เมื่อได้ยินเสียงผู้เฒ่าเอ่ยถาม ตงเหวินหมิงที่มีความสัมพันธ์อันดีกับบ้านหม่าอยู่แล้ว จึงตอบกลับมาตามที่นัดแนะกับหยางเหมยจินไว้ พร้อมกับรู้สึกผิดและขอโทษเธออยู่ในใจที่ทำให้ต้องมาออกหน้าในเรื่องวุ่นวายเช่นนี้
“ผู้หญิงคนนี้ชื่อหยางเหมยจินครับปู่หม่า เธอคือคู่หมั้นของผม ส่วนเรื่องที่ผมและอาเหมยหมั้นหมายกันได้อย่างไรและเมื่อไร ผมขอไม่ขยายความนะครับ ผมมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนเรื่องแต่งงาน เรามองกันว่ากลางปีหน้าจะจัดงานอย่างถูกต้องครับ”
“ละ แล้ว ทำไมนังคนนี้ถึงได้มาอาศัยในบ้านของพี่ล่ะ เป็นแค่คู่หมั้นไม่ใช่เมียพี่เสียหน่อย” ซูหว่านเอ่ยถามอีกครั้งด้วยอาการที่จ้องจะจับผิด
แต่กลายเป็นหยางเหมยจินที่รั้งแขนของตงเหวินหมิงไว้ และตอบคำถามประโยคนี้ด้วยตัวเอง ใครจะมองว่าเธอเป็นหญิงน่ารังเกียจเธอก็ไม่สนใจแล้วในตอนนี้ ขอแค่ช่วยให้ชายหนุ่มหลุดออกจากมือของผู้หญิงคนนี้ก็พอ
“การที่หญิงชายอยู่ด้วยกัน แม้ว่ามันจะไม่เหมาะสมหรือไม่คู่ควร ในเมื่อฉันและพี่หมิงเป็นคู่หมั้นกันแล้ว เรื่องในมุ้งของเราสองคนคงไม่ต้องให้ใครมายุ่งวุ่นวาย อีกทั้งเรื่องนี้อาหยวนกับลี่ลี่ก็รับรู้แล้ว ดังนั้นหากถึงวันแต่งงานของเราสองคน อย่างไรเราทั้งสองขอเชิญทุกคนมางานด้วยนะคะ ส่วนเธอ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอกำลังวางแผนอะไร แต่ผู้ชายคนนี้คือว่าที่สามีของฉัน ห้ามเธอมายุ่งเกี่ยวด้วย!!”
หากจะมองว่าเธอร้ายไม่เป็นนั้นคงไม่ใช่ แต่ที่ผ่านมาเพราะรักคำเดียวเลยไม่อยากทำกิริยาแบบนั้น อีกทั้งยังมีตำแหน่งหวางเฟยค้ำคออยู่อีกด้วยจึงต้องเป็นหญิงเรียบร้อย
ชาวบ้านที่ได้ยินเสียงประกาศความสัมพันธ์ระหว่างหยางเหมยจินและพ่อม่ายตงอย่างตงเหวินหมิง ก็ได้แต่ตกใจในความกล้าของหญิงสาวตรงหน้า อีกทั้งเวลานี้รัฐเคร่งเครียดความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง การที่ทั้งสองประกาศว่าอยู่ด้วยกันโดยที่ยังไม่แต่งงานนั้นอาจจะถูกทหารแดงทำโทษได้
“แล้วเรื่องที่พ่อม่ายตงพาคนนอกเข้ามาอยู่ในหมู่บ้าน ทำไมถึงไม่แจ้งหัวหน้าหมู่บ้านล่ะ ปล่อยให้เรื่องราวบานปลายจนถึงตอนนี้ อีกอย่างแม้จะเป็นคู่หมั้นแต่มันไม่ค่อยเหมาะเท่าไรที่จะมาอยู่ชายคาเดียวกัน” ชาวบ้านคนหนึ่งถามขึ้นอย่างสงสัยและตำหนิออกมาเล็กน้อย
“เรื่องนี้ผมรู้ว่ามันไม่ควร แต่เพราะบ้านของอาเหมยเกิดภัยพิบัติครับ ตอนที่อาเหมยเดินทางมาหาผมที่นี่ ก็โดนโจรปล้นชิงเอากระเป๋าเงินและทุกอย่างไปหมด แต่เราก็ไม่นิ่งนอนใจเรื่องเอกสารยืนยันตัวตน ผมและเธอเพิ่งเข้าเมืองไปจัดการเรื่องเอกสารเมื่อไม่กี่วันก่อน ตั้งใจว่ารอให้ได้เอกสารยืนยันตัวตนเสียก่อน ค่อยแจ้งท่านผู้นำหมู่บ้านครับ” ตงเหวินหมิงอธิบายเรื่องราวให้ทุกคนเข้าใจ พร้อมกับแต่งเติมเรื่องราวต่าง ๆ ให้ดูสมจริง
ทันทีที่ชาวบ้านได้ยินว่าหยางเหมยจินพลัดถิ่นฐานมาแถมยังโดนโจรปล้นชิงเงินและของทุกอย่างไปหมด จึงเกิดความสงสารอย่างห้ามไม่อยู่
“เอาเถอะ ถือว่าพวกเราเข้าใจในความจำเป็นของเธอ แต่ถึงอย่างไรเรื่องที่จะให้หญิงสาวอาศัยบ้านเดียวกันกับชายหนุ่ม แม้ว่าทั้งสองคนจะมีการหมั้นหมายกันแล้ว มันก็ดูไม่เหมาะ ไม่ควรเท่าไร เช่นนั้นให้หยางเหมยจินไปอาศัยอยู่ในกลุ่มของยุวปัญญาชนหญิงก่อนก็แล้วกัน ส่วนบ้านตงยังมีพื้นที่เหลืออยู่ อย่างไรค่อยเกณฑ์คนมาช่วยสร้างห้องพักเพิ่มอีกสักห้อง อย่างน้อยก็ยังดีกว่าให้อยู่ร่วมในห้องเดียวกัน” ผู้นำหมู่บ้านเดินผ่านมาทางนี้พอดีเลยตัดสินใจพูดขึ้นเพื่อยุติคำครหา
“เช่นนั้นให้พี่สาวคนนี้มาอาศัยอยู่กับฉันก็แล้วกัน อย่างไรฉันก็อยู่คนเดียว” ยุวปัญญาชนที่ชื่อเกาซื่อหลินยกมือขึ้นมา พร้อมกับอาสาที่จะให้หยางเหมยจินไปอาศัยอยู่ด้วย
หากมีใครสังเกตสักนิด จะรู้ได้ว่าเสียงของเธอนั้นสั่นเล็กน้อยในเวลาที่พูดออกมา อีกทั้งแววตายังเปล่งประกายความดีใจออกมาอีกด้วย
“แล้วเธอล่ะจะว่าอย่างไร หยางเหมยจิน” เมื่อมีคนเสนอให้ไปอยู่ด้วย ผู้นำหมู่บ้านจึงหันมาถามเจ้าตัวอีกครั้ง
“ฉันจะไปพักอาศัยอยู่กับเธอค่ะ” หยางเหมยจินไม่มีทางเลือกอื่นจึงตอบกลับไป
อย่างไรคิดว่ารอให้บ้านสร้างเสร็จก่อนแล้วค่อยกลับมาที่บ้านตงก็คงไม่เป็นไร อีกทั้งหยางเหมยจินยังเห็นแววตาของผู้หญิงคนนั้นที่มองมา แววตาของเธอคนนั้นไม่ต่างกับดีใจและคล้ายจะเทิดทูนตนเอง หญิงสาวสัมผัสได้ถึงความจริงใจที่ส่งมาอย่างน่าประหลาด
ตงเหวินเมิงเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของเธอก็จับจูงมือมาอีกมุมหนึ่งของบ้าน ก่อนจะพูดกับเธอเบา ๆ แต่หนักแน่นว่า
“ทำตามนั้นก็ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะเข้าเมืองไปดูวัสดุก่อสร้าง แล้วจะรีบมาสร้างบ้านให้ คุณก็อย่าเผลอตัวเอาอะไรออกมาจากมิติล่ะ อีกทั้งเกาซื่อหลินคนนี้เป็นยุวปัญญาชนจากเซี่ยงไฮ้ มาอยู่ที่นี่น่าจะประมาณสามปีได้แล้ว เธอไม่ค่อยสุงสิงกับใคร คุณน่าจะอยู่กับเธอได้ดี”
ตงเหวินหมิงคิดว่านี่คือทางออกที่ดีแล้ว แต่ก็ไม่วายกำชับการวางตัวของอีกฝ่าย และบอกเล่าเรื่องราวของหญิงสาวจากบ้านเกาให้หยางเหมยจินฟังเท่าที่พอจะรู้เรื่องราว แต่สีหน้าของเธอก็ยังไม่ดีขึ้นเขาจึงพูดขึ้นอีก
“แต่อย่างไรคุณก็มากินอาหารที่นี่ก็แล้วกัน ส่วนเรื่องที่ต้องทำงานในคอมมูนนั้น ผมจะคุยกับหัวหน้าให้เองว่าคุณไม่ต้องไปทำเพราะถือว่าบ้านตงมีผมทำงานอยู่แล้ว”
เขาเข้าใจดีว่าอดีตของหยางเหมยจินนั้นไม่ใช่คนที่ทำงานแบบใช้งาน เรื่องในคอมมูนนั้นเขาจัดการให้เอง และคิดว่าการก่อสร้างบ้านหลังเล็กคงใช้เวลาไม่นาน อย่างน้อยตอนนี้เขาก็พอจะมีเงินอยู่
เมื่อพบว่าชาวบ้านหลายคนเริ่มเห็นใจและเข้าข้างมารหัวใจ ซูหว่านเลยจงใจถามถึงเอกสารยืนยันตัวตนว่ามีจริงหรือไม่
“แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่าหญิงสาวตรงหน้าพวกเรามีเอกสารยืนยันตัวตนจริง ๆ ไม่ใช่เพราะพี่เหวินหมิงหลงเสน่ห์ผู้หญิงคนนี้เลยพยายามปิดบังและแต่งเรื่องราวให้พวกเราฟังหรอกหรือ”
เมื่อได้ยินคำถามเกี่ยวกับตัวเอง หยางเหมยจินจึงเดินกลับมาและตอบคำถามด้วยตัวเอง โดยมีตงเหวินเมิงเดินมายืนอยู่ข้างๆ
“แม้ว่าฉันจะเป็นคนแปลกหน้าในหมู่บ้านนี้ และการที่พวกคุณหวาดระแวงฉันมันก็ไม่ผิด แต่พี่หมิงอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนทุกคนน่าจะรู้จักเขาดี และน่าจะรู้จักนิสัยเขาดีว่าเป็นอย่างไร คิดว่าพี่หมิงจะหลงเสน่ห์ฉันถึงขั้นที่ปั้นเรื่องให้ทุกคนฟังหรือคะ เช่นนั้นพวกคุณก็พาฉันส่งทางการแล้วให้เขาตรวจสอบได้เลย หากฉันเป็นโจรหรือผู้ร้าย ก็ดำเนินการตามเห็นสมควร แต่ถ้าฉันไม่ผิด ฉันจะฟ้องกลับทุกคนในที่นี่ ทุกคนจะยินยอมหรือเปล่าคะ”
อาจจะเพราะเคยเป็นชายาอ๋องมาก่อน เมื่อพูดเรื่องนี้ทำให้หยางเหมยจินดูมีอำนาจบางอย่างขึ้นมา ทำให้ชาวบ้านหลายคนในที่นี่ถอยหลังด้วยความตกใจ แม้กระทั่งตัวของซูหว่านเอง
เธอไม่คิดว่าท่าทางของผู้หญิงคนนี้จะดูน่าเกรงขามแบบนี้“นั่นสิ แม่หนูเหมยจินพูดแบบนี้ถูกต้องที่สุด แม้ว่าเธอจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับพวกเรา ตาพ่อม่ายตงอยู่หมู่บ้านนี้มาร่วมสิบปี พวกเราจะไม่รู้นิสัยใจคอของเขาเลยหรืออย่างไร”
เมื่อมีคนหนึ่งพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ก็มีอีกหลายคนที่เห็นด้วย
“เอาเถอะ อย่างไรเรื่องนี้ฉันรับประกันให้เอง หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นเพราะพี่สาวคนนี้ ฉันจะรับผิดชอบเอง”
เมื่อเกาซื่อหลินออกหน้ามารับประกันให้ บวกกับเสียงมากมายของชาวบ้านและความดีของบ้านตง ทำให้ทุกคนยินยอมให้หยางเหมยจินอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ต่อไปได้
แต่ตงเหวินหมิงยังไม่วางใจ เขาต้องรีบจัดการข้อแลกเปลี่ยนให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะเอกเอกสารยืนยันตัวตนของหยางเหมยจินมาให้เธอ หากกลุ่มทหารแดงที่ยังหลงเหลืออยู่ในหมู่บ้านรู้ข่าว เรื่องราวคงวุ่นวายกว่าวันนี้แน่
พอพูดอะไรไม่ได้ซูหว่านจึงสะบัดหน้าเดินจากไปทันที ปล่อยให้ทุกคนมองตามด้วยสายตางุนงง ก่อนจะทยอยเดินจากไป จนเหลือเพียงสามคนเท่านั้น
“พี่สาวเหมยจิน พี่อยู่ที่นี่ไปก่อน ฉันขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะ เย็นนี้ค่อยให้พี่ชายตงไปส่งที่บ้านของฉันก็แล้วกัน” เกาซื่อหลินพูดขึ้น แม้ในใจนั้นอยากจะพาหยางเหมยจินกลับบ้านของตนเวลานี้เลยก็ตาม
“ขอบคุณมากนะครับ ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือคู่หมั้นผมในวันนี้ บุญคุณนี้ผมจะไม่ลืม อย่างไรก็ขอฝากอาเหมยไว้ชั่วคราวเท่านั้น”
ตงเหวินหมิงหันมาขอบคุณที่อีกฝ่ายช่วยคลี่คลายสถานการณ์ที่เขาคาดไม่ถึง แต่เมื่อได้ยินประโยคต่อมาของเกาซื่อหลิน ก็ทำให้หยางเหมยจินและตงเหวินหมิงต้องสบสายตากันด้วยความตกใจ
“หากพี่สาวเหมยจินเป็นคู่หมั้นของพี่ชายตงจริง ๆ ฉันอาจจะไม่ยื่นมือเข้ามายุ่ง แต่พี่สาวเหมยจินกับพี่ชายตง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันไม่ใช่หรือคะ”
เพียงแค่ประโยคนี้ ทำให้หยางเหมยจินตัดสินใจลากแขนของเกาซื่อหลินเข้าบ้านทันที โดยมีตงเหวินหมิงรีบปิดประตูและเดินตามเข้ามาด้วย
บทที่ 11 พบเจอคนคุ้นเคยเมื่อเข้ามาในบ้านตง ทั้งสามได้แต่มองหน้ากันไปมา แม้แต่เกาซื่อหลินก็เงียบปากสนิท จนตงเหวินหมิงคิดว่าเรื่องนี้มันซับซ้อนเกินไป และคิดให้หญิงสาวทั้งสองคนพูดคุยกันเลยลุกขึ้นยืนและจะเดินเลี่ยงไปทางหลังบ้าน แต่ทว่าหยางเหมยจินกลับรั้งเขาไว้“คุณไม่ต้องไปไหนหรอกค่ะ ฉันไม่รู้ว่าคุณเการู้ได้อย่างไรว่าเราไม่ได้เป็นคู่หมั้นกัน ฉันคิดว่าคุณอยู่ฟังด้วยดีกว่าค่ะ”หยางเหมยจินเวลานี้คิดว่าชายหนุ่มคือคนในครอบครัว อย่างไรเธอคิดว่าเขาควรจะอยู่ด้วยเกาซื่อหลินไม่พูดอะไรเมื่อหยางเหมยจินทำแบบนี้ แต่ทว่าใบหน้างามกำลังอาบไปด้วยน้ำตา ไม่คิดว่าสามวันที่เธออยู่ที่นี่อย่างเดียวดาย สุดท้ายแล้วก็เจอเข้ากับหวางเฟยอีกครั้ง เกาซื่อหลินคุกเข่าตรงหน้าหยางเหมยจิน จนทำให้ทั้งสองคนตกใจ ก่อนที่จะยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก เมื่อเธอจะคลานเข้าไปกอดขาหญิงสาวเอาไว้ ก่อนจะเรียกเธอเบาๆ ว่า “หวางเฟยของบ่าว”เมื่อพบว่าอีกฝ่ายใบหน้าอาบไปด้วยน้ำตาและพยายามกลั้นเสียงร้องไห้ไว้ก็ยิ่งตกใจ แม้แต่ตงเหวินหมิงยังแปลกใจกับการกระทำของหญิงสาวจากบ้านเกา“เดี๋ยวก่อนคุณเกานี่คุณกำลังทำอะไร อย่าทำแบบนี้เลย ว่าแต่เมื่อครู่นี้คุณเรี
บทที่ 12 เกาซื่อหลินเมื่อเห็นว่าทั้งคู่คล้ายกับจะลืมตนเองไป เกาซื่อหลินเลยเอ่ยปากขึ้นมาเรื่องที่พักถาวรของหยางเหมยจิน“เรื่องการค้าฉันว่าค่อยคิดดีหรือไม่ เอาเรื่องที่อยู่ถาวรของพี่สาวเหมยจินก่อนดีกว่า ในเมื่อพี่สาวเหมยจินและพี่ชายตงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน หากจะอยู่ด้วยกันมันจะเหมาะสมหรือ แล้วเท่าที่ฉันพอจะรู้มาสองแฝดลูกของพี่ชายตงนั้นหวงพี่ชายตงไม่น้อย แล้วแบบนี้จะมีปัญหาหรือไม่”เกาซื่อหลินแม้จะต้องการให้นายสาวอยู่ไปกับเธอตลอดไป แต่เพราะเวลานี้ชาวบ้านรับรู้เพียงว่าหยางเหมยจินนั้นเป็นคู่หมั้นของพ่อม่ายตงโดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอ เธอจึงชักชวนนายสาวไปอยู่ด้วยไม่ได้ เพราะจะเกิดความสงสัยในหมู่ของชาวบ้าน อย่างไรเรื่องนี้ก็ค่อยแก้ปัญหาที่หลังก็ยังไม่สายอีกทั้งร่างที่เธอมาอาศัยอยู่ก็มีเบื้องหลังไม่ธรรมดา เท่าที่ความทรงจำที่มีอยู่เต็มเปี่ยม เกาซื่อหลินคนนี้มีฐานะไม่ต่างจากสายลับ แต่ก็ยังมีอีกฐานะนั่นคือลูกสาวจากภรรยาคนเดิมของนายพลในเมืองเซี่ยงไฮ้ เหตุผลที่ได้เดินทางมาเป็นยุวปัญญาชนที่เมืองนี้ เป็นเพราะแม่เลี้ยงต้องการให้ลูกเลี้ยงตัวเองมาใช้แรงงานนั้นเองแต่ระหว่างเดินทางกลับโดนลอบทำร้า
บทที่ 13 กลิ่นอาหารตลบอบอวลไปทั่วหมู่บ้านย้อนกลับมาทางซูหว่าน หลังจากที่เสียหน้าจนต้องรีบกลับบ้านตัวเอง ในใจของหญิงสาวนั้นก็มีแต่ความเคียดแค้นอย่างห้ามไม่อยู่ เนื่องจากเธอเฝ้ามองตงเหวินหมิงมานานแล้ว จู่ ๆ กลับมีผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มาแย่งชิงไปอย่างหน้าด้าน ๆ คิดหรือว่าเธอจะยอมง่าย ๆ“เป็นอะไรไปละนั่น แล้วนี่ไม่คิดจะไปช่วยงานบ้างหรืออย่างไร” นางเหมาเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าลูกสาวไม่ได้ไปช่วยพี่สะใภ้ทำงาน“วันนี้แดดร้อน ฉันไม่อยากทำ แม่มีอะไรหรือเปล่า” เพราะหงุดหงิดอยู่แล้วซูหว่านเลยพูดจาไม่ดีกับแม่ของตน“วัน ๆ นี่แกไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือไง มัวแต่บ้าเดินตามพ่อม่ายบ้านตงอยู่นั่นแหละ แกนี่มันไม่ได้ดังใจฉันเลย แม้พ่อม่ายตงจะเป็นคนดีและขยันทำงาน แต่อย่าลืมว่าเขายังมีลูกติดอีกตั้งสองคน ไม่มีแม่คนไหนอยากให้ลูกสาวตัวเองแต่งงานกับพ่อม่าย แล้วไปเลี้ยงลูกคนอื่นหรอกนะ” นางเหมาพูดอย่างไม่พอใจที่ซูหว่านไปชอบพอพ่อม่ายลูกติดอย่างตงเหวินหมิง“แล้วยังไงล่ะแม่ก็ฉันชอบพี่เหวินหมิงนี่ แม่คอยดูนะ ฉันจะต้องทำให้พี่เหวินหมิงมาสู่ขอฉันให้ได้ ส่วนเด็กสองคนนั้นฉันก็จะเลี้ยงไว้เพื่อให้ทำงานบ้านแทนฉันทุกอย่างอย่างไรล่
บทที่ 14 ส่วนหนึ่งของครอบครัวกลางดึกคืนนั้นเมื่อเห็นว่าลูกทั้งสองเข้านอนแล้ว ผู้เป็นพ่ออย่างตงเหวินหมิงจึงเปลี่ยนชุดที่ทะมัดทะแมงและสีดำทั้งชุด เพื่อไปจัดการงานที่พิเศษที่จะใช้แลกกับข้อมูลยืนยันตัวตนของหยางเหมยจินก่อนจะออกจากบ้าน ชายหนุ่มไม่ลืมที่จะปิดประตูอย่างแน่นหนา เนื่องจากลูกทั้งสองอายุยังน้อยและอยู่ในบ้านกันเพียงสองคนเท่านั้น แม้จะอยู่ในหมู่บ้านนี้มาเป็นสิบปี แต่เขาก็ไม่วางใจเรื่องความปลอดภัย ยิ่งช่วงนี้ข้าวของยิ่งแพงขึ้น อาหารก็ยิ่งหายาก หากมีใครรู้ว่าคืนนี้เขาไม่อยู่บ้าน ไม่แน่อาจจะมีคนเข้ามาปล้นเอาอาหารไปก็ได้เมื่อรู้ทิศทางและตำแหน่งว่าต้องไปที่ใด ชายหนุ่มจึงไม่รอช้า รีบไปยังที่เป้าหมายทันทีคฤหาสน์ตระกูลจ๋าย ตงเหวินหมิงในชุดสีดำสนิทเดินลัดเลาะข้างกำแพง เมื่อไม่เห็นใครเขาจึงรีบกระโดดข้ามกำแพงด้วยท่าทางคล่องแคล่วไม่เหมือนพ่อม่ายในหมู่บ้านที่เคยพบเห็น ใบหน้าที่เหลือแต่ดวงตามองขึ้นไปยังชั้นบนของคฤหาสน์อย่างครุ่นคิด พร้อมกับคาดคะเนว่าห้องทำงานของนายพลจ๋ายนั้นอยู่ที่ใด ก่อนจะหยิบแผนที่ที่นายท่านหลู่ให้มาและคำนวณดูว่าห้องนั้นอยู่ที่ไหน ซึ่งตงเหวินหมิงก็ไม่เข้าใจเล็กน้อย ในเมื่
บทที่ 15 เกลียดขี้หน้าตั้งแต่แรกเจอพอได้ยินเสียงเรียกที่ดูจะไม่พอใจ หญิงสาวจึงได้หันกลับมามองและขมวดคิ้วอย่างสงสัย เนื่องจากเธอไม่เคยพบหน้าผู้หญิงคนนี้มาก่อน“คุณเป็นใครเหรอคะถึงมายุ่งกับเรื่องนี้ ฉันจะมีความสัมพันธ์อะไรกับพี่หมิงแล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย ถ้าฉันจำไม่ผิด นี่คือครั้งแรกที่เราได้พบหน้ากัน”หยางเหมยจินเชิดหน้าขึ้นพูดอย่างสง่างามสมกับเคยเป็นพระชายามาก่อน“เธอไม่เคยเจอหน้าฉันหรอก แต่ฉันไม่ชอบที่เธอทำตัวไม่ต่างจากเป็นภรรยาของพี่เหวินหมิงทั้งที่ยังไม่แต่งงานกัน” หญิงสาวคนนั้นตอบกลับมาด้วยเสียงที่บ่งบอกว่าเธอไม่พอใจ สายตานั้นดูจิกกัดคล้ายว่าเธอไม่ชอบหน้าของคู่หมั้นตงเหวินหมิงหยางเหมยจินยังคงขมวดคิ้ว แต่พอได้ยินน้ำเสียงของผู้หญิงตรงหน้าทำให้รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายน่าจะไม่พอใจเธอเข้าแล้ว และเรื่องนี้น่าจะเป็นเพราะฐานะของเธอที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของบ้านตง แต่อย่างไรเสียเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก มารยาสตรีเธอเห็นมานักต่อนักแล้ว มีหรือที่เธอจะใช้มารยาไม่เป็น ต่อให้เธอมาจากอดีตหลายร้อยหลายพันปี แต่ในฐานะที่เคยเป็นอดีตพระชายา อย่าคิดว่าเธอร้ายไม่เป็น“แล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่าฉั
บทที่ 16 เป็นที่อิจฉาของทุกคนกลับมาทางด้านคอมมูน ตงเหวินหมิงยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างไม่สนใจใคร เพราะบ่ายนี้เขาได้ลางานไว้แล้ว ยุวปัญญาชนชายหลายคนพอรู้ข่าวเรื่องคู่หมั้นของเขาต่างก็มองอย่างสงสัย เพราะพ่อม่ายตงที่ทุกคนรู้จักมักจะไม่ค่อยสนทนากับผู้หญิงมากนัก จนหลายคนคิดว่าชายหนุ่มลืมแม่ของสองแฝดไม่ได้ ใครจะคิดกันล่ะว่าวันนี้กลับมีคู่หมั้นหมายโผล่มา“พี่หมิง บ่ายนี้พี่ลาเหรอ” ตู้อี้ข่ายลูกชายคนรองบ้านตู้ที่ทำงานอยู่ข้างกันเอ่ยถามขึ้นมา“อืม ว่าจะเข้าเมืองเสียหน่อย เอกสารระบุตัวตนของอาเหมยน่าจะเรียบร้อยแล้ว เมื่อวานไปถามมาเจ้าหน้าที่บอกว่ายังไม่เรียบร้อย วันนี้ให้ไปดูอีกครั้ง” ตงเหวินหมิงตอบกลับตามตรงหากเป็นคนอื่นคงไม่กล้ามาถาม หรือไม่ชายหนุ่มก็คงไม่ตอบกลับ แต่ลูกชายคนรองบ้านตู้คุ้นเคยกับบ้านตงไม่น้อย เลยทำให้ทั้งสองบ้านค่อนข้างสนิทกัน“พี่ก็ไม่คิดจะบอกเรื่องพี่สะใภ้เลยใช่ไหม นี่ผมไม่ต่างจากน้องชายพี่นะ ทำอย่างกับผมเป็นคนอื่นคนไกลไปได้ มีคู่หมั้นและยังจะแต่งงานปีหน้าแล้วก็ควรจะบอกกันบ้าง”น้ำเสียงของตู้อี้ข่ายคล้ายจะน้อยใจ แต่ฟังอย่างไรคล้ายกับว่าแค่แกล้งอีกฝ่ายเล่นเท่านั้น“นายควรจ
บทที่ 17 เข้าเมืองพร้อมกัน“พี่สาวเหมยจิน!!”เกาซื่อหลินกำลังเดินมาทางนี้ เมื่อเห็นว่าหยางเหมยจินนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ก็รีบตะโกนเรียกและโบกมือให้ด้วยความดีใจ อีกทั้งเธอยังมีรอยยิ้มที่สดใสที่ไม่เคยมีใครเคยเห็นมาก่อน เพราะตั้งแต่ที่เกาซื่อหลินมาอยู่ที่นี่ เธอไม่เคยคุยเล่นและหัวเราะกับใคร แต่เวลานี้เธอกลับยิ้มด้วยรอยยิ้มที่สดใส เหล่าบรรดายุวชนชายและหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่ทำงานอยู่บริเวณนี้ต่างก็ตาพร่ากันเลยทีเดียว“ซื่อหลิน พี่อยู่นี่” เมื่อได้ยินเสียงเรียกอันคุ้นเคย หยางเหมยจินส่งเสียงตอบกลับพร้อมกับส่งยิ้มให้ ทำให้เกาซื่อหลินไม่รักษาอาการอีกเธอรีบวิ่งเข้ามาทันที ทำให้หลายคนมองภาพนี้ด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าทั้งสองจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเช่นนี้“ทำไมพี่ไม่รออยู่ที่บ้านตงละคะ มาที่นี่แดดร้อนจะตาย” หญิงสาวเอ่ยทักทันทีที่นั่งลงข้างกัน“พอดีว่าช่วงบ่ายพี่จะเข้าเมืองพร้อมกับพี่หมิง เห็นว่าเอกสารยืนยันตัวตนของพี่เสร็จ จะได้ดูลู่ทางหาเงินด้วย” หญิงสาวตอบกลับพร้อมกับเก็บผ้าที่เย็บเข้าตะกร้า ก่อนจะจัดเตรียมอาหารมื้อเที่ยงพร้อมกับเกาซื่อหลิน ส่วนทางด้านตงเหวินหมิง ชายหนุ่มรีบไปล้างเนื้อล้างตัวก่
บทที่ 18 ตื่นตาตื่นใจตลอดสองข้างทางที่ผ่านมา หยางเหมยจินมองด้วยความตื่นตาตื่นใจ เนื่องจากสถานที่แห่งนี้นั้นช่างแตกต่างจากที่เธออยู่มากนัก เมื่อสายตาเห็นบางอย่างเข้าจึงกระซิบถามคนข้าง ๆ ด้วยความสงสัย“นั่นคืออะไรเหรอคะ ทำไมคนถึงเข้าไปอยู่ได้ แล้วสิ่งนั้นเคลื่อนไหวเองได้อย่างไรกัน น่าแปลกนัก”ตงเหวินหมิงมองตาม เมื่อเห็นว่าเจ้าสิ่งนั้นคืออะไรจึงได้พูดอธิบายอย่างใจเย็น “นั่นเรียกว่ารถยนต์ ใช้เดินทางไปไหนมาไหนได้ไม่ต่างจากรถม้าที่คุณเคยใช้หรอกนะ”จากนั้นชายหนุ่มจึงอธิบายสิ่งต่าง ๆ ที่เห็นให้ฟังอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นสามล้อ จักรยาน หรือตึกรามต่าง ๆ จวบจนทั้งสองมาถึงจุดจอดเกวียนในเมืองเมื่อจ่ายเงินค่าโดยสารเสร็จแล้ว ตงเหวินหมิงพาหญิงสาวเดินตามเขามาเพื่อไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ทั้งสองเดินลัดเลาะมาสักพักก็มาถึงจุดหมายแล้วก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูดังขึ้น ไม่นานคนเฝ้าก็มาเปิดช่องดู เมื่อเห็นว่าเป็นใครจึงได้รีบเปิดให้ทั้งสองคนเข้ามา“นายท่านหลู่อยู่หรือไม่” ชายหนุ่มเอ่ยถามออกไปเนื่องจากวันนี้เขาต้องมาส่งงาน พร้อมกับรับหนังสือยืนยันตัวตนของหยางเหมยจิน“อยู่สิ นายไปรอที่ห้องโถงก่อนเถอะ เดี๋ย
ตอนพิเศษ 4 คุณพ่อจอมหวงวันเวลาล่วงเลยมาถึงวันที่สองพี่น้องฝาแฝดอย่างตงจี้หยวนและตงฟางลี่ก็เติบโตขึ้นและแม้ว่าทั้งสองคนจะรู้ว่าตัวเองเป็นใคร แต่ทั้งสองคนก็ยังคงใช้แซ่ตงเหมือนเดิม ส่วนแซ่เดิมของพ่อแม่นั้นจะเอาไว้ให้ลูก ๆ ในอนาคตเป็นผู้สืบทอด ตอนนี้ทั้งสองคนใกล้จะเรียนจบระดับมหาวิทยาลัยแล้ว คนพี่นั้นเริ่มเข้ามาช่วยดูแลงานในบริษัทของพ่อ และสมบัติที่พ่อแม่ที่แท้จริงทิ้งไว้ให้ เลยไม่ค่อยมีเวลาตัวติดกับน้องสาวเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งวันนี้ก็เหมือนกัน ชายหนุ่มจะต้องเข้าไปดูงานที่บริษัท แต่น้องสาวขอไปดูหนังกับเพื่อน“พี่ใหญ่ วันนี้ฉันขอไปดูหนังได้ไหม” ตงฟางลี่เอ่ยขอพี่ชายอย่างออดอ้อน“พี่น่ะให้ไปได้ ว่าแต่เราโทรขออนุญาตพ่อหรือยัง แล้วจะดูหนังรอบไหนกัน นี่ก็เย็นมากแล้วนะ”ชายหนุ่มตอบกลับน้องสาวอย่างไม่คิดอะไร สำหรับตัวเขานั้นไม่เท่าไร แต่พ่อนี่สิคงไม่ยอมอนุญาตง่ายๆ แน่ เพราะพ่อเป็นคุณพ่อจอมหวงลูกสาวเสียเหลือเกิน ดูอย่างน้องสาวคนเล็กที่อายุแค่ไม่เท่าไรสิ พ่อยังแทบจะไม่ให้ผู้ชายอุ้มแล้ว ความหวงของพ่อที่มีต่อน้องสาวเกินขอบเขตจริง ๆ และนี่ก็ไม่ต้องพูดถึงอาอี้ข่ายที่เป็นเหมือนกันราวกับถอดแบบกันมาเลยทีเ
ตอนพิเศษ 3 คุณพ่อลูกดกหลังจากจบเรื่องตระกูลเกา ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตกันตามปกติ ซึ่งเกาเทียนอี้และเกาซื่อหลินก็ไม่คิดจะกลับไปเหยียบตระกูลเกาอีกเลย และได้ข่าวว่าเกาเสี่ยวจิงถูกคนตระกูลหุ้ยบอกเลิกการหมั้นหมายและไม่คิดจะสานต่อความสัมพันธ์ส่วนสองแม่ลูกแม้จะอยู่ตระกูลเกาต่อ แต่สถานะของทั้งสองก็อยู่ยิ่งกว่าสาวใช้ สาเหตุที่ท่านนายพลไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ก็เพราะไม่ต้องการอับอายคนในสังคม และที่สำคัญเขาได้เอาผู้หญิงที่เลี้ยงไว้นอกบ้านเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์และยกเป็นนายหญิงคนใหม่ เลยทำให้เฟ่ยเจียแค้นใจอย่างมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องยอมรับชะตากรรมที่ตนเองได้ก่อไว้พอเกิดเหตุการณ์ในครั้งนั้น ตงเหวินหมิงคิดจะจัดงานเลี้ยงเปิดตัวเองและภรรยารวมถึงทุกคนให้สังคมได้รับรู้ แต่กลับถูกภรรยาห้ามไว้ เพราะเธอกำลังท้องเลยไม่อยากจัดงานเลี้ยงขึ้นมา โดยได้บอกกับสามีว่าค่อยจัดงานเปิดตัวตอนเธอคลอดลูกแล้วก็ยังไม่สายแต่เมื่อถึงเวลา หยางเหมยจินก็บ่ายเบี่ยงอีก เพราะเธออยากอยู่อย่างสงบกับลูกไม่อยากวุ่นวายกับใคร เพราะการเปิดตัวนั้นคงทำให้มีแต่คนเข้าหาเธอในฐานะนายหญิงตงจนเวลานี้เธอตั้งท้องครั้งที่สามแล้ว เพราะสองท้องที่ผ่
ตอนพิเศษ 2 ทวงคืนสินเดิมของแม่หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น สองแม่ลูกจากตระกูลเกาแทบจะนอนไม่หลับ เพราะกลัวว่าตงเหวินหมิงจะบุกมาพบกับท่านนายพลถึงตระกูลเกา แต่เมื่อเวลาผ่านมาเป็นสัปดาห์ก็ยังไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ทำให้ทั้งสองคนกลับมาเชิดหน้าเหมือนเดิม“คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่า เหมือนว่าสัปดาห์ก่อนคุณจะพูดอะไรเหรอ” นายพลเกาเอ่ยถามภรรยาหลังจากสะสางงานตนเองเสร็จแล้ว ตอนนั้นเขากำลังวุ่นกับงานอยู่ เลยไม่ได้ฟังอะไรเธอมากมายนัก“ไม่มีอะไรแล้วค่ะ เรื่องไม่สำคัญแล้วล่ะ คุณทำงานของคุณเถอะ จริงสิ ฉันลืมบอกคุณไปว่าต้นเดือนหน้าทางตระกูลหุ้ยจะเข้ามาพูดคุยเรื่องหมั้นหมายระหว่างลูกชายบ้านนั้นกับเสี่ยวจิงของเรานะคะ” เฟ่ยเจียตอบกลับไปอย่างอ่อนหวานและเปลี่ยนเรื่องไปพูดในเรื่องที่เธอมีความยินดีอย่างมากจะว่าไปเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับเฟ่ยเจียไม่ใช่เรื่องของตระกูลตงจะเข้ามาที่นี่หรือไม่ แต่เป็นเรื่องการแต่งงานและหมั้นหมายของลูกสาวมากกว่าพอท่านนายพลเกาได้ยินเรื่องการแต่งงานของลูกสาวคนเล็ก ก็อดคิดถึงลูกสาวคนโตที่หายไปจากบ้านหลายปีแล้ว รวมถึงลูกชายที่ไปเป็นทหาร ซึ่งไม่รู้เวลานี้ทั้งสองเป็นอย่างไรบ้างเพราะขา
ตอนพิเศษ 1 หาเรื่องใส่ตัวหลังจากที่ย้ายมาอยู่ที่ปักกิ่ง เกาซื่อหลินก็ยังคงช่วยงานของหยางเหมยจินเหมือนเดิมพร้อมกับดูแลพี่สาวบุญธรรมไปด้วย วันนี้ทั้งสองออกมาซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าเพียงลำพัง เพราะสองแฝดไปเรียนหนังสือ ตงเหวินหมิงกับตู้อี้ข่ายก็ไปทำงาน“นี่เสี่ยวหลิน ไม่ต้องคอยระมัดระวังขนาดนั้นก็ได้ พี่แค่ท้องนะไม่ใช่คนป่วยสักหน่อย” หยางเหมยจินพูดพึมพำออกมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ เพราะตั้งแต่เธอตั้งท้อง ทุกคนก็แทบจะไม่ให้เธอทำอะไรเลย เธอแทบจะเป็นง่อยอยู่แล้ว“พี่เหมยจินก็พูดไป ถ้าเกิดพี่เดินไม่ระวังแล้วสะดุดล้มขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะ ต่อให้มีคนของพี่เขยติดตามมาด้วย ใช่ว่าจะมีคนกล้าแตะต้องตัวพี่นะ หน้าที่นี้เป็นของฉัน อย่างไรฉันก็ต้องคอยดูไว้ก่อน” เกาซื่อหลินโต้แย้งกลับทันที เพราะเธอต้องระวังความปลอดภัยให้กับพี่สาวคนนี้ เลยทำให้ต้องดูเหมือนทำเกินจริงไปหน่อย แต่ป้องกันไว้ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ“เอาเถอะ แล้วแต่เธอก็แล้วกัน นั่นร้านขายขนมฝรั่งเปิดใหม่หรือเปล่า เราลองเข้าไปดูกันเถอะ” หยางเหมยจินคร้านจะเถียงกับอีกฝ่าย เมื่อเห็นร้านขนมเปิดใหม่จึงชวนอีกฝ่ายไปดู เนื่องจากขนมพวกนี้เธอกินแล้วติด
บทส่งท้าย ครอบครัวที่ต้องการสามปีต่อมา... หลังจากวันนั้นวันที่ตงเหวินหมิงกลับมา นั่นจึงทำให้หยางเหมยจินคลายความกังวลและรู้สึกดีใจที่เขาปลอดภัย โดยที่ตงเหวินหมิงเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังเธออย่างละเอียด แล้วยังบอกอีกว่าเวลานี้เขาล้างมลทินให้ตระกูลตงเรียบร้อยแล้ว รวมถึงตระกูลของพี่เขยด้วย ก่อนจะบอกความจริงกับเด็กน้อยทั้งสอง ซึ่งแม้ทั้งสองคนจะรับรู้ว่าตนเองนั้นไม่ใช่ลูกแต่เป็นหลาน แต่ทั้งสองก็ยังคงเรียกตงเหวินหมิงว่าพ่อ และเรียกหยางเหมยจินว่าแม่เหมือนเดิมส่วนเรื่องบ้าน ทั้งหมดได้ย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองเรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านที่รู้ความจริงว่าตงเหวินหมิงคือนายท่านหยางก็พากันตกใจ บางคนก็เสียดาย ที่ก่อนหน้านี้พวกตนน่าจะทำดีกับบ้านตงไว้ ส่วนซูหว่านแทบจะเสียสติ ที่ชายที่เธอหมายปองนั้นคือคนที่มีอิทธิพลของเมืองนี้ แถมยังร่ำรวยมากอีกด้วยแต่เพราะทางบ้านซูของเธอไม่อยากมีปัญหากับบ้านตงและรู้ว่าซูหว่านคงไม่จบเรื่องบ้านตง บ้านซูจึงตัดสินใจหาสามีที่อยู่ต่างเมืองให้เธอทันทีทำให้สามปีที่ผ่านมาไม่มีใครคอยมาวุ่นวายกับสองสามีภรรยามากนัก ทุกวันนี้ตงเหวินหมิงจึงรู้สึกสบายใจอย่างมาก“ตอนนี้เรื่องราวทุกอย่างที่
บทที่ 52 จบสิ้นปัญหาหลายวันต่อมา...ในหมู่บ้านมีคนแปลกหน้าเข้ามาทำงานในคอมมูนไม่น้อยเลย แถมหัวหน้าคอมมูนยังให้ชาวบ้านช่วยกันสร้างที่พักให้ นี่จึงทำให้ใครหลายคนพากันแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะก่อนหน้านี้หัวหน้าคอมมูนบอกเองว่าทางการยังไม่ได้ส่งคนเข้ามา แต่ทำไมวันนี้กลายเป็นว่ามีคนมากมายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านล่ะ“พวกเราคิดว่ามันแปลกหรือไม่ ที่จู่ ๆ ก็มีคนเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านจำนวนไม่น้อยเลย” ชาวบ้านคนหนึ่งถามขึ้น“จะขี้สงสัยไปทำไมกัน คนมาทำงานจะคิดมากไปทำไม หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น หัวหน้าหมู่บ้านคงบอกแล้วล่ะ” อีกคนตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจการพูดคุยของกลุ่มชาวบ้านแม้ว่าแปลกใจและสงสัยแต่ก็เลือกที่จะไม่ถาม เพราะรู้ดีว่าทุกคนมีหน้าที่การงานของตนเองซึ่งเรื่องนี้มีแค่หัวหน้าคอมมูนเท่านั้น ที่รู้ว่าเป็นคนของใครที่ถูกส่งเข้ามา เขาไม่คิดว่าคนเคยปลอมเป็นชาวบ้านมางานแต่งของตงเหวินหมิงกับหยางเหมยจินจะเป็นถึงนายท่านหลู่ นายท่านผู้ลึกลับแต่ทรงอิทธิพล และเขาก็ไม่คิดว่าท่านจะส่งคนมาบอกเรื่องที่จะให้ คนมาทำงานในคอมมูน โดยปลอมเป็นชาวบ้านที่มาทำงานในคอมมูนที่หมู่บ้านแห่งนี้เพื่อที่จะปกป้องใครบางคน ซึ่งต่อให้ช
บทที่ 51 เดินทางไปปักกิ่งเมื่อมีคนมาจี้ใจดำตัวเอง ซูหว่านจึงมีท่าทีฟึดฟัดขึ้นมา ก่อนจะพูดเสียงดัง “แล้วยังไง ฉันยังหวังและเชื่อว่าฉันจะแต่งเข้าบ้านตงได้แน่นอน รอจังหวะก่อนเถอะ”ชาวบ้านที่ได้ยินต่างก็ส่ายหน้าอย่างระอา เพราะเวลานี้ตงเหวินหมิงได้จัดพิธีแต่งงานกับหยางเหมยจินแล้ว ดูแล้วเขายังรักภรรยาคนนี้มากอีกด้วย แล้วแบบนี้คนอย่างซูหว่านจะเข้าไปแทรกกลางได้อย่างไรกัน“พี่ใหญ่ ดูเหมือนพ่อจะมีเรื่องกลุ้มใจนะ พี่คิดว่าอย่างนั้นไหม” ตงฟางลี่พูดขึ้นเพราะรู้ว่าพ่อนั้นทำงานหนัก เพราะต้องทำงานทั้งในตำแหน่งนายท่านหยาง และยังต้องทำงานในคอมมูนเพื่อต้องการปิดบังฐานะที่แท้จริงต่อคนภายนอก เธอเห็นแล้วสงสารพ่อเหลือเกิน“เรื่องนี้พี่เองก็คิดเหมือนกัน พี่เลยต้องตั้งใจเรียนอย่างไรละ เมื่อไรที่พี่โตขึ้น พี่จะทำงานและเลี้ยงพ่อกับแม่เอง รวมถึงลี่ลี่ด้วย” เด็กชายที่อยู่ในช่วงจะเข้าวัยเด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง“คุยอะไรกันจ๊ะเด็ก ๆ รีบมากินมื้อเที่ยงได้แล้ว วันนี้แม่ทำบะหมี่เนื้อตุ๋นให้กินนะ มาเร็ว ๆ” หยางเหมยจินโผล่หน้ามาจากครัว ก่อนจะตะโกนเรียกลูกทั้งสองคน ทำให้สองพี่น้องรีบวิ่งมาทันทีเพราะอาหารที่แม่ของ
บทที่ 50 สถานการณ์คับขันหลายวันต่อมา...ท่านนายพลกุ้ยเอ่ยขอพบกับนายท่านหยางเพื่อขอซื้ออาหารเพิ่มและต้องการอาวุธที่มีประสิทธิภาพ แม้ว่าในมิติของหยางเหมยจินจะไม่มีอาวุธเหล่านั้น แต่เส้นสายของนายท่านหลู่กลับมี ซึ่งเป็นอาวุธคุณภาพดีจากต่างประเทศ แต่ตงเหวินหมิงยังไม่อยากให้ขาย เพราะไม่แน่ว่าคนของเขาและนายท่านหลู่อาจจะต้องใช้ และถ้าใครรับรู้ว่านายท่านหลู่ค้าอาวุธแบบผิดกฎหมาย คนพวกนั้นอาจจะเอาเรื่องนี้มาเล่นงานกลับก็ได้“เรื่องจัดหาอาหารนั้นผมไม่มีปัญหา แต่เรื่องอาวุธเห็นทีจะไม่ได้ เส้นสายของท่านน่าจะมี ย่อมต้องรู้ว่าผมมีเพียงอาหารเท่านั้น” ตงเหวินหมิงตอบกลับนายพลกุ้ยด้วยแววตาที่จริงจัง เขารู้ดีว่านายพลคนนี้มาหาด้วยเรื่องอะไร การขอซื้ออาวุธอาจจะเป็นแผนลวงก็เป็นได้“ไม่สามารถหาได้เลยอย่างนั้นเหรอ” นายพลกุ้ยถามย้ำอีกครั้ง เพราะคราวนี้เขาได้รับคำสั่งมาเพื่อให้ซื้ออาวุธกับอีกฝ่าย แต่กลายเป็นว่านายท่านหยางคนนี้กลับไม่โอนอ่อนเพื่อที่จะจัดหาอาวุธให้ทางฝ่ายเขาและแบบนี้เขาจะกลับไปตอบนายใหญ่ได้อย่างไร สีหน้าในตอนที่ถามออกมาจึงกังวลไม่น้อย“ครับ ผมคิดว่าเรื่องนี้นายพลกุ้ยลองไปสอบถามพ่อค้าคนอื่นดูเถอะ
บทที่ 49 ต่างมอบความรักให้กันย้อนกลับมาที่หมู่บ้าน เวลานี้ซ่านหลิงเดินทางมาหยางเหมยจินด้วยตนเอง เพราะรู้ดีว่าสามีของน้องสาวคนสนิทนั้นมีความรู้จักมักคุ้นกับนายท่านหยาง เลยตัดสินใจเดินทางมาหาด้วยตนเอง นั่นก็เผื่อว่าน้องสาวคนนี้จะบอกสามีให้แจ้งนายท่านหยางเพื่อที่จะตัดสินใจได้ง่ายขึ้น“อย่างไรฉันจะบอกพี่หมิงให้ก็แล้วกันนะคะพี่ซ่านหลิง เรื่องนี้ใหญ่เกินไปสำหรับผู้หญิงอย่างเรา แล้วอีกอย่างเรื่องนี้อยู่ที่การตัดสินใจของนายท่านหยาง พี่หมิงทำได้เพียงส่งข่าวของพี่ให้นายท่านรู้เท่านั้น”หยางเหมยจินหลบเลี่ยงที่จะตอบตรง ๆ แม้ว่าจะสนิทกันอย่างไร เรื่องที่สามีของเธอคือนายท่านหยางนั้น เธอก็ยังไม่พร้อมที่จะบอกพี่สาวคนนี้ จึงทำเพียงพูดว่าสามีของเธอมีความรู้จักมักคุ้นกับนายท่านหยางเท่านั้น“เรื่องนี้ฉันเข้าใจ เธอรู้ใช่ไหมว่าใครต่อใครต่างก็อยากให้นายท่านหยางเข้าร่วมด้วย”ซ่านหลิงเองก็ไม่อยากบังคับน้องสาวคนสนิท เพราะเรื่องนี้เธอกลัวว่าตงเหวินหมิงที่รู้จักมักคุ้นกับนายท่านหยางจะโดนร่างแหไปด้วยหากเกิดอะไรขึ้น ซึ่งนั่นหมายถึงหยางเหมยจินจะเจอเรื่องเลวร้ายด้วยเหมือนกัน“ฉันเข้าใจ และขอบคุณพี่มากที่มาส่งข่าวเร