แชร์

ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70
ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70
ผู้แต่ง: sanvittayam

บทที่ 1 ไม่เป็นที่รักใคร่

ผู้เขียน: sanvittayam
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-17 12:19:55

บทที่ 1 ไม่เป็นที่รักใคร่

ปิตาธิปไตยหรือการชอบลูกชายมากกว่าลูกสาวนั้นมีมาตั้งแต่ในอดีต โดยเฉพาะในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ซึ่งลูกชายได้แต้มเยอะกว่าลูกสาวเมื่อทำงานในคอมมูน หรือหน่วยการผลิตทางการเกษตร ที่สามารถนำแต้มเหล่านั้นมาแลกเปลี่ยนเป็นอาหาร เพื่อเลี้ยงดูปากท้องตนเองและคนในครอบครัว เพราะแบบนั้นอย่างไรล่ะ จึงทำให้การมีลูกชายเป็นที่นิยมมากกว่าลูกสาว จนมีคำติดปากที่กล่าวว่า ‘ลูกสาวเสียเงินเปล่า’

และนี่ยังไม่รวมกับความเชื่อที่มีมาตั้งแต่โบราณ ที่ว่าการมีลูกสาวนั้นก็เหมือนมีกระโถนตั้งอยู่หน้าบ้าน เหมือนน้ำที่สาดออกไป เพราะเมื่อโตขึ้นก็ต้องแต่งออกไปและกลายเป็นคนของตระกูลอื่นอยู่ดี นั่นจึงทำให้ลูกสาวไม่เป็นที่พอใจ หรือไม่เป็นที่ต้องการของคนในครอบครัวที่มีความคิดหัวโบราณแบบนั้น

เช่นเดียวกับ ‘เว่ยซิ่วอิง’ เด็กสาวที่โชคร้ายผู้เกิดมาในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง หากผู้คนในปัจจุบันรับรู้คงได้แต่คิดว่านั่นเป็นค่านิยมเก่า ๆ ที่ไม่ควรมีอีกแล้ว เนื่องจากชายหรือหญิง ล้วนมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน!!

แต่ในตอนนี้ยุค 70 คือ ยุคปัจจุบันของเว่ยซิ่วอิง นั่นทำให้แม้จะเป็นลูกจากบุตรชายคนโต แต่กลับไม่เป็นที่พอใจของคนในบ้าน แถมคนเป็นย่ายังรังเกียจหลานสาวคนนี้อย่างกับอะไรดี

“อิงอิง ลูกพักหน่อยเถอะ” ผู้เป็นแม่มองลูกสาวที่เหงื่อไหลอาบหน้าด้วยความเป็นห่วง ยิ่งเห็นใบหน้าซีดเซียวของลูกก็ยิ่งกังวลใจ

เหม่ยฟางรู้สึกสงสารลูกยิ่งนัก แถมยังรู้สึกผิดเรื่องที่ตนเองไม่มีลูกชายไว้สืบทอดตระกูลตามความคาดหวังของพ่อแม่สามี ถ้าตนเองสามารถคลอดลูกชายได้สักคน ลูกสาวอย่างเว่ยซิ่วอิงคงไม่โดนกดดันและถูกใช้งานหนักถึงขนาดนี้

“ไม่เป็นไรค่ะแม่ ฉันไหว” เว่ยซิ่วอิงในปีนี้อายุสิบแปดปี เด็กสาวต้องทำงานในคอมมูนให้ได้หกแต้ม ซึ่งน้อยกว่าผู้ชายตัวโต ๆ เพียงไม่กี่แต้มเท่านั้น แล้วจะเอาแรงจากที่ไหนมามากมายเพื่อทำงานให้ได้แต้มอย่างที่ผู้เป็นย่าต้องการ

อีกทั้งครอบครัวของเธอที่ทำงานหนักกว่าใครกลับได้กินน้อยกว่าคนอื่น เนื่องจากว่าอาหารที่มีต้องจุนเจือคนทั้งครอบครัว เพราะยังมีลูกหลานที่ยังเรียนอยู่อีกหลายคน แต่นั่นก็เป็นครอบครัวของอา ไม่ใช่ครอบครัวของเธอ

หากช่วงไหนที่เว่ยซิ่วอิงอ่อนแอมาก ๆ อย่างเช่น ช่วงมีรอบเดือนเด็กสาวมีอาการแทบจะตายให้ได้ทุกครั้ง และดูเหมือนคราวนี้ก็ไม่ได้ต่างจากครั้งก่อน ๆ

“อย่าฝืนตัวเองนะลูก ถ้าไม่ไหวก็ให้รีบบอกพ่อ” เว่ยตงกล่าวกับลูกสาวอย่างเป็นห่วง แม้สายตาจะไม่ได้มองมา แต่แผ่นหลังที่ก้มหน้างก ๆ ทำงานจนไม่อยากจะพัก ก็เพื่อหวังจะแบ่งเบาความเหน็ดเหนื่อยของลูกเมียบ้าง นี่จึงทำให้เว่ยซิ่วอิงน้ำตาคลอเมื่อได้รับความห่วงใยจากคนเป็นพ่อ

ในขณะเดียวกัน เธอรู้สึกเหมือนหน้ามืดจนเซเล็กน้อย ก่อนกลับมายืนได้อย่างมั่นคง พร้อมกะพริบตาปริบ ๆ มองไปรอบ ๆ เวลานี้ดูเหมือนความวิงเวียนเมื่อครู่จะหายไปแล้ว คงเพราะวันนี้แดดแรงมากจริง ๆ

“อิงอิงไหวไหมลูก” คนเป็นแม่ยังหันไปมองลูกสาวบ่อย ๆ ด้วยความกังวล เห็นอีกฝ่ายตามความเร็วตนไม่ทันก็คอยหันไปถามอยู่เสมอ

“ไหวค่ะ ฉันไม่เป็นไรแล้ว” เว่ยซิ่วอิงตอบกลับพร้อมกับยิ้มให้เพราะไม่อยากให้แม่เป็นห่วง และพยายามตามความเร็วของพวกท่านให้ทัน จนไม่รู้เลยว่าตอนนี้เธอเวียนหัวหรือไม่เวียนหัวกันแน่

เมื่อถึงเวลาเลิกงาน สามคนพ่อแม่ลูกเก็บอุปกรณ์ทางการเกษตรไว้ในเพิงไม้ของคอมมูน ก่อนจะไปรายงานตัวเพื่อรับแต้มเหมือนเช่นทุกครั้ง

“วันนี้ได้ห้าแต้มนะซิ่วอิง” นางเจียคอยทำหน้าที่แจกจ่ายแต้มและตรวจงานเอ่ยปากขึ้น เธออดที่จะมองเด็กสาวด้วยความสงสารไม่ได้

“เอาหนึ่งแต้มของผมลงให้ลูกเถอะ” คนเป็นพ่อรีบพูดขึ้นมา เนื่องจากรู้ดีว่าหากให้ลูกสาวกลับบ้านไปทั้งแบบนี้ มีหวังแม่ของเขาต้องตีลูกเขาตายแน่ ๆ

“แต่ของเว่ยตงก็ไม่ได้เยอะ ฉันกลัวว่านางหวังซื่อจะมีปัญหาน่ะสิ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ เอาตามที่ผมว่าเถอะ ขอบคุณป้าเจียที่เป็นห่วง เรื่องนี้ผมรับมือได้” เว่ยตงกล่าวยืนยันอีกครั้ง ที่ตนเองต้องการเอาแต้มให้ลูกสาวเพื่อที่ไม่ต้องโดนแม่เขาด่าหรือทุบตี แต่ในขณะเดียวกันกลายเป็นเว่ยซิ่วอิงยืนตัวสั่นด้วยความเสียใจ เมื่อคิดว่าพ่อต้องโดนทำโทษเพราะตัวเองอีกแล้ว

“กลับบ้านกันเถอะ”

เว่ยตงหันมายิ้มให้ภรรยาและลูกด้วยความอ่อนโยน พร้อมกับยื่นมือให้กับคนที่เขารักทั้งสอง เหม่ยฟางยื่นมือให้สามีด้วยรอยยิ้ม แม้จะไม่รู้ว่ากลับไปบ้านแล้วจะเจออะไรก็ตาม ส่วนเว่ยซิ่วอิงทำได้เพียงจับมือพ่อแม่กลับบ้านที่ไม่เหมือนและไม่ใช่บ้านสำหรับพวกเขาด้วยกัน

ในขณะที่เดินกลับบ้าน แวบหนึ่งในความรู้สึกของเว่ยซิ่วอิงอยากจะหนีไปให้ไกล เธออยากพาพ่อแม่บินหนีไปจากบ้านนี้ บ้านที่มีย่าใจร้ายคอยโขกสับ พร้อมกับเอ่ยขอร้องในใจว่าใครก็ได้ โปรดพาเธอและพ่อแม่หนีไปด้วย แต่ดูเหมือนคำขอร้องอ้อนวอนของเว่ยซิ่วอิงจะไม่เป็นผล เมื่อกลับมาถึงบ้านเสียงตะโกนที่คุ้นหูก็ดังขึ้น

“ทำไมกลับมาช้ากันนัก นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว นังเด็กเสียเงินกับสะใภ้ใหญ่ยังไม่รีบเข้าครัวไปเตรียมข้าวปลาอาหารออกมาอีก!”

เสียงโวยวายดังขึ้นมาก่อนตัว ร่างอุ้ยอ้ายของนางหวังซื่อผู้เป็นย่าเดินออกมาพร้อมกับหลานสาวคนโปรดที่สวมใส่ชุดกระโปรงตัวใหม่สวยงามพยุงออกมา ซึ่งนั่นก็คือ ‘เว่ยหนาน’ ลูกสาวของบ้านรองนั่นเอง

หากจะเปรียบเธอเป็นหลานชัง เว่ยหนานคงจะเป็นหลานรัก!!

พอเห็นทั้งสองปรากฏตัวขึ้น เว่ยซิ่วอิงก็ก้มหน้าลงแล้วขยับซ่อนตัวอยู่หลังบิดาโดยอัตโนมัติอย่างช่วยไม่ได้ เนื่องจากโดนกดข่มมานานปีย่อมรู้สึกไม่กล้าที่จะต่อต้านหญิงชราตรงหน้าที่ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าของตน

“แม่ พวกเราเพิ่งทำงานเสร็จก็รีบกลับมาทันที เวลานี้เว่ยหนานก็กลับมาจากโรงเรียนแล้ว สะใภ้รองก็น่าจะกลับมาจากรับเว่ยจุนแล้วนี่ครับ ทำไม...”

เว่ยตงกล่าวขึ้นมาเพื่อออกหน้าปกป้องภรรยาและลูกสาว ทว่ากลับโดนนางหวังซื่อสวนกลับทันที โดยที่เว่ยตงยังพูดไม่ทันจบประโยคเลยด้วยซ้ำ

“ไม่ต้องพูดมาก! แกมีปากไว้พูดแต่เรื่องไร้สาระเท่านั้นเหรอ เด็ก ๆ แค่เรียนก็เหนื่อยจะแย่แล้ว น้องสะใภ้แกยังต้องดูแลทั้งบ้าน ทั้งดูแลลูก ๆ ว่าแต่พวกแกนั่นแหละ วันนี้ทำงานได้กี่แต้มกันเชียว!”

“วันนี้ผมทำงานได้น้อยหน่อยนะ เพียงแปดแต้มเท่านั้น ส่วนเหม่ยฟางและอิงอิงทำงานได้ตามเป้าที่แม่กำหนด”

เว่ยตงเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากจะพูดอะไรมาก เลยตอบกลับไปเพียงเท่านั้น แต่นั่นกลับทำให้หญิงวัยชรากลับโมโหเลือดขึ้นหน้า เพราะรู้ดีว่าการที่เว่ยตงทำแต้มได้เพียงเท่านี้คงจะเอาแต้มแบ่งให้กับนังเด็กเสียเงินและเมียที่คลอดลูกชายไม่ได้ตามเคย จึงได้ชี้หน้าด่ากราดอย่างไม่สนใจใคร

“แกแบ่งแต้มให้พวกมันอีกแล้วใช่ไหม เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ นังเด็กพวกนี้ แกมานี่เดี๋ยวนี้เลยนะเว่ยตง แกต้องโดนทำโทษที่ไม่รู้จักสั่งสอนลูกเมียตัวเองว่าควรจะขยันมากกว่านี้” พูดจบย่าเว่ยมองหาสิ่งที่ต้องการ เมื่อเจอไม้กวาดก็หยิบขึ้นมาฟาดใส่หลังเว่ยตงอย่างแรง

เหม่ยฟางและซิ่วอิงยืนอยู่ไม่ไกลก็ได้แต่ตกใจจนตัวสั่น แม้จะพบเจอเรื่องแบบนี้แทบวันเว้นวัน แต่ก็ยังไม่เคยชินและไม่เคยทำใจได้เลยสักครั้งเดียว

ทั้งสองไม่คิดว่าย่าเว่ยจะกล้าทำร้ายลูกชายตนเองที่โตขนาดนี้ไม่ต่างจากเด็กน้อยที่ทำผิด

“หน็อย ไอ้คนไม่รักดี ไอ้ลูกอกตัญญู ส่วนพวกแกยังไม่รีบเข้าครัวไปทำกับข้าวอีก!”

“แม่อย่าตีลูกกับเมียผมเลย ผมผิดเองที่รู้สึกไม่สบายเลยทำงานไม่ได้ตามที่แม่หวัง ผมขอโทษครับ” เว่ยตงรีบร้องห้ามพร้อมกับเข้าไปกอดปกป้องภรรยา เมื่อเห็นแม่พยายามจะเข้าไปตีเหม่ยฟาง ทำให้ชายหนุ่มโดนตีจนเสียงดังอั้ก

เพียงแค่คิดว่าภรรยาที่รูปร่างบอบบางอาจโดนตีด้วยไม้กวาดที่ใหญ่เกือบเท่าแขน เขาก็หวาดกลัวขึ้นมาแล้ว เว่ยตงคอยปกป้องลูกเมียมาหลายสิบปีย่อมว่องไวในการช่วยป้องกันไม่ให้ทั้งสองคนโดนตี แต่ก็ใช่ว่าจะป้องกันได้ทุกครั้ง อย่างเช่นในครั้งนี้

นางหวังซื่อตวาดลั่นเมื่อไม่ได้ดั่งใจ “แกปกป้องนังจิ้งจอกนี่อีกแล้ว รีบให้มันเข้าครัวเลยนะ ยังยืนบื้ออะไรอยู่อีก!” เห็นว่าตีคนหนึ่งไม่ได้ มองไปอีกด้านเห็นเว่ยซิ่วอิงยืนอยู่เพียงลำพัง นางหวังซื่อก็หันไปฟาดลงตรงหน้าหล่อนทันที

เว่ยซิ่วอิงไม่ทันได้ตั้งตัว คิดว่าตัวเองยืนอยู่หน้าครัวไม่น่าจะมีปัญหา คาดไม่ถึงว่าผู้เป็นย่าจะฟาดไม้กวาดมาทำให้หลบไม่ทัน แม้เบี่ยงตัวหลบก็ไม่อาจหนีพ้นจากไม้กวาดของย่าได้

“แม่อย่า!”

ปั้ก! เสียงไม้กวาดฟาดเข้าที่หัวของซิ่วอิงเข้าเต็มแรง เด็กสาวซวนเซตามแรงที่ฟาดมาจนร่างล้มลงกับพื้น รู้สึกเหมือนสมองอื้ออึงไปชั่วขณะหนึ่ง

“อิงอิง!!” เว่ยตงและเหม่ยฟางรีบวิ่งเข้าไปกอดลูกสาวด้วยท่าทีร้อนรน ไม่คิดว่าผู้เป็นย่าของเด็กสาวจะกล้าทำเช่นนี้

นางหวังเห็นอย่างนั้นก็พึงพอใจ ในที่สุดก็ทำให้พวกครอบครัวเว่ยตงกลัวได้จริง ๆ คิดแล้วก็กอดอกมองอย่างพอใจ และสายตาเต็มไปด้วยความเย็นชา

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70   บทที่ 2 โดนทำร้าย

    บทที่ 2 โดนทำร้าย“สำออยอะไรกัน โดนไม้กวาดแค่นี้ ยังไม่รีบเข้าไปทำอาหารเย็นอีก คนรอกินข้าวอยู่ทั้งบ้านไม่รู้หรือยังไง” ไม่พูดเปล่า ยังใช้ไม้ตีเข้าไปที่ผนังห้องครัวหลายครั้งจนฝุ่นกระจายฟุ้งไปทั่ว“อืดอาดยืดยาดไม่รู้จักเวล่ำเวลา หรือจะให้ฉันต้องตีพวกแกกระตุ้นอีกฮะ! เป็นวัวเป็นควายหรือยังไง”คำขู่ของหญิงชราทำให้เว่ยตงพร้อมทั้งลูกและภรรยาอึ้งไปเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าแม่ของตนหรือย่าแท้ ๆ ของตนจะคิดเช่นนั้น วัวควายกินหญ้าและมีไว้ให้คนจูงจมูกไปทั่ว ยังไม่ถูกตีหนักเท่าพวกเขาสามคนพ่อแม่ลูกเลยด้วยซ้ำแต่พอมีคนมาตอกย้ำแบบนี้ก็ยิ่งทำให้นึกย้อนกลับไป ดูเหมือนพวกตนมีชีวิตที่แย่ยิ่งกว่าวัวควายเสียอีก“ย่าใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ อย่าโมโหเลยค่ะจะกระทบต่อสุขภาพนะ” เว่ยหนานหลานรักที่ยืนนิ่งมาตลอดเอ่ยปากขึ้น คล้ายรู้ว่าย่ารอคอยที่จะปล่อยให้ตัวเองเดินเข้าไปประคองด้วยคำพูดออดอ้อนเอาใจ “หึ! ไม่มีใครห่วงฉันเท่าอาหนานแล้ว พวกแกมันไม่ได้เรื่อง ทำให้ฉันโมโหได้ทุกวี่ทุกวัน คิดจะให้ยายแก่เช่นฉันอกแตกตายหรืออย่างไร!” นางหวังซื่อยังไม่หายโมโห ฟาดไม้กวาดลงหลังลูกชายคนโตเบา ๆ อย่างเคยชินเวลาที่โมโหหรืออารมณ์ไม่ดี ก็มีเพียง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17
  • ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70   บทที่ 3 ล้มป่วย

    บทที่ 3 ล้มป่วย“สำออย! นอนกินบ้านกินเมือง ให้มันได้อย่างนี้สิ ไม่สู้ให้นังเด็กไร้ประโยชน์นี่แต่งงานออกไปยังทำประโยชน์ได้กว่านี้อีกมาก”“แม่คะ อย่าตีเลยค่ะ อิงอิงลูก ตื่นเร็วเข้า” คนเป็นแม่พยายามปลุกลูกสาวให้ตื่นขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือสีหน้าเป็นกังวลของคนเป็นแม่ ถัดไปด้านหลังหน้าประตูห้องเล็ก ๆ มีร่างท้วมของผู้เป็นย่ายืนอยู่“แม่ครับ อิงอิงไม่สบายจริง ๆ สาเหตุที่เป็นแบบนี้ก็เพราะโดนตีเข้าที่หัวเมื่อวาน ให้แกพักผ่อนหน่อยเถอะครับ” เว่ยตงพยายามพูดกับแม่ดี ๆ แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่ฟังแม้แต่น้อย ซ้ำยังจับคำพูดเขาไปบิดเบือนได้อีกเป็นกระบุง“หน็อย! นี่แกพูดว่าที่มันไม่ยอมลุกมาทำงานทำการแบบนี้ เป็นเพราะฉันงั้นเหรอ ฉันคิดว่านังเด็กเสียเงินนี่ขี้เกียจตัวเป็นขน เลยสำออยไม่อยากลุกเองนั่นแหละ”“แม่ครับ!” เว่ยตงขวางมารดาตนเองไว้ เมื่อโดนลูกชายที่ตัวใหญ่กว่าขวางไว้ทำให้นางหวังซื่อเข้ามาในห้องไม่ได้ จึงฮึดฮัดอยู่หน้าห้องอย่างขัดใจ“ยังไม่เตรียมตัวไปทำงานกันอีก! จะมากเกินไปแล้วนะ ถ้าจะไม่ทำอะไรแบบนี้ก็ให้มันแต่งออกจากบ้านไปเดี๋ยวนี้เลย บ้านหลังนี้ไม่ต้องการตัวขี้เกียจ”เว่ยซิ่วอิงมองทะลุผ่านช่องเล็กระห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17
  • ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70   บทที่ 4 นักขายมือทอง

    บทที่ 4 นักขายมือทอง“แม่ครับ ถ้าอย่างนั้นให้อาเหม่ยหยุดงานดูลูกที่บ้านสักวันนะครับ จนกว่าซิ่วอิงจะดีขึ้น ผมจะได้วางใจ”“ไม่มีทาง ลูกแกก็คนหนึ่งแล้ว จะให้เมียแกหยุดอีกเหรอ แล้วแบบนี้บ้านเราจะเอาอะไรกินกันล่ะ”“ก็ให้น้องรอง…” เว่ยตงกำลังจะสวนกลับบอกให้น้องรองทำงานเพิ่มสักหน่อย ส่วนเขาก็จะทำเพิ่มเหมือนกัน แต่กลับโดนมารดาหยุดเอาไว้“ไม่รู้แหละ อย่างไรเมียแกก็ต้องไปทำงานในทุ่ง พักเที่ยงค่อยกลับมาดูแลก็ได้ เรื่องมากจริง ๆ เลย”“...” เว่ยตงได้แต่ก้มหน้ายอมรับ ก่อนจะเดินกลับห้องโดยไม่พูดอะไรอีก เมื่อเขากลับมาถึงห้องเห็นภรรยาที่เพิ่งกลับมาถึงเหมือนกันได้ส่ายหน้าให้ บ่งบอกว่าขอยืมเงินญาติไม่ได้เช่นกัน เวลานี้สองสามีภรรยาเป็นทุกข์ยิ่งนัก ที่ไม่สามารถพาลูกไปหาหมอในเมืองได้อย่างที่ต้องการ“อิงอิง แม่กับพ่อขอโทษที่ช่วยลูกไม่ได้”“อือ พ่อ…แม่”สองคนพ่อแม่ทำได้เพียงอดกลั้นน้ำตาเอาไว้ มองดูลูกสาวทรมานเพราะพิษไข้อยู่อย่างนั้นจากนั้นจึงกล้ำกลืนฝืนใจตนเองออกไปทำงานในทุ่ง เพราะเกรงว่าคนเป็นย่าจะโทษหลานสาวที่น่าชังคนนี้อีกครั้ง เมื่อกลับมาถึงบ้านเห็นลูกสาวตัวเย็นลงก็เบาใจ ให้ดื่มยาสมุนไพรเพิ่มเข้าไปอีก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-17
  • ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70   บทที่ 5 วิญญาณเข้าร่าง

    บทที่ 5 วิญญาณเข้าร่าง“พี่ไม่ได้จะขโมยผลงานของเราหรอกใช่ไหมคะ” แต่แล้วอยู่ ๆ เด็กสาวคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นกลางวงสนทนาและต้อนรับผู้จัดการคนใหม่ ดูเหมือนเธอมีแผลในใจ เนื่องจากผู้จัดการคนเก่านอกจากโดนข้อหาฉ้อโกงแล้ว เขายังขโมยผลงานของเด็ก ๆ ในร้านไปด้วย“เรื่องนี้ขอให้ทุกคนวางใจได้เลยค่ะ ฉันไม่จำเป็นต้องขโมยผลงานของใคร เพราะโดยปกติเงินเดือนและคอมมิชชันของผู้จัดการ ก็ได้รับส่วนแบ่งจากผลงานยอดขายในร้านอยู่แล้ว” เว่ยจิงจิงกล่าวอย่างจริงจัง พร้อมกวาดตามองไปรอบ ๆ“อีกอย่างฉันขอเอาฐานะของยอดนักขายแห่งปีที่ได้สองปีซ้อนเป็นประกัน นอกจากจะไม่แย่งผลงานใครแล้ว ฉันยังจะช่วยเทรนด์ทุกคนและแบ่งปันวิธีขายของฉันให้กับทุกคนได้เรียนรู้โดยไม่หวงเลยแม้แต่น้อย พวกเราจะทำให้ยอดขายของร้านเติบโตไปด้วยกัน!” ว่าแล้วก็กำมือแล้วชูขึ้น ส่งผลให้คนในร้านรู้สึกฮึกเหิมตามไปด้วย จึงส่งเสียงร้องเฮ่! แล้วชูมือขึ้นตาม ๆ กัน ในร้านใหม่นี้มีหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้ เนื่องจากห้างสรรพสินค้ากงโม่นอกจากรองรับลูกค้ามีเงินแล้ว ยังมีส่วนร้านใหญ่ที่รองรับลูกค้าทั่วไป สินค้าหลากหลายกว่ามาก ด้วยเหตุนี้จึงมีสองส่วนแยกจากกัน และมีผู้จัดก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-19
  • ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70   บทที่ 6 ไม่ใช่ความฝัน

    บทที่ 6 ไม่ใช่ความฝัน“ซิ่วอิง ลูกกินอาหารให้หมดก่อน ดื่มยา แล้วนอน พ่อสัญญาว่าตื่นขึ้นมาลูกจะมีของกินเยอะกว่านี้”จิงจิงเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นพ่อด้วยสายตาสับสน ทำไมพ่อในความฝันช่างใจดีเหลือเกิน เธอเองก็อยากมีครอบครัวที่อบอุ่นแบบนี้น่าเสียดายที่ครอบครัวแสนอบอุ่นนี้กลับมีมารผจญเป็นย่าแท้ ๆ ของเจ้าของร่างถ้าหากนี่เป็นความฝันและทุกอย่างถูกสร้างขึ้นมา จิงจิงคงรู้สึกดีจนไม่อยากจะตื่นเลย ยิ่งหากกำจัดครอบครัวชั่วร้ายของเจ้าของร่างเดิมได้ ก็จะยิ่งดี“ไม่ต้องห่วงนะอิงอิงลูกรัก พ่อกับแม่จะไปหาข้าวมาให้ลูกกินเพิ่ม”“แค่นี้…ก็กินได้ค่ะ” จิงจิงก้มหน้าลงขณะพูดความฝันนี้เหมือนจริงเหลือเกินกระทั่งน้ำข้าวในช้อนยังจืดเย็นชืดจนแทบกลืนไม่ลง เธอยอมกินสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าข้าวด้วยความกล้ำกลืนหากตนมาอยู่ในร่างของเด็กสาวคนนี้ ซึ่งอยู่ในยุค 70 ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ เช่นนั้นก็แสดงว่าต้องใช้ชีวิตไปก่อนจนกว่าจะตื่นจากฝันอย่างนั้นเหรอทั้ง ๆ ที่กำลังจะซื้อบ้านได้แล้วแท้ ๆไม่รู้ว่าเจ้าโจรที่ขโมยไปจะถูกตามตัวพบหรือไม่จิงจิงรู้ดีว่าเคสที่โจรขโมยเงินสดแบบนี้เอากลับคืนมายากมาก ดูเหมือนเมื่อฟื้นขึ้นสิ่งแรกที

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-19
  • ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70   บทที่ 7 ย่ามหาภัย

    บทที่ 7 ย่ามหาภัย“นังเด็กเสียเงินคนนี้ นอกจากสำออยทำเป็นป่วยมาหลายวัน ในที่สุดก็หางโผล่ออกมาแล้วใช่ไหม หายดีแล้วทำไมหล่อนไม่ตามนังเหม่ยฟางไปทำงานที่ทุ่งฮะ! แล้วไหนเมื่อวานยังทำให้เจ้าเว่ยตงไม่ไปช่วยงานจนเสียคะแนนอีก นังเด็กเสียเงิน แกมันคนไร้ประโยชน์จริง ๆ”“พ่อไปหาข้าวมาให้ฉัน เพราะที่บ้านไม่มีข้าวให้ครอบครัวเรากิน ส่วนแม่ก็ทำงานงก ๆ อยู่ในทุ่งเพื่อให้บ้านมีแต้มแลกข้าวมาเยอะ ๆ แต่เราไม่เคยกินกันจนอิ่มเลย”“นังเด็กคนนี้ นี่กล้าขึ้นเสียงกับผู้ใหญ่งั้นเหรอ ดี! นังสะใภ้คนนี้เลี้ยงไม่เชื่องอย่างที่ฉันคิดจริง ๆ ถึงขนาดเสี้ยมสอนลูกสาวเลว ๆ แบบนี้ออกมาได้”นางหวังซื่อโมโหจนตัวสั่นไปหมด ชี้หน้าด่าเว่ยซิ่วอิงจนนิ้วแทบทิ่มตา“แล้วที่ฉันพูดมันผิดตรงไหน เราทั้งสามคนทำงานงก ๆ เลี้ยงคนทั้งครอบครัว นี่มันมีความยุติธรรมตรงไหนกัน นอกจากนี้พอพ่อไม่ยอมให้ฉันแต่งงานกับคนที่คุณหามา ก็มาว่าเราไร้ประโยชน์ มันก็แค่คุณไม่ได้อย่างใจเท่านั้นแหละ”“นัง! นังเด็กเสียของ” หวังซื่อไม่คิดว่าจะโดนเด็กรุ่นหลังพูดถอนหงอกตนขนาดนี้ รีบยกมือขึ้นหวังใช้ไม้ทุบเด็กสาวตรงหน้าให้ตาย ๆ ไปเสียอย่างไรมันก็ไร้ประโยชน์ พ่อแม่ไม่ยอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-19
  • ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70   บทที่ 8 ทำใจยอมรับวาสนาชีวิตที่อาภัพยิ่งนัก

    บทที่ 8 ทำใจยอมรับวาสนาชีวิตที่อาภัพยิ่งนักหลังจากพ่อแม่ทำแผลให้ด้วยความรู้สึกผิดแล้วก็ปล่อยให้เด็กสาวนั่งทื่ออยู่บนเตียงเพียงลำพัง เพราะพวกเขาต้องรีบไปขออาหารแบ่งมาให้บุตรสาวอีกครั้งจิงจิงจึงได้อยู่ในห้องเพียงลำพัง แต่ก็ดีเพราะตอนนี้หญิงสาวสับสนเหลือเกิน เธอยกมือขึ้นแตะที่หน้าผากก่อนจะร้องซี้ดออกมาด้วยความเจ็บปวด“โอ๊ย นี่มันเจ็บจริง ๆ แปลว่าเราไม่ได้ฝันไป แต่นี่คือความจริงงั้นเหรอ” จิงจิงไม่อยากจะเชื่อว่าทุกอย่างนี้จะเป็นความจริงโลกใบนี้ ยุค 70 ที่แสนแร้นแค้น ชาวบ้านต้องทำงานในกลุ่มคอมมูนเพื่อแลกแต้ม หากแต้มไม่พอก็ไม่มีข้าวให้กินหญิงสาวจากยุคที่เทคโนโลยีเจริญรุ่งเรืองจะอดทนอยู่ในสภาพไร้เครื่องใช้ไฟฟ้าว่าแย่แล้ว แต่นี่ยังอยู่ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง ผู้คนอดอยากหิวโหย แล้วเธอจะทนอยู่ได้อย่างไรนอกจากนี้ร่างเด็กสาว ‘เว่ยซิ่วอิง’ ยังมีวาสนาชีวิตที่อาภัพยิ่งนักหากจะให้เปรียบก็ราวกับว่าเว่ยซิ่วอิงเป็นนางเอกที่ต้องโดนกดขี่ข่มเหงจนผงาดขึ้นในช่วงท้ายนั่นแหละ บังเอิญว่าจิงจิงผู้มาใหม่ต้องรับบทบาทนั้นแทนเสียแล้ว เพราะเว่ยซิ่วอิงคนเดิมทนแรงข่มเหงไม่ไหวจนจากไป ทิ้งไว้เพียงร่างให้อยู่กับ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-22
  • ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70   บทที่ 9 มิติที่ตามมา

    บทที่ 9 มิติที่ตามมา“นี่ฉัน…นี่ฉันทะลุมิติมาทั้งร่างซิ่วอิงงั้นเหรอ” จิงจิงใช้มือลูบใบหน้าตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ เธอแทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจแต่หลังจากสังเกตรอบร้านดี ๆ ก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอเดินไปทางเคาน์เตอร์คิดเงินซึ่งควรจะเป็นประตูหน้าร้าน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นผนังสีขาวพร้อมบรรยากาศที่คุ้นตาเป็นภาพฉายอยู่บนนั้น“นี่มัน…ห้องนอนของซิ่วอิงและพ่อแม่นี่นา”สมองของจิงจิงเต็มไปด้วยความมึนงง ตอนนี้เธอคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น ทำได้เพียงหมุนตัวรอบ ๆ เพื่อมองร้านนี้ให้ชัดอีกครั้ง ก่อนจะวิ่งเข้าไปหยุดยืนหน้ากระจกเต็มตัวตรงหน้า“ปวดหัวจริง ๆ…ดูสิหัวโนปูดใหญ่แบบนี้ เว่ยซิ่วอิงอาจตายเพราะเลือดคั่งในสมอง อาจเป็นอาการเลือดออกในสมองอย่างช้า ๆ”จิงจิงจับจุดที่ยังปูดออกมาราวกับลูกมะนาว เธอหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพยายามสังเกตอาการตัวเอง ตอนนี้เธออยู่ในร่างของเว่ยซิ่วอิง หากทุกอย่างนี้ไม่ใช่ความฝันแต่เป็นความจริง จิงจิงก็ยังต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป!“ไม่มีทางเลือกแล้ว ฉันน่าจะทะลุมิติมาอยู่ในร่างของเว่ยซิ่วอิง ฉันต้องดูแลร่างกายนี้ให้ดีถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่” ว่าแล้วก็รีบหาทางตรวจสอบทันใดนั้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-22

บทล่าสุด

  • ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70   ตอนพิเศษ 4 ตลอดไป

    ตอนพิเศษ 4 ตลอดไปชีวิตของซิ่วอิงตอนนี้มีความสุขมาก ความจริงเธอก็มีความสุขตลอดมาอยู่แล้ว แต่เมื่อคิดว่ามีเด็กตัวเล็ก ๆ กำลังอาศัยอยู่ภายในร่างกายตัวเองและเจริญเติบโตขึ้นทุกวัน มันเป็นความสุขที่แตกต่างออกไปจริง ๆ“อีกสิบวันก็จะได้เจอหน้ากันแล้วนะลูก” หญิงสาวใช้มือลูบหน้าท้องที่ใหญ่ไม่ต่างจากลูกแตงโมของตนเอง นี่ก็ใกล้คลอดเต็มทีแล้ว ทำให้เมื่อสามีออกไปทำงาน หลันถังกับเหม่ยฟางผู้เป็นแม่ก็จะแบ่งเวลามาอยู่เป็นเพื่อนเสมอถึงตอนนี้หลันเซียงฮั่นจะย้ายมาประจำการอยู่ใกล้ ๆ แต่เขายังคงต้องเดินทางไปทำงานต่างเมืองเมื่อได้รับมอบหมายภารกิจ และคราวนี้ก็เช่นกันในตอนแรกเซียงฮั่นไม่คิดจากภรรยาไปจนกว่าเธอจะคลอดลูกและปลอดภัย เขากลัวว่าซิ่วอิงจะหวาดกลัวหากตนเองไม่ได้อยู่เคียงข้างตอนคลอดลูก จึงคิดปฏิเสธภารกิจในครั้งนี้และขอลาหยุดสักเดือนแต่เป็นซิ่วอิงที่คะยั้นคะยอให้ชายหนุ่มไปทำงานเพราะเหลือเวลาอีกสองอาทิตย์ก่อนถึงกำหนดคลอด อย่างไรเขาก็กลับมาทันอยู่แล้วเธอจึงนั่งอยู่ในสวนสวยเฝ้ามองหน้าประตูเป็นระยะด้วยใจคิดถึงสามีบ้างเป็นบางครั้ง แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะนึกคิดทำผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมาเล่นเสียมากกว่า ไม่ได้อยู่บ้า

  • ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70   ตอนพิเศษ 3 ภรรยาท้องแล้ว

    ตอนพิเศษ 3 ภรรยาท้องแล้ว“อิงอิง ลุกมากินของอร่อยเถอะลูก วันนี้แม่ของอิงอิงเอาอาหารอร่อยมาฝากแม่ไว้ตั้งเยอะ”“อิงอิงยังเพลีย ๆ อยู่เลยค่ะ สงสัยเพราะช่วงนี้ทำงานหนักเกินไป ขอนอนอีกหน่อยนะคะแม่” ซิ่วอิงบอกกับแม่สามีเนื่องจากสองบ้านปรองดองกันดีมาก ซิ่วอิงใช้เงินเพื่อซื้อบ้านที่อยู่ตรงข้ามให้กับพ่อแม่ ขณะที่ตนเองเลือกจะมาอยู่บ้านแม่สามีเวลาที่คุณพ่อสามีและหลันเซียงฮั่นที่เป็นสามีไปทำงานต่างจังหวัดพร้อมกันโดยมีบ้านของตัวเองที่ใช้อยู่กับสามีต่างหากอีกหลังหนึ่ง และใช้อยู่เมื่อสามีกลับมาหาเท่านั้น แต่ปกติแล้วซิ่วอิงจะสลับไปมาระหว่างบ้านพ่อแม่ตัวเองและพ่อแม่สามีเสียมากกว่าตอนนี้เธอก็มาอยู่บ้านหลัน เพราะทั้งคุณพ่อและสามีล้วนออกไปทำงาน ส่วนเซียงฮั่นนั้นจะกลับมาในวันพรุ่งนี้“อิงอิงไม่ต้องทนนะ ไปหาหมอเลยดีกว่า บ้านเราขาดเงินทองซะที่ไหนกัน หรือแม่ซื้อโรงพยาบาลไว้ให้ก็ได้” หลันถังยังคงใจป้ำเหมือนเดิม เมื่อได้ลูกสะใภ้คนนี้มาชีวิตเธอก็มีความสุขขึ้น จนรู้สึกรักเอ็นดูซิ่วอิงเหมือนเป็นลูกของตัวเองไปอีกคน เผลอ ๆ รักมากกว่าลูกตัวเองเสียอีก“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ อิงอิงไปหาหมอเฉย ๆ ดีกว่า” ซิ่วอิงยิ้มแหยให้

  • ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70   ตอนพิเศษ 2 สามีที่ดี

    ตอนพิเศษ 2 สามีที่ดีแม้ว่าทุกอย่างจะดำเนินไปด้วยดี แต่อย่างไรในชีวิตก็ต้องมีบางสิ่งมากระทบกระทั่ง สุดท้ายแล้วซิ่วอิงและครอบครัวก็ยังเป็นมนุษย์ธรรมดาที่ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมมนุษย์ช่วงนี้ซิ่วอิงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หลังสามีกลับมาจากทำงานครั้งล่าสุด เธอได้กลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงติดมาเพิ่งแต่งงานได้ไม่นาน เขาจะเบื่อเธอและหาเรื่องเข้าบ้านแล้วจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?มีหรือหลันเซียงฮั่นจะไม่รู้ว่าภรรยามีความกังวลอะไรบางอย่างในใจ เขาหันมองไปรอบตัวก่อนจะจับลูกน้องที่มีภรรยาแล้วมาสอบถาม“ภรรยาฉันเป็นอะไรไป” เซียงฮั่นเป็นผู้บัญชาการที่เก่งกาจ เขายังดูแลเอาใจใส่ภรรยาจนลูกน้องแอบเรียกลับหลังว่าสามีแห่งชาติ แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาชายหนุ่มก็ยังเป็นเพียงคนที่เพิ่งเคยมีความรัก“คุณผู้หญิงมีท่าทางยังไงครับ”“ช่วงนี้ไม่ค่อยให้ฉันเข้าใกล้ เวลานอนก็หันหลังให้” เซียงฮั่นนึกถึงท่าทางของภรรยาแล้วก็ปวดใจ เขาไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจหรือเปล่า แต่พอถามแล้วเธอก็บอกว่าเปล่าและฝืนยิ้ม เก็บเรื่องราวไว้ในใจคนเดียว คิดว่าเขามองไม่เห็นอย่างนั้นเหรอ“ถ้าอย่างนั้นนายท่านไปทำอะไรมาหรือเปล่าครับ” ทหารคนสนิทมองหน้าเจ้านายอายุน

  • ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70   ตอนพิเศษ 1  ชีวิตที่ใฝ่หามานาน

    ตอนพิเศษ 1 ชีวิตที่ใฝ่หามานานตอนนี้ชีวิตใหม่ของเว่ยซิ่วอิงลงตัวอย่างมาก ได้ก่อตั้งธุรกิจในยุคแรกเริ่ม อนาคตมีแต่จะรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ แม้ไม่ต้องพึ่งพามิติร้านเครื่องสำอางก็ตามนอกจากนี้ยังมีสามีคอยเอาอกเอาใจ แม่สามีแสนดีที่ไม่มีการกดขี่ลูกสะใภ้เลยสักนิด ครอบครัวของเธอก็คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังเสมอซิ่วอิงคิดว่าแค่นี้เธอก็ประสบความสำเร็จมากแล้วในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง ลำพังเกิดมามีแม่สามีดีอย่างหลันถัง ก็คงมีคนสงสัยว่าเธอทำบุญกู้ชาติมาในชาติก่อนแน่ ๆ ถึงได้มีชีวิตที่ดีขนาดนี้แค่ถึงอย่างไรคนเก่งก็มีปัญหาของคนเก่ง เพราะสามีต้องไปทำงานต่างเมืองบ่อย ๆ เธอเลยใช้เวลาว่างส่วนใหญ่ไปกับงานในร้านกระทั่งสามีกลับมาอยู่ด้วยกันแล้ว เธอก็ยังวุ่นวายอยู่กับร้านค้าโชคดีที่เซียงฮั่นเข้าใจแล้วยังสนับสนุนภรรยาให้ทำตามใจปรารถนาได้เต็มที่ เมื่อเขาได้พักเพิ่มสักหนึ่งหรือสองวัน ก็มักจะพาซิ่วอิงไปที่ร้านเสมอเพื่อเอาอกเอาใจหากพาไปร้านอาหารแบบคนหนุ่มสาวก็แล้วไป เขากลับพาเธอเข้าร้านตัวเองเพื่อให้หญิงสาวหาเงินที่เธอชอบนักหนา และแน่นอนว่าซิ่วอิงชอบการแสดงความรักของสามีแบบนี้มากกว่า“มีอะไรหรือเปล่า” ขณะที่นั่งก

  • ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70   บทส่งท้าย  คุณคือคนที่อยากอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต

    บทส่งท้าย คุณคือคนที่อยากอยู่ด้วยไปตลอดชีวิตรถยนต์สีดำขับไปตามทางที่คุ้นเคยไม่นานก็มาถึงกำแพงบ้านหลัน ทหารเฝ้ายามเปิดประตูต้อนรับด้วยความยินดี เมื่อรถจอดเทียบขาเรียวก็ก้าวออกมา“อิงอิง มาแล้วเหรอจ๊ะ” ที่ยืนอยู่ตรงหน้าตอนนี้คือป้าหลัน พร้อมทั้งเหม่ยฟางผู้เป็นมารดาของตนเอง ซิ่วอิงไม่ได้รู้สึกผิดสังเกตอะไรเพียงยื่นมือไปหาพวกท่านอย่างเป็นธรรมชาติ“ป้าหลันสบายดีไหมคะ วันนี้แอบเข้าครัวกับแม่อีกแล้วหรือเปล่า” ซิ่วอิงสนอกสนใจดูมือของผู้ใหญ่ตรงหน้า ขณะที่ท่านจับจูงเธอเดินทะลุตัวบ้านไปยังสวนด้านหลัง“ป้าเข้าครัวไปก็รกครัวเปล่า ๆ ไม่เข้าไปรบกวนเหม่ยฟางหรอกนะ”“อิงอิงลูกเงยหน้าขึ้นก่อน” เสียงอ่อนโยนของผู้เป็นแม่ดังขึ้น เมื่อรู้ตัวซิ่วอิงก็มาอยู่ในสวนหลังบ้านของสกุลหลันแล้วหญิงสาวเงยหน้าขึ้นด้วยความสงสัย สิ่งแรกที่เห็นคือร่างสูงของชายหนุ่มที่เธอคิดถึงมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาและติดต่อกันทางโทรศัพท์ไม่กี่นาทีต่อเดือนเท่านั้นตอนนี้เขายังสวมชุดทหารเต็มยศ ในมือมีช่อดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ ล้อมรอบไปด้วยแสงเทียนและซุ้มดอกไม้ที่ถูกตั้งใจตกแต่งเอาไว้อย่างดีจนทั่วทั้งสวน“พี่เซียงฮั่น” ซิ่วอิงยิ้มออกมาด้วย

  • ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70   บทที่ 44 หาเรื่องใส่ตัว

    บทที่ 44 หาเรื่องใส่ตัว“แม่คะ เราไป…” ก่อนที่คุณหนูลู่จะพูดจบ มารดาของหล่อนก็เดินลิ่ว ๆ เข้าไปในวงสนทนาที่เว่ยซิ่วอิงอยู่ก่อนแล้ว เห็นอย่างนั้นก็ยิ่งทำให้คุณหนูลู่พึงพอใจที่ไม่ต้องทำอะไรเอง“นี่มันแม่ค้าขายเครื่องสำอางนี่นา มาตรฐานงานเลี้ยงของกองทัพตกต่ำลงถึงขนาดเชิญพ่อค้าแม่ค้าข้างถนนมาร่วมงานแล้วอย่างนั้นเหรอเนี่ย” คุณนายลู่ไม่พอใจเว่ยซิ่วอิงอยู่แล้วจากงานเลี้ยงน้ำชาที่บ้านของคุณนายหลัน ดังนั้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังไปได้ดีก็รู้สึกว่าต้องเข้ามาทำลายและลากคนคนนี้ลงมาให้ได้“สวัสดีค่ะ คุณนายลู่” เว่ยซิ่วอิงไม่ดิ้นเต้นไปตามอารมณ์ของคน เธอทักทายอีกฝ่ายด้วยความเคารพและมีมารยาทเพียงเท่านี้สายตาที่ทุกคนมองมาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย อย่างน้อย ๆ พวกเขาก็มองซิ่วอิงอย่างชื่นชม ขณะที่มองคุณนายลู่เหมือนนางร้ายเกรดต่ำคนหนึ่ง“โอ้ นี่ใครกัน ไม่ใช่คุณชายหลันเซียงฮั่นลูกรักของคุณนายหลันถังหรอกเหรอคะ”“สวัสดี คุณนายลู่” เซียงฮั่นจำต้องทักทายด้วยสีหน้าไม่ดีนัก เขารู้ว่าใครไม่ถูกกับมารดา และต้องหลีกหนีเสมอเมื่อเข้าสังคม แต่คราวนี้ดูเหมือนคนข้างกายจะไม่ยอมหลีกหนีง่าย ๆ ชายหนุ่มทำได้เพียงยืนปักหลักและเป็น

  • ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70   บทที่ 43 เหมาะสมกัน

    บทที่ 43 เหมาะสมกัน“แต่มีริ้วรอยพวกนี้ นอกจากนั้นฉันยังมีปัญหาใหญ่ในร่มผ้า หนูคิดว่าครีมนั่นจะช่วยได้ไหม”“รอยแผลเป็นเหรอคะ” ซิ่วอิงมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยรอยยิ้มบางเบา เธอไม่ได้ตัดสินและคิดไปก่อนว่าปัญหานั้นคืออะไร รวมถึงไม่ได้รู้สึกสงสารหรือเห็นใจคุณปิงเห็นอย่างนั้นก็ยิ่งสนใจในตัวหญิงสาวตรงหน้ามากขึ้น ปกติแล้วเมื่อคนรู้ว่าเธอมีแผลเป็นอยู่ใต้ร่มผ้ามักเกิดความเห็นใจขึ้นมาอัตโนมัติเป็นเรื่องธรรมดา เพราะผู้หญิงรูปร่างหน้าตานั้นสำคัญที่สุด โดยเฉพาะหญิงสาวชนชั้นสูงอย่างพวกหล่อนแต่ถึงแม้คุณปิงจะไม่มีปัญหาในเรื่องชีวิตคู่จากแผลเป็นเหล่านี้ แต่มันก็เป็นตราประทับที่เธออยากลบหากเป็นไปได้ เมื่อได้ยินว่าคุณลุงอิงสามารถลบรอยแผลเป็นได้เกือบสำเร็จแล้ว จึงแอบเดินทางมาเยี่ยมญาติในเมืองเล็ก ๆ นี้“นี่น่ะเหรอ คุณหนูหลันคนใหม่ อ๊ะ ไม่ใช่สิ ยังไม่ได้แต่งเข้าบ้านหลันเลย จะกล้าเรียกตัวเองว่าคนของสกุลหลันได้ยังไง”“นั่นสิ หล่อนอยู่สกุลไหนนะ ว่าน? หวาย? อ้อ ๆ สกุลเว่ยที่เปิดร้านค้าเล็ก ๆ อยู่ในเมืองนั่นไง”เสียงเยาะเย้ยของกลุ่มคุณหนูที่อยู่ไม่ไกลดังขึ้นก่อนหน้านี้เพราะมีคนอยู่มากพวกหล่อนจึงไม่กล้าพูดอะไร ต

  • ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70   บทที่ 42 สนับสนุนคนรัก

    บทที่ 42 สนับสนุนคนรัก“ช่วงนี้คุณไม่ต้องทำงานเหรอคะ” เมื่อรถเริ่มแล่นไปตามจุดหมาย ซิ่วอิงหันไปถามคนรักด้านข้างช่วงนี้เขามาเทียวรับส่งหญิงสาวไปนู่นมานี่ แม้ว่าทุกอย่างจะง่ายขึ้นเมื่อมีเขาเดินตามหลังไปเจรจากับทางการหรือคู่ค้า แต่ซิ่วอิงยังอดที่จะเกรงใจไม่ได้“ทำอยู่ แต่อยากอยู่กับคุณมากกว่า” เมื่อชายหนุ่มพูดคำหวานออกมาหน้าตาเฉย น่าแปลกที่มันเขย่าหัวใจหญิงสาวได้มากกว่าปกติ“คุณพูดอะไรก็ไม่รู้”“ผมพูดความจริง…จากใจ”ท่าทางจริงจังของเขาทำให้หญิงสาวพอใจมาก เขาดูไม่เหมือนคนจะพูดเล่น ๆ ดังนั้นเมื่อเอ่ยคำหวานออกมาจึงน่าฟังมากกว่าชายหนุ่มที่พูดคำเหล่านั้นออกมาง่าย ๆ กับใครก็ได้นี่แหละตรงกับความชอบของเธอพอดี“ฉันดีใจมากเลยที่คุณอยากใช้เวลาด้วยกันมาก ๆ เอาเป็นว่าวันนี้เราแวะไปเที่ยวที่สวย ๆ ด้วยกันหลังทำงานเสร็จไหมคะ ฉันอยากมีความทรงจำดี ๆ ร่วมกับคุณ”“ยินดีครับ ผมก็อยากมีความทรงจำดี ๆ ร่วมกับคุณให้มาก ๆ ระหว่างที่ยังมีเวลา”ทั้งคู่พูดจาหวานหูโดยไม่ได้สังเกตเลยว่าคนขับรถเหงื่อแตกพลั่กซิ่วอิงไปดูโรงงานและกลุ่มนักวิจัย เธอซื้อตัวพวกเขามาด้วยครีมระดับสูงและวัตถุดิบชั้นดีเท่าที่พอจะนำออกมาจากร้าน

  • ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70   บทที่ 41 กิจการดีขึ้นเรื่อย ๆ

    บทที่ 41 กิจการดีขึ้นเรื่อย ๆดูเหมือนข่าวเรื่องการคบหาและขอหมั้นกะทันหันของคุณชายเซียงฮั่นจะเข้าหูผู้เป็นมารดาอย่างนางหลันถังเร็วมาก เพราะในวันถัดมาเมื่อซิ่วอิงตื่นเช้าขึ้น ก็พบว่ามีรถหรูมารับอยู่หน้าบ้านเสียแล้ว“แต่งตัวดี ๆ หน่อยนะลูก ป้าหลันฝากแม่มาบอกแบบนั้น” เหม่ยฟางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แม้เธอจะไม่ได้รู้เรื่องที่ลูกสาวคบหากับหลันเซียงฮั่นลูกชายของเพื่อนสนิทคนใหม่จากปากเจ้าตัว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะดีใจและภาคภูมิใจว่ากันว่าตระกูลหลันเป็นคนรักเดียวใจเดียว ว่าที่แม่สามียังดูชื่นชอบลูกสาวเธอไม่น้อย ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเลยว่าชีวิตหลังแต่งงานของซิ่วอิงจะมีปัญหาเพียงแค่นี้ผู้เป็นแม่อย่างเหม่ยฟางก็วางใจแล้ว ขณะที่คนเป็นพ่อแม้จะกังวลแค่ไหนก็ต้องยอมปล่อยลูกสาวให้ออกจากอ้อมแขนไปในวันหนึ่งแม้ว่าเว่ยตงจะโวยวายลั่นว่าต้องการไปพูดคุยกันตระกูลหลันเร็ว ๆ ให้รู้เรื่องก็เถอะ“ชุดนี้ก็พอแล้วมั้งคะ”“เอาอย่างนี้ ลูกไม่รู้จะใส่ชุดไหนไป งั้นใส่ชุดที่ป้าหลันส่งมาให้สองสามรอบก่อนไปสิจ๊ะ” เหม่ยฟางเอ่ยปากแนะนำด้วยความที่เป็นคนจากชนบท ความรู้ด้านแฟชั่นไม่ได้มีมากเหมือนกับหลันถังที่อยู่ในเมืองมาตลอดชีวิต เธอท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status