Share

Third Time

"อะไรนะ! เด็กคนนั้นเป็นคู่หมั้นขององค์รัชทายาท"

"หมายความว่ายังไงกัน"

"ยังงี้ลูกสาวของฉันก็อดตำแหน่งจักรพรรดินีสินะ"

"แล้วเป็นลูกตระกูลไหนกันถึงได้ครองหัวใจของรัชทายาทได้นะ"

เสียงซุบซิบนินทาต่างๆ นานาถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในงานเลี้ยงภายในวันนี้ แล้วมันเรื่องอะไรกันแน่

ดาบจ่อหน้า

คู่หมั้น

รัชทายาท

จักรพรรดินี

หรือว่า!

"ท่านพี่เป็นลูกขององค์จักรพรรดิใช่ไหมครับ" เสียงหวานถามออกมาด้วยน้ำเสียงก่ำกึ่ง ดวงตากลมโตมีแววสับสนอย่างเห็นได้ชัด

"ใช่ แต่ว่ายังไม่มีเวลาเล่าเลยก็เกิดเรื่องซะแล้วสิ" น้ำเสียงของคีย์แลดูไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรกับเหตุการณ์นี้มากนัก

"พี่ชายของข้าถึงกับออกโรงปกป้องแบบนี้ มันต้องมีอะไรมากกว่าที่เห็นอย่างแน่นอน" คลาสพูดพลางมองร่างของจีนด้วยความสงสัย

"นั่นสิ ปกติพี่ชายของพวกข้าไม่มาทำอะไรแบบนี้หรอกนะ" ครอสมีท่าทีเห็นด้วยพลางมองตามพี่ชายฝาแฝดของตนเอง

"ท่าทางว่ารัชทายาทจะต้องอธิบายท่านจักรพรรดิและจักรพรรดินีภายในวันพรุ่งนี้นะ พรุ่งนี้เช้ารบกวนเข้าเฝ้าที่วังหลวงด้วยพะยะค่ะ" มีเทน คนสนิทของจักรพรรดิบอกตามคำสั่งที่ได้รับมา เป็นอันรู้ดีในหมู่ของคนรับใช้ว่าแม้เขาจะเป็นคนรับใช้เหมือนตระกูลอื่นๆ แต่เขามีเส้นสายและอำนาจมากพอที่จะทำให้บางตระกูลหายไปได้เลยทีเดียว

"อึ๋ย! แค่ฟังเสียงก็น่ากลัวอะ / สยองขวัญชัดๆ เลย" สองแฝดพากันขนลุกซู่ในขณะที่พี่ชายคนโตทำเพียงพยักหน้ารับเท่านั้นเอง

นี่เขากำลังทำให้คีย์ลำบากใจหรือเปล่านะ ทั้งที่แค่จะช่วยคุณบลัฟเฟอร์แล้วทำไมกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปได้แบบนี้ โลกนี้มันยังไงกันแน่เนี่ย โลกนี้ถูกหล่อหลอมมากแบบไหนทำไมถึงเกิดสงครามแบบนี้

"ขอโทษนะ แต่คุณชายจีนน่าสนใจมากจริงๆ มาถึงที่นี่ก็ได้พบกับท่านจักรพรรดิแล้ว ข้าเองก็ทำงานรับใช้มานานยังไม่เคยได้รับการเรียกส่วนตัวเช่นนี้เลย" มาร์เเชลบอกด้วยสีหน้าชื่นชมซึ่งคีย์ดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายให้ความสนใจกระรอกน้อยของเขาแน่นอน

"ผมว่ายังไงมันก็แปลกนะครับ" เสียงหวานเอ่ยตอบไปด้วยความสงสัย ที่นี่มีแต่สิ่งที่เขาไม่เข้าใจสักอย่าง แถมความทรงจำของเขามันก็ค่อนข้างที่จะเลื่อนลางเสียด้วย

"หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะคุณชายจีน" ไม่พูดเปล่ามือหนายังเอื้อมมาจับมือขาวพลางกดจูบเบาๆ ก่อนจากไปอีกต่างหาก

"เอ๋! " เขาขยับตัวหนีทันทีด้วยความตกใจแต่ปฏิกิริยาแบบนี้ยิ่งทำให้ดูน่ารักเข้าไปมากกว่าเดิมอีก กระรอกน้อยของคีย์ดูท่าว่าจะเนื้อหอมมากว่าที่คิดไว้เสียแล้ว

"ข้าคิดว่ากลับกันดีกว่าครับกระรอกน้อย พรุ่งนี้ต้องเดินทางอีก"

"ครับ"

มือหนากุมมือขาวเอาไว้ไม่ยอมปล่อยแม้ว่าจะพาเดินออกมาจากงานเลี้ยงแล้วก็ตามที เขาตั้งใจมาประกาศว่ากระรอกน้อยเป็นของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ดูสายตาของพวกแวมไพร์กระหายเลือดเหล่านั้นสิ ดูก็รู้ว่าอยากดื่มเลือดมากแค่ไหน เขาจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด

จีนนั่งเงียบมาตลอดทางเพราะไม่รู้ว่าสีหน้าครุ่นคิดของคีย์นั้นหมายถึงอะไร ดวงตากลมโตพยายามมองหาว่าที่นี่คือที่ไหน มันคือดินแดนอะไร ทำไมทุกคนถึงมองเขาด้วยสายตาเหมือนจะกินเข้าไปได้ทั้งตัวแบบนั้นด้วย ไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียว แล้วทำไมคีย์ต้องโมโหขนาดนั้น มีแต่เรื่องให้งงไปหมดเลยวันนี้

"กระรอกน้อย" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียก หลังจากพากันเงียบอยู่นาน

"ที่นี่คือดินแดนที่แวมไพร์อาศัยอยู่ กระรอกน้อยเป็นมนุษย์เพียงคนเดียว ไม่แปลกที่จะมีแต่คนสนใจเพราะว่ากลิ่นเลือดมันหอมหวานเชิญชวนให้อยากดื่มตลอดเวลาขนาดนี้ แต่ข้ามีความอดทนมากพอที่จะไม่ทำเช่นนั้น...ถ้ากระรอกน้อยไม่เต็มใจ"

ที่แท้ก็มาอยู่โลกของแวมไพร์นั่นเอง เขาก็นึกว่าที่ไหน

เดี๋ยวนะ!

แวมไพร์!

แวมไพร์!

ดื่มเลือด!

ร่างสูงโปร่งเขยิบหนีโดยอัตโนมัติเมื่อรู้ว่าเผ่าพันธ์ของพวกเรานั้นแตกต่างกันมากแค่ไหน ส่งผลให้อีกฝ่ายหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู เพราะถ้าหากว่าเขาต้องการจะดื่มเลือดใครขึ้นมาแล้วล่ะก็...สำหรับเลือดบริสุทธิ์อย่างเขาแล้ว มันไม่ยากเกินความสามารถหรอก แต่ที่เลือกจะไม่ทำเพราะต้องการถนอมอีกฝ่ายไว้ให้นานที่สุดมากกว่า และเลือดของอีกฝ่ายมันไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

"กระรอกน้อยเคยเห็นหน้าพ่อไหม" เสียงทุ้มต่ำถามเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศให้ดีขึ้น

"อย่ากลัวไปเลย ข้าไม่เลือกคนที่ไม่เต็มใจหรอกนะ ที่นี่มีวิวัฒนาการที่ให้มนุษย์บริจาคเลือดให้แวมไพร์อย่างพวกข้าเพราะฉะนั้นไม่ต้องไปปล้นกินก็มีให้ดื่มกินตามต้องการ"

"ท่านพี่เหมือนบุคคลในหนังสือของคุณตา" ดวงตากลมโตกรอกไปมาเพื่อใช้ความคิด

"เหมือนยังไง" เสียงทุ้มต่ำถามด้วยความใคร่อยากรู้

"มันเป็นสมุดบันทึกของคุณตา ท่านบันทึกไว้ว่าเคยไปยังสถานที่แห่งหนึ่งโดยคิดว่าไม่อาจจะกลับไปได้อีกแล้ว เป็นดินแดนที่มนุษย์กับแวมไพร์อาศัยอยู่ด้วยกัน..." เขาเริ่มรู้ตัวแล้วว่าพูดมากเกินไปเลยหยุดพูดเสียดื้อๆ

"ไม่ต้องคิดมากค่ะ พูดต่อเลย ข้าอยากฟัง"

"เป็นสถานที่โลกของพวกเราไม่มี เพราะพวกเรามีเพียงมนุษย์เท่านั้น และมีเพื่อนชื่อว่าคีย์ที่ช่วยชีวิตของเขาเอาไว้ เขาอาศัยอยู่ที่นั่นจนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายเพราะไม่มีวิธีที่จะกลับมายังโลกเดิมของตนเองได้ แต่อยู่มาวันหนึ่งสมุดบันทึกที่เขาเคยจดก็หายไปแล้วมาอยู่ที่บ้านของผมครับ แม่บอกว่าพ่อเป็นคนเอามาให้ครับ" เขาเล่าตามที่ได้ยินมาแต่ฟังดูแล้วมันดูขัดกันไปเสียหมด ไม่เข้ากันเลยสักอย่าง

"กระรอกน้อยก็รู้สึกใช่ไหมครับว่ามันไม่เข้ากันอย่างแรง" ใบหน้าหวานพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเพราะมันไม่เข้ากันจริงๆ

"ข้าคิดว่ากระรอกน้อยไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นลูกครึ่งเทพเพราะว่ากลิ่นเลือดมนุษย์มันยังอยู่ในตัว"

"เอ๋!!! "

"ไม่ได้สังเกตเลยเหรอคะ ปีนี้กระรอกน้อยอายุเท่าไหร่"

"กำลังจะสิบแปดครับ"

"อีกไม่นานเลือดในตัวของกระรอกน้อยจะเป็นคนบอกเอง ที่ข้าพูดแบบนี้เพราะว่าปู่ของกระรอกน้อยก็คือเพื่อนของข้า และมีกลิ่นเลือดแบบเดียวกัน"

"อะไรนะครับ! นี่ท่านพี่อายุเท่าไหร่ครับเนี่ย! " ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ นี่มันสามรุ่นมาแล้วนะ คีย์อายุเท่าไหร่กันแน่

"เอาเป็นว่าเก็บเสื้อผ้าแล้วเตรียมตัวเข้าวังหลวงกันวันพรุ่งนี้ดีกว่านะ ท่าทางจะต้องโดนสอบสวนอีกเยอะแน่ๆ และยังต้องเจอมาร์แชลด้วยเพราะว่าเป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องขึ้น"

"ครับ"

ร่างสูงโปร่งถูกปลุกตั้งเช้าตรู่และยังไม่ได้กินอาหารเช้าด้วยซ้ำ โดนที่เจ้าคฤหาสน์ให้เหตุผลว่าไปกินที่วังหลวงเลยดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา มือขาวเลยเตรียมอาหารแบบลวกๆ อย่างแซนวิชมาเพื่อพกกินระหว่างทาง เมื่อก้าวเข้ามาในรถม้าแล้วก็ไม่ลังเลที่จะหยิบขึ้นมากินในทันที ดวงตาคมมองด้วยความสงสัยและเอ่ยปากถามในทันที

"กระรอกน้อย ที่กินเข้าไปคืออะไรเหรอ" เสียงทุ้มต่ำถามพลางเอียงคอมองไปมาด้วยความสงสัย ถึงแม้ว่าจะอายุมากแล้วแต่การกระทำแบบนั้นน่ารักไม่น้อยเลยทีเดียว

"แซนวิชครับ คือการนำขนมปังมาตัดเป็นแผ่นแล้วใส่ผัก และเนื้อที่ต้องการกินแล้วใส่น้ำที่ทำขึ้นมาแล้วลงไปครับ โดยน้ำเหล่านี้แล้วแต่ว่าจะเป็นน้ำสลัดหรือว่าน้ำผักหรือจะเป็นแยมหรือเนยก็ได้ทั้งหมดครับ แต่ผมเห็นว่าในตู้เย็นมีเพียงเนยเลยทาด้วยเนยสดครับ"

"วิเศษมากเลย กระรอกน้อยมีให้ข้าลองกินไหมคะ"

"มีครับ ผมทำเผื่อไว้สองอัน"

"แล้วทำไมถึงต้องกินระหว่างเดินทาง ในเมื่อก็ใกล้จะถึงวังหลวงแล้ว"

"แซนวิชคืออาหารว่างหรืออาหารกินเล่นครับ ไม่ใช่อาหารหลักในการกิน ถือเป็นมื้อระหว่างวันครับ สำหรับโลกของผมมันเป็นแบบนี้ครับ"

"สุดยอดเลย ถ้างั้นลองทำอาหารว่างให้ข้ากินแบบนี้ระหว่างวันได้ทุกวันไหม"

"ได้ครับ ยังไงผมก็ชอบทำอาหารอยู่แล้วครับ"

"กระรอกน้อยจะทำให้ข้าประทับใจไปถึงไหนกันนะ ข้าไม่รู้จะเริ่มชมจากตรงไหนก่อนแล้วนะ"

เหมือนได้รับคำชมมากมายเริ่มทำให้ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อขึ้นมาดื้อๆ ถึงแม้ว่าอากาศจะเย็นสบายแต่เหมือนมีไฟมาสุมรวมกันอยู่ที่แก้มนวลทั้งสองข้างเลย

"ขอบคุณครับ รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ท่านพี่พึงพอใจครับ" เสียงหวานเอ่ยตอบกลับไปไม่เต็มเสียงนัก เขาหลีกเลี่ยงที่จะสนทนาด้วยการมองไปที่วิวด้านนอกแทน ทุกอย่างเป็นอย่างที่ถูกเขียนไว้ในบันทึก บรรยากาศเหมือนยุโรปกลางชัดๆ ถึงแม้ว่าจะมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในบางเรื่องแต่เรื่องวัฒนธรรมบางอย่างก็ไม่มีสินะ

รถม้ายังคงเดินทางออกไปตามเส้นทางหลักของหัวเมืองทางตะวันออก ถ้าเทียบกับทิศทางของใจกลางจักรวรรดิแล้ว เส้นทางของตะวันออกถือว่าเดินทางได้ง่ายที่สุดแล้ว และมีของที่ค่อนข้างสะดวกสบายกว่าหัวเมืองอื่นมากนัก

"ถึงแล้วพะยะค่ะ หม่อมฉันขอตัวไปเก็บรถม้าก่อน"

"อืม อย่าลืมขนของเข้ามาด้วยล่ะ"

"พะยะค่ะ รัชทายาท"

วังหลวงถูกดีไซน์ด้วยสีโทนดำเกือบทั้งหมดตัดกับสีขาวบางส่วนคงความเก่าแก่และน่าสะพรึ่งกลัวไว้ในคราวเดียวกัน สมแล้วที่เป็นวังของแวมไพร์น่ากลัวได้ดีเลยทีเดียว เหมือนกับว่าสามารถประกาศศักดาและข่มขวัญคู่ต่อสู้ได้ดีเลยทีเดียว ร่างสูงโปร่งเดินเข้าไปโดยไม่มีท่าทีหวั่นไหวอะไรเลยทำให้อีกฝ่ายประหลาดใจไม่น้อย

ที่นี่ถ้าเปรียบกับโลกมนุษย์แล้วก็เหมือนบ้านผีสิงขนาดใหญ่เท่านั้นเอง แล้วเขาไม่ได้กลัวผีจะทำท่าตื่นกลัวไปทำไมกัน เดินไปด้วยท่าทีสบายๆ มันก็ไม่มีอะไรแล้ว อีกอย่างสิ่งที่เขาทำมันไม่ใช่เรื่องที่ผิด คนไม่ผิดไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว

"มากันแล้วเหรอ" องค์จักรพรรดิทักทายลูกชายและคู่หมั้นที่ลูกชายไปประกาศไว้ในงานเลี้ยงของบ้านมาร์แชล ทำไมถึงทำแบบนั้น มีเหตุผลอะไรกันแน่ ลูกของเขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนจะต้องมีสาเหตุอย่างแน่นอน

"ครับ ท่านพ่อ" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยตอบกลับไป

"ครับ ท่านจักรพรรดิ"

"ที่รัก ทำไมเจ้าทำให้เด็กคนนั้นเกร็งล่ะ"

"โธ่! ข้าไม่ได้ตั้งใจนะ"

"ข้าคิดว่าท่านพ่อคงไม่ได้เรียกมาจากงานที่ยังค้างคาเพื่อมาดูท่านพ่อกับท่านแม่ทะเลาะกันใช่ไหม" เสียงทุ้มต่ำเริ่มขุ่นมัวตามอารมณ์เพราะว่างานของเขายังมีอยู่มากแต่ถูกลากตัวมาแบบนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยจำใจต้องมายังวังหลวงแห่งนี้

"อรุณสวัสดิ์ คุณชายจีน" มาร์แชลเอ่ยทักทายด้วยท่าทีเป็นมิตรแต่เหมือนว่าคีย์จะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ ก็อย่างว่า...ใครจะพอใจที่มาถูกใจคนที่ตัวเองชอบแบบนี้กันนะ

"อรุณสวัสดิ์ครับ คุณบลัฟ" ประเด็นมันอยู่ตรงที่อีกฝ่ายไม่รู้ว่าใครหลงรักตัวเองเข้าแล้วต่างหากล่ะ

"จะเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะ ทำไมเจ้าถึงได้สามารถต่อสู้กับคนที่จะมาปองร้ายกับมาร์แชลได้ ทั้งจักรวรรดิเรียนรู้การต่อสู้ด้วยการใช้ดาบและอาวุธต่างๆ นานา ไม่ได้ถูกสอนมาแบบนั้น เจ้าเป็นคนที่ไหนกันแน่ เจ้าอยู่ตระกูลไหน" จักรพรรดิรัวคำถามที่อยากรู้มากมายใส่จีนโดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรมากนัก มันเหมือนกับสถานการณ์เข้าห้องเย็นในห้องปกครองในโรงเรียนไม่มีผิด การแก้ไขสถานการณ์คือการบอกความจริงไปต่างหาก

"การต่อสู้นี้เรียกว่าคาราเต้ครับ คือการใช้ร่างกายเตะต่อยออกไปในระยะสั้นด้วยความว่องไวและตัดกำลังคู่ต่อสู้ แม้ว่าจะไม่มีอาวุธแต่สามารถต่อสู้กับอีกฝ่ายได้ ผมถูกสอนมาแบบนั้นมากกว่าการใช้อาวุธเพราะว่าการใช้อาวุธเป็นเรื่องอันตรายมากสำหรับที่บ้านผม คนที่ไม่ได้ทำงานด้านนั้นโดยตรงห้ามใช้ครับ

ส่วนเรื่องที่ว่าเป็นคนที่ไหนเป็นคนที่ตกลงมาจากท้องฟ้าครับ ตระกูลไหนนี่ต้องมีตระกูลด้วยเหรอครับ พอดีว่าบ้านผมนับเป็นชื่อกับนามสกุลปกติ เรื่องนี้ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ครับ ส่วนเรื่องอาวุธแล้วล่ะก็...มีวิชากระบี่กระบองตอนม.ต้นผมเองก็ได้เกรด 4 ซะด้วย ใช้ได้สบายแน่นอนครับไม่ว่าจะท่าไม้ตายไหนคือเฉียบขาดมาก"

"มาร์แชล เจ้าออกไปก่อน"

"พะยะค่ะ ท่านจักรพรรดินี" ถึงแม้ว่ามาร์แชลจะสงสัยมากเพียงใดแต่ก็ไม่อาจขัดกับอำนาจขององค์จักรพรรดินีได้ เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายในหมู่แวมไพร์แล้วเลือดต่างหากที่เป็นตัวบ่งบอกว่าใครมีพละกำลังมากกว่าเรื่องเพศ

"ตัวการไปแล้วนะลูกจีน เล่าต่อเลยลูก"

"วิชากระบี่กระบองที่ลูกจีนพูดหมายถึงอะไร" จักรพรรดิถามด้วยความสงสัย

"มันก็คือวิชาการใช้ดาบรูปแบบหนึ่งครับแต่มันเรียกว่ากระบี่กระบองเพราะว่าเป็นการใช้อุปกรณ์จำลองในการต่อสู้ ทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บจริงๆ ครับ" เสียงหวานอธิบายและมีท่าทางประกอบไปด้วย

"ลูกจีนคือคนในคำทำนายของท่านโหราจารย์ใช่หรือไหมคีย์" จักรพรรดินีเอ่ยถามและมั่นใจมากว่าจะต้องใช่

"พะยะค่ะ ท่านแม่"

"ขอประทานอภัยพะยะค่ะ ข้าพาท่านโหราจารย์มาพบแล้ว" เมล์บอกพลางผายมือไปด้วย

"คุณชายหนูจีนจริงๆ ด้วย หน้าตาเหมือนปู่ของท่านมากเลยนะ" สตุฟเฟลบอกด้วยท่าทีสบายๆ ขัดกับตำแหน่งที่ได้ แต่ทำให้คนทั้งท้องพระโรงทราบกันหมดแล้วว่าจีนมาจากโลกอื่นไม่ใช่โลกนี้ เพราะคำทานายระบุไว้ว่า

'คู่ของรัชทายาทไม่ใช่แวมไพร์จากโลกนี้'

'รูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาน่ารักเรียกว่าสะสวยเลยก็ว่าได้'

'เป็นคนที่จะตกลงมาจากบนฟ้าเหมือนเมื่อหลายสิบปีก่อนที่พบเจอมนุษย์คนนั้นนั่นเอง'

"มีอะไรกันหรือเปล่าครับ เงียบกันหมดแบบนี้" เขาเอ่ยถามออกด้วยความสงสัย ทำไมทุกคนมีท่าทีแปลกไปมีทั้งชื่นชมตกใจสับสน ความรู้สึกมันหลาดหลายเกินไปหรือเปล่านะ แล้วแบบนี้มันถูกต้องแล้วเหรอที่จะรู้สึกแบบนั้น

"กระรอกน้อย"

"ครับ"

"จากคำทำนายของท่านโหราจารย์ กระรอกน้อยคือมนุษย์ครึ่งเทพ พ่อเป็นเทพ แม่เป็นมนุษย์"

"เอ๋! "

"และที่สำคัญกว่าเลยก็คือ...กระรอกน้อยคือคนในคำทำนาย"

"ครับ? "

"คำทำนายสุดท้ายคือกระรอกน้อยคือเนื้อคู่ของข้า"

"ว่าไงนะครับ!!! "

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status