แคว้นต้าเฉิน เป็นแคว้นที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในแถบนี้ เนื่องจากมีแม่ทัพนามว่าต้วนอี้ซานหรือว่าอ๋องต้วนคอยปกป้องชายแดน ต่อให้จะมีชนเผ่ามากมายที่ต้องการรุกล้ำดินแดนก็ไม่สามารถทำได้
แต่ทว่าในเมืองหลวงกลับมีองค์ชายมากมายแข่งขันเพื่อช่วงชิงตำแหน่งรัชทายาทเพื่อสืบทอดบัลลังก์ หนึ่งในนั้นคือองค์ชายสาม องค์ชายที่ต้วนอ๋องหนุนหลัง เนื่องจากตระกูลเดิมของกุ้ยเฟยคือตระกูลเดียวกันกับคนรักของตนเอง ทำให้คิดก่อกบฏขึ้นมา
เพราะฝ่ายองค์ชายใหญ่ที่เหนือกว่าทำให้องค์ชายสามต้องแพ้พ่าย ฝ่าบาทจึงมีราชโองการให้ปราบกบฏ นี่จึงทำให้ตำหนักต้วนอ๋องแทบลุกเป็นไฟ เวลานี้ทหารจึงพยายามเข้าล้อมเพื่อจับคนในตำหนัก
ชายาเอกหรือต้วนหวางเฟยคือบุตรสาวของราชครูที่อยู่ฝ่ายองค์ชายใหญ่ แต่เพราะรักสวามีตนเองมาก จึงทำให้ตัดขาดกับครอบครัว ครั้งนี้จึงไม่คิดจะกลับไปขอร้องบิดาให้ช่วยเหลือ เนื่องจากต้วนหวางเฟยไม่คิดจะลากครอบครัวเข้ามายุ่งเกี่ยวนั่นเอง
ในเมื่อเลือกทางเดินนี้ย่อมต้องรับผลกรรมให้ได้
“หวางเฟยเพคะ หม่อมฉันคิดว่าพวกเราควรจะหลบหนีก่อนเถิด ไม่แน่ว่าเวลานี้ท่านอ๋องกำลังมุ่งหน้ากลับเข้าเมืองหลวงแล้ว”
ลู่จิงจิง สาวใช้คนสนิทที่ติดตามหยางเหมยจินมาพร้อมกับสินเดิมเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีร้อนใจ เพราะห่วงความปลอดภัยของเจ้านายตนเอง เนื่องจากเวลานี้ทหารได้ประชิดเข้ามาแล้ว
“ข้าจะหนีไปทางใดกันเล่าจิงจิง ส่วนท่านอ๋องเจ้าไม่ต้องหวังหรอกว่าชายผู้นั้นจะมาช่วยข้าหลบหนีจากที่นี่ หากชายผู้นั้นจะมา คงมาช่วยสตรีอันเป็นที่รักของเขาอย่างชายารองเสียมากกว่า”
หยางเหมยจินเอ่ยอย่างเย้ยหยัน นางไม่เชื่อว่าต้วนอ๋องจะกลับมาช่วยนาง เขาจะกลับมาช่วยสตรีในดวงใจเสียมากกว่า
ในขณะที่สองนายบ่าวกำลังสนทนาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด กลับมีชายโพกผ้าปิดบังใบหน้าที่ดูแล้วน่าจะเป็นยอดฝีมือปรากฏกายขึ้น
“หวางเฟย เชิญเสด็จเถิดพ่ะย่ะค่ะ เวลาไม่รอช้าแล้ว หากหวางเฟยยังรีรอไม่แน่ว่าจะหนีทันนะพ่ะย่ะค่ะ” หนึ่งในยอดฝีมือเอ่ยขึ้นด้วยความร้อนใจ เพราะกลัวว่าภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาจะไม่สำเร็จหากยังชักช้าอยู่เช่นนี้
“พวกเจ้ามาจากที่ใดรึ หรือว่าท่านอ๋องส่งพวกเจ้ามา” นางกำนัลลู่จิงจิงเอ่ยถามด้วยความหวัง เพราะคิดว่ายอดฝีมือพวกนี้อ๋องต้วนเป็นคนส่งมา ใบหน้าของนางจึงเต็มไปด้วยความดีใจและมองไปยังหวางเฟยของตนอย่างมีความหวัง
“ท่านราชครูส่งพวกข้ามาคุ้มกันหวางเฟยพ่ะย่ะค่ะ เวลานี้ได้เตรียมรถม้าไว้นอกเมืองเรียบร้อยแล้ว เส้นทางที่หวางเฟยจะต้องเสด็จคือแคว้นเล่ยเจีย ที่นั่นนายท่านพอจะมีเส้นสายให้หวางเฟยพำนักอยู่ แต่อาจจะลำบากไปสักหน่อย เพราะหวางเฟยจะต้องอยู่ในนามของชาวบ้านทั่วไปเพื่อรักษาชีวิตของพระองค์เองเอง” ชายคนหนึ่งที่น่าจะเป็นหัวหน้าเอ่ยขึ้นมาอย่างรีบร้อน
“ท่านพ่อเช่นนั้นหรือ”
ทันทีที่ฟังจนจบประโยค หยางเหมยจินก็เอ่ยขึ้นมาอย่างแผ่วเบา น้ำตาของนางไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ แม้ว่านางพยายามตัดขาดกับครอบครัวและไม่ไปขอความช่วยเหลือ เพื่อไม่ให้ท่านพ่อและทุกคนในตระกูลหยางเดือดร้อน ทว่าท่านพ่อยังรักและห่วงใยนางเสมอ ถึงกล้าส่งคนมาช่วยนางเช่นนี้
ทว่าหากนางคิดที่จะหนีไปกับเหล่าองครักษ์ลับกลุ่มนี้ เมื่อไรที่เหล่าทหารตามหานางพบเข้า หรือว่าพลาดพลั้งถูกจับได้ บิดาและตระกูลหยางอันเป็นที่รักของนางย่อมต้องเดือดร้อนไปด้วย ใบหน้างามจึงเต็มไปด้วยความครุ่นคิดจนเหล่าองครักษ์ลับสังเกตได้
“หวางเฟยไม่ต้องกังวลพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้กระหม่อมได้เตรียมการทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว ต่อให้ถูกจับได้ เรื่องทั้งหมดต้องจะไม่มีการสาวถึงตัวนายท่านราชครูหยางอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ลับคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างแข็งขัน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยางเหมยจินเบาใจขึ้นมาเล็กน้อย และเอ่ยออกมาว่า “เช่นนั้นรอข้าสักครู่ ไปจิงจิง”
เอ่ยจบก็เดินไปหลังฉากเพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนางกำนัล เหล่าองครักษ์ลับรีบออกมาจากห้องเพื่อความเหมาะสม แต่ก็ยังระแวดระวังความปลอดภัยให้กับเป็นผู้เป็นนายอย่างเคร่งเครียด
ไม่นานร่างของหยางเหมยจินก้าวออกมาจากห้องพร้อมกับนางกำนัลลู่จิงจิง ทว่าเมื่อทั้งหมดเตรียมจะหลบหนีออกนอกตำหนัก กลับได้ยินเสียงของถังจินเย่วดังขึ้น
“พี่หญิง ท่านรอข้าด้วย ข้าขอไปกับท่านด้วยนะเพคะ”
ถังจินเย่วก้าวมาอย่างเร่งรีบเพราะต้องการหนีไปจากที่นี่เช่นเดียวกัน
“เจ้ามาที่นี่ด้วยเหตุใด ทำไมไม่รอท่านอ๋องอยู่ที่ตำหนักเล่า ไม่ช้าท่านอ๋องคงมาช่วยเจ้า” หยางเหมยจินเอ่ยขึ้นกับนางอย่างแปลกใจ
เวลานี้ในใจแม้จะเจ็บปวดเมื่อต้องเอ่ยถึงชายที่รัก ทว่าเขากลับไม่เคยเหลียวแลนางด้วยซ้ำ ในใจของเขานั้นมีเพียงหญิงตรงหน้านี้เท่านั้น นี่จึงทำให้นางตัดสินใจที่จะให้คนของบิดาพาหนีเพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่กลับโดนชายารองคนนี้มารั้งไว้และขอตามไปด้วย
“หวางเฟยพ่ะย่ะค่ะ รีบเถิด เวลานี้เสียงสู้รบดังใกล้เข้ามาทุกทีแล้วพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ลับเอ่ยเตือนอย่างร้อนใจ เพราะเกรงว่าหากทหารทั้งหมดบุกเข้ามาจะเสียเรื่องเอาได้
“อย่างนั้นก็ไปกันเถอะ” หยางเหมยจินเอ่ยขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยว
เมื่อเห็นว่าเวลากระชั้นชิดเข้ามาแล้ว หยางเหมยจินจึงไม่รีรออีก นางรีบเดินตามชายกลุ่มนี้ออกมา โดยมีชายารองจากสกุลถังและนางกำนัลคนสนิทตามมาด้วย
ทั้งหมดขึ้นรถม้าที่ไม่มีการตกแต่งใด ๆ เพื่อตบตาทหาร ทั้งหมดออกมาจนพ้นประตูเมืองก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ใครจะคิดกันละว่าจะมีทหารขององค์ชายใหญ่มาดักอยู่ ทำให้ทั้งหมดต้องหนีเข้าป่าข้างทาง
“จิงจิง เจ้ารีบหนีไปก่อนเถิด หากพวกเราหนีด้วยกันจะไม่มีใครรอดไปได้เป็นแน่” หยางเหมยจินให้นางกำนัลคนสนิทหลบหนีไปก่อน เพราะเกรงว่าจะไม่รอดทั้งหมด
“ไม่เพคะหวางเฟย หม่อมฉันไม่มีทางทิ้งพระองค์เด็ดขาด เป็นตายเราต้องไปด้วยกันเพคะ” นางกำนัลลู่ไม่ยอมทิ้งเจ้านายไว้ นางยอมที่จะร่วมเป็นร่วมตายกับหวางเฟยของนางมากกว่าหนีเอาตัวรอด
“เจ้าฟังข้า จิงจิง แยกกันเรายังมีทางรอด ข้าสัญญาว่าจะรีบไปหาเจ้า เราสองคนจะใช้ชีวิตร่วมกัน ไม่แยกจากกันอีก ข้าสัญญา”
นางกล่าวจบ จึงหันไปพยักหน้าให้กับคนของบิดาเพื่อให้พาลู่จิงจิงหนีไปอีกทาง เหล่าองครักษ์ลับพยักหน้าให้กัน ก่อนจะแยกเป็นสองทาง แม้ว่านางกำนัลลู่จะไม่ยินยอมแต่เพราะเป็นคำสั่งนายเหนือหัวเลยไม่อาจไม่ทำตามได้
เมื่อนางกำนัลที่นางรักไม่ต่างจากน้องสาวจากไปแล้ว หยางเหมยจินจึงเบาใจลง นางรู้ดีว่าไม่อาจรอดชีวิตไปได้จึงสั่งให้คนของบิดาหนีไปเพื่อเอาชีวิตรอด แต่ทว่าเหล่าองครักษ์ลับกลุ่มนี้กลับไม่ยินยอม และพร้อมสู้ตายเพื่อปกป้องต้วนหวางเฟย!!
ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้อย่างหนัก กลุ่มของต้วนอ๋องก็ตามมาได้อย่างทันท่วงที พร้อมกับฆ่าฟันเหล่าทหารจนล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่ทว่ากลุ่มทหารขององค์ชายใหญ่ล้วนแต่มีความสามารถ และฝีมือไม่ด้อยกว่าคนของต้วนอ๋อง ทำให้กลุ่มของต้วนอ๋องเข้าไม่ถึงตัวชายาทั้งสอง เขาจะต้องเข้าไปช่วยได้เพียงคนเดียวเท่านั้น เมื่อต้องเลือก อ๋องหนุ่มกลับเลือกนางในดวงใจอย่างชายารอง ทำให้ต้วนหวางเฟยของตนต้องตกอยู่ในอันตราย
“อันตรายพ่ะย่ะค่ะ ต้วนหวางเฟย”
เหล่าองครักษ์ลับจากตระกูลหยางร้องเรียกอย่างตกใจ เมื่อเห็นหยางเหมยจินก้าวถอยหลังไปอยู่ริมหน้าผา รวมถึงเหล่าทหารขององค์ชายใหญ่ที่ล้วนแต่ตกใจไม่ต่างกัน เมื่อเห็นต้วนหวางเฟยก้าวไปยืนตรงนั้น เนื่องจากคำสั่งที่พวกเขาได้รับมานั้น ไม่ให้ทำร้ายต้วนหวางเฟยจากตระกูลหยาง แต่เพราะชายารองจากตระกูลถังอยู่ในการหลบหนีของต้วนหวางเฟยด้วย ทำให้เหล่านายทหารต้องตามไล่ล่าจนมาถึงที่นี่
หยางเหมยจินได้แต่ยิ้มให้กับคนของบิดา ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงดังฟังชัดและเด็ดขาดว่า “พวกเจ้ารีบหนีเอาตัวรอดเถอะ อย่างไรเสียเรื่องนี้พวกเจ้าล้วนไม่เกี่ยวข้อง อย่าลืมว่าพวกเจ้าบางคนมีครอบครัว อย่าต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่เลย บอกท่านผู้นั้นด้วยว่า ข้าเลือกทางเดินนี้เอง” นางไม่กล้าเอ่ยชื่อของบิดาออกมา เพราะกลัวว่าตระกูลหยางนั้นจะมีความผิดไปด้วย
เหล่าองครักษ์ลับได้แต่ยืนนิ่งไม่กล้าแม้จะส่งเสียง เนื่องจากรู้ดีว่าต้วนหวางเฟยผู้นี้มีความเด็ดเดี่ยวมากแค่ไหน เมื่อตัดสินใจทำอะไรไปแล้วไม่อาจจะหันกลับอีก
บทที่ 2 ข้ามเวลาหยางเหมยจินมองชายอันเป็นที่รักทั้งน้ำตา ก่อนจะถอยหลังจนถึงหน้าผา พร้อมกับกล่าวบางอย่างออกมากับชายที่ได้ชื่อว่าสามี“ส่วนท่าน ชีวิตนี้หม่อมฉันให้พระองค์ไปหมดแล้ว หลังจากนี้ ข้าและท่านจะไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีก เกิดชาติหน้าฉันใด ข้าไม่ขออยู่ข้างท่าน ชาตินี้ข้ามิอาจครองใจท่านได้ ต่อให้ครั้งนี้ข้าจะมีชีวิตรอดกลับไป ข้าก็เป็นได้เพียงพระชายาที่ท่านไม่ต้องการ ดังนั้นแล้วข้าขอให้พวกท่านครองคู่กันอย่างมีความสุขนะเพคะ”“เจ้าจะทำบ้าอะไรเหมยจิน อย่าทำอะไรบ้า ๆ เด็ดขาด”ต้วนอ๋องเอ่ยออกมาอย่างร้อนรน เขากล่าวตำหนินางออกมาเสียงดัง เพราะกลัวว่าพระชายาของตนจะทำเรื่องเสี่ยงอันตราย โดยไม่รู้เลยว่าเวลานี้แท้จริงแล้วในใจของเขามีนางอยู่เต็มหัวใจ เขารู้เพียงว่ารู้สึกใจหายและไม่อาจจะเห็นนางจากไปต่อหน้าอย่างนี้ได้“ข้ารู้ว่าบ้านเมืองนี้ สามีสามารถมีภรรยาได้หลายคน แต่ข้าต้องการอยู่คู่ผัวเดียวเมียเดียวเฉกเช่นชาวบ้านทั่วไป ความรักที่ข้ามีให้กับท่านข้าขอคืน ลาก่อนต้วนอ๋อง”จบประโยคหยางเหมยจินจึงหลับตาและทิ้งตัวลงที่หน้าผาด้านล่างทันที พร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่มีผู้ใดเคยเห็นมาก่อนหลังจากแต่งงานเข้าจว
บทที่ 3 ช่วยเหลือ“คุณลุกขึ้นเดินเองไหวไหม รู้สึกเจ็บปวดตรางไหนหรือไม่” ตงเหวินหมิงเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวล เนื่องจากการตกลงมาจากฟ้า ต่อให้หล่นลงมาบนผืนน้ำทว่าร่างกายตรงหน้าก็ยังเป็นมนุษย์ ย่อมต้องมีความรู้สึกเจ็บ ดังนั้นจึงได้เอ่ยถามออกมา“ฉัน...” หยางเหมยจินเงยหน้าขึ้น แววตาของเธอนั้นช่างน่าสงสารยิ่งนักบ่งบอกว่าเธอลุกขึ้นไม่ไหวจริง ๆ “ขออนุญาตครับ คุณขึ้นหลังผมเถอะ เวลานี้พวกเราน่าจะไม่พบหรือว่าเจอกับชาวบ้านแล้วล่ะ มาเถอะจะได้รีบกลับบ้าน” ชายหนุ่มเอ่ยบอกพร้อมกับมองไปรอบ ๆ ตอนนี้ก็ค่ำพอสมควร ชาวบ้านก็เข้าบ้านเรือนของตัวเองไปหมดแล้ว ทำให้เขาคลายความกังวลลงเล็กน้อย“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นเบา ๆเมื่อลุกเดินเองไม่ได้ แม้ว่าการที่จะขึ้นหลังของชายแปลกหน้าที่ไม่รู้จักจะไม่เป็นการเหมาะสมมากนัก แต่ทว่าหยางเหมยจินกลับเลือกที่จะละทิ้งความคิดจากอดีตทั้งหมดไป แล้วยอมให้ชายหนุ่มพยุงลุกขึ้น ก่อนจะไปอยู่บนหลังของอีกฝ่ายเพื่อให้เขาพากลับที่พักระหว่างทางทั้งสองไม่มีใครพูดอะไร ต่างก็จมอยู่ในความคิดของตนเอง จวบจนตงเหวินหมิงสาวเท้ายาว ๆ มาถึงบ้านหลังหนึ่ง“พ่อ!!” เด็กชายหญิงสองแฝดวัยสิบขวบร้องขึ
บทที่ 4 อยู่ด้วยกัน“แล้วถ้าบอกว่าฉันเป็นสาวใช้ละคะ ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรใช่หรือไม่ ตอนมาที่นี่ฉันน่าจะมีทรัพย์สินติดตัวมาบ้าง อย่างน้อยเครื่องประดับก็ยังดี”ในเมื่อเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตนเอง เธอจึงเลือกที่จะเสนอความคิดเห็นออกมา แต่คำพูดของเธอนั้น ทำให้สามพ่อลูกส่ายหน้าหัวแทบหลุด และร้องออกมาอย่างตกใจพร้อมกันว่า“ไม่ได้!!”หยางเหมยจินไม่เข้าใจว่า ‘ไม่ได้’ นี่คือคำพูดไหนของเธอ“เรื่องสาวใช้นั้นยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย แล้วคุณไม่ต้องคิดเรื่องนี้ด้วย บ้านเราไม่ได้ร่ำรวยเหมือนคนในเมืองที่จะมีเงินมาจ้างสาวใช้ไว้ดูแล อีกอย่างพวกเราเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาทั้งนั้น เรื่องในบ้านต่าง ๆ ล้วนแต่ทำเอง ส่วนเรื่องเครื่องประดับไม่ต้องพูดถึงเลย เพราะบางอย่างเป็นสิ่งของต้องห้ามของที่นี่” ชายหนุ่มรีบบอกกับเธอให้เข้าใจจากนั้นตงเหวินหมิงก็เลือกที่จะเล่าเรื่องราวของยุคนี้ให้หญิงสาวตรงหน้าฟังอย่างละเอียด โดยมีลูกทั้งสองคนคอยสลับเล่าเรื่องราวต่าง ๆ เช่นกันเมื่อได้ฟังทุกอย่าง หยางเหมยจินก็พยักหน้าเข้าใจ ยุคสมัยนี้แตกต่างจากบ้านเกิดเมืองนอนของเธอไม่น้อย หรืออาจจะเรียกว่าแตกต่างแทบจะทุกอย่างก็ว่าได้“เอาเป็นว่าคุณอา
บทที่ 5 ย้อนกลับไปที่เคยจากมามื้อเช้านี้ทุกคนมานั่งกินกันอย่างพร้อมเพรียง เด็กน้อยทั้งสองคนกินกันอย่างเอร็ดอร่อย รวมถึงหยางเหมยจินด้วย เธอไม่คิดว่าพ่อม่ายอย่างตงเหวินหมิงจะทำอาหารได้อร่อยอย่างนี้“เป็นอย่างไรบ้างคะน้าเหมย พ่อของลี่ลี่ทำอาหารอร่อยหรือไม่คะ” ตงฟางลี่หันมายิ้มกับสมาชิกใหม่ของครอบครัวด้วยความภาคภูมิใจ เด็กสาวรู้ดีว่าอาหารที่พ่อของเธอนั้นทำอร่อยแค่ไหน จึงได้หันมาถามเพื่ออวดความสามารถของพ่อตนเอง“อร่อยมาก อร่อยกว่าพ่อครัวบ้านน้าเสียอีก”หยางเหมยจินตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เรื่องนี้เธอพูดไม่ผิดนัก ความสามารถในการทำอาหารของตงเหวินหมิงนั้นเข้าขั้นพ่อครัวใหญ่ได้เลย ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะมีความสามารถด้านนี้“อย่ามัวแต่พูดกันอยู่เลย จะไม่ทันขึ้นเกวียนไปโรงเรียนนะ” ตงเหวินหมิงคุ้นชินกับอาการของลูกสาวตัวแสบเสียแล้ว จึงได้เร่งให้ทุกคนรีบกินมื้อเช้า ไม่เช่นนั้นคงต้องไปขึ้นเกวียนไม่ทันแล้วจะไปโรงเรียนสายเป็นแน่“ค่ะพ่อ / ครับพ่อ” สองแฝดรับคำแข็งขันก่อนจะรีบกินอาหารเช้าทันทีเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หยางเหมยจินจึงเดินไปหยิบห่อข้าวมาให้เด็กน้อยทั้งสองคน “นี่คือห่อข้าวอาหารกลางวันของทั้งสองคน
บทที่ 5 ย้อนกลับไปที่เคยจากมามื้อเช้านี้ทุกคนมานั่งกินกันอย่างพร้อมเพรียง เด็กน้อยทั้งสองคนกินกันอย่างเอร็ดอร่อย รวมถึงหยางเหมยจินด้วย เธอไม่คิดว่าพ่อม่ายอย่างตงเหวินหมิงจะทำอาหารได้อร่อยอย่างนี้“เป็นอย่างไรบ้างคะน้าเหมย พ่อของลี่ลี่ทำอาหารอร่อยหรือไม่คะ” ตงฟางลี่หันมายิ้มกับสมาชิกใหม่ของครอบครัวด้วยความภาคภูมิใจ เด็กสาวรู้ดีว่าอาหารที่พ่อของเธอนั้นทำอร่อยแค่ไหน จึงได้หันมาถามเพื่ออวดความสามารถของพ่อตนเอง“อร่อยมาก อร่อยกว่าพ่อครัวบ้านน้าเสียอีก”หยางเหมยจินตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เรื่องนี้เธอพูดไม่ผิดนัก ความสามารถในการทำอาหารของตงเหวินหมิงนั้นเข้าขั้นพ่อครัวใหญ่ได้เลย ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะมีความสามารถด้านนี้“อย่ามัวแต่พูดกันอยู่เลย จะไม่ทันขึ้นเกวียนไปโรงเรียนนะ” ตงเหวินหมิงคุ้นชินกับอาการของลูกสาวตัวแสบเสียแล้ว จึงได้เร่งให้ทุกคนรีบกินมื้อเช้า ไม่เช่นนั้นคงต้องไปขึ้นเกวียนไม่ทันแล้วจะไปโรงเรียนสายเป็นแน่“ค่ะพ่อ / ครับพ่อ” สองแฝดรับคำแข็งขันก่อนจะรีบกินอาหารเช้าทันทีเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หยางเหมยจินจึงเดินไปหยิบห่อข้าวมาให้เด็กน้อยทั้งสองคน “นี่คือห่อข้าวอาหารกลางวันของทั้งสองคน
บทที่ 4 อยู่ด้วยกัน“แล้วถ้าบอกว่าฉันเป็นสาวใช้ละคะ ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรใช่หรือไม่ ตอนมาที่นี่ฉันน่าจะมีทรัพย์สินติดตัวมาบ้าง อย่างน้อยเครื่องประดับก็ยังดี”ในเมื่อเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตนเอง เธอจึงเลือกที่จะเสนอความคิดเห็นออกมา แต่คำพูดของเธอนั้น ทำให้สามพ่อลูกส่ายหน้าหัวแทบหลุด และร้องออกมาอย่างตกใจพร้อมกันว่า“ไม่ได้!!”หยางเหมยจินไม่เข้าใจว่า ‘ไม่ได้’ นี่คือคำพูดไหนของเธอ“เรื่องสาวใช้นั้นยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย แล้วคุณไม่ต้องคิดเรื่องนี้ด้วย บ้านเราไม่ได้ร่ำรวยเหมือนคนในเมืองที่จะมีเงินมาจ้างสาวใช้ไว้ดูแล อีกอย่างพวกเราเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาทั้งนั้น เรื่องในบ้านต่าง ๆ ล้วนแต่ทำเอง ส่วนเรื่องเครื่องประดับไม่ต้องพูดถึงเลย เพราะบางอย่างเป็นสิ่งของต้องห้ามของที่นี่” ชายหนุ่มรีบบอกกับเธอให้เข้าใจจากนั้นตงเหวินหมิงก็เลือกที่จะเล่าเรื่องราวของยุคนี้ให้หญิงสาวตรงหน้าฟังอย่างละเอียด โดยมีลูกทั้งสองคนคอยสลับเล่าเรื่องราวต่าง ๆ เช่นกันเมื่อได้ฟังทุกอย่าง หยางเหมยจินก็พยักหน้าเข้าใจ ยุคสมัยนี้แตกต่างจากบ้านเกิดเมืองนอนของเธอไม่น้อย หรืออาจจะเรียกว่าแตกต่างแทบจะทุกอย่างก็ว่าได้“เอาเป็นว่าคุณอา
บทที่ 3 ช่วยเหลือ“คุณลุกขึ้นเดินเองไหวไหม รู้สึกเจ็บปวดตรางไหนหรือไม่” ตงเหวินหมิงเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวล เนื่องจากการตกลงมาจากฟ้า ต่อให้หล่นลงมาบนผืนน้ำทว่าร่างกายตรงหน้าก็ยังเป็นมนุษย์ ย่อมต้องมีความรู้สึกเจ็บ ดังนั้นจึงได้เอ่ยถามออกมา“ฉัน...” หยางเหมยจินเงยหน้าขึ้น แววตาของเธอนั้นช่างน่าสงสารยิ่งนักบ่งบอกว่าเธอลุกขึ้นไม่ไหวจริง ๆ “ขออนุญาตครับ คุณขึ้นหลังผมเถอะ เวลานี้พวกเราน่าจะไม่พบหรือว่าเจอกับชาวบ้านแล้วล่ะ มาเถอะจะได้รีบกลับบ้าน” ชายหนุ่มเอ่ยบอกพร้อมกับมองไปรอบ ๆ ตอนนี้ก็ค่ำพอสมควร ชาวบ้านก็เข้าบ้านเรือนของตัวเองไปหมดแล้ว ทำให้เขาคลายความกังวลลงเล็กน้อย“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นเบา ๆเมื่อลุกเดินเองไม่ได้ แม้ว่าการที่จะขึ้นหลังของชายแปลกหน้าที่ไม่รู้จักจะไม่เป็นการเหมาะสมมากนัก แต่ทว่าหยางเหมยจินกลับเลือกที่จะละทิ้งความคิดจากอดีตทั้งหมดไป แล้วยอมให้ชายหนุ่มพยุงลุกขึ้น ก่อนจะไปอยู่บนหลังของอีกฝ่ายเพื่อให้เขาพากลับที่พักระหว่างทางทั้งสองไม่มีใครพูดอะไร ต่างก็จมอยู่ในความคิดของตนเอง จวบจนตงเหวินหมิงสาวเท้ายาว ๆ มาถึงบ้านหลังหนึ่ง“พ่อ!!” เด็กชายหญิงสองแฝดวัยสิบขวบร้องขึ
บทที่ 2 ข้ามเวลาหยางเหมยจินมองชายอันเป็นที่รักทั้งน้ำตา ก่อนจะถอยหลังจนถึงหน้าผา พร้อมกับกล่าวบางอย่างออกมากับชายที่ได้ชื่อว่าสามี“ส่วนท่าน ชีวิตนี้หม่อมฉันให้พระองค์ไปหมดแล้ว หลังจากนี้ ข้าและท่านจะไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีก เกิดชาติหน้าฉันใด ข้าไม่ขออยู่ข้างท่าน ชาตินี้ข้ามิอาจครองใจท่านได้ ต่อให้ครั้งนี้ข้าจะมีชีวิตรอดกลับไป ข้าก็เป็นได้เพียงพระชายาที่ท่านไม่ต้องการ ดังนั้นแล้วข้าขอให้พวกท่านครองคู่กันอย่างมีความสุขนะเพคะ”“เจ้าจะทำบ้าอะไรเหมยจิน อย่าทำอะไรบ้า ๆ เด็ดขาด”ต้วนอ๋องเอ่ยออกมาอย่างร้อนรน เขากล่าวตำหนินางออกมาเสียงดัง เพราะกลัวว่าพระชายาของตนจะทำเรื่องเสี่ยงอันตราย โดยไม่รู้เลยว่าเวลานี้แท้จริงแล้วในใจของเขามีนางอยู่เต็มหัวใจ เขารู้เพียงว่ารู้สึกใจหายและไม่อาจจะเห็นนางจากไปต่อหน้าอย่างนี้ได้“ข้ารู้ว่าบ้านเมืองนี้ สามีสามารถมีภรรยาได้หลายคน แต่ข้าต้องการอยู่คู่ผัวเดียวเมียเดียวเฉกเช่นชาวบ้านทั่วไป ความรักที่ข้ามีให้กับท่านข้าขอคืน ลาก่อนต้วนอ๋อง”จบประโยคหยางเหมยจินจึงหลับตาและทิ้งตัวลงที่หน้าผาด้านล่างทันที พร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่มีผู้ใดเคยเห็นมาก่อนหลังจากแต่งงานเข้าจว
บทที่ 1 หยางเหมยจินแคว้นต้าเฉิน เป็นแคว้นที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในแถบนี้ เนื่องจากมีแม่ทัพนามว่าต้วนอี้ซานหรือว่าอ๋องต้วนคอยปกป้องชายแดน ต่อให้จะมีชนเผ่ามากมายที่ต้องการรุกล้ำดินแดนก็ไม่สามารถทำได้แต่ทว่าในเมืองหลวงกลับมีองค์ชายมากมายแข่งขันเพื่อช่วงชิงตำแหน่งรัชทายาทเพื่อสืบทอดบัลลังก์ หนึ่งในนั้นคือองค์ชายสาม องค์ชายที่ต้วนอ๋องหนุนหลัง เนื่องจากตระกูลเดิมของกุ้ยเฟยคือตระกูลเดียวกันกับคนรักของตนเอง ทำให้คิดก่อกบฏขึ้นมาเพราะฝ่ายองค์ชายใหญ่ที่เหนือกว่าทำให้องค์ชายสามต้องแพ้พ่าย ฝ่าบาทจึงมีราชโองการให้ปราบกบฏ นี่จึงทำให้ตำหนักต้วนอ๋องแทบลุกเป็นไฟ เวลานี้ทหารจึงพยายามเข้าล้อมเพื่อจับคนในตำหนักชายาเอกหรือต้วนหวางเฟยคือบุตรสาวของราชครูที่อยู่ฝ่ายองค์ชายใหญ่ แต่เพราะรักสวามีตนเองมาก จึงทำให้ตัดขาดกับครอบครัว ครั้งนี้จึงไม่คิดจะกลับไปขอร้องบิดาให้ช่วยเหลือ เนื่องจากต้วนหวางเฟยไม่คิดจะลากครอบครัวเข้ามายุ่งเกี่ยวนั่นเองในเมื่อเลือกทางเดินนี้ย่อมต้องรับผลกรรมให้ได้ “หวางเฟยเพคะ หม่อมฉันคิดว่าพวกเราควรจะหลบหนีก่อนเถิด ไม่แน่ว่าเวลานี้ท่านอ๋องกำลังมุ่งหน้ากลับเข้าเมืองหลวงแล้ว”ลู่จิงจ