Share

บทที่ 3 ล้มป่วย

Author: sanvittayam
last update Last Updated: 2024-12-17 12:20:36

บทที่ 3 ล้มป่วย

“สำออย! นอนกินบ้านกินเมือง ให้มันได้อย่างนี้สิ ไม่สู้ให้นังเด็กไร้ประโยชน์นี่แต่งงานออกไปยังทำประโยชน์ได้กว่านี้อีกมาก”

“แม่คะ อย่าตีเลยค่ะ อิงอิงลูก ตื่นเร็วเข้า” คนเป็นแม่พยายามปลุกลูกสาวให้ตื่นขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือสีหน้าเป็นกังวลของคนเป็นแม่ ถัดไปด้านหลังหน้าประตูห้องเล็ก ๆ มีร่างท้วมของผู้เป็นย่ายืนอยู่

“แม่ครับ อิงอิงไม่สบายจริง ๆ สาเหตุที่เป็นแบบนี้ก็เพราะโดนตีเข้าที่หัวเมื่อวาน ให้แกพักผ่อนหน่อยเถอะครับ” เว่ยตงพยายามพูดกับแม่ดี ๆ แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่ฟังแม้แต่น้อย ซ้ำยังจับคำพูดเขาไปบิดเบือนได้อีกเป็นกระบุง

“หน็อย! นี่แกพูดว่าที่มันไม่ยอมลุกมาทำงานทำการแบบนี้ เป็นเพราะฉันงั้นเหรอ ฉันคิดว่านังเด็กเสียเงินนี่ขี้เกียจตัวเป็นขน เลยสำออยไม่อยากลุกเองนั่นแหละ”

“แม่ครับ!” เว่ยตงขวางมารดาตนเองไว้ เมื่อโดนลูกชายที่ตัวใหญ่กว่าขวางไว้ทำให้นางหวังซื่อเข้ามาในห้องไม่ได้ จึงฮึดฮัดอยู่หน้าห้องอย่างขัดใจ

“ยังไม่เตรียมตัวไปทำงานกันอีก! จะมากเกินไปแล้วนะ ถ้าจะไม่ทำอะไรแบบนี้ก็ให้มันแต่งออกจากบ้านไปเดี๋ยวนี้เลย บ้านหลังนี้ไม่ต้องการตัวขี้เกียจ”

เว่ยซิ่วอิงมองทะลุผ่านช่องเล็กระหว่างประตูกับแผ่นหลังของพ่อไป เห็นทั้งอา อาสะใภ้ ลูกชายหญิงของพวกเขายืนมองเรื่องสนุกด้วยสีหน้าเหยียดหยาม ราวกับคนบ้านนี้ไม่ใช่ญาติกันแต่เป็นศัตรูจากชาติปางก่อน

“ไปทำงานกันเถอะค่ะ”

เด็กสาวก้มหน้าลงด้วยความผิดหวัง บอกกับแม่ที่ประคองตนเองอยู่ด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ในใจรู้สึกทรมาน

ทำไมตนไม่เกิดมาเป็นหลานรักอย่างเว่ยหนาน หรือเว่ยหยาง เว่ยจุนบ้าง บางทีหากย่าของตนไม่คอยกดขี่ข่มเหงทุกวี่วัน แต่เลือกที่จะเย็นชาเหมือนครอบครัวอื่น นี่อาจทำให้เธอรู้สึกดีกว่านี้ด้วยซ้ำ ทำไมต้องเป็นครอบครัวของเธอที่ผิดอยู่เสมอในสายตาย่า

เว่ยซิ่วอิงไม่เคยเข้าใจ และไม่อาจเข้าใจได้เลย

“ไปทำงานแล้วค่ะ พวกเราไปทำงานแล้วค่ะแม่” ลูกสะใภ้อย่างเหม่ยฟางรีบพูดขึ้นมาเพื่อไม่ให้แม่สามีโมโหไปมากกว่านี้ ลุกขึ้นตระเตรียมข้าวของ เสื้อคลุมตัวนอกให้ลูกสาวใส่เพิ่ม พยุงเว่ยซิ่วอิงขึ้นมาแอบอยู่หลังสามี

“พวกเราจะไปทำงานแล้วครับแม่” เว่ยตงบอกผู้เป็นมารดาที่ยังถือไม้เรียวยืนทำหน้าถมึงทึงอยู่หน้าห้องนอนตน

“ให้มันได้อย่างนี้สิ บ้านนี้ไม่ต้อนรับคนไร้ประโยชน์ ถ้าไม่มีประโยชน์ก็ต้องไปทำอย่างอื่น ให้เว่ยซิ่วอิงแต่งงานไปซะก็จบ”

เว่ยตงกำมือแน่นขณะจับจูงลูกและภรรยาเดินผ่านมารดา

เขาเข้าใจแล้ว

ก่อนหน้านี้แม้ผู้เป็นแม่จะลำเอียงแต่อย่างน้อยก็ยังให้เกียรติกัน ไม่เคยทุบตีพวกตนวันเว้นวันเช่นนี้ คงเพราะก่อนหน้านี้เขาไม่ยอมให้ลูกสาวแต่งงานกับพ่อม่ายคนนั้น แม่จึงโมโหและหาวิธีกดดันต่าง ๆ นานา

เว่ยตงหลับตาลงเพื่อปกปิดน้ำตาแห่งความเสียใจ เขาเข้าใจแล้วว่ามารดาไม่เคยมองลูกสาวของตนเป็นหลานสาวในไส้เลย และมองเป็นเพียง ‘สาวเสียเงิน’ อย่างที่เจ้าตัวขยันพูดถึง

หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ที่มารดากล่าวด่าว่าพวกเขาว่าเป็นเพียงวัวควายที่เอาไว้ชักจูงใช้แรงงานก็คงไม่ต่างกันสินะ

“พ่อคะไม่เป็นไรนะคะ อิงอิงทนได้” เว่ยซิ่วอิงรับรู้ว่าพ่อรู้สึกไม่ดี เดินออกมาจากบ้านแล้วจึงอดพูดขึ้นมาไม่ได้

“ซิ่วอิง พ่อจะหาบ้านเจ้าบ่าวดี ๆ ให้ลูก แม้ไม่ร่ำรวย ขอเพียงเขาเป็นคนดีก็เพียงพอ”

“อิงอิงไม่ต้องห่วงนะลูก แม่จะไม่ยอมให้ลูกแต่งงานกับคนไม่ดีเหมือนกัน ที่สำคัญเราต้องหาบ้านที่อ่อนโยน แม่สามีไม่ทำร้ายลูกเรา…” คำพูดของผู้เป็นแม่อย่างเหม่ยฟาง ทำให้บรรยากาศเงียบลงอีกระดับ

“ขอโทษนะเหม่ยฟาง” เว่ยตงไม่ได้โกรธ กลับกันเขาทำได้เพียงขอโทษ

“พ่อกับแม่อย่ากังวลกันเลยนะคะ อิงอิงทนได้ อีกอย่างพ่อหาคนดี ๆ ให้อิงอิงแต่งงานออกไป ย่าก็น่าจะรามือไปแล้ว ไม่ต้องห่วงนะคะ”

“นั่นสิ พ่อคงต้องมองหาคนดี ๆ เอาไว้ ที่สำคัญถ้าไม่มีผู้ใหญ่อยู่ด้านบนจะยิ่งดี” เขากลัวว่าลูกสาวจะโดนทำร้ายเหมือนที่แม่ตนทำร้ายภรรยา

สามคนพ่อแม่ลูกมาทำงานในทุ่งเหมือนทุกวัน สีหน้าของซิ่วอิงไม่ดีนักในวันนี้ เธอรู้สึกเหมือนมีไข้ขึ้นในตอนเย็น

“กลับบ้านกันเถอะ” เว่ยตงพาลูกและภรรยากลับบ้าน เขารีบเข้าไปในห้องใหญ่เพื่อหาบิดาแล้วคุยกันเป็นการส่วนตัว

วันนี้จึงไม่มีเสียงบ่นจากนางหวังซื่อที่ถูกสามีเอ่ยปรามเอาไว้ก่อนแล้ว สองแม่ลูกสามารถใช้ชีวิตสงบ ๆ ได้อีกวันหนึ่ง

แต่คืนนั้นเองเธอก็ล้มป่วยลง พ่อแม่เช็ดตัว ดูแลลูกสาวทั้งคืน แต่ไข้ก็ไม่ยอมลดเลย

“อิงอิงไหวไหมลูก รอตอนเช้าพ่อกับแม่จะรีบพาอิงอิงไปหาหมอเลยนะ”

“ขอโทษนะลูกที่พ่อไม่ได้เรื่อง” เว่ยตงช่วยดูลูกสาวสลับกับภรรยา

เว่ยซิ่วอิงตอนนี้แทบไม่รับรู้อะไร ลืมตาขึ้นก็เห็นเพียงหมอกมัว รู้สึกได้ยินเสียงอะไรแต่ก็ไม่ปะติดปะต่อ มือเธอไขว่คว้าเรียกหาเพียงพ่อแม่

“พ่อ แม่…อิงอิงแค่อยาก…อยากให้เรา…อยู่กันสามคน…อย่างมีความสุข…” เสียงเบากระท่อนกระแท่น ดูเหมือนซิ่วอิงจะเพ้อเพราะพิษไข้

“เช้าแล้ว รีบไปขอเงินแม่ ขอให้ช่วยพาซิ่วอิงไปโรงพยาบาลกันเถอะค่ะ” เหม่ยฟางปาดน้ำตาออกจากหน้าหลังได้ยินเสียงเพ้อของลูกสาว เธอเองก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น แต่ชีวิตใช่จะเป็นอย่างที่หวังเสมอ

โดยเฉพาะในสังคมที่มีค่านิยมความกตัญญูมันกดข่มให้คนที่มีวัยอ่อนเยาว์กว่าต้องอดทนได้เพียงหนทางเดียว

“ไข้ไม่ยอมลดเลย ลูกก็เพ้อหนักขึ้นทุกที เรารีบไปโรงพยาบาลกันเถอะ” เว่ยตงมองออกไปนอกห้องอย่างลนลาน เห็นว่าแสงอาทิตย์เริ่มขึ้นที่ขอบฟ้าก็รีบออกไปเคาะห้องของบิดามารดา

“พ่อครับ แม่ครับ”

“โอ๊ย มีอะไรมาปลุกพ่อแม่แต่เช้าแบบนี้ ก็น่าจะรู้ว่าพ่อแกยิ่งอาการไม่ค่อยดี มีอะไรนักหนาฮะ!” เป็นนางหวังซื่อที่ลุกออกมา เสียงของหล่อนดังไปทั่วบ้านจนห้องอื่น ๆ ตื่นขึ้นมาด้วย ในที่สุดคนในบ้านก็ตื่นกันหมด

“แม่ครับ ผมขอเงินหน่อยได้ไหม”

“อะไรนะ! แกว่าอะไรนะ” นางหวังซื่อเอ่ยถามซ้ำ มองลูกชายตรงหน้าเหมือนเห็นผี

“ผมขอเงินหน่อยครับ ซิ่วอิงเป็นไข้ตั้งแต่เมื่อคืน ไข้ไม่ลดเลยแม้แต่น้อย ผมกับเหม่ยฟางสลับกันเช็ดตัวให้ลูก ตอนนี้ซิ่วอิงไม่ได้สติด้วยซ้ำ”

“หลานป่วยเหรอ” เป็นบิดาของเว่ยตง เว่ยถงที่โผล่มาจากด้านในห้อง

“พ่อครับ ซิ่วอิงต้องไปหาหมอนะครับ ครั้งนี้เป็นหนักจริง ๆ เหมือนเมื่อสิบปีก่อนเลย”

“อะไร! สำออยอีกแล้วหรือเปล่า นังเด็กเสียเงินคนนี้สำออยเก่งเหมือนแม่มันไม่มีผิด”

“แม่ครับ ผมไม่เอาความเป็นความตายของลูกมาล้อเล่นหรอกนะครับ ผมขอเงินสักสิบหยวนพาลูกไปหาหมอในเมือง…” 

“ไม่มี! ฉันไม่มี! ถึงมีฉันก็ไม่จำเป็นต้องให้นังเด็กเสียเงินนั่น ฉันไม่มีวันให้เงินแกพาเด็กไร้ประโยชน์ไปหาหมอหรอกนะ”

“แม่ครับ แต่…”

“เอาเถอะ อาตง ถ้าซิ่วอิงไม่ได้เป็นอะไรมากก็หายามาต้มกินเถอะ พ่อปลูกยาไว้หลังบ้าน แก้ไข้ได้ชะงัดเลย”

“พ่อครับ!” เว่ยตงไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เขาเข้าใจแล้วว่าคนบ้านนี้ไม่มีสักคนที่เป็นห่วงลูกสาวเขาจริง ๆ

“ก็ทำอย่างที่พ่อแกพูดนั่นแหละ ไปหายามาต้มให้มันกินเร็ว ๆ เข้าสิ จะเรื่องมากอะไรอีก คนแถวนี้ใครป่วยเป็นไข้นิด ๆ หน่อย ๆ ก็ต้มยากินเองทั้งนั้นแหละ มีแต่พวกแกชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่”

นี่เป็นความจริง ชาวบ้านไม่มีเงินจึงต้องอาศัยสมุนไพรต้มกินเพื่อลดไข้แทนยาปฏิชีวนะ

Related chapters

  • ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70   บทที่ 4 นักขายมือทอง

    บทที่ 4 นักขายมือทอง“แม่ครับ ถ้าอย่างนั้นให้อาเหม่ยหยุดงานดูลูกที่บ้านสักวันนะครับ จนกว่าซิ่วอิงจะดีขึ้น ผมจะได้วางใจ”“ไม่มีทาง ลูกแกก็คนหนึ่งแล้ว จะให้เมียแกหยุดอีกเหรอ แล้วแบบนี้บ้านเราจะเอาอะไรกินกันล่ะ”“ก็ให้น้องรอง…” เว่ยตงกำลังจะสวนกลับบอกให้น้องรองทำงานเพิ่มสักหน่อย ส่วนเขาก็จะทำเพิ่มเหมือนกัน แต่กลับโดนมารดาหยุดเอาไว้“ไม่รู้แหละ อย่างไรเมียแกก็ต้องไปทำงานในทุ่ง พักเที่ยงค่อยกลับมาดูแลก็ได้ เรื่องมากจริง ๆ เลย”“...” เว่ยตงได้แต่ก้มหน้ายอมรับ ก่อนจะเดินกลับห้องโดยไม่พูดอะไรอีก เมื่อเขากลับมาถึงห้องเห็นภรรยาที่เพิ่งกลับมาถึงเหมือนกันได้ส่ายหน้าให้ บ่งบอกว่าขอยืมเงินญาติไม่ได้เช่นกัน เวลานี้สองสามีภรรยาเป็นทุกข์ยิ่งนัก ที่ไม่สามารถพาลูกไปหาหมอในเมืองได้อย่างที่ต้องการ“อิงอิง แม่กับพ่อขอโทษที่ช่วยลูกไม่ได้”“อือ พ่อ…แม่”สองคนพ่อแม่ทำได้เพียงอดกลั้นน้ำตาเอาไว้ มองดูลูกสาวทรมานเพราะพิษไข้อยู่อย่างนั้นจากนั้นจึงกล้ำกลืนฝืนใจตนเองออกไปทำงานในทุ่ง เพราะเกรงว่าคนเป็นย่าจะโทษหลานสาวที่น่าชังคนนี้อีกครั้ง เมื่อกลับมาถึงบ้านเห็นลูกสาวตัวเย็นลงก็เบาใจ ให้ดื่มยาสมุนไพรเพิ่มเข้าไปอีก

    Last Updated : 2024-12-17
  • ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70   บทที่ 5 วิญญาณเข้าร่าง

    บทที่ 5 วิญญาณเข้าร่าง“พี่ไม่ได้จะขโมยผลงานของเราหรอกใช่ไหมคะ” แต่แล้วอยู่ ๆ เด็กสาวคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นกลางวงสนทนาและต้อนรับผู้จัดการคนใหม่ ดูเหมือนเธอมีแผลในใจ เนื่องจากผู้จัดการคนเก่านอกจากโดนข้อหาฉ้อโกงแล้ว เขายังขโมยผลงานของเด็ก ๆ ในร้านไปด้วย“เรื่องนี้ขอให้ทุกคนวางใจได้เลยค่ะ ฉันไม่จำเป็นต้องขโมยผลงานของใคร เพราะโดยปกติเงินเดือนและคอมมิชชันของผู้จัดการ ก็ได้รับส่วนแบ่งจากผลงานยอดขายในร้านอยู่แล้ว” เว่ยจิงจิงกล่าวอย่างจริงจัง พร้อมกวาดตามองไปรอบ ๆ“อีกอย่างฉันขอเอาฐานะของยอดนักขายแห่งปีที่ได้สองปีซ้อนเป็นประกัน นอกจากจะไม่แย่งผลงานใครแล้ว ฉันยังจะช่วยเทรนด์ทุกคนและแบ่งปันวิธีขายของฉันให้กับทุกคนได้เรียนรู้โดยไม่หวงเลยแม้แต่น้อย พวกเราจะทำให้ยอดขายของร้านเติบโตไปด้วยกัน!” ว่าแล้วก็กำมือแล้วชูขึ้น ส่งผลให้คนในร้านรู้สึกฮึกเหิมตามไปด้วย จึงส่งเสียงร้องเฮ่! แล้วชูมือขึ้นตาม ๆ กัน ในร้านใหม่นี้มีหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้ เนื่องจากห้างสรรพสินค้ากงโม่นอกจากรองรับลูกค้ามีเงินแล้ว ยังมีส่วนร้านใหญ่ที่รองรับลูกค้าทั่วไป สินค้าหลากหลายกว่ามาก ด้วยเหตุนี้จึงมีสองส่วนแยกจากกัน และมีผู้จัดก

    Last Updated : 2024-12-19
  • ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70   บทที่ 6 ไม่ใช่ความฝัน

    บทที่ 6 ไม่ใช่ความฝัน“ซิ่วอิง ลูกกินอาหารให้หมดก่อน ดื่มยา แล้วนอน พ่อสัญญาว่าตื่นขึ้นมาลูกจะมีของกินเยอะกว่านี้”จิงจิงเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นพ่อด้วยสายตาสับสน ทำไมพ่อในความฝันช่างใจดีเหลือเกิน เธอเองก็อยากมีครอบครัวที่อบอุ่นแบบนี้น่าเสียดายที่ครอบครัวแสนอบอุ่นนี้กลับมีมารผจญเป็นย่าแท้ ๆ ของเจ้าของร่างถ้าหากนี่เป็นความฝันและทุกอย่างถูกสร้างขึ้นมา จิงจิงคงรู้สึกดีจนไม่อยากจะตื่นเลย ยิ่งหากกำจัดครอบครัวชั่วร้ายของเจ้าของร่างเดิมได้ ก็จะยิ่งดี“ไม่ต้องห่วงนะอิงอิงลูกรัก พ่อกับแม่จะไปหาข้าวมาให้ลูกกินเพิ่ม”“แค่นี้…ก็กินได้ค่ะ” จิงจิงก้มหน้าลงขณะพูดความฝันนี้เหมือนจริงเหลือเกินกระทั่งน้ำข้าวในช้อนยังจืดเย็นชืดจนแทบกลืนไม่ลง เธอยอมกินสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าข้าวด้วยความกล้ำกลืนหากตนมาอยู่ในร่างของเด็กสาวคนนี้ ซึ่งอยู่ในยุค 70 ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ เช่นนั้นก็แสดงว่าต้องใช้ชีวิตไปก่อนจนกว่าจะตื่นจากฝันอย่างนั้นเหรอทั้ง ๆ ที่กำลังจะซื้อบ้านได้แล้วแท้ ๆไม่รู้ว่าเจ้าโจรที่ขโมยไปจะถูกตามตัวพบหรือไม่จิงจิงรู้ดีว่าเคสที่โจรขโมยเงินสดแบบนี้เอากลับคืนมายากมาก ดูเหมือนเมื่อฟื้นขึ้นสิ่งแรกที

    Last Updated : 2024-12-19
  • ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70   บทที่ 7 ย่ามหาภัย

    บทที่ 7 ย่ามหาภัย“นังเด็กเสียเงินคนนี้ นอกจากสำออยทำเป็นป่วยมาหลายวัน ในที่สุดก็หางโผล่ออกมาแล้วใช่ไหม หายดีแล้วทำไมหล่อนไม่ตามนังเหม่ยฟางไปทำงานที่ทุ่งฮะ! แล้วไหนเมื่อวานยังทำให้เจ้าเว่ยตงไม่ไปช่วยงานจนเสียคะแนนอีก นังเด็กเสียเงิน แกมันคนไร้ประโยชน์จริง ๆ”“พ่อไปหาข้าวมาให้ฉัน เพราะที่บ้านไม่มีข้าวให้ครอบครัวเรากิน ส่วนแม่ก็ทำงานงก ๆ อยู่ในทุ่งเพื่อให้บ้านมีแต้มแลกข้าวมาเยอะ ๆ แต่เราไม่เคยกินกันจนอิ่มเลย”“นังเด็กคนนี้ นี่กล้าขึ้นเสียงกับผู้ใหญ่งั้นเหรอ ดี! นังสะใภ้คนนี้เลี้ยงไม่เชื่องอย่างที่ฉันคิดจริง ๆ ถึงขนาดเสี้ยมสอนลูกสาวเลว ๆ แบบนี้ออกมาได้”นางหวังซื่อโมโหจนตัวสั่นไปหมด ชี้หน้าด่าเว่ยซิ่วอิงจนนิ้วแทบทิ่มตา“แล้วที่ฉันพูดมันผิดตรงไหน เราทั้งสามคนทำงานงก ๆ เลี้ยงคนทั้งครอบครัว นี่มันมีความยุติธรรมตรงไหนกัน นอกจากนี้พอพ่อไม่ยอมให้ฉันแต่งงานกับคนที่คุณหามา ก็มาว่าเราไร้ประโยชน์ มันก็แค่คุณไม่ได้อย่างใจเท่านั้นแหละ”“นัง! นังเด็กเสียของ” หวังซื่อไม่คิดว่าจะโดนเด็กรุ่นหลังพูดถอนหงอกตนขนาดนี้ รีบยกมือขึ้นหวังใช้ไม้ทุบเด็กสาวตรงหน้าให้ตาย ๆ ไปเสียอย่างไรมันก็ไร้ประโยชน์ พ่อแม่ไม่ยอ

    Last Updated : 2024-12-19
  • ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70   บทที่ 1 ไม่เป็นที่รักใคร่

    บทที่ 1 ไม่เป็นที่รักใคร่ปิตาธิปไตยหรือการชอบลูกชายมากกว่าลูกสาวนั้นมีมาตั้งแต่ในอดีต โดยเฉพาะในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ซึ่งลูกชายได้แต้มเยอะกว่าลูกสาวเมื่อทำงานในคอมมูน หรือหน่วยการผลิตทางการเกษตร ที่สามารถนำแต้มเหล่านั้นมาแลกเปลี่ยนเป็นอาหาร เพื่อเลี้ยงดูปากท้องตนเองและคนในครอบครัว เพราะแบบนั้นอย่างไรล่ะ จึงทำให้การมีลูกชายเป็นที่นิยมมากกว่าลูกสาว จนมีคำติดปากที่กล่าวว่า ‘ลูกสาวเสียเงินเปล่า’และนี่ยังไม่รวมกับความเชื่อที่มีมาตั้งแต่โบราณ ที่ว่าการมีลูกสาวนั้นก็เหมือนมีกระโถนตั้งอยู่หน้าบ้าน เหมือนน้ำที่สาดออกไป เพราะเมื่อโตขึ้นก็ต้องแต่งออกไปและกลายเป็นคนของตระกูลอื่นอยู่ดี นั่นจึงทำให้ลูกสาวไม่เป็นที่พอใจ หรือไม่เป็นที่ต้องการของคนในครอบครัวที่มีความคิดหัวโบราณแบบนั้นเช่นเดียวกับ ‘เว่ยซิ่วอิง’ เด็กสาวที่โชคร้ายผู้เกิดมาในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง หากผู้คนในปัจจุบันรับรู้คงได้แต่คิดว่านั่นเป็นค่านิยมเก่า ๆ ที่ไม่ควรมีอีกแล้ว เนื่องจากชายหรือหญิง ล้วนมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน!!แต่ในตอนนี้ยุค 70 คือ ยุคปัจจุบันของเว่ยซิ่วอิง นั่นทำให้แม้จะเป็นลูกจากบุตรชายคนโต แต่กลับไม่เป็นที่พอใจของคนในบ้า

    Last Updated : 2024-12-17
  • ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70   บทที่ 2 โดนทำร้าย

    บทที่ 2 โดนทำร้าย“สำออยอะไรกัน โดนไม้กวาดแค่นี้ ยังไม่รีบเข้าไปทำอาหารเย็นอีก คนรอกินข้าวอยู่ทั้งบ้านไม่รู้หรือยังไง” ไม่พูดเปล่า ยังใช้ไม้ตีเข้าไปที่ผนังห้องครัวหลายครั้งจนฝุ่นกระจายฟุ้งไปทั่ว“อืดอาดยืดยาดไม่รู้จักเวล่ำเวลา หรือจะให้ฉันต้องตีพวกแกกระตุ้นอีกฮะ! เป็นวัวเป็นควายหรือยังไง”คำขู่ของหญิงชราทำให้เว่ยตงพร้อมทั้งลูกและภรรยาอึ้งไปเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าแม่ของตนหรือย่าแท้ ๆ ของตนจะคิดเช่นนั้น วัวควายกินหญ้าและมีไว้ให้คนจูงจมูกไปทั่ว ยังไม่ถูกตีหนักเท่าพวกเขาสามคนพ่อแม่ลูกเลยด้วยซ้ำแต่พอมีคนมาตอกย้ำแบบนี้ก็ยิ่งทำให้นึกย้อนกลับไป ดูเหมือนพวกตนมีชีวิตที่แย่ยิ่งกว่าวัวควายเสียอีก“ย่าใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ อย่าโมโหเลยค่ะจะกระทบต่อสุขภาพนะ” เว่ยหนานหลานรักที่ยืนนิ่งมาตลอดเอ่ยปากขึ้น คล้ายรู้ว่าย่ารอคอยที่จะปล่อยให้ตัวเองเดินเข้าไปประคองด้วยคำพูดออดอ้อนเอาใจ “หึ! ไม่มีใครห่วงฉันเท่าอาหนานแล้ว พวกแกมันไม่ได้เรื่อง ทำให้ฉันโมโหได้ทุกวี่ทุกวัน คิดจะให้ยายแก่เช่นฉันอกแตกตายหรืออย่างไร!” นางหวังซื่อยังไม่หายโมโห ฟาดไม้กวาดลงหลังลูกชายคนโตเบา ๆ อย่างเคยชินเวลาที่โมโหหรืออารมณ์ไม่ดี ก็มีเพียง

    Last Updated : 2024-12-17

Latest chapter

  • ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70   บทที่ 7 ย่ามหาภัย

    บทที่ 7 ย่ามหาภัย“นังเด็กเสียเงินคนนี้ นอกจากสำออยทำเป็นป่วยมาหลายวัน ในที่สุดก็หางโผล่ออกมาแล้วใช่ไหม หายดีแล้วทำไมหล่อนไม่ตามนังเหม่ยฟางไปทำงานที่ทุ่งฮะ! แล้วไหนเมื่อวานยังทำให้เจ้าเว่ยตงไม่ไปช่วยงานจนเสียคะแนนอีก นังเด็กเสียเงิน แกมันคนไร้ประโยชน์จริง ๆ”“พ่อไปหาข้าวมาให้ฉัน เพราะที่บ้านไม่มีข้าวให้ครอบครัวเรากิน ส่วนแม่ก็ทำงานงก ๆ อยู่ในทุ่งเพื่อให้บ้านมีแต้มแลกข้าวมาเยอะ ๆ แต่เราไม่เคยกินกันจนอิ่มเลย”“นังเด็กคนนี้ นี่กล้าขึ้นเสียงกับผู้ใหญ่งั้นเหรอ ดี! นังสะใภ้คนนี้เลี้ยงไม่เชื่องอย่างที่ฉันคิดจริง ๆ ถึงขนาดเสี้ยมสอนลูกสาวเลว ๆ แบบนี้ออกมาได้”นางหวังซื่อโมโหจนตัวสั่นไปหมด ชี้หน้าด่าเว่ยซิ่วอิงจนนิ้วแทบทิ่มตา“แล้วที่ฉันพูดมันผิดตรงไหน เราทั้งสามคนทำงานงก ๆ เลี้ยงคนทั้งครอบครัว นี่มันมีความยุติธรรมตรงไหนกัน นอกจากนี้พอพ่อไม่ยอมให้ฉันแต่งงานกับคนที่คุณหามา ก็มาว่าเราไร้ประโยชน์ มันก็แค่คุณไม่ได้อย่างใจเท่านั้นแหละ”“นัง! นังเด็กเสียของ” หวังซื่อไม่คิดว่าจะโดนเด็กรุ่นหลังพูดถอนหงอกตนขนาดนี้ รีบยกมือขึ้นหวังใช้ไม้ทุบเด็กสาวตรงหน้าให้ตาย ๆ ไปเสียอย่างไรมันก็ไร้ประโยชน์ พ่อแม่ไม่ยอ

  • ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70   บทที่ 6 ไม่ใช่ความฝัน

    บทที่ 6 ไม่ใช่ความฝัน“ซิ่วอิง ลูกกินอาหารให้หมดก่อน ดื่มยา แล้วนอน พ่อสัญญาว่าตื่นขึ้นมาลูกจะมีของกินเยอะกว่านี้”จิงจิงเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นพ่อด้วยสายตาสับสน ทำไมพ่อในความฝันช่างใจดีเหลือเกิน เธอเองก็อยากมีครอบครัวที่อบอุ่นแบบนี้น่าเสียดายที่ครอบครัวแสนอบอุ่นนี้กลับมีมารผจญเป็นย่าแท้ ๆ ของเจ้าของร่างถ้าหากนี่เป็นความฝันและทุกอย่างถูกสร้างขึ้นมา จิงจิงคงรู้สึกดีจนไม่อยากจะตื่นเลย ยิ่งหากกำจัดครอบครัวชั่วร้ายของเจ้าของร่างเดิมได้ ก็จะยิ่งดี“ไม่ต้องห่วงนะอิงอิงลูกรัก พ่อกับแม่จะไปหาข้าวมาให้ลูกกินเพิ่ม”“แค่นี้…ก็กินได้ค่ะ” จิงจิงก้มหน้าลงขณะพูดความฝันนี้เหมือนจริงเหลือเกินกระทั่งน้ำข้าวในช้อนยังจืดเย็นชืดจนแทบกลืนไม่ลง เธอยอมกินสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าข้าวด้วยความกล้ำกลืนหากตนมาอยู่ในร่างของเด็กสาวคนนี้ ซึ่งอยู่ในยุค 70 ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ เช่นนั้นก็แสดงว่าต้องใช้ชีวิตไปก่อนจนกว่าจะตื่นจากฝันอย่างนั้นเหรอทั้ง ๆ ที่กำลังจะซื้อบ้านได้แล้วแท้ ๆไม่รู้ว่าเจ้าโจรที่ขโมยไปจะถูกตามตัวพบหรือไม่จิงจิงรู้ดีว่าเคสที่โจรขโมยเงินสดแบบนี้เอากลับคืนมายากมาก ดูเหมือนเมื่อฟื้นขึ้นสิ่งแรกที

  • ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70   บทที่ 5 วิญญาณเข้าร่าง

    บทที่ 5 วิญญาณเข้าร่าง“พี่ไม่ได้จะขโมยผลงานของเราหรอกใช่ไหมคะ” แต่แล้วอยู่ ๆ เด็กสาวคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นกลางวงสนทนาและต้อนรับผู้จัดการคนใหม่ ดูเหมือนเธอมีแผลในใจ เนื่องจากผู้จัดการคนเก่านอกจากโดนข้อหาฉ้อโกงแล้ว เขายังขโมยผลงานของเด็ก ๆ ในร้านไปด้วย“เรื่องนี้ขอให้ทุกคนวางใจได้เลยค่ะ ฉันไม่จำเป็นต้องขโมยผลงานของใคร เพราะโดยปกติเงินเดือนและคอมมิชชันของผู้จัดการ ก็ได้รับส่วนแบ่งจากผลงานยอดขายในร้านอยู่แล้ว” เว่ยจิงจิงกล่าวอย่างจริงจัง พร้อมกวาดตามองไปรอบ ๆ“อีกอย่างฉันขอเอาฐานะของยอดนักขายแห่งปีที่ได้สองปีซ้อนเป็นประกัน นอกจากจะไม่แย่งผลงานใครแล้ว ฉันยังจะช่วยเทรนด์ทุกคนและแบ่งปันวิธีขายของฉันให้กับทุกคนได้เรียนรู้โดยไม่หวงเลยแม้แต่น้อย พวกเราจะทำให้ยอดขายของร้านเติบโตไปด้วยกัน!” ว่าแล้วก็กำมือแล้วชูขึ้น ส่งผลให้คนในร้านรู้สึกฮึกเหิมตามไปด้วย จึงส่งเสียงร้องเฮ่! แล้วชูมือขึ้นตาม ๆ กัน ในร้านใหม่นี้มีหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้ เนื่องจากห้างสรรพสินค้ากงโม่นอกจากรองรับลูกค้ามีเงินแล้ว ยังมีส่วนร้านใหญ่ที่รองรับลูกค้าทั่วไป สินค้าหลากหลายกว่ามาก ด้วยเหตุนี้จึงมีสองส่วนแยกจากกัน และมีผู้จัดก

  • ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70   บทที่ 4 นักขายมือทอง

    บทที่ 4 นักขายมือทอง“แม่ครับ ถ้าอย่างนั้นให้อาเหม่ยหยุดงานดูลูกที่บ้านสักวันนะครับ จนกว่าซิ่วอิงจะดีขึ้น ผมจะได้วางใจ”“ไม่มีทาง ลูกแกก็คนหนึ่งแล้ว จะให้เมียแกหยุดอีกเหรอ แล้วแบบนี้บ้านเราจะเอาอะไรกินกันล่ะ”“ก็ให้น้องรอง…” เว่ยตงกำลังจะสวนกลับบอกให้น้องรองทำงานเพิ่มสักหน่อย ส่วนเขาก็จะทำเพิ่มเหมือนกัน แต่กลับโดนมารดาหยุดเอาไว้“ไม่รู้แหละ อย่างไรเมียแกก็ต้องไปทำงานในทุ่ง พักเที่ยงค่อยกลับมาดูแลก็ได้ เรื่องมากจริง ๆ เลย”“...” เว่ยตงได้แต่ก้มหน้ายอมรับ ก่อนจะเดินกลับห้องโดยไม่พูดอะไรอีก เมื่อเขากลับมาถึงห้องเห็นภรรยาที่เพิ่งกลับมาถึงเหมือนกันได้ส่ายหน้าให้ บ่งบอกว่าขอยืมเงินญาติไม่ได้เช่นกัน เวลานี้สองสามีภรรยาเป็นทุกข์ยิ่งนัก ที่ไม่สามารถพาลูกไปหาหมอในเมืองได้อย่างที่ต้องการ“อิงอิง แม่กับพ่อขอโทษที่ช่วยลูกไม่ได้”“อือ พ่อ…แม่”สองคนพ่อแม่ทำได้เพียงอดกลั้นน้ำตาเอาไว้ มองดูลูกสาวทรมานเพราะพิษไข้อยู่อย่างนั้นจากนั้นจึงกล้ำกลืนฝืนใจตนเองออกไปทำงานในทุ่ง เพราะเกรงว่าคนเป็นย่าจะโทษหลานสาวที่น่าชังคนนี้อีกครั้ง เมื่อกลับมาถึงบ้านเห็นลูกสาวตัวเย็นลงก็เบาใจ ให้ดื่มยาสมุนไพรเพิ่มเข้าไปอีก

  • ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70   บทที่ 3 ล้มป่วย

    บทที่ 3 ล้มป่วย“สำออย! นอนกินบ้านกินเมือง ให้มันได้อย่างนี้สิ ไม่สู้ให้นังเด็กไร้ประโยชน์นี่แต่งงานออกไปยังทำประโยชน์ได้กว่านี้อีกมาก”“แม่คะ อย่าตีเลยค่ะ อิงอิงลูก ตื่นเร็วเข้า” คนเป็นแม่พยายามปลุกลูกสาวให้ตื่นขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือสีหน้าเป็นกังวลของคนเป็นแม่ ถัดไปด้านหลังหน้าประตูห้องเล็ก ๆ มีร่างท้วมของผู้เป็นย่ายืนอยู่“แม่ครับ อิงอิงไม่สบายจริง ๆ สาเหตุที่เป็นแบบนี้ก็เพราะโดนตีเข้าที่หัวเมื่อวาน ให้แกพักผ่อนหน่อยเถอะครับ” เว่ยตงพยายามพูดกับแม่ดี ๆ แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่ฟังแม้แต่น้อย ซ้ำยังจับคำพูดเขาไปบิดเบือนได้อีกเป็นกระบุง“หน็อย! นี่แกพูดว่าที่มันไม่ยอมลุกมาทำงานทำการแบบนี้ เป็นเพราะฉันงั้นเหรอ ฉันคิดว่านังเด็กเสียเงินนี่ขี้เกียจตัวเป็นขน เลยสำออยไม่อยากลุกเองนั่นแหละ”“แม่ครับ!” เว่ยตงขวางมารดาตนเองไว้ เมื่อโดนลูกชายที่ตัวใหญ่กว่าขวางไว้ทำให้นางหวังซื่อเข้ามาในห้องไม่ได้ จึงฮึดฮัดอยู่หน้าห้องอย่างขัดใจ“ยังไม่เตรียมตัวไปทำงานกันอีก! จะมากเกินไปแล้วนะ ถ้าจะไม่ทำอะไรแบบนี้ก็ให้มันแต่งออกจากบ้านไปเดี๋ยวนี้เลย บ้านหลังนี้ไม่ต้องการตัวขี้เกียจ”เว่ยซิ่วอิงมองทะลุผ่านช่องเล็กระห

  • ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70   บทที่ 2 โดนทำร้าย

    บทที่ 2 โดนทำร้าย“สำออยอะไรกัน โดนไม้กวาดแค่นี้ ยังไม่รีบเข้าไปทำอาหารเย็นอีก คนรอกินข้าวอยู่ทั้งบ้านไม่รู้หรือยังไง” ไม่พูดเปล่า ยังใช้ไม้ตีเข้าไปที่ผนังห้องครัวหลายครั้งจนฝุ่นกระจายฟุ้งไปทั่ว“อืดอาดยืดยาดไม่รู้จักเวล่ำเวลา หรือจะให้ฉันต้องตีพวกแกกระตุ้นอีกฮะ! เป็นวัวเป็นควายหรือยังไง”คำขู่ของหญิงชราทำให้เว่ยตงพร้อมทั้งลูกและภรรยาอึ้งไปเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าแม่ของตนหรือย่าแท้ ๆ ของตนจะคิดเช่นนั้น วัวควายกินหญ้าและมีไว้ให้คนจูงจมูกไปทั่ว ยังไม่ถูกตีหนักเท่าพวกเขาสามคนพ่อแม่ลูกเลยด้วยซ้ำแต่พอมีคนมาตอกย้ำแบบนี้ก็ยิ่งทำให้นึกย้อนกลับไป ดูเหมือนพวกตนมีชีวิตที่แย่ยิ่งกว่าวัวควายเสียอีก“ย่าใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ อย่าโมโหเลยค่ะจะกระทบต่อสุขภาพนะ” เว่ยหนานหลานรักที่ยืนนิ่งมาตลอดเอ่ยปากขึ้น คล้ายรู้ว่าย่ารอคอยที่จะปล่อยให้ตัวเองเดินเข้าไปประคองด้วยคำพูดออดอ้อนเอาใจ “หึ! ไม่มีใครห่วงฉันเท่าอาหนานแล้ว พวกแกมันไม่ได้เรื่อง ทำให้ฉันโมโหได้ทุกวี่ทุกวัน คิดจะให้ยายแก่เช่นฉันอกแตกตายหรืออย่างไร!” นางหวังซื่อยังไม่หายโมโห ฟาดไม้กวาดลงหลังลูกชายคนโตเบา ๆ อย่างเคยชินเวลาที่โมโหหรืออารมณ์ไม่ดี ก็มีเพียง

  • ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70   บทที่ 1 ไม่เป็นที่รักใคร่

    บทที่ 1 ไม่เป็นที่รักใคร่ปิตาธิปไตยหรือการชอบลูกชายมากกว่าลูกสาวนั้นมีมาตั้งแต่ในอดีต โดยเฉพาะในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ซึ่งลูกชายได้แต้มเยอะกว่าลูกสาวเมื่อทำงานในคอมมูน หรือหน่วยการผลิตทางการเกษตร ที่สามารถนำแต้มเหล่านั้นมาแลกเปลี่ยนเป็นอาหาร เพื่อเลี้ยงดูปากท้องตนเองและคนในครอบครัว เพราะแบบนั้นอย่างไรล่ะ จึงทำให้การมีลูกชายเป็นที่นิยมมากกว่าลูกสาว จนมีคำติดปากที่กล่าวว่า ‘ลูกสาวเสียเงินเปล่า’และนี่ยังไม่รวมกับความเชื่อที่มีมาตั้งแต่โบราณ ที่ว่าการมีลูกสาวนั้นก็เหมือนมีกระโถนตั้งอยู่หน้าบ้าน เหมือนน้ำที่สาดออกไป เพราะเมื่อโตขึ้นก็ต้องแต่งออกไปและกลายเป็นคนของตระกูลอื่นอยู่ดี นั่นจึงทำให้ลูกสาวไม่เป็นที่พอใจ หรือไม่เป็นที่ต้องการของคนในครอบครัวที่มีความคิดหัวโบราณแบบนั้นเช่นเดียวกับ ‘เว่ยซิ่วอิง’ เด็กสาวที่โชคร้ายผู้เกิดมาในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง หากผู้คนในปัจจุบันรับรู้คงได้แต่คิดว่านั่นเป็นค่านิยมเก่า ๆ ที่ไม่ควรมีอีกแล้ว เนื่องจากชายหรือหญิง ล้วนมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน!!แต่ในตอนนี้ยุค 70 คือ ยุคปัจจุบันของเว่ยซิ่วอิง นั่นทำให้แม้จะเป็นลูกจากบุตรชายคนโต แต่กลับไม่เป็นที่พอใจของคนในบ้า

DMCA.com Protection Status