ตำหนักของฮองเฮาเช่นนั้นรึ”“ใช่...ข้าให้ทหารตามไปดูแล้ว ข้าเห็นกับตา เมื่อครู่นี้สายฟ้าฟาดลงมาที่ตำหนักของฮองเฮาน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก”“นี่มันเกิดอาเภทอะไรกัน ฮองเฮาทรงประชวรหนักแล้วยังจะมีเรื่องร้าย ๆ เช่นนี้อีกรึ”“ข้าว่าเรารีบไปที่ตำหนักของฮองเฮากันเถิด”“เดี๋ยวท่านองครักษ์”“มีอะไรอีกรึไท่เจี้ยน”“ท่านดูเถิด ฮ่องเต้ทรงเร่งร้อนไปก่อนพวกเราเสียอีก พระองค์ต้องทรงเป็นห่วงฮองเฮาแน่ๆ เห็นแล้วข้าน้ำตาจะไหล”“อย่าช้าอยู่เลย รีบไปกันเถิด ป่านนี้ฮองเฮาจะทรงตกพระทัยและเป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้”แล้วทั้งสองก็รีบรุดไปยังตำหนักหลวงที่ประทับของฮองเฮาซีฮัน ตามหลังฮ่องเต้ที่ล่วงหน้าไปก่อน ขณะนั้นที่ตำหนักของพระอัครมเหสีเต็มไปด้วยเหล่าทหารและนางสนมรวมทั้งมเหสีรองทั้งเจ็ดที่ยืนมุงดูอยู่หน้าตำหนัก แต่เมื่อทุกคนเห็นฮ่องเต้เสด็จมาก็รีบคุกเข่าลงและถวายคำนับอย่างพร้อมเพรียง เฉียนหลงเสด็จลงจากเสลี่ยงและจ้องมองตำหนักของพระอัครมเหสีด้วยแววพระเนตรตื่นตระหนก“นี่เกิดอะไรขึ้น ฮองเฮาล่ะ”พระองค์ตรั
“ขอบคุณท่านพี่ที่ชี้นำ ยู่จินเซียงนี้มิรู้ตื้นลึกหนาบางดังที่ท่านว่าจริง ๆ ค่ะ”“เกิดอาเภทคราวนี้มีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้น ข้าแน่ใจอย่างเหลือเกินว่านั่นคือนิมิตหมายอันดีที่ช่วยส่งเสริมงานของพวกเรา อย่างน้อยฮองเฮาก็คงมิอาจต้านพิษร้ายที่เจ้าเป็นผู้คิดค้นและวางยานางได้อย่างแน่นอน”ว่าแล้วก็ผละเดินไปอีกทาง ขณะนั้นเซียวจื่อเฟยเข้ามายืนข้างยู่จินเซียงกุ้ยเฟยและถามว่า“ท่านพี่เข่อชิงว่าเช่นไรบ้างคะ”ยู่จินเซียงเหยียดปากออกก่อนตอบ “จะว่าเช่นไร นางก็คิดว่าตัวเองฉลาดหลักแหลมที่สุดนั่นอย่างไร...หึ! ถือว่าตัวเองเป็นอัครมเหสีรองทีมีเพียงตำแหน่งเดียว แต่คงลืมไปแล้วว่าฮ่องเต้ยังมีมเหสีรองอีกหลายตำแหน่ง”“ดูท่าเกิดอาเภทครานี้ร้ายแรง มันอาจเป็นข่าวดีสำหรับพวกเราก็เป็นได้นะท่านพี่”ทั้งสองต่างสบตาและเหยียดยิ้มให้กันอย่างเข้าใจ ขณะนั้นฮ่องเต้และตงเปียนขันทีเข้าไปในตำหนักพร้อมด้วยทหารคอยระแวดระวังหลายสิบนาย เฉียนหลงมองไปรอบๆ ภายในห้องโถง เพดานตำหนักและห้องหับต่าง ๆ ยังอยู่เป็นปกติ ไม่มีอะไรเสียหาย แต่แล้วตงเปียนก็ร้องขึ้นเมื่อเห็นร่างของฮองเฮาซีฮันนอนเหยียดยาวอยู่บนพื้นห้องบรรทม“ฮองเฮา!...ฮองเฮาพะย่ะค
เสียงนั้นลั่นเสียดทะลุเข้าไปในโสตประสาทของเฉียนหลงขณะหมอหลวงรีบเข้าไปนั่งคุกเข่าแทบพระบาท ฮ่องเต้ทรงถามขึ้นทั้งที่ไม่ได้หันมองหน้าเพราะมัวแต่จ้องภาพเบื้องหลังฮองเฮาที่กรีดร้องลั่นอยู่กับสระน้ำไม่ต่างอะไรจากคราแรกก่อนนางสิ้นชีพจร“นี่มันเกิดอะไรขึ้น...นางเป็นอะไร...ข้าถามว่าฮองเฮาเป็นอะไร!”“หม่อมฉันก็มิอาจทราบได้เลยพะย่ะค่ะ...ตะ...แต่ว่า...”“แต่ว่าอะไร”“ขอพระราชทานอภัย...นอกเหนือจากความอัศจรรย์ที่ฮองเฮาทรงฟื้นคืนพระชนม์ชีพขึ้นมาได้...ก็เห็นจะมีอีกอย่างนั่นคือ...ลางร้ายของราชสำนัก”“หรือว่านางจะถูกปิศาจเข้าสิงเพคะ” เข่อชิงหวงกุ้ยเฟยรีบเข้ามาสำทับและทำให้เฉียนหลงต้องทรงคิดหนัก ขณะนั้นฮองเฮาหยุดส่งเสียงกรีดร้องและหันขวับกลับมาทำให้ทุกคนในที่นั้นผงะ โดยเฉพาะฮ่องเต้ที่จ้องมองนางด้วยความสับสนจนพระองค์เองก็คุมพระสติแทบไม่อยู่เช่นกัน แต่แล้วซีฮันฮองเฮาก็ส่งเสียงกรีดร้องลั่นขึ้นอีกครั้งก่อนทรุดฮวบลงและผู้ปรี่เข้าไปรับร่างนั้นไว้คือตงเปียนขันทีผู้ซื่อสัตย์“ฮองเฮา...ฮองเฮาพะย่ะค่ะ...ฮ่องเต้...ฮองเฮาทรงหมดสติ แต่ยังมีลมหายพระทัยอยู่พะย่ะค่ะ”“นำนางกลับเข้าไปในตำหนัก!” ฮ่องเต้รับสั่งด้วยพระสุรเ
ฮองเฮา ซีฮัน และมเหสีรองทั้งเจ็ดเข่อชิงหวงกุ้ยเฟย พระอัครเทวีผู้สูงศักดิ์ มเหสีรองผู้มีอำนาจล้นจนจะเทียบเท่าฮองเฮาได้อยู่แล้ว หากซีฮันไม่ฟื้นขึ้นมาเสียก่อนแผนการณ์ที่วางไว้ก็จะสำเร็จดังหมายเซียนรื่อหงกุ้ยเฟย อัครเทวีผู้ล้ำค่า นางผู้ประจบประแจงและพยายามตามติดเข่อชิงหวงกุ้ยเฟยเพื่อรอวันรับช่วงต่ออำนาจรองจากฮองเฮายู่จินเชียงกุ้ยเฟย อัครเทวีผู้ล้ำค่า นางคือหมอยาที่ชอบสะสมพิษจากสัตว์ร้าย สมคบคิดกับเข่อชิงหวงกุ้ยเฟยเพื่อถวายโอสถทิพย์แก่ฮองเฮาจินเช่อเฟย ฉลาดล้ำและแอบฝึกวิชาป้องกันตัว สะสมอาวุธและพิศมัยการทรมานนางสนมที่บังอาจดีเกินหน้าเซียวจื่อเฟย หลงใหลในมนต์ดำ และยาเสน่ห์เพื่อให้ฮ่องเต้รักและสงสารโถวฝ่าเฟย หลงใหลในงานปักผ้าและแพรพรรณ นางตั้งใจปักเสื้อคลุมดอกเหมยถวายแด่องค์ฮองเฮาซินจางเฟย น่าสงสารเป็นที่สุด นางไม่มีความสามารถพิเศษใด ๆ นอกเสียจากความภักดีที่มีให้ฮ่องเต้และฮองเฮาบทที่ 1ฮองเฮาผู้อ่อนแอ ราชวงศ์ชิง รัชสมัยองค์จักรพรรดิเฉียนหลง เสียงร้องโหยหวนสลับกับกรีดแหลมดังมาจากตำหนักใหญ่อันเป็นที่ประทับของฮองเฮาซีฮัน พระอัครมเหสีเอกแห่งเฉียนหลงฮ่องเต้ในยามวิกาลที
เสียงนั้นลั่นเสียดทะลุเข้าไปในโสตประสาทของเฉียนหลงขณะหมอหลวงรีบเข้าไปนั่งคุกเข่าแทบพระบาท ฮ่องเต้ทรงถามขึ้นทั้งที่ไม่ได้หันมองหน้าเพราะมัวแต่จ้องภาพเบื้องหลังฮองเฮาที่กรีดร้องลั่นอยู่กับสระน้ำไม่ต่างอะไรจากคราแรกก่อนนางสิ้นชีพจร“นี่มันเกิดอะไรขึ้น...นางเป็นอะไร...ข้าถามว่าฮองเฮาเป็นอะไร!”“หม่อมฉันก็มิอาจทราบได้เลยพะย่ะค่ะ...ตะ...แต่ว่า...”“แต่ว่าอะไร”“ขอพระราชทานอภัย...นอกเหนือจากความอัศจรรย์ที่ฮองเฮาทรงฟื้นคืนพระชนม์ชีพขึ้นมาได้...ก็เห็นจะมีอีกอย่างนั่นคือ...ลางร้ายของราชสำนัก”“หรือว่านางจะถูกปิศาจเข้าสิงเพคะ” เข่อชิงหวงกุ้ยเฟยรีบเข้ามาสำทับและทำให้เฉียนหลงต้องทรงคิดหนัก ขณะนั้นฮองเฮาหยุดส่งเสียงกรีดร้องและหันขวับกลับมาทำให้ทุกคนในที่นั้นผงะ โดยเฉพาะฮ่องเต้ที่จ้องมองนางด้วยความสับสนจนพระองค์เองก็คุมพระสติแทบไม่อยู่เช่นกัน แต่แล้วซีฮันฮองเฮาก็ส่งเสียงกรีดร้องลั่นขึ้นอีกครั้งก่อนทรุดฮวบลงและผู้ปรี่เข้าไปรับร่างนั้นไว้คือตงเปียนขันทีผู้ซื่อสัตย์“ฮองเฮา...ฮองเฮาพะย่ะค่ะ...ฮ่องเต้...ฮองเฮาทรงหมดสติ แต่ยังมีลมหายพระทัยอยู่พะย่ะค่ะ”“นำนางกลับเข้าไปในตำหนัก!” ฮ่องเต้รับสั่งด้วยพระสุรเ
“ขอบคุณท่านพี่ที่ชี้นำ ยู่จินเซียงนี้มิรู้ตื้นลึกหนาบางดังที่ท่านว่าจริง ๆ ค่ะ”“เกิดอาเภทคราวนี้มีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้น ข้าแน่ใจอย่างเหลือเกินว่านั่นคือนิมิตหมายอันดีที่ช่วยส่งเสริมงานของพวกเรา อย่างน้อยฮองเฮาก็คงมิอาจต้านพิษร้ายที่เจ้าเป็นผู้คิดค้นและวางยานางได้อย่างแน่นอน”ว่าแล้วก็ผละเดินไปอีกทาง ขณะนั้นเซียวจื่อเฟยเข้ามายืนข้างยู่จินเซียงกุ้ยเฟยและถามว่า“ท่านพี่เข่อชิงว่าเช่นไรบ้างคะ”ยู่จินเซียงเหยียดปากออกก่อนตอบ “จะว่าเช่นไร นางก็คิดว่าตัวเองฉลาดหลักแหลมที่สุดนั่นอย่างไร...หึ! ถือว่าตัวเองเป็นอัครมเหสีรองทีมีเพียงตำแหน่งเดียว แต่คงลืมไปแล้วว่าฮ่องเต้ยังมีมเหสีรองอีกหลายตำแหน่ง”“ดูท่าเกิดอาเภทครานี้ร้ายแรง มันอาจเป็นข่าวดีสำหรับพวกเราก็เป็นได้นะท่านพี่”ทั้งสองต่างสบตาและเหยียดยิ้มให้กันอย่างเข้าใจ ขณะนั้นฮ่องเต้และตงเปียนขันทีเข้าไปในตำหนักพร้อมด้วยทหารคอยระแวดระวังหลายสิบนาย เฉียนหลงมองไปรอบๆ ภายในห้องโถง เพดานตำหนักและห้องหับต่าง ๆ ยังอยู่เป็นปกติ ไม่มีอะไรเสียหาย แต่แล้วตงเปียนก็ร้องขึ้นเมื่อเห็นร่างของฮองเฮาซีฮันนอนเหยียดยาวอยู่บนพื้นห้องบรรทม“ฮองเฮา!...ฮองเฮาพะย่ะค
ฮ่องเต้ยิ่งตระหนกและรีบเดินออกจากห้องโถงขณะที่ตงเปียนขันทีลุกขึ้นยืนสีหน้าตื่นตกใจ“ว่ายังไงนะท่านองครักษ์ ฟ้าผ่าที่ตำหนักของฮองเฮาเช่นนั้นรึ”“ใช่...ข้าให้ทหารตามไปดูแล้ว ข้าเห็นกับตา เมื่อครู่นี้สายฟ้าฟาดลงมาที่ตำหนักของฮองเฮาน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก”“นี่มันเกิดอาเภทอะไรกัน ฮองเฮาทรงประชวรหนักแล้วยังจะมีเรื่องร้าย ๆ เช่นนี้อีกรึ”“ข้าว่าเรารีบไปที่ตำหนักของฮองเฮากันเถิด”“เดี๋ยวท่านองครักษ์”“มีอะไรอีกรึไท่เจี้ยน”“ท่านดูเถิด ฮ่องเต้ทรงเร่งร้อนไปก่อนพวกเราเสียอีก พระองค์ต้องทรงเป็นห่วงฮองเฮาแน่ๆ เห็นแล้วข้าน้ำตาจะไหล”“อย่าช้าอยู่เลย รีบไปกันเถิด ป่านนี้ฮองเฮาจะทรงตกพระทัยและเป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้”แล้วทั้งสองก็รีบรุดไปยังตำหนักหลวงที่ประทับของฮองเฮาซีฮัน ตามหลังฮ่องเต้ที่ล่วงหน้าไปก่อน ขณะนั้นที่ตำหนักของพระอัครมเหสีเต็มไปด้วยเหล่าทหารและนางสนมรวมทั้งมเหสีรองทั้งเจ็ดที่ยืนมุงดูอยู่หน้าตำหนัก แต่เมื่อทุกคนเห็นฮ่องเต้เสด็จมาก็รีบคุกเข่าลงและถวายคำนับอย่างพร้อมเพรียง เฉียนหลงเสด็จลงจากเสลี่ยงและจ้องมองตำหนักของพระอัครมเหสีด้วยแววพระเนตรตื่นตระหนก“นี่เกิดอะไรขึ้น ฮองเฮาล่ะ”พระองค์ตรั
“พระนางอาจต้องการกำลังใจ นี่อาจเป็นอาการของผู้กำลังเรียกร้องหากำลังใจก็เป็นได้”พอได้ยินหมอหลวงกล่าวเช่นนั้นขันทีตงเปียนก็ทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนดวงตาฉายประกายนึกได้“เช่นนั้นแล้วข้าต้องรีบไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้”“ด้วยเหตุผลอันใด ในเมื่อท่านก็รู้นี่ว่า...”“พระองค์อาจทรงเบื่อหน่ายและไม่สนพระทัยฮองเฮา แต่ในเวลาเช่นนี้ฮ่องเต้ควรเห็นพระทัยพระนางบ้าง เพราะหากว่าฮองเฮาทรงเป็นอะไรไป...อืม...ช่างเถิด...ข้าต้องลองดูสักครั้ง”“อ่าว...พูดเองเออเองแล้วก็ทิ้งข้าไป...ท่านขันทีตงเปียน”หมอหลวงร้องเรียกด้วยเสียงแห้งแหบแต่ไม่ทันขันทีหนุ่มที่เดินลิ่วออกจากตำหนักใหญ่ของฮองเฮาโดยมีผู้ติดตามไปอีกสองคนตรงไปยังตำหนักหลวงที่ประทับของฮ่องเต้เฉียนหลง เมื่อไปถึงกลับต้องพบกับราชองครักษ์ที่คอยเฝ้าหน้าตำหนักก่อนถามว่า“ไท่เจี้ยน...ดึกดื่นป่านนี้เจ้ามาที่นี่มีธุระอะไรรึ”“ท่านองครักษ์ห่าวอู๋ ข้ามิรู้ว่าจะพึ่งพาผู้ใดแล้ว ขอให้ท่านได้โปรดเห็นใจข้าด้วย”©©©©©©©©บทที่ 2เหตุอาเพศ“ไท่เจี้ยน...”ราชองครักษ์ห่าวอู๋ นายทหารฝีมือดีและเป็นหัวหน้าองครักษ์มีสีหน้าตกใจที่จู่ ๆ ขันทีตงเปียนผู้ใกล้ชิดติดตามฮองเฮาฮันซีถึงกับคุกเข่าลงตร
ฮองเฮา ซีฮัน และมเหสีรองทั้งเจ็ดเข่อชิงหวงกุ้ยเฟย พระอัครเทวีผู้สูงศักดิ์ มเหสีรองผู้มีอำนาจล้นจนจะเทียบเท่าฮองเฮาได้อยู่แล้ว หากซีฮันไม่ฟื้นขึ้นมาเสียก่อนแผนการณ์ที่วางไว้ก็จะสำเร็จดังหมายเซียนรื่อหงกุ้ยเฟย อัครเทวีผู้ล้ำค่า นางผู้ประจบประแจงและพยายามตามติดเข่อชิงหวงกุ้ยเฟยเพื่อรอวันรับช่วงต่ออำนาจรองจากฮองเฮายู่จินเชียงกุ้ยเฟย อัครเทวีผู้ล้ำค่า นางคือหมอยาที่ชอบสะสมพิษจากสัตว์ร้าย สมคบคิดกับเข่อชิงหวงกุ้ยเฟยเพื่อถวายโอสถทิพย์แก่ฮองเฮาจินเช่อเฟย ฉลาดล้ำและแอบฝึกวิชาป้องกันตัว สะสมอาวุธและพิศมัยการทรมานนางสนมที่บังอาจดีเกินหน้าเซียวจื่อเฟย หลงใหลในมนต์ดำ และยาเสน่ห์เพื่อให้ฮ่องเต้รักและสงสารโถวฝ่าเฟย หลงใหลในงานปักผ้าและแพรพรรณ นางตั้งใจปักเสื้อคลุมดอกเหมยถวายแด่องค์ฮองเฮาซินจางเฟย น่าสงสารเป็นที่สุด นางไม่มีความสามารถพิเศษใด ๆ นอกเสียจากความภักดีที่มีให้ฮ่องเต้และฮองเฮาบทที่ 1ฮองเฮาผู้อ่อนแอ ราชวงศ์ชิง รัชสมัยองค์จักรพรรดิเฉียนหลง เสียงร้องโหยหวนสลับกับกรีดแหลมดังมาจากตำหนักใหญ่อันเป็นที่ประทับของฮองเฮาซีฮัน พระอัครมเหสีเอกแห่งเฉียนหลงฮ่องเต้ในยามวิกาลที