"อะไรนะ! เด็กคนนั้นเป็นคู่หมั้นขององค์รัชทายาท"
"หมายความว่ายังไงกัน"
"ยังงี้ลูกสาวของฉันก็อดตำแหน่งจักรพรรดินีสินะ"
"แล้วเป็นลูกตระกูลไหนกันถึงได้ครองหัวใจของรัชทายาทได้นะ"
เสียงซุบซิบนินทาต่างๆ นานาถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในงานเลี้ยงภายในวันนี้ แล้วมันเรื่องอะไรกันแน่
ดาบจ่อหน้า
คู่หมั้น
รัชทายาท
จักรพรรดินี
หรือว่า!
"ท่านพี่เป็นลูกขององค์จักรพรรดิใช่ไหมครับ" เสียงหวานถามออกมาด้วยน้ำเสียงก่ำกึ่ง ดวงตากลมโตมีแววสับสนอย่างเห็นได้ชัด
"ใช่ แต่ว่ายังไม่มีเวลาเล่าเลยก็เกิดเรื่องซะแล้วสิ" น้ำเสียงของคีย์แลดูไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรกับเหตุการณ์นี้มากนัก
"พี่ชายของข้าถึงกับออกโรงปกป้องแบบนี้ มันต้องมีอะไรมากกว่าที่เห็นอย่างแน่นอน" คลาสพูดพลางมองร่างของจีนด้วยความสงสัย
"นั่นสิ ปกติพี่ชายของพวกข้าไม่มาทำอะไรแบบนี้หรอกนะ" ครอสมีท่าทีเห็นด้วยพลางมองตามพี่ชายฝาแฝดของตนเอง
"ท่าทางว่ารัชทายาทจะต้องอธิบายท่านจักรพรรดิและจักรพรรดินีภายในวันพรุ่งนี้นะ พรุ่งนี้เช้ารบกวนเข้าเฝ้าที่วังหลวงด้วยพะยะค่ะ" มีเทน คนสนิทของจักรพรรดิบอกตามคำสั่งที่ได้รับมา เป็นอันรู้ดีในหมู่ของคนรับใช้ว่าแม้เขาจะเป็นคนรับใช้เหมือนตระกูลอื่นๆ แต่เขามีเส้นสายและอำนาจมากพอที่จะทำให้บางตระกูลหายไปได้เลยทีเดียว
"อึ๋ย! แค่ฟังเสียงก็น่ากลัวอะ / สยองขวัญชัดๆ เลย" สองแฝดพากันขนลุกซู่ในขณะที่พี่ชายคนโตทำเพียงพยักหน้ารับเท่านั้นเอง
นี่เขากำลังทำให้คีย์ลำบากใจหรือเปล่านะ ทั้งที่แค่จะช่วยคุณบลัฟเฟอร์แล้วทำไมกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปได้แบบนี้ โลกนี้มันยังไงกันแน่เนี่ย โลกนี้ถูกหล่อหลอมมากแบบไหนทำไมถึงเกิดสงครามแบบนี้
"ขอโทษนะ แต่คุณชายจีนน่าสนใจมากจริงๆ มาถึงที่นี่ก็ได้พบกับท่านจักรพรรดิแล้ว ข้าเองก็ทำงานรับใช้มานานยังไม่เคยได้รับการเรียกส่วนตัวเช่นนี้เลย" มาร์เเชลบอกด้วยสีหน้าชื่นชมซึ่งคีย์ดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายให้ความสนใจกระรอกน้อยของเขาแน่นอน
"ผมว่ายังไงมันก็แปลกนะครับ" เสียงหวานเอ่ยตอบไปด้วยความสงสัย ที่นี่มีแต่สิ่งที่เขาไม่เข้าใจสักอย่าง แถมความทรงจำของเขามันก็ค่อนข้างที่จะเลื่อนลางเสียด้วย
"หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะคุณชายจีน" ไม่พูดเปล่ามือหนายังเอื้อมมาจับมือขาวพลางกดจูบเบาๆ ก่อนจากไปอีกต่างหาก
"เอ๋! " เขาขยับตัวหนีทันทีด้วยความตกใจแต่ปฏิกิริยาแบบนี้ยิ่งทำให้ดูน่ารักเข้าไปมากกว่าเดิมอีก กระรอกน้อยของคีย์ดูท่าว่าจะเนื้อหอมมากว่าที่คิดไว้เสียแล้ว
"ข้าคิดว่ากลับกันดีกว่าครับกระรอกน้อย พรุ่งนี้ต้องเดินทางอีก"
"ครับ"
มือหนากุมมือขาวเอาไว้ไม่ยอมปล่อยแม้ว่าจะพาเดินออกมาจากงานเลี้ยงแล้วก็ตามที เขาตั้งใจมาประกาศว่ากระรอกน้อยเป็นของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ดูสายตาของพวกแวมไพร์กระหายเลือดเหล่านั้นสิ ดูก็รู้ว่าอยากดื่มเลือดมากแค่ไหน เขาจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด
จีนนั่งเงียบมาตลอดทางเพราะไม่รู้ว่าสีหน้าครุ่นคิดของคีย์นั้นหมายถึงอะไร ดวงตากลมโตพยายามมองหาว่าที่นี่คือที่ไหน มันคือดินแดนอะไร ทำไมทุกคนถึงมองเขาด้วยสายตาเหมือนจะกินเข้าไปได้ทั้งตัวแบบนั้นด้วย ไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียว แล้วทำไมคีย์ต้องโมโหขนาดนั้น มีแต่เรื่องให้งงไปหมดเลยวันนี้
"กระรอกน้อย" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียก หลังจากพากันเงียบอยู่นาน
"ที่นี่คือดินแดนที่แวมไพร์อาศัยอยู่ กระรอกน้อยเป็นมนุษย์เพียงคนเดียว ไม่แปลกที่จะมีแต่คนสนใจเพราะว่ากลิ่นเลือดมันหอมหวานเชิญชวนให้อยากดื่มตลอดเวลาขนาดนี้ แต่ข้ามีความอดทนมากพอที่จะไม่ทำเช่นนั้น...ถ้ากระรอกน้อยไม่เต็มใจ"
ที่แท้ก็มาอยู่โลกของแวมไพร์นั่นเอง เขาก็นึกว่าที่ไหน
เดี๋ยวนะ!
แวมไพร์!
แวมไพร์!
ดื่มเลือด!
ร่างสูงโปร่งเขยิบหนีโดยอัตโนมัติเมื่อรู้ว่าเผ่าพันธ์ของพวกเรานั้นแตกต่างกันมากแค่ไหน ส่งผลให้อีกฝ่ายหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู เพราะถ้าหากว่าเขาต้องการจะดื่มเลือดใครขึ้นมาแล้วล่ะก็...สำหรับเลือดบริสุทธิ์อย่างเขาแล้ว มันไม่ยากเกินความสามารถหรอก แต่ที่เลือกจะไม่ทำเพราะต้องการถนอมอีกฝ่ายไว้ให้นานที่สุดมากกว่า และเลือดของอีกฝ่ายมันไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
"กระรอกน้อยเคยเห็นหน้าพ่อไหม" เสียงทุ้มต่ำถามเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศให้ดีขึ้น
"อย่ากลัวไปเลย ข้าไม่เลือกคนที่ไม่เต็มใจหรอกนะ ที่นี่มีวิวัฒนาการที่ให้มนุษย์บริจาคเลือดให้แวมไพร์อย่างพวกข้าเพราะฉะนั้นไม่ต้องไปปล้นกินก็มีให้ดื่มกินตามต้องการ"
"ท่านพี่เหมือนบุคคลในหนังสือของคุณตา" ดวงตากลมโตกรอกไปมาเพื่อใช้ความคิด
"เหมือนยังไง" เสียงทุ้มต่ำถามด้วยความใคร่อยากรู้
"มันเป็นสมุดบันทึกของคุณตา ท่านบันทึกไว้ว่าเคยไปยังสถานที่แห่งหนึ่งโดยคิดว่าไม่อาจจะกลับไปได้อีกแล้ว เป็นดินแดนที่มนุษย์กับแวมไพร์อาศัยอยู่ด้วยกัน..." เขาเริ่มรู้ตัวแล้วว่าพูดมากเกินไปเลยหยุดพูดเสียดื้อๆ
"ไม่ต้องคิดมากค่ะ พูดต่อเลย ข้าอยากฟัง"
"เป็นสถานที่โลกของพวกเราไม่มี เพราะพวกเรามีเพียงมนุษย์เท่านั้น และมีเพื่อนชื่อว่าคีย์ที่ช่วยชีวิตของเขาเอาไว้ เขาอาศัยอยู่ที่นั่นจนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายเพราะไม่มีวิธีที่จะกลับมายังโลกเดิมของตนเองได้ แต่อยู่มาวันหนึ่งสมุดบันทึกที่เขาเคยจดก็หายไปแล้วมาอยู่ที่บ้านของผมครับ แม่บอกว่าพ่อเป็นคนเอามาให้ครับ" เขาเล่าตามที่ได้ยินมาแต่ฟังดูแล้วมันดูขัดกันไปเสียหมด ไม่เข้ากันเลยสักอย่าง
"กระรอกน้อยก็รู้สึกใช่ไหมครับว่ามันไม่เข้ากันอย่างแรง" ใบหน้าหวานพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเพราะมันไม่เข้ากันจริงๆ
"ข้าคิดว่ากระรอกน้อยไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นลูกครึ่งเทพเพราะว่ากลิ่นเลือดมนุษย์มันยังอยู่ในตัว"
"เอ๋!!! "
"ไม่ได้สังเกตเลยเหรอคะ ปีนี้กระรอกน้อยอายุเท่าไหร่"
"กำลังจะสิบแปดครับ"
"อีกไม่นานเลือดในตัวของกระรอกน้อยจะเป็นคนบอกเอง ที่ข้าพูดแบบนี้เพราะว่าปู่ของกระรอกน้อยก็คือเพื่อนของข้า และมีกลิ่นเลือดแบบเดียวกัน"
"อะไรนะครับ! นี่ท่านพี่อายุเท่าไหร่ครับเนี่ย! " ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ นี่มันสามรุ่นมาแล้วนะ คีย์อายุเท่าไหร่กันแน่
"เอาเป็นว่าเก็บเสื้อผ้าแล้วเตรียมตัวเข้าวังหลวงกันวันพรุ่งนี้ดีกว่านะ ท่าทางจะต้องโดนสอบสวนอีกเยอะแน่ๆ และยังต้องเจอมาร์แชลด้วยเพราะว่าเป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องขึ้น"
"ครับ"
ร่างสูงโปร่งถูกปลุกตั้งเช้าตรู่และยังไม่ได้กินอาหารเช้าด้วยซ้ำ โดนที่เจ้าคฤหาสน์ให้เหตุผลว่าไปกินที่วังหลวงเลยดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา มือขาวเลยเตรียมอาหารแบบลวกๆ อย่างแซนวิชมาเพื่อพกกินระหว่างทาง เมื่อก้าวเข้ามาในรถม้าแล้วก็ไม่ลังเลที่จะหยิบขึ้นมากินในทันที ดวงตาคมมองด้วยความสงสัยและเอ่ยปากถามในทันที
"กระรอกน้อย ที่กินเข้าไปคืออะไรเหรอ" เสียงทุ้มต่ำถามพลางเอียงคอมองไปมาด้วยความสงสัย ถึงแม้ว่าจะอายุมากแล้วแต่การกระทำแบบนั้นน่ารักไม่น้อยเลยทีเดียว
"แซนวิชครับ คือการนำขนมปังมาตัดเป็นแผ่นแล้วใส่ผัก และเนื้อที่ต้องการกินแล้วใส่น้ำที่ทำขึ้นมาแล้วลงไปครับ โดยน้ำเหล่านี้แล้วแต่ว่าจะเป็นน้ำสลัดหรือว่าน้ำผักหรือจะเป็นแยมหรือเนยก็ได้ทั้งหมดครับ แต่ผมเห็นว่าในตู้เย็นมีเพียงเนยเลยทาด้วยเนยสดครับ"
"วิเศษมากเลย กระรอกน้อยมีให้ข้าลองกินไหมคะ"
"มีครับ ผมทำเผื่อไว้สองอัน"
"แล้วทำไมถึงต้องกินระหว่างเดินทาง ในเมื่อก็ใกล้จะถึงวังหลวงแล้ว"
"แซนวิชคืออาหารว่างหรืออาหารกินเล่นครับ ไม่ใช่อาหารหลักในการกิน ถือเป็นมื้อระหว่างวันครับ สำหรับโลกของผมมันเป็นแบบนี้ครับ"
"สุดยอดเลย ถ้างั้นลองทำอาหารว่างให้ข้ากินแบบนี้ระหว่างวันได้ทุกวันไหม"
"ได้ครับ ยังไงผมก็ชอบทำอาหารอยู่แล้วครับ"
"กระรอกน้อยจะทำให้ข้าประทับใจไปถึงไหนกันนะ ข้าไม่รู้จะเริ่มชมจากตรงไหนก่อนแล้วนะ"
เหมือนได้รับคำชมมากมายเริ่มทำให้ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อขึ้นมาดื้อๆ ถึงแม้ว่าอากาศจะเย็นสบายแต่เหมือนมีไฟมาสุมรวมกันอยู่ที่แก้มนวลทั้งสองข้างเลย
"ขอบคุณครับ รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ท่านพี่พึงพอใจครับ" เสียงหวานเอ่ยตอบกลับไปไม่เต็มเสียงนัก เขาหลีกเลี่ยงที่จะสนทนาด้วยการมองไปที่วิวด้านนอกแทน ทุกอย่างเป็นอย่างที่ถูกเขียนไว้ในบันทึก บรรยากาศเหมือนยุโรปกลางชัดๆ ถึงแม้ว่าจะมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในบางเรื่องแต่เรื่องวัฒนธรรมบางอย่างก็ไม่มีสินะ
รถม้ายังคงเดินทางออกไปตามเส้นทางหลักของหัวเมืองทางตะวันออก ถ้าเทียบกับทิศทางของใจกลางจักรวรรดิแล้ว เส้นทางของตะวันออกถือว่าเดินทางได้ง่ายที่สุดแล้ว และมีของที่ค่อนข้างสะดวกสบายกว่าหัวเมืองอื่นมากนัก
"ถึงแล้วพะยะค่ะ หม่อมฉันขอตัวไปเก็บรถม้าก่อน"
"อืม อย่าลืมขนของเข้ามาด้วยล่ะ"
"พะยะค่ะ รัชทายาท"
วังหลวงถูกดีไซน์ด้วยสีโทนดำเกือบทั้งหมดตัดกับสีขาวบางส่วนคงความเก่าแก่และน่าสะพรึ่งกลัวไว้ในคราวเดียวกัน สมแล้วที่เป็นวังของแวมไพร์น่ากลัวได้ดีเลยทีเดียว เหมือนกับว่าสามารถประกาศศักดาและข่มขวัญคู่ต่อสู้ได้ดีเลยทีเดียว ร่างสูงโปร่งเดินเข้าไปโดยไม่มีท่าทีหวั่นไหวอะไรเลยทำให้อีกฝ่ายประหลาดใจไม่น้อย
ที่นี่ถ้าเปรียบกับโลกมนุษย์แล้วก็เหมือนบ้านผีสิงขนาดใหญ่เท่านั้นเอง แล้วเขาไม่ได้กลัวผีจะทำท่าตื่นกลัวไปทำไมกัน เดินไปด้วยท่าทีสบายๆ มันก็ไม่มีอะไรแล้ว อีกอย่างสิ่งที่เขาทำมันไม่ใช่เรื่องที่ผิด คนไม่ผิดไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว
"มากันแล้วเหรอ" องค์จักรพรรดิทักทายลูกชายและคู่หมั้นที่ลูกชายไปประกาศไว้ในงานเลี้ยงของบ้านมาร์แชล ทำไมถึงทำแบบนั้น มีเหตุผลอะไรกันแน่ ลูกของเขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนจะต้องมีสาเหตุอย่างแน่นอน
"ครับ ท่านพ่อ" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยตอบกลับไป
"ครับ ท่านจักรพรรดิ"
"ที่รัก ทำไมเจ้าทำให้เด็กคนนั้นเกร็งล่ะ"
"โธ่! ข้าไม่ได้ตั้งใจนะ"
"ข้าคิดว่าท่านพ่อคงไม่ได้เรียกมาจากงานที่ยังค้างคาเพื่อมาดูท่านพ่อกับท่านแม่ทะเลาะกันใช่ไหม" เสียงทุ้มต่ำเริ่มขุ่นมัวตามอารมณ์เพราะว่างานของเขายังมีอยู่มากแต่ถูกลากตัวมาแบบนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยจำใจต้องมายังวังหลวงแห่งนี้
"อรุณสวัสดิ์ คุณชายจีน" มาร์แชลเอ่ยทักทายด้วยท่าทีเป็นมิตรแต่เหมือนว่าคีย์จะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ ก็อย่างว่า...ใครจะพอใจที่มาถูกใจคนที่ตัวเองชอบแบบนี้กันนะ
"อรุณสวัสดิ์ครับ คุณบลัฟ" ประเด็นมันอยู่ตรงที่อีกฝ่ายไม่รู้ว่าใครหลงรักตัวเองเข้าแล้วต่างหากล่ะ
"จะเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะ ทำไมเจ้าถึงได้สามารถต่อสู้กับคนที่จะมาปองร้ายกับมาร์แชลได้ ทั้งจักรวรรดิเรียนรู้การต่อสู้ด้วยการใช้ดาบและอาวุธต่างๆ นานา ไม่ได้ถูกสอนมาแบบนั้น เจ้าเป็นคนที่ไหนกันแน่ เจ้าอยู่ตระกูลไหน" จักรพรรดิรัวคำถามที่อยากรู้มากมายใส่จีนโดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรมากนัก มันเหมือนกับสถานการณ์เข้าห้องเย็นในห้องปกครองในโรงเรียนไม่มีผิด การแก้ไขสถานการณ์คือการบอกความจริงไปต่างหาก
"การต่อสู้นี้เรียกว่าคาราเต้ครับ คือการใช้ร่างกายเตะต่อยออกไปในระยะสั้นด้วยความว่องไวและตัดกำลังคู่ต่อสู้ แม้ว่าจะไม่มีอาวุธแต่สามารถต่อสู้กับอีกฝ่ายได้ ผมถูกสอนมาแบบนั้นมากกว่าการใช้อาวุธเพราะว่าการใช้อาวุธเป็นเรื่องอันตรายมากสำหรับที่บ้านผม คนที่ไม่ได้ทำงานด้านนั้นโดยตรงห้ามใช้ครับ
ส่วนเรื่องที่ว่าเป็นคนที่ไหนเป็นคนที่ตกลงมาจากท้องฟ้าครับ ตระกูลไหนนี่ต้องมีตระกูลด้วยเหรอครับ พอดีว่าบ้านผมนับเป็นชื่อกับนามสกุลปกติ เรื่องนี้ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ครับ ส่วนเรื่องอาวุธแล้วล่ะก็...มีวิชากระบี่กระบองตอนม.ต้นผมเองก็ได้เกรด 4 ซะด้วย ใช้ได้สบายแน่นอนครับไม่ว่าจะท่าไม้ตายไหนคือเฉียบขาดมาก"
"มาร์แชล เจ้าออกไปก่อน"
"พะยะค่ะ ท่านจักรพรรดินี" ถึงแม้ว่ามาร์แชลจะสงสัยมากเพียงใดแต่ก็ไม่อาจขัดกับอำนาจขององค์จักรพรรดินีได้ เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายในหมู่แวมไพร์แล้วเลือดต่างหากที่เป็นตัวบ่งบอกว่าใครมีพละกำลังมากกว่าเรื่องเพศ
"ตัวการไปแล้วนะลูกจีน เล่าต่อเลยลูก"
"วิชากระบี่กระบองที่ลูกจีนพูดหมายถึงอะไร" จักรพรรดิถามด้วยความสงสัย
"มันก็คือวิชาการใช้ดาบรูปแบบหนึ่งครับแต่มันเรียกว่ากระบี่กระบองเพราะว่าเป็นการใช้อุปกรณ์จำลองในการต่อสู้ ทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บจริงๆ ครับ" เสียงหวานอธิบายและมีท่าทางประกอบไปด้วย
"ลูกจีนคือคนในคำทำนายของท่านโหราจารย์ใช่หรือไหมคีย์" จักรพรรดินีเอ่ยถามและมั่นใจมากว่าจะต้องใช่
"พะยะค่ะ ท่านแม่"
"ขอประทานอภัยพะยะค่ะ ข้าพาท่านโหราจารย์มาพบแล้ว" เมล์บอกพลางผายมือไปด้วย
"คุณชายหนูจีนจริงๆ ด้วย หน้าตาเหมือนปู่ของท่านมากเลยนะ" สตุฟเฟลบอกด้วยท่าทีสบายๆ ขัดกับตำแหน่งที่ได้ แต่ทำให้คนทั้งท้องพระโรงทราบกันหมดแล้วว่าจีนมาจากโลกอื่นไม่ใช่โลกนี้ เพราะคำทานายระบุไว้ว่า
'คู่ของรัชทายาทไม่ใช่แวมไพร์จากโลกนี้'
'รูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาน่ารักเรียกว่าสะสวยเลยก็ว่าได้'
'เป็นคนที่จะตกลงมาจากบนฟ้าเหมือนเมื่อหลายสิบปีก่อนที่พบเจอมนุษย์คนนั้นนั่นเอง'
"มีอะไรกันหรือเปล่าครับ เงียบกันหมดแบบนี้" เขาเอ่ยถามออกด้วยความสงสัย ทำไมทุกคนมีท่าทีแปลกไปมีทั้งชื่นชมตกใจสับสน ความรู้สึกมันหลาดหลายเกินไปหรือเปล่านะ แล้วแบบนี้มันถูกต้องแล้วเหรอที่จะรู้สึกแบบนั้น
"กระรอกน้อย"
"ครับ"
"จากคำทำนายของท่านโหราจารย์ กระรอกน้อยคือมนุษย์ครึ่งเทพ พ่อเป็นเทพ แม่เป็นมนุษย์"
"เอ๋! "
"และที่สำคัญกว่าเลยก็คือ...กระรอกน้อยคือคนในคำทำนาย"
"ครับ? "
"คำทำนายสุดท้ายคือกระรอกน้อยคือเนื้อคู่ของข้า"
"ว่าไงนะครับ!!! "
หน้าตาที่ตื่นตระหนกและท่าทางสั่นระริกราวกับหวาดกลัวในครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน ครั้งนี้ไม่ใช่การหวาดกลัวด้วยความน่ากลัวแต่มันคือความตกใจปนหวาดกลัวไปในคราวเดียวกันต่างหาก เพราะว่าเขาเป็นผู้ชายแล้วจะมาเป็นเนื้อคู่ของอีกฝ่ายได้ยังไงล่ะเล่า!"ท่านพี่ครับ" จีนเรียกอีกฝ่ายด้วยความสับสน ท่าทางน่ารักเหล่านั้นตกอยู่ในสายตาคนทั้งท้องพระโรง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเสน่ห์ของเด็กคนนี้เหลือล้นจริงๆ จนเขาแทบอยากจะไปควักลูกตาของทุกคนออกมาไม่ให้เห็นออร่าของความน่ารักนั้นเลยสักนิดเดียว กระรอกน้อยเปล่งประกายมากเกินไปแล้ว"อืม" เสียงทุ้มต่ำตอบรับทันที เขาคิดว่าทุกคนน่าจะดูออกหมดแล้วล่ะว่าเขารู้สึกยังไงกับเด็กคนนี้ มันไม่ใช่แค่คำทำนายแต่ความรู้สึกของเขามันแสดงออกนอกหน้าขนาดนี้แล้ว"ผมเป็นผู้ชายนะครับ""เรื่องนั้นสำหรับพวกเราแล้วไม่ใช่ปัญหานะหนูจีน เพราะว่าการครองราชย์ของที่นี่ขึ้นอยู่ที่ความเหมาะสมมากกว่าการมีลูก บุตรของใครมีความเหมาะสมมากกว่ากันถึงจะได้บัลลังค์ไปนะ ไม่ต้องห่วงนะ" จักรพรรดินีบอกด้วยแววตาอ่อนโยน"ผมว่าแบบนั้นต่างหากครับที่ทำให้บัลลังค์ของพี่คีย์สั่นคลอนเพราะความไม่มั่นคงในการมีทายาท และตำแหน่งจ
เปลือกตาสวยกลมโตกระพริบตาสองสามครั้งเมื่อสายแดดส่องมายังห้องนอนของเขา เวลานี้ถือเป็นเวลากลางวันซึ่งไม่ใช่วิสัยของแวมไพร์ที่จะตื่น ทั้งวังก็คงจะเงียบน่าดูเลยทีเดียวเชียว ร่างบางลุกขึ้นมาอาบน้ำชำระร่างกายตามพฤติกรรมของมนุษย์ทั่วไป ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในจักรวรรดิก็เถอะ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีจะคล้อยตามนอนกลางวันแล้วตื่นในเวลากลางคืนแบบนั้นแกร๊ก!"อรุณสวัสดิ์ กระรอกน้อยของพี่" คีย์เอ่ยทักด้วยรอยยิ้มเหมือนเคยแต่ติดตรงที่ว่าทำไมถึงได้ตื่นเช้าแบบนี้กันนะ มันไม่ใช่เวลาของแวมไพร์ไม่ใช่เหรอ"อรุณสวัสดิ์ คุณชายจีน" มาร์แชลเอ่ยทักทายยามเช้าอีกคน ยิ่งทำให้น่าสงสัยกันเข้าไปใหญ่เลยว่าคนใหญ่คนโตของที่นี่เขาไม่รู้จักทำงานทำการกันหรือยังไงนะ"ตื่นเช้าดีนะครับ มาทำอะไรกันหน้าห้องผมแต่เช้าเลย" เสียงหวานเอ่ยถามด้วยความสงสัย ดวงตากลมโตฉายแววฉงนอย่างเห็นได้ชัด คอที่เอียงไปมานั้นบ่งบอกถึงความอยากรู้อยากเห็นเป็นเท่าตัว การกระทำทุกอย่างอยู่ในสายตาของรัชทายาทแห่งบีเลอและคุณชายแห่งมาร์แชล ถ้าไม่ได้มีร่างกายที่ดูออกจะแข็งแรงเหมือนคนออกกำลังกายรวมถึงส่วนสูงและสรีระที่เหมือนผู้ชายแต่ก็ไม่ใช่ผู้ชายซะทีเดียวเรียก
เขารู้ตัวดีว่ากำลังหลบหน้าใครบางคน จะกล้าสู้หน้าได้ยังไงล่ะ! พูดซะขนาดนั้นแล้วนี่นา สงบใจไม่ได้เลยสักนิดเดียว"คุณชายจีนขอรับ เรียนเชิญทางนี้ขอรับ" เมล์บอกพลางผายมือไปทางโรงอาหาร"ขอบคุณครับ""เป็นอะไรหรือเปล่าขอรับ หน้าตาดูแดงตลอดเวลาเลย" เมล์ถามด้วยความเป็นห่วง หากคนโปรดของรัชทายาทไม่สบายจะต้องโดนดุอย่างแน่นอนเลย"ไม่เป็นไรครับ สบายดีครับ" ใครจะกล้าบอกว่าเขินพี่คีย์จนไม่กล้าสู้หน้ากันล่ะปึก!"ระวังหน่อยครับคุณชายจีน ถ้าข้าคว้าไม่ทันคือล้มแล้วนะ" มาร์แชลบอกพลางจับร่างบางมานั่งเก้าอี้แล้วช่วยปัดเศษฝุ่นออก"ขอบคุณครับ ผมไม่ระวังตัวเอง""ทำไมไม่ระวังตัวเลยนะ""แต่ว่า...""ซุ่มซ่ามแบบนี้ก็น่ารักดีนะ" เสียงทุ้มต่ำบอกด้วยรอยยิ้ม"ผ... ผม... ผมไม่คุยกับพวกคุณแล้ว ไปทางไหนมีแต่คนพูดจาแปลกๆ กันทั้งนั้นเลย" ช่วงขาเรียวยาวเดินหนีไปอีกทางทันที โดยที่ไม่ได้รับรู้ถึงสายตาเอ็นดูจากคนด้านหลังเลยสักนิดเดียวที่นี่มันคือโลกแบบไหนกันแน่นะ รู้ตัวว่าข้ามเวลามาอีกโลกหนึ่ง แต่ไม่คิดว่าจะแปลกประหลาดกันขนาดนี้ เหมือนเวลาจิรายุไปใกล้ใครคนนั้นก็จะพากันหลงรักไปเสียหมด เขาเป็นผู้ชายนะ! ทุกคนอย่าลืมสิ ทำไมถึงมีแ
เสียงหัวใจเต้นโครมครามจนแทบจะหลุดออกจากอก คนข้างกายจะรู้ไหมว่าเขาแสดงท่าทีแบบไหน ให้ตายเถอะ! เขามีอิทธิพลกับหัวใจมากจริงๆ"ผมว่าพวกเรารีบไปกินข้าวกันเถอะครับ ผมหิวแล้ว" ร่างสูงโปร่งรีบเดินหนีจากสถานการณ์ตรงหน้าเพราะจนปัญญาที่จะรับมือไหว ใบหน้าริ้วแดงนั้นสร้างความหลงใหลให้กับผู้ที่พบเห็นไม่น้อยเลยทีเดียว ช่างน่ารักน่ากินไปทั้งตัวยังไม่รวมกลิ่นเลือดหอมหวานนั่นอีก"พอเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่คีย์ถึงหวงนัก""นั่นสิ เป็นใครเจอแบบนี้ก็หวงกันหมด"ฉายาแฝดนรกของจักรวรรดิไม่ได้มีเพียงชื่อเท่านั้น ความแสบสันและการพูดจาก็ร้ายกาจไม่แพ้กัน บุคคลที่คลาสและครอสกลัวที่สุดคือพี่ชายคนโตหรือรัชทายาทนั่นเอง ส่วนสาเหตุนั้นไม่มีใครอาจตอบได้เพราะแม้แต่จักรพรรดิยังเอาไม่อยู่"ยังไงข้าก็ไม่ยอมแพ้แน่ คุณชายจีนจะต้องมาเป็นดัชเชสของมาร์แชล" มาร์แชลบอกด้วยความมั่นใจและไม่ยอมแพ้ ในเมื่อเจ้าตัวยังไม่ได้ตัดสินใจ ทุกคนก็มีโอกาสจะเข้าหาทั้งหมด"อย่าเพิ่งเถียงกันเลย รีบตามกระรอกน้อยไปเถอะ"ความสดใส น่ารัก ไร้เดียงสาที่แผ่ออกมารอบตัวจิรายุ ตกอยู่ในสายตาเหล่าแวมไพร์น้อยใหญ่ทั้งหมด ไม่มีมนุษย์คนไหนมาเยือนโลกนี้นานแล้ว ด้วยความท
"ทำหน้าแบบนี้แปลว่าตัดสินใจได้แล้วใช่ไหม ว่าควรทำตัวยังไง""มาร์แชล บลัฟเฟอร์" แฝดนรกก็คือแฝดนรกอยู่ดี คำพูดที่หลอกล่อให้คล้อยตามและหลงเชื่อ ไม่ว่าใครจะหนักแน่นหรือมั่นคงในความคิดของตนเองมากแค่ไหน หากโดนคำพูดขององค์ชายคลาสกับองค์ชายครอส ไม่มีทางที่จะหนีพ้น เหมือนเสียงกระซิบของปีศาจที่ต้องยอมทำตามแต่โดยดีอย่างไม่มีเงื่อนไข"แล้วองค์ชายทั้งสองไม่ติดใจอะไรบ้างเหรอพะยะค่ะ ว่าทำไมมนุษย์อย่างคุณชายจีนถึงได้รับตำแหน่งเป็นคุณชายญาติทางฝั่งพระจักรพรรดินี" มาร์แชลกลั้นใจถามออกไป เขายอมแพ้ที่จะสืบหาความจริงแล้วแต่ไม่มีทางที่ทั้งสองพระองค์จะยอมล่าถอยง่ายๆ แบบนี้ ทุกคนต้องรู้ดีถึงความน่ากลัว การปกครองที่สงบสุขหลายร้อยปีที่ผ่านมาไม่ได้มีเพียงแค่หน้าตา ความสามารถ ความเฉลียวฉลาดถือว่าไม่เป็นรององค์รัชทายาทเลยเพียงแต่เกิดช้ากว่าเท่านั้นเอง"จริงๆ ข้าก็อยากรู้นะ ท่านพี่ว่าไง""ข้าไม่ขอเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ท่านแม่ตัดสินใจเด็ดขาด ความน่ากลัวของท่านแม่มีมากมายนัก อยากมีชีวิตแบบที่แวมไพร์ควรเป็น ยังไม่อยากตายเยี่ยงมนุษย์""นี่คือข้อสรุปของพวกเราสองแฝด ไปนอนกัน" รูปร่างสง่างามที่เหมือนกันราวกับแกะทั้งสองเดิน
"มีเรื่องกันหรือเปล่าครับ ผมเป็นห่วง" ท่าทางกังวลถูกฉายชัดผ่านดวงตากลมโต เสื้อคลุมถูกสวมใส่อย่างลวกๆ หยดน้ำไหลเป็นทางตามร่างกายขาว หากผิวขาวซีดจะดูไม่น่าดึงดูดแต่ไวท์ดันขาวอมชมพู ยิ่งอาบน้ำมาใหม่ๆ ดูยั่วยวนโดยธรรมชาติมาก รัชทายาทลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ สามัญสำนึกบอกให้เขาหยุดคิดอะไรที่ไม่ดีไม่งาม"กระรอกน้อยรีบวิ่งออกมาจากห้องน้ำใช่หรือไม่" เสียงทุ้มต่ำถามพลางสะกดอารมณ์ของตนเองลง"ครับ ผมได้ยินเสียงเลยรีบคว้าชุดคลุมออกมาเลย" มือหนาคว้าผ้าห่มขนาดใหญ่ขึ้นมาแล้วพันร่างของไวท์ไว้ทั้งหมดพลางอุ้มพากลับไปห้องอาบน้ำ ไม่รู้ว่าระหว่างทางจะมีใครเห็นบ้าง สายตาพิฆาตถูกส่งไปยันทหารในคฤหาสน์ ทุกคนก้มลงกับพื้นหมดเพราะไม่อาจทนรังสีความหวงของรัชทายาทได้"แต่งตัวนะ แล้วเช็ดผมให้แห้งนะ""ครับ""ข้าว่าพวกเรากลับวังกันเถอะ""จะดีเหรอครับ""กระรอกน้อยช่วยทำฝายชะลอน้ำแล้ว""ทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร""ที่นี่อากาศเย็นเกินไป ข้าคิดว่าร่างกายของกระรอกน้อยจะรับไม่ไหว"คนที่รับไม่ไหวและรับมือยากที่สุดมันคือพระองค์ต่างหากล่ะ! รัชทายาท เขาลอบเถียงในใจ แต่ดูเหมือนว่าอีกคนจะรู้ทันเสียแล้ว"จะบอกว่าข้ารับมือยากเหรอ""ทำไมถึ
ณ วังหลวง"จักรพรรดินีเพคะ องค์รัชทายาทแจ้งว่ากำลังเดินทางกลับมาวังหลวง" นีน่ารายงานตามเอกสารที่ได้รับมาทันที เพราะสถานการณ์ตอนนี้ถึงจะดีขึ้นแล้วแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่นัก ยังมีเหล่าขุนนางจำนวนมากที่อยากเห็นหน้าว่าที่คู่หมั้น"ดีแล้วล่ะ ขออย่าให้เกิดเรื่องก่อนมาถึงก็พอ""ทำไมคิดเช่นนั้นเพคะ""มีหลายคนที่ไม่พอใจเรื่องนี้เยอะ มันจะต้องมีการลอบสังหารเกิดขึ้นแน่" ที่นี่ไม่ใช่เมืองมนุษย์ฉะนั้นกฎทุกอย่างมีไว้แหก ไม่ได้มีไว้ทำตามดั่งที่ควรจะเป็น"แล้วพระองค์จะทำเช่นไรเพคะ""ไม่รู้เหมือนกัน ของแบบนี้ต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง"ขุนนางบางส่วนที่หวังพึ่งอำนาจจากเจ้าชายฝาแฝดมากกว่ารัชทายาทคนปัจจุบัน เนื่องจากไม่ชอบความคิดที่รู้ไปทุกเรื่องโดยไม่ฟังคำจากผู้ใหญ่ หากมีเรื่องมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องแล้วหมายความจุดอ่อนคือสิ่งนี้ เมื่อรู้จุดอ่อนของศัตรูเป็นธรรมดาที่จะต้องกำจัดทิ้ง"กระผมจ้างทหารรับจ้างให้ไปลอบสังหารรัชทายาทแล้วขอรับ""ทำดีมาก ชาร์ที""ข้าอยากจะรู้นักว่ารัชทายาทจะปกป้องคนรักได้หรือไม่""ขอรับ"การเดินทางกลับวังหลวงนั้นจำเป็นต้องใช้รถม้าเนื่องจากเป็นการเดินทางที่เป็นทางการ ไม่สามารถใช้แบบรถค้างคาวไป
ทำไมรัชทายาทไปนานเหลือเกิน มีเสียงต่อสู้กันอย่างหนักแล้วทำไมเงียบลงแบบนี้ ไวท์ไม่รู้ตัวเลยว่ารถม้ากำลังเคลื่อนตัวไปทางอื่นเนื่องจากโดยภาพมายาหลอกว่ายังอยู่ที่เดิม แผนการนี้ตอนแรกจงใจจะทำลายความน่าเชื่อถือของเชื้อพระวงศ์แต่ขุนนางอย่างเขาก็คิดได้ว่ายังมีมนุษย์ที่เป็นตัวแปรสำคัญในครั้งนี้อยู่กลิ่นหวานชวนกลืนกินนั้นยังคงติดตราติดตรึงใจตั้งแต่ครั้งที่เจอในงานเลี้ยงเมื่อไม่กี่วันก่อน อยากลองเห็นหน้าชัดๆ สักครั้งว่ามีดีแค่ไหนกัน ทำไมใครต่อใครถึงได้ออกโรงปกป้องกันนัก ทั้งจักรพรรดิ จักรพรรดินี รัชทายาท องค์ชายแฝด แบบนี้มันไม่ธรรมดาแล้ว จะสืบออกนอกหน้าก็ไม่ได้ เส้นสายของจักรพรรดินีมีทั่วอาณาจักร"คนที่คุณชายอยากพบ เดินทางมาถึงแล้วขอรับ" ชาร์ทีบอกพลางผายมือไปทางรถม้าที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าคฤหาสน์ตระกูลสวิต ถือเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่เป็นเชื้อพระวงศ์ วิธีการที่ใช้เลือกผู้นำแต่ละสมัยจะไม่เหมือนกัน สมัยขององค์จักรพรรดิจะเลือกจากผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นผู้นำ โดยผ่านการต่อสู้มาอย่างหนักหลากหลายรูปแบบเพื่อช่วงชิงความเป็นหนึ่งทุกหนึ่งร้อยปีจะมีการจัดการแข่งขันเพื่อช่วงชิงความเป็นหนึ่งของจักรวรรดิ แวมไ