“ที่นี่คือ…” ตงเหวินหมิงอดที่จะถามไม่ได้ สายตาคมเข้มประดุจเหยี่ยวสำรวจรอบ ๆ ด้วยความสนใจ
ไม่ใช่เพราะที่นี่คือที่ที่เก็บอาหารและสิ่งของมากมาย แต่ที่นี่กลับทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนต่างหาก
“ที่นี่คือจวนตระกูลหยาง ก่อนแต่งงานฉันก็อยู่ที่นี่ล่ะ” หญิงสาวตอบกลับอย่างร่าเริง
เมื่อมายังสถานที่ที่คุ้นเคย หยางเหมยจินจึงยิ้มออกมาอย่างมีความสุข พร้อมกับเล่าถึงคนในครอบครัวให้อีกฝ่ายฟัง ซึ่งเขาก็นั่งฟังอย่างใส่ใจ
“จริงสิ ฉันได้ยินว่าคุณมักจะขึ้นเขาไปล่าสัตว์อยู่เสมอ ในจวนแห่งนี้มีห้องเก็บอาวุธ คุณลองไปดูธนูไหมเผื่อว่าจะได้ที่ถูกใจ จากนั้นเราค่อยไปเลือกผ้าเอามาตัดชุดให้กับทุกคน ฉันไม่กล้าเลือกเองเพราะไม่รู้ว่ายุคของคุณใส่เสื้อผ้าแบบไหน และใส่สีสดใสได้หรือเปล่า”
หยางเหมยจินพูดขึ้นมาเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าตงเหวินเมิงต้องไปล่าสัตว์เพื่อนำมาเป็นอาหารให้ลูกๆ เธอจึงเสนอให้เขาไปเลือกอาวุธที่มีมากมายในจวนแห่งนี้ ส่วนเรื่องเสื้อผ้านั้น เท่าที่ดูจากการ
แต่งกายของสามคนพ่อลูกเธอเห็นเพียงเสื้อผ้าธรรมดา แม้จะไม่มีรอยปะแต่ก็ไม่ได้ใหม่นัก อีกทั้งยังไม่มีสีสดใสเลย จึงอยากจะตัดเย็บให้พวกเขาใหม่“จะเป็นการรบกวนคุณเกินไป อย่าดีกว่า อีกอย่างแม้ว่าผมจะดูแลลูก ๆ ทั้งสองด้วยตัวเอง แต่เรื่องตัดเย็บผมไม่ถนัด ในตลาดมืดและในเมืองมีร้านขายเสื้อผ้าสำเร็จหลายร้าน ผมค่อยไปซื้อให้ลูกดีกว่า จริงสิ ผมเห็นว่าคุณใส่ชุดของพี่สาวผมได้ ผมวันนี้แวะซื้อมาให้สองชุด ออกไปลองเอาไปใส่ดูด้วยนะ”
ตงเหวินหมิงนึกได้ว่าวันนี้ตอนแวะซื้อของเข้าบ้าน เขาได้แวะซื้อเสื้อผ้าผู้หญิงขนาดไล่เลียกับของพี่สาวมาสองชุด และคิดว่าอีกฝ่ายน่าใส่ได้ จึงบอกกับเธอเรื่องเสื้อผ้า
ความมีน้ำใจของชายหนุ่ม ทำให้หยางเหมยจินซาบซึ้งขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ เธอคิดไม่ผิดที่ตัดสินใจขออยู่กับครอบครัวนี้
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเอ่ยขอบคุณและยิ้มให้ชายหนุ่ม
ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น หน้าประตูบ้านตงกำลังถูกทุบเสียงดังด้วยการกระทำของใครบางคน
“เปิดประตูนะพี่เหวินหมิง ฉันรู้นะว่าพี่แอบซ่อนผู้หญิงไว้ เปิดประตูเดี๋ยวนี้”
ซูหว่านทั้งทุบประตูและแผดเสียงเรียกอย่างโมโห เธอเห็นแล้วว่าตงเหวินหมิงนั้นแอบซ่อนผู้หญิงไว้ในบ้าน เมื่อครู่นี้เธอเห็นเต็มตา และพยายามแอบฟังอยู่นานแต่ก็ได้ยินไม่ชัด เมื่อรู้สึกว่าภายในบ้านนั้นเงียบลง เธอจึงคิดเป็นอื่นไม่ได้นอกจากทั้งสองกำลังจะมีความสัมพันธ์กัน
ภายในมิติ
พอได้ยินเสียงใครบางคนเรียกตงเหวินหมิง หยางเหมยจินจึงมองหน้าชายหนุ่มคล้ายกับคำถามว่าใครเรียก แต่เขาก็ส่ายหน้ามาเป็นคำตอบ
“ถ้าเช่นนั้นเราออกไปกันเถอะ เผื่อว่าหญิงสาวคนนั้นมีเรื่องเร่งด่วน เขาอาจจะกำลังหึงหวงคุณก็ได้ เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้เธอเข้าใจเอง” เธอกลัวว่าอีกฝ่ายจะมีเรื่องด่วนเลยคิดจะพาชายหนุ่มออกมา และเข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังโวยวายเพราะอาการหึงหวง
“ไม่มีอะไรหรอก ปล่อยเธอไปเถอะ และผมไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอ แม้กระทั่งชื่อของเธอผมยังจำไม่ได้ ผมและผู้หญิงคนนั้นไม่รู้จักกัน” ตงเหวินหมิงเลือกที่ไม่สนใจ และไม่คิดจะพูดเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้กับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าฟัง ไม่ใช่เพราะอับอายแต่เขามองว่ามันไม่จำเป็น
“แต่การที่เธอมาโวยวายเช่นนี้ คุณจะเดือดร้อนเอาได้นะคะ บางสิ่งบางอย่างเผชิญหน้าดีกว่าเราบ่ายเบี่ยงนะ ฉันคิดว่าเวลานี้เธอคงกลายเป็นที่สนใจของชาวบ้านแล้วละ” หญิงสาวพูดออกมาอย่างที่เธอคิด เพราะเสียงดังขนาดนั้นย่อมเรียกความสนใจของทุกคนได้เป็นอย่างดี
และก็เป็นอย่างที่หยางเหมยจินคาดเดา เวลานี้ชาวบ้านที่เดินผ่านต่างก็หยุดมองหญิงสาวและถามว่าเกิดอะไรขึ้น
“แล้วนั่นซูหว่านลูกสาวบ้านซูใช่หรือไม่ แล้วทำไมหญิงที่ยังไม่แต่งงานถึงมายืนโวยวายอยู่ที่หน้าบ้านตงล่ะ” นางจงซื่อกล่าวกับสหายที่เดินมาด้วยกัน
“หล่อนกับฉันเดินมาด้วยกัน หล่อนไม่รู้แล้วฉันจะรู้ไหมนางจง” นางต้วนย้อนถามกลับไป มาด้วยกันแล้วถามเธอ เธอจะมีคำตอบให้หรือไม่ละ
หน้าบ้านตงเริ่มมีคนมายืนดูหลายคน เพราะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อีกทั้งเวลานี้ในขณะที่ซูหว่านมายืนโวยวายอยู่ตรงนี้ แล้วทำไมตงเหวินหมิงถึงไม่ออกมา หรือว่าเขาจะไม่อยู่บ้าน
“นังซูหว่าน หล่อนมายืนร้องเรียกเหวินหมิงทำไมหรือ” นางจงซื่ออดไม่ได้ที่จะสอดปากถาม
ซูหว่านได้ยินเช่นนั้นจึงได้หันมาถลึงตาใส่ แล้วตวาดเสียงตอบ “แก่ก็อยู่ส่วนแก่ไปเถอะป้า อย่ามายุ่งเรื่องของหนุ่มสาวเลย”
ไม่รู้เพราะกำลังหงุดหงิดหรือเปล่า ซูหว่านจึงได้ตอบกลับเช่นนี้ นี่จึงทำให้นางจงซื่อต้องยกมือข้างหนึ่งเท้าเอวและอีกข้างชี้หน้าซูหว่านอย่างไม่พอใจ ก่อนจะด่าออกไป
“หน็อยแน่ หล่อนมันยังเป็นเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ฉันอายุปูนนี้แล้วแก่กว่าแม่ของหล่อนอีก ฉันถามดี ๆ แต่หล่อนตอบกลับเหมือนฉันรุ่นราวคราวเดียวกับหล่อน มันน่านัก สมควรแล้วที่เหวินหมิงไม่ไยดีหล่อน” นางจงซื่อยืนหอบเล็กน้อย เมื่อชี้หน้าด่าอีกฝ่ายจนพอใจแล้ว
“ใครบอกป้าล่ะว่าพี่เหวินหมิงไม่สนใจฉัน อีกไม่นานหรอก เขาจะต้องรับฉันเข้ามาเป็นสมาชิกคนหนึ่งในบ้านตงอย่างแน่นอน” ซูหว่านมั่นใจว่าตงเหวินหมิงจะต้องกลัวคำครหาแล้วรับเธอเป็นภรรยาแน่ หากเธอประกาศเรื่องในวันนั้นออกมา อีกทั้งยังมีความกดดันจากชาวบ้านเมื่อได้รู้เรื่องในวันนั้นทั้งหมด
“หล่อนมั่นใจได้อย่างไรว่าเหวินหมิงจะรับหล่อนเป็นเมีย ตั้งแต่เขาหอบลูกทั้งสองคนเข้ามาอยู่หมู่บ้านนี้ หญิงสาวไม่รู้กี่คนต่อกี่คนแล้วที่ชอบและอยากเข้ามาเป็นแม่ของสองแฝด แต่ว่าฉันไม่เห็นเหวินหมิงเขาจะยอมรับหรือชายตาแลมองผู้หญิงคนไหนเลยสักคนเดียว หล่อนอย่ามั่นใจนักเลย” นางจงซื่อตอบกลับอย่างไม่ไว้หน้าหญิงสาวคนนี้
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่นางจงซื่อเท่านั้นที่คิดอย่างนี้ แต่ชาวบ้านที่อยู่บริเวณนี้และได้ยินคำกล่าวเช่นนี้ของนางจงซื่อ ต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย เนื่องจากตลอดสิบปีเกือบสิบเอ็ดปีที่ผ่านมา พวกเขาไม่เคยเห็นตงเหวินหมิงจะสานสัมพันธ์กับผู้หญิงคนใดเลย อีกทั้งแม่หนูตงฟางลี่นั้นก็หวงพ่อยิ่งกว่าจงอางหวงไข่เสียอีก แล้วแบบนี้จะให้เชื่อในน้ำคำของซูหว่านได้อย่างไรกัน
นอกมิติกำลังทุ่มเถียงกันอย่างออกรส ในมิติก็มีสถานการณ์ไม่ต่างกัน เนื่องจากอยู่ด้านในนี้สามารถได้ยินคำสนทนาของด้านนอกทั้งหมด หยางเหมยจินจึงสบตาชายหนุ่มผู้มีพระคุณของตนเอง พร้อมกับคิดหาทางออกเพื่อช่วยเขาอย่างไรดี จึงเอ่ยถามถึงเรื่องราวทั้งหมด
“คุณเหวินหมิงฉันขอถามได้หรือไม่ว่า เรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไร ดูแล้วคุณไม่น่าจะเป็นอย่างที่หญิงสาวคนนั้นกล่าวมา หากไม่เป็นการละลาบละล้วง คุณพอจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฉันฟังได้หรือเปล่า เผื่อว่าเราทั้งสองจะช่วยกันหาทางออก อีกอย่างฉันยังต้องอาศัยอยู่บ้านสกุลตงอีกนานแสนนานเลยล่ะ”
ตงเหวินหมิงได้ยินเช่นนั้นก็ได้พยักหน้าทันที เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องราวที่ใหญ่โตหรือว่าเป็นเรื่องที่ต้องปิดบัง และที่สำคัญหญิงสาวคนนั้นก็พูดจาเกินกว่าความเป็นจริงมาก
จากนั้นชายหนุ่มจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้นหญิงสาวฟัง เมื่อฟังแล้วเธอทำเพียงพยักหน้าเท่านั้น
“แสดงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นผู้หญิงคนนั้นคิดไปเอง แต่ถ้าหากเธอเล่าให้ชาวบ้านฟัง ฉันเชื่อว่าชาวบ้านย่อมต้องเข้าข้างผู้หญิงคนนั้น ไม่มีทางเข้าข้างคุณแน่”
หยางเหมยจินพูดขึ้นตามความคิดของเธอและความน่าจะเป็นไปได้ แม้ว่าที่นี่จะเป็นสถานที่ที่ห่างไกลจากบ้านเกิดของเธอ แต่ก็คงไม่ต่างกัน เธอเชื่อว่าหากเกิดเรื่องไม่งามเช่นนี้ ชาวบ้านและคนส่วนใหญ่คงต้องเข้าข้างผู้หญิงเป็นธรรมดา
ตงเหวินหมิงคิดตามและเขาก็เห็นด้วย แต่เรื่องนี้เขาไม่ทุกข์ไม่ร้อน เพราะเขาไม่ได้กระทำจึงพูดออกไปอย่างไม่ใส่ใจ
“ปล่อยไปเถอะ อีกสักพักชาวบ้านก็เลิกพูดถึงเอง เดี๋ยวคุณพาผมออกไป แล้วคุณหลบก็เข้าไปอยู่ในห้องก่อนนะ ผมจะออกจัดการเรื่องนี้เอง”
“คุณจะจัดการอย่างไรหรือคะ ฉันไม่อยากจะยุ่งเรื่องนี้หรอกนะ แต่อย่าลืมว่าคุณมีลูกสาว หากเกิดข่าวลือเรื่องงามหน้าเช่นนี้ลี่ลี่จะทำอย่างไร คุณอาจจะไม่คิดอะไรแต่เด็กอย่างลี่ลี่ล่ะ จะไม่คิดถึงเรื่องนี้สักหน่อยหรือ” หญิงสาวพูดขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเธอเป็นผู้หญิงต้องเข้าใจผู้หญิงด้วยกัน อีกอย่างตงฟางลี่ก็หวงพ่อมากทีเดียว
เมื่อคิดตามคำพูดของหยางเหมยจิน ตงเหวินหมิงเริ่มคิดถึงผลเสียของเรื่องนี้ขึ้นมา
บทที่ 9 ออกหน้าช่วยเหลือ“แล้วเรื่องนี้ผมควรจะทำอย่างไรดี พูดไปชาวบ้านคงไม่เชื่ออย่างที่คุณบอก” ตงเหวินหมิงเริ่มเห็นด้วยกับสิ่งที่หญิงสาวตรงหน้าบอก เนื่องจากเขาเป็นผู้ชายและไม่ค่อยสนใจคำครหาของชาวบ้าน แต่ลืมไปว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นอาจจะกระทบกับลูกทั้งสองคน โดยเฉพาะลูกสาวอย่างตงฟางลี่“เรื่องนี้ฉันจัดการเองถ้าคุณไม่ตำหนิฉันนะ หากไม่เช่นนั้นแล้วผู้หญิงคนนั้นคงไม่หยุดวุ่นวายกับคุณแน่” หยางเหมยจินคล้ายกับจะตัดสินใจบางอย่าง เนื่องจากเธอไม่มีอะไรจะให้เสียหายแล้ว ชื่อเสียงสำหรับเธอเป็นเพียงแค่ของประดับเท่านั้น การที่จะได้ช่วยผู้มีพระคุณทำให้เธอยอมที่จะแลก“อย่าบอกนะว่าคุณจะ...” ตงเหวินหมิงเหมือนจะเดาความคิดของอีกฝ่ายได้ จึงได้มีสีหน้าตกใจ“ใช่ค่ะ เรื่องอื่นปล่อยไว้ก่อน หากทำแบบนี้อย่างน้อยฉันก็สามารถออกมาจากบ้านของคุณและช่วยงานทุกคนได้ แต่คุณไม่ต้องกังวลนะ ถ้าเมื่อไรที่คุณมีหญิงสาวที่ชอบ ฉันจะบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เธอคนนั้นได้รับรู้ด้วยตัวเอง คุณคิดเห็นว่าอย่างไร” หญิงสาวคิดว่าเขารู้แล้วว่าเธอจะทำอะไร จึงบอกเขาไม่ให้กังวลหากเขามีคนรักในภายหลัง“คุณคิดดีแล้วใช่ไหมที่จะทำแบบนี้ แต่คุณจะเส
บทที่ 10 อย่าคิดว่าร้ายไม่เป็นเมื่อได้ยินเสียงผู้เฒ่าเอ่ยถาม ตงเหวินหมิงที่มีความสัมพันธ์อันดีกับบ้านหม่าอยู่แล้ว จึงตอบกลับมาตามที่นัดแนะกับหยางเหมยจินไว้ พร้อมกับรู้สึกผิดและขอโทษเธออยู่ในใจที่ทำให้ต้องมาออกหน้าในเรื่องวุ่นวายเช่นนี้“ผู้หญิงคนนี้ชื่อหยางเหมยจินครับปู่หม่า เธอคือคู่หมั้นของผม ส่วนเรื่องที่ผมและอาเหมยหมั้นหมายกันได้อย่างไรและเมื่อไร ผมขอไม่ขยายความนะครับ ผมมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนเรื่องแต่งงาน เรามองกันว่ากลางปีหน้าจะจัดงานอย่างถูกต้องครับ”“ละ แล้ว ทำไมนังคนนี้ถึงได้มาอาศัยในบ้านของพี่ล่ะ เป็นแค่คู่หมั้นไม่ใช่เมียพี่เสียหน่อย” ซูหว่านเอ่ยถามอีกครั้งด้วยอาการที่จ้องจะจับผิดแต่กลายเป็นหยางเหมยจินที่รั้งแขนของตงเหวินหมิงไว้ และตอบคำถามประโยคนี้ด้วยตัวเอง ใครจะมองว่าเธอเป็นหญิงน่ารังเกียจเธอก็ไม่สนใจแล้วในตอนนี้ ขอแค่ช่วยให้ชายหนุ่มหลุดออกจากมือของผู้หญิงคนนี้ก็พอ“การที่หญิงชายอยู่ด้วยกัน แม้ว่ามันจะไม่เหมาะสมหรือไม่คู่ควร ในเมื่อฉันและพี่หมิงเป็นคู่หมั้นกันแล้ว เรื่องในมุ้งของเราสองคนคงไม่ต้องให้ใครมายุ่งวุ่นวาย อีกทั้งเรื่องนี้อาหยวนกับลี่ลี่ก็รับรู้แล
บทที่ 11 พบเจอคนคุ้นเคยเมื่อเข้ามาในบ้านตง ทั้งสามได้แต่มองหน้ากันไปมา แม้แต่เกาซื่อหลินก็เงียบปากสนิท จนตงเหวินหมิงคิดว่าเรื่องนี้มันซับซ้อนเกินไป และคิดให้หญิงสาวทั้งสองคนพูดคุยกันเลยลุกขึ้นยืนและจะเดินเลี่ยงไปทางหลังบ้าน แต่ทว่าหยางเหมยจินกลับรั้งเขาไว้“คุณไม่ต้องไปไหนหรอกค่ะ ฉันไม่รู้ว่าคุณเการู้ได้อย่างไรว่าเราไม่ได้เป็นคู่หมั้นกัน ฉันคิดว่าคุณอยู่ฟังด้วยดีกว่าค่ะ”หยางเหมยจินเวลานี้คิดว่าชายหนุ่มคือคนในครอบครัว อย่างไรเธอคิดว่าเขาควรจะอยู่ด้วยเกาซื่อหลินไม่พูดอะไรเมื่อหยางเหมยจินทำแบบนี้ แต่ทว่าใบหน้างามกำลังอาบไปด้วยน้ำตา ไม่คิดว่าสามวันที่เธออยู่ที่นี่อย่างเดียวดาย สุดท้ายแล้วก็เจอเข้ากับหวางเฟยอีกครั้ง เกาซื่อหลินคุกเข่าตรงหน้าหยางเหมยจิน จนทำให้ทั้งสองคนตกใจ ก่อนที่จะยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก เมื่อเธอจะคลานเข้าไปกอดขาหญิงสาวเอาไว้ ก่อนจะเรียกเธอเบาๆ ว่า “หวางเฟยของบ่าว”เมื่อพบว่าอีกฝ่ายใบหน้าอาบไปด้วยน้ำตาและพยายามกลั้นเสียงร้องไห้ไว้ก็ยิ่งตกใจ แม้แต่ตงเหวินหมิงยังแปลกใจกับการกระทำของหญิงสาวจากบ้านเกา“เดี๋ยวก่อนคุณเกานี่คุณกำลังทำอะไร อย่าทำแบบนี้เลย ว่าแต่เมื่อครู่นี้คุณเรี
บทที่ 12 เกาซื่อหลินเมื่อเห็นว่าทั้งคู่คล้ายกับจะลืมตนเองไป เกาซื่อหลินเลยเอ่ยปากขึ้นมาเรื่องที่พักถาวรของหยางเหมยจิน“เรื่องการค้าฉันว่าค่อยคิดดีหรือไม่ เอาเรื่องที่อยู่ถาวรของพี่สาวเหมยจินก่อนดีกว่า ในเมื่อพี่สาวเหมยจินและพี่ชายตงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน หากจะอยู่ด้วยกันมันจะเหมาะสมหรือ แล้วเท่าที่ฉันพอจะรู้มาสองแฝดลูกของพี่ชายตงนั้นหวงพี่ชายตงไม่น้อย แล้วแบบนี้จะมีปัญหาหรือไม่”เกาซื่อหลินแม้จะต้องการให้นายสาวอยู่ไปกับเธอตลอดไป แต่เพราะเวลานี้ชาวบ้านรับรู้เพียงว่าหยางเหมยจินนั้นเป็นคู่หมั้นของพ่อม่ายตงโดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอ เธอจึงชักชวนนายสาวไปอยู่ด้วยไม่ได้ เพราะจะเกิดความสงสัยในหมู่ของชาวบ้าน อย่างไรเรื่องนี้ก็ค่อยแก้ปัญหาที่หลังก็ยังไม่สายอีกทั้งร่างที่เธอมาอาศัยอยู่ก็มีเบื้องหลังไม่ธรรมดา เท่าที่ความทรงจำที่มีอยู่เต็มเปี่ยม เกาซื่อหลินคนนี้มีฐานะไม่ต่างจากสายลับ แต่ก็ยังมีอีกฐานะนั่นคือลูกสาวจากภรรยาคนเดิมของนายพลในเมืองเซี่ยงไฮ้ เหตุผลที่ได้เดินทางมาเป็นยุวปัญญาชนที่เมืองนี้ เป็นเพราะแม่เลี้ยงต้องการให้ลูกเลี้ยงตัวเองมาใช้แรงงานนั้นเองแต่ระหว่างเดินทางกลับโดนลอบทำร้า
บทที่ 13 กลิ่นอาหารตลบอบอวลไปทั่วหมู่บ้านย้อนกลับมาทางซูหว่าน หลังจากที่เสียหน้าจนต้องรีบกลับบ้านตัวเอง ในใจของหญิงสาวนั้นก็มีแต่ความเคียดแค้นอย่างห้ามไม่อยู่ เนื่องจากเธอเฝ้ามองตงเหวินหมิงมานานแล้ว จู่ ๆ กลับมีผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มาแย่งชิงไปอย่างหน้าด้าน ๆ คิดหรือว่าเธอจะยอมง่าย ๆ“เป็นอะไรไปละนั่น แล้วนี่ไม่คิดจะไปช่วยงานบ้างหรืออย่างไร” นางเหมาเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าลูกสาวไม่ได้ไปช่วยพี่สะใภ้ทำงาน“วันนี้แดดร้อน ฉันไม่อยากทำ แม่มีอะไรหรือเปล่า” เพราะหงุดหงิดอยู่แล้วซูหว่านเลยพูดจาไม่ดีกับแม่ของตน“วัน ๆ นี่แกไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือไง มัวแต่บ้าเดินตามพ่อม่ายบ้านตงอยู่นั่นแหละ แกนี่มันไม่ได้ดังใจฉันเลย แม้พ่อม่ายตงจะเป็นคนดีและขยันทำงาน แต่อย่าลืมว่าเขายังมีลูกติดอีกตั้งสองคน ไม่มีแม่คนไหนอยากให้ลูกสาวตัวเองแต่งงานกับพ่อม่าย แล้วไปเลี้ยงลูกคนอื่นหรอกนะ” นางเหมาพูดอย่างไม่พอใจที่ซูหว่านไปชอบพอพ่อม่ายลูกติดอย่างตงเหวินหมิง“แล้วยังไงล่ะแม่ก็ฉันชอบพี่เหวินหมิงนี่ แม่คอยดูนะ ฉันจะต้องทำให้พี่เหวินหมิงมาสู่ขอฉันให้ได้ ส่วนเด็กสองคนนั้นฉันก็จะเลี้ยงไว้เพื่อให้ทำงานบ้านแทนฉันทุกอย่างอย่างไรล่
บทที่ 14 ส่วนหนึ่งของครอบครัวกลางดึกคืนนั้นเมื่อเห็นว่าลูกทั้งสองเข้านอนแล้ว ผู้เป็นพ่ออย่างตงเหวินหมิงจึงเปลี่ยนชุดที่ทะมัดทะแมงและสีดำทั้งชุด เพื่อไปจัดการงานที่พิเศษที่จะใช้แลกกับข้อมูลยืนยันตัวตนของหยางเหมยจินก่อนจะออกจากบ้าน ชายหนุ่มไม่ลืมที่จะปิดประตูอย่างแน่นหนา เนื่องจากลูกทั้งสองอายุยังน้อยและอยู่ในบ้านกันเพียงสองคนเท่านั้น แม้จะอยู่ในหมู่บ้านนี้มาเป็นสิบปี แต่เขาก็ไม่วางใจเรื่องความปลอดภัย ยิ่งช่วงนี้ข้าวของยิ่งแพงขึ้น อาหารก็ยิ่งหายาก หากมีใครรู้ว่าคืนนี้เขาไม่อยู่บ้าน ไม่แน่อาจจะมีคนเข้ามาปล้นเอาอาหารไปก็ได้เมื่อรู้ทิศทางและตำแหน่งว่าต้องไปที่ใด ชายหนุ่มจึงไม่รอช้า รีบไปยังที่เป้าหมายทันทีคฤหาสน์ตระกูลจ๋าย ตงเหวินหมิงในชุดสีดำสนิทเดินลัดเลาะข้างกำแพง เมื่อไม่เห็นใครเขาจึงรีบกระโดดข้ามกำแพงด้วยท่าทางคล่องแคล่วไม่เหมือนพ่อม่ายในหมู่บ้านที่เคยพบเห็น ใบหน้าที่เหลือแต่ดวงตามองขึ้นไปยังชั้นบนของคฤหาสน์อย่างครุ่นคิด พร้อมกับคาดคะเนว่าห้องทำงานของนายพลจ๋ายนั้นอยู่ที่ใด ก่อนจะหยิบแผนที่ที่นายท่านหลู่ให้มาและคำนวณดูว่าห้องนั้นอยู่ที่ไหน ซึ่งตงเหวินหมิงก็ไม่เข้าใจเล็กน้อย ในเมื่
บทที่ 15 เกลียดขี้หน้าตั้งแต่แรกเจอพอได้ยินเสียงเรียกที่ดูจะไม่พอใจ หญิงสาวจึงได้หันกลับมามองและขมวดคิ้วอย่างสงสัย เนื่องจากเธอไม่เคยพบหน้าผู้หญิงคนนี้มาก่อน“คุณเป็นใครเหรอคะถึงมายุ่งกับเรื่องนี้ ฉันจะมีความสัมพันธ์อะไรกับพี่หมิงแล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย ถ้าฉันจำไม่ผิด นี่คือครั้งแรกที่เราได้พบหน้ากัน”หยางเหมยจินเชิดหน้าขึ้นพูดอย่างสง่างามสมกับเคยเป็นพระชายามาก่อน“เธอไม่เคยเจอหน้าฉันหรอก แต่ฉันไม่ชอบที่เธอทำตัวไม่ต่างจากเป็นภรรยาของพี่เหวินหมิงทั้งที่ยังไม่แต่งงานกัน” หญิงสาวคนนั้นตอบกลับมาด้วยเสียงที่บ่งบอกว่าเธอไม่พอใจ สายตานั้นดูจิกกัดคล้ายว่าเธอไม่ชอบหน้าของคู่หมั้นตงเหวินหมิงหยางเหมยจินยังคงขมวดคิ้ว แต่พอได้ยินน้ำเสียงของผู้หญิงตรงหน้าทำให้รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายน่าจะไม่พอใจเธอเข้าแล้ว และเรื่องนี้น่าจะเป็นเพราะฐานะของเธอที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของบ้านตง แต่อย่างไรเสียเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก มารยาสตรีเธอเห็นมานักต่อนักแล้ว มีหรือที่เธอจะใช้มารยาไม่เป็น ต่อให้เธอมาจากอดีตหลายร้อยหลายพันปี แต่ในฐานะที่เคยเป็นอดีตพระชายา อย่าคิดว่าเธอร้ายไม่เป็น“แล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่าฉั
บทที่ 16 เป็นที่อิจฉาของทุกคนกลับมาทางด้านคอมมูน ตงเหวินหมิงยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างไม่สนใจใคร เพราะบ่ายนี้เขาได้ลางานไว้แล้ว ยุวปัญญาชนชายหลายคนพอรู้ข่าวเรื่องคู่หมั้นของเขาต่างก็มองอย่างสงสัย เพราะพ่อม่ายตงที่ทุกคนรู้จักมักจะไม่ค่อยสนทนากับผู้หญิงมากนัก จนหลายคนคิดว่าชายหนุ่มลืมแม่ของสองแฝดไม่ได้ ใครจะคิดกันล่ะว่าวันนี้กลับมีคู่หมั้นหมายโผล่มา“พี่หมิง บ่ายนี้พี่ลาเหรอ” ตู้อี้ข่ายลูกชายคนรองบ้านตู้ที่ทำงานอยู่ข้างกันเอ่ยถามขึ้นมา“อืม ว่าจะเข้าเมืองเสียหน่อย เอกสารระบุตัวตนของอาเหมยน่าจะเรียบร้อยแล้ว เมื่อวานไปถามมาเจ้าหน้าที่บอกว่ายังไม่เรียบร้อย วันนี้ให้ไปดูอีกครั้ง” ตงเหวินหมิงตอบกลับตามตรงหากเป็นคนอื่นคงไม่กล้ามาถาม หรือไม่ชายหนุ่มก็คงไม่ตอบกลับ แต่ลูกชายคนรองบ้านตู้คุ้นเคยกับบ้านตงไม่น้อย เลยทำให้ทั้งสองบ้านค่อนข้างสนิทกัน“พี่ก็ไม่คิดจะบอกเรื่องพี่สะใภ้เลยใช่ไหม นี่ผมไม่ต่างจากน้องชายพี่นะ ทำอย่างกับผมเป็นคนอื่นคนไกลไปได้ มีคู่หมั้นและยังจะแต่งงานปีหน้าแล้วก็ควรจะบอกกันบ้าง”น้ำเสียงของตู้อี้ข่ายคล้ายจะน้อยใจ แต่ฟังอย่างไรคล้ายกับว่าแค่แกล้งอีกฝ่ายเล่นเท่านั้น“นายควรจ
ตอนพิเศษ 4 คุณพ่อจอมหวงวันเวลาล่วงเลยมาถึงวันที่สองพี่น้องฝาแฝดอย่างตงจี้หยวนและตงฟางลี่ก็เติบโตขึ้นและแม้ว่าทั้งสองคนจะรู้ว่าตัวเองเป็นใคร แต่ทั้งสองคนก็ยังคงใช้แซ่ตงเหมือนเดิม ส่วนแซ่เดิมของพ่อแม่นั้นจะเอาไว้ให้ลูก ๆ ในอนาคตเป็นผู้สืบทอด ตอนนี้ทั้งสองคนใกล้จะเรียนจบระดับมหาวิทยาลัยแล้ว คนพี่นั้นเริ่มเข้ามาช่วยดูแลงานในบริษัทของพ่อ และสมบัติที่พ่อแม่ที่แท้จริงทิ้งไว้ให้ เลยไม่ค่อยมีเวลาตัวติดกับน้องสาวเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งวันนี้ก็เหมือนกัน ชายหนุ่มจะต้องเข้าไปดูงานที่บริษัท แต่น้องสาวขอไปดูหนังกับเพื่อน“พี่ใหญ่ วันนี้ฉันขอไปดูหนังได้ไหม” ตงฟางลี่เอ่ยขอพี่ชายอย่างออดอ้อน“พี่น่ะให้ไปได้ ว่าแต่เราโทรขออนุญาตพ่อหรือยัง แล้วจะดูหนังรอบไหนกัน นี่ก็เย็นมากแล้วนะ”ชายหนุ่มตอบกลับน้องสาวอย่างไม่คิดอะไร สำหรับตัวเขานั้นไม่เท่าไร แต่พ่อนี่สิคงไม่ยอมอนุญาตง่ายๆ แน่ เพราะพ่อเป็นคุณพ่อจอมหวงลูกสาวเสียเหลือเกิน ดูอย่างน้องสาวคนเล็กที่อายุแค่ไม่เท่าไรสิ พ่อยังแทบจะไม่ให้ผู้ชายอุ้มแล้ว ความหวงของพ่อที่มีต่อน้องสาวเกินขอบเขตจริง ๆ และนี่ก็ไม่ต้องพูดถึงอาอี้ข่ายที่เป็นเหมือนกันราวกับถอดแบบกันมาเลยทีเ
ตอนพิเศษ 3 คุณพ่อลูกดกหลังจากจบเรื่องตระกูลเกา ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตกันตามปกติ ซึ่งเกาเทียนอี้และเกาซื่อหลินก็ไม่คิดจะกลับไปเหยียบตระกูลเกาอีกเลย และได้ข่าวว่าเกาเสี่ยวจิงถูกคนตระกูลหุ้ยบอกเลิกการหมั้นหมายและไม่คิดจะสานต่อความสัมพันธ์ส่วนสองแม่ลูกแม้จะอยู่ตระกูลเกาต่อ แต่สถานะของทั้งสองก็อยู่ยิ่งกว่าสาวใช้ สาเหตุที่ท่านนายพลไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ก็เพราะไม่ต้องการอับอายคนในสังคม และที่สำคัญเขาได้เอาผู้หญิงที่เลี้ยงไว้นอกบ้านเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์และยกเป็นนายหญิงคนใหม่ เลยทำให้เฟ่ยเจียแค้นใจอย่างมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องยอมรับชะตากรรมที่ตนเองได้ก่อไว้พอเกิดเหตุการณ์ในครั้งนั้น ตงเหวินหมิงคิดจะจัดงานเลี้ยงเปิดตัวเองและภรรยารวมถึงทุกคนให้สังคมได้รับรู้ แต่กลับถูกภรรยาห้ามไว้ เพราะเธอกำลังท้องเลยไม่อยากจัดงานเลี้ยงขึ้นมา โดยได้บอกกับสามีว่าค่อยจัดงานเปิดตัวตอนเธอคลอดลูกแล้วก็ยังไม่สายแต่เมื่อถึงเวลา หยางเหมยจินก็บ่ายเบี่ยงอีก เพราะเธออยากอยู่อย่างสงบกับลูกไม่อยากวุ่นวายกับใคร เพราะการเปิดตัวนั้นคงทำให้มีแต่คนเข้าหาเธอในฐานะนายหญิงตงจนเวลานี้เธอตั้งท้องครั้งที่สามแล้ว เพราะสองท้องที่ผ่
ตอนพิเศษ 2 ทวงคืนสินเดิมของแม่หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น สองแม่ลูกจากตระกูลเกาแทบจะนอนไม่หลับ เพราะกลัวว่าตงเหวินหมิงจะบุกมาพบกับท่านนายพลถึงตระกูลเกา แต่เมื่อเวลาผ่านมาเป็นสัปดาห์ก็ยังไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ทำให้ทั้งสองคนกลับมาเชิดหน้าเหมือนเดิม“คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่า เหมือนว่าสัปดาห์ก่อนคุณจะพูดอะไรเหรอ” นายพลเกาเอ่ยถามภรรยาหลังจากสะสางงานตนเองเสร็จแล้ว ตอนนั้นเขากำลังวุ่นกับงานอยู่ เลยไม่ได้ฟังอะไรเธอมากมายนัก“ไม่มีอะไรแล้วค่ะ เรื่องไม่สำคัญแล้วล่ะ คุณทำงานของคุณเถอะ จริงสิ ฉันลืมบอกคุณไปว่าต้นเดือนหน้าทางตระกูลหุ้ยจะเข้ามาพูดคุยเรื่องหมั้นหมายระหว่างลูกชายบ้านนั้นกับเสี่ยวจิงของเรานะคะ” เฟ่ยเจียตอบกลับไปอย่างอ่อนหวานและเปลี่ยนเรื่องไปพูดในเรื่องที่เธอมีความยินดีอย่างมากจะว่าไปเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับเฟ่ยเจียไม่ใช่เรื่องของตระกูลตงจะเข้ามาที่นี่หรือไม่ แต่เป็นเรื่องการแต่งงานและหมั้นหมายของลูกสาวมากกว่าพอท่านนายพลเกาได้ยินเรื่องการแต่งงานของลูกสาวคนเล็ก ก็อดคิดถึงลูกสาวคนโตที่หายไปจากบ้านหลายปีแล้ว รวมถึงลูกชายที่ไปเป็นทหาร ซึ่งไม่รู้เวลานี้ทั้งสองเป็นอย่างไรบ้างเพราะขา
ตอนพิเศษ 1 หาเรื่องใส่ตัวหลังจากที่ย้ายมาอยู่ที่ปักกิ่ง เกาซื่อหลินก็ยังคงช่วยงานของหยางเหมยจินเหมือนเดิมพร้อมกับดูแลพี่สาวบุญธรรมไปด้วย วันนี้ทั้งสองออกมาซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าเพียงลำพัง เพราะสองแฝดไปเรียนหนังสือ ตงเหวินหมิงกับตู้อี้ข่ายก็ไปทำงาน“นี่เสี่ยวหลิน ไม่ต้องคอยระมัดระวังขนาดนั้นก็ได้ พี่แค่ท้องนะไม่ใช่คนป่วยสักหน่อย” หยางเหมยจินพูดพึมพำออกมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ เพราะตั้งแต่เธอตั้งท้อง ทุกคนก็แทบจะไม่ให้เธอทำอะไรเลย เธอแทบจะเป็นง่อยอยู่แล้ว“พี่เหมยจินก็พูดไป ถ้าเกิดพี่เดินไม่ระวังแล้วสะดุดล้มขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะ ต่อให้มีคนของพี่เขยติดตามมาด้วย ใช่ว่าจะมีคนกล้าแตะต้องตัวพี่นะ หน้าที่นี้เป็นของฉัน อย่างไรฉันก็ต้องคอยดูไว้ก่อน” เกาซื่อหลินโต้แย้งกลับทันที เพราะเธอต้องระวังความปลอดภัยให้กับพี่สาวคนนี้ เลยทำให้ต้องดูเหมือนทำเกินจริงไปหน่อย แต่ป้องกันไว้ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ“เอาเถอะ แล้วแต่เธอก็แล้วกัน นั่นร้านขายขนมฝรั่งเปิดใหม่หรือเปล่า เราลองเข้าไปดูกันเถอะ” หยางเหมยจินคร้านจะเถียงกับอีกฝ่าย เมื่อเห็นร้านขนมเปิดใหม่จึงชวนอีกฝ่ายไปดู เนื่องจากขนมพวกนี้เธอกินแล้วติด
บทส่งท้าย ครอบครัวที่ต้องการสามปีต่อมา... หลังจากวันนั้นวันที่ตงเหวินหมิงกลับมา นั่นจึงทำให้หยางเหมยจินคลายความกังวลและรู้สึกดีใจที่เขาปลอดภัย โดยที่ตงเหวินหมิงเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังเธออย่างละเอียด แล้วยังบอกอีกว่าเวลานี้เขาล้างมลทินให้ตระกูลตงเรียบร้อยแล้ว รวมถึงตระกูลของพี่เขยด้วย ก่อนจะบอกความจริงกับเด็กน้อยทั้งสอง ซึ่งแม้ทั้งสองคนจะรับรู้ว่าตนเองนั้นไม่ใช่ลูกแต่เป็นหลาน แต่ทั้งสองก็ยังคงเรียกตงเหวินหมิงว่าพ่อ และเรียกหยางเหมยจินว่าแม่เหมือนเดิมส่วนเรื่องบ้าน ทั้งหมดได้ย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองเรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านที่รู้ความจริงว่าตงเหวินหมิงคือนายท่านหยางก็พากันตกใจ บางคนก็เสียดาย ที่ก่อนหน้านี้พวกตนน่าจะทำดีกับบ้านตงไว้ ส่วนซูหว่านแทบจะเสียสติ ที่ชายที่เธอหมายปองนั้นคือคนที่มีอิทธิพลของเมืองนี้ แถมยังร่ำรวยมากอีกด้วยแต่เพราะทางบ้านซูของเธอไม่อยากมีปัญหากับบ้านตงและรู้ว่าซูหว่านคงไม่จบเรื่องบ้านตง บ้านซูจึงตัดสินใจหาสามีที่อยู่ต่างเมืองให้เธอทันทีทำให้สามปีที่ผ่านมาไม่มีใครคอยมาวุ่นวายกับสองสามีภรรยามากนัก ทุกวันนี้ตงเหวินหมิงจึงรู้สึกสบายใจอย่างมาก“ตอนนี้เรื่องราวทุกอย่างที่
บทที่ 52 จบสิ้นปัญหาหลายวันต่อมา...ในหมู่บ้านมีคนแปลกหน้าเข้ามาทำงานในคอมมูนไม่น้อยเลย แถมหัวหน้าคอมมูนยังให้ชาวบ้านช่วยกันสร้างที่พักให้ นี่จึงทำให้ใครหลายคนพากันแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะก่อนหน้านี้หัวหน้าคอมมูนบอกเองว่าทางการยังไม่ได้ส่งคนเข้ามา แต่ทำไมวันนี้กลายเป็นว่ามีคนมากมายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านล่ะ“พวกเราคิดว่ามันแปลกหรือไม่ ที่จู่ ๆ ก็มีคนเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านจำนวนไม่น้อยเลย” ชาวบ้านคนหนึ่งถามขึ้น“จะขี้สงสัยไปทำไมกัน คนมาทำงานจะคิดมากไปทำไม หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น หัวหน้าหมู่บ้านคงบอกแล้วล่ะ” อีกคนตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจการพูดคุยของกลุ่มชาวบ้านแม้ว่าแปลกใจและสงสัยแต่ก็เลือกที่จะไม่ถาม เพราะรู้ดีว่าทุกคนมีหน้าที่การงานของตนเองซึ่งเรื่องนี้มีแค่หัวหน้าคอมมูนเท่านั้น ที่รู้ว่าเป็นคนของใครที่ถูกส่งเข้ามา เขาไม่คิดว่าคนเคยปลอมเป็นชาวบ้านมางานแต่งของตงเหวินหมิงกับหยางเหมยจินจะเป็นถึงนายท่านหลู่ นายท่านผู้ลึกลับแต่ทรงอิทธิพล และเขาก็ไม่คิดว่าท่านจะส่งคนมาบอกเรื่องที่จะให้ คนมาทำงานในคอมมูน โดยปลอมเป็นชาวบ้านที่มาทำงานในคอมมูนที่หมู่บ้านแห่งนี้เพื่อที่จะปกป้องใครบางคน ซึ่งต่อให้ช
บทที่ 51 เดินทางไปปักกิ่งเมื่อมีคนมาจี้ใจดำตัวเอง ซูหว่านจึงมีท่าทีฟึดฟัดขึ้นมา ก่อนจะพูดเสียงดัง “แล้วยังไง ฉันยังหวังและเชื่อว่าฉันจะแต่งเข้าบ้านตงได้แน่นอน รอจังหวะก่อนเถอะ”ชาวบ้านที่ได้ยินต่างก็ส่ายหน้าอย่างระอา เพราะเวลานี้ตงเหวินหมิงได้จัดพิธีแต่งงานกับหยางเหมยจินแล้ว ดูแล้วเขายังรักภรรยาคนนี้มากอีกด้วย แล้วแบบนี้คนอย่างซูหว่านจะเข้าไปแทรกกลางได้อย่างไรกัน“พี่ใหญ่ ดูเหมือนพ่อจะมีเรื่องกลุ้มใจนะ พี่คิดว่าอย่างนั้นไหม” ตงฟางลี่พูดขึ้นเพราะรู้ว่าพ่อนั้นทำงานหนัก เพราะต้องทำงานทั้งในตำแหน่งนายท่านหยาง และยังต้องทำงานในคอมมูนเพื่อต้องการปิดบังฐานะที่แท้จริงต่อคนภายนอก เธอเห็นแล้วสงสารพ่อเหลือเกิน“เรื่องนี้พี่เองก็คิดเหมือนกัน พี่เลยต้องตั้งใจเรียนอย่างไรละ เมื่อไรที่พี่โตขึ้น พี่จะทำงานและเลี้ยงพ่อกับแม่เอง รวมถึงลี่ลี่ด้วย” เด็กชายที่อยู่ในช่วงจะเข้าวัยเด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง“คุยอะไรกันจ๊ะเด็ก ๆ รีบมากินมื้อเที่ยงได้แล้ว วันนี้แม่ทำบะหมี่เนื้อตุ๋นให้กินนะ มาเร็ว ๆ” หยางเหมยจินโผล่หน้ามาจากครัว ก่อนจะตะโกนเรียกลูกทั้งสองคน ทำให้สองพี่น้องรีบวิ่งมาทันทีเพราะอาหารที่แม่ของ
บทที่ 50 สถานการณ์คับขันหลายวันต่อมา...ท่านนายพลกุ้ยเอ่ยขอพบกับนายท่านหยางเพื่อขอซื้ออาหารเพิ่มและต้องการอาวุธที่มีประสิทธิภาพ แม้ว่าในมิติของหยางเหมยจินจะไม่มีอาวุธเหล่านั้น แต่เส้นสายของนายท่านหลู่กลับมี ซึ่งเป็นอาวุธคุณภาพดีจากต่างประเทศ แต่ตงเหวินหมิงยังไม่อยากให้ขาย เพราะไม่แน่ว่าคนของเขาและนายท่านหลู่อาจจะต้องใช้ และถ้าใครรับรู้ว่านายท่านหลู่ค้าอาวุธแบบผิดกฎหมาย คนพวกนั้นอาจจะเอาเรื่องนี้มาเล่นงานกลับก็ได้“เรื่องจัดหาอาหารนั้นผมไม่มีปัญหา แต่เรื่องอาวุธเห็นทีจะไม่ได้ เส้นสายของท่านน่าจะมี ย่อมต้องรู้ว่าผมมีเพียงอาหารเท่านั้น” ตงเหวินหมิงตอบกลับนายพลกุ้ยด้วยแววตาที่จริงจัง เขารู้ดีว่านายพลคนนี้มาหาด้วยเรื่องอะไร การขอซื้ออาวุธอาจจะเป็นแผนลวงก็เป็นได้“ไม่สามารถหาได้เลยอย่างนั้นเหรอ” นายพลกุ้ยถามย้ำอีกครั้ง เพราะคราวนี้เขาได้รับคำสั่งมาเพื่อให้ซื้ออาวุธกับอีกฝ่าย แต่กลายเป็นว่านายท่านหยางคนนี้กลับไม่โอนอ่อนเพื่อที่จะจัดหาอาวุธให้ทางฝ่ายเขาและแบบนี้เขาจะกลับไปตอบนายใหญ่ได้อย่างไร สีหน้าในตอนที่ถามออกมาจึงกังวลไม่น้อย“ครับ ผมคิดว่าเรื่องนี้นายพลกุ้ยลองไปสอบถามพ่อค้าคนอื่นดูเถอะ
บทที่ 49 ต่างมอบความรักให้กันย้อนกลับมาที่หมู่บ้าน เวลานี้ซ่านหลิงเดินทางมาหยางเหมยจินด้วยตนเอง เพราะรู้ดีว่าสามีของน้องสาวคนสนิทนั้นมีความรู้จักมักคุ้นกับนายท่านหยาง เลยตัดสินใจเดินทางมาหาด้วยตนเอง นั่นก็เผื่อว่าน้องสาวคนนี้จะบอกสามีให้แจ้งนายท่านหยางเพื่อที่จะตัดสินใจได้ง่ายขึ้น“อย่างไรฉันจะบอกพี่หมิงให้ก็แล้วกันนะคะพี่ซ่านหลิง เรื่องนี้ใหญ่เกินไปสำหรับผู้หญิงอย่างเรา แล้วอีกอย่างเรื่องนี้อยู่ที่การตัดสินใจของนายท่านหยาง พี่หมิงทำได้เพียงส่งข่าวของพี่ให้นายท่านรู้เท่านั้น”หยางเหมยจินหลบเลี่ยงที่จะตอบตรง ๆ แม้ว่าจะสนิทกันอย่างไร เรื่องที่สามีของเธอคือนายท่านหยางนั้น เธอก็ยังไม่พร้อมที่จะบอกพี่สาวคนนี้ จึงทำเพียงพูดว่าสามีของเธอมีความรู้จักมักคุ้นกับนายท่านหยางเท่านั้น“เรื่องนี้ฉันเข้าใจ เธอรู้ใช่ไหมว่าใครต่อใครต่างก็อยากให้นายท่านหยางเข้าร่วมด้วย”ซ่านหลิงเองก็ไม่อยากบังคับน้องสาวคนสนิท เพราะเรื่องนี้เธอกลัวว่าตงเหวินหมิงที่รู้จักมักคุ้นกับนายท่านหยางจะโดนร่างแหไปด้วยหากเกิดอะไรขึ้น ซึ่งนั่นหมายถึงหยางเหมยจินจะเจอเรื่องเลวร้ายด้วยเหมือนกัน“ฉันเข้าใจ และขอบคุณพี่มากที่มาส่งข่าวเร