หน้าตาที่ตื่นตระหนกและท่าทางสั่นระริกราวกับหวาดกลัวในครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน ครั้งนี้ไม่ใช่การหวาดกลัวด้วยความน่ากลัวแต่มันคือความตกใจปนหวาดกลัวไปในคราวเดียวกันต่างหาก เพราะว่าเขาเป็นผู้ชายแล้วจะมาเป็นเนื้อคู่ของอีกฝ่ายได้ยังไงล่ะเล่า!
"ท่านพี่ครับ" จีนเรียกอีกฝ่ายด้วยความสับสน ท่าทางน่ารักเหล่านั้นตกอยู่ในสายตาคนทั้งท้องพระโรง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเสน่ห์ของเด็กคนนี้เหลือล้นจริงๆ จนเขาแทบอยากจะไปควักลูกตาของทุกคนออกมาไม่ให้เห็นออร่าของความน่ารักนั้นเลยสักนิดเดียว กระรอกน้อยเปล่งประกายมากเกินไปแล้ว
"อืม" เสียงทุ้มต่ำตอบรับทันที เขาคิดว่าทุกคนน่าจะดูออกหมดแล้วล่ะว่าเขารู้สึกยังไงกับเด็กคนนี้ มันไม่ใช่แค่คำทำนายแต่ความรู้สึกของเขามันแสดงออกนอกหน้าขนาดนี้แล้ว
"ผมเป็นผู้ชายนะครับ"
"เรื่องนั้นสำหรับพวกเราแล้วไม่ใช่ปัญหานะหนูจีน เพราะว่าการครองราชย์ของที่นี่ขึ้นอยู่ที่ความเหมาะสมมากกว่าการมีลูก บุตรของใครมีความเหมาะสมมากกว่ากันถึงจะได้บัลลังค์ไปนะ ไม่ต้องห่วงนะ" จักรพรรดินีบอกด้วยแววตาอ่อนโยน
"ผมว่าแบบนั้นต่างหากครับที่ทำให้บัลลังค์ของพี่คีย์สั่นคลอนเพราะความไม่มั่นคงในการมีทายาท และตำแหน่งจะกลายเป็นว่าใครก็สามารถขึ้นเป็นจักรพรรดิได้ นอกเสียจากว่าจะเป็นหลังจากสวรรคตของจักรพรรดิถึงจะเป็นอีกกรณีนึงครับ"
"ลูกจีนมีความรู้มากกว่าที่พ่อคิดไว้เสียอีกนะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าคีย์หลงขนาดนี้ แต่ได้ข่าวจากงานเลี้ยงคราวที่แล้วมาว่าคุณชายจากตระกูลมาร์แชลสนใจในตัวลูกจีนไม่น้อยเลยนะ แล้วทีนี้ลูกจะทำยังไงล่ะ" จักรพรรดิถามด้วยท่าทีสนุกสนานไม่น้อย เพราะว่าปกติแล้วเหล่าคุณชายและรัชทายาทจะไม่สนใจคู่ครองเลยสักนิด เนื่องจากอายุขัยที่ยาวนานของแวมไพร์ทำให้การรักษาเผ่าพันธ์ไม่จำเป็นที่จะต้องรีบร้อนขนาดนั้น ยังมีเวลาอีกหลายร้อยหลายพันปีที่จะหาเนื้อคู่ที่เกิดขึ้นมาแล้วมารักกันก็ยังไม่สาย
"ไม่ทำอะไรทั้งนั้นครับ ผมคิดว่าตอนนี้น่าจะอธิบายให้คุณบลัฟเข้าใจสถานการณ์นะครับ ไม่งั้นอาจจะดูเลวร้ายลงไปกว่าเดิมก็ได้ครับ"
"ได้สิ ถ้ามันเป็นความต้องการของกระรอกน้อย"
องค์รักษ์คนหนึ่งในท้องพระโรงได้รับคำสั่งให้ไปเรียกคุณชายจากตระกูลมาร์แชลมาท้องพระโรงอีกครั้ง เขามีเรื่องสงสัยมากมายที่อยากจะถาม แต่ทว่า...คำตอบที่เขาจะได้รับนั้นเป็นความจริงมากน้อยแค่ไหนกันนะ
"หม่อมฉันอยากจะบอกว่าคุณชายจีนไม่ผิดพะยะค่ะ เพราะว่าช่วยชีวิตของหม่อมฉันเอาไว้ ได้โปรดอย่าลงโทษ" เขารู้ดีว่าโทษของจักรวรรดิแต่ละเรื่องมันหนักแค่ไหน แล้วดูท่าแล้วอีกคนรับไม่ไหวอย่างแน่นอนเลย
"ใจเย็นก่อนนะคุณชายมาร์แชล ที่นี่ไม่มีใครทำอะไรลูกจีนหรอกนะ" จักรพรรดิบอกด้วยท่าทียิ้มแย้มต่างจากที่เขาเข้ามาครั้งแรกเป็นอย่างมาก
"ทำไมถึงเรียกคุณชายจีนว่าลูกจีนเหรอครับ" มาร์แชลงงกับสถานการณ์ในตอนนี้เป็นอย่างมาก หวังว่าเขาจะไม่ใช่แบบที่เขาคิดหรอกนะ
"ลูกจีนคือคู่หมั้นของรัชทายาทอย่างเป็นทางการ เดือนหน้าจะจัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่วังหลวง แต่ข้ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะบอกเจ้าก่อนเป็นคนแรกในค่ำคืนนี้" ไม่ทันที่คุณชายมาร์แชลจะคิดต่อ จักรพรรดินีก็ต่อข้อความจากผู้เป็นสามีที่รู้ใจกันมาหลายร้อยปี แบบนี้เรียกว่าเป็นการตัดไม่ให้เขาสานสัมพันธ์กับจีนหรือเปล่านะ
"แล้วถ้าข้าขอคัดค้านล่ะครับ" มาร์แชลถามหยั่งเชิง พลางเหลือบมองรัชทายาทและคนที่เขาสนใจไปด้วยว่าจะมีปฏิกิริยายังไง และมันก็เป็นดั่งที่คาดการณ์เอาไว้ อีกคนมีท่าทีไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ส่วนคนตัวเล็กกว่าก็ตกใจจนตาบ๊องแบ๊วนั้นตาเหมือนไข่หานไปแล้วก็มิปาน
"มีเหตุผลในการคัดค้านไหม คุณชายมาร์แชล" คีย์พยายามอย่างมากที่จะสกัดกั้นอารมณ์ขุ่นมัวของตัวเองให้เป็นปกติมากที่สุด เขาเป็นถึงรัชทายาทจะมาทำตัวโมโหเหมือนคนปกติไม่ได้ มันไม่ใช่ลักษณะคนของที่จะปกครองคนทั่งอาณาจักรทำกัน
"ถ้าจะให้พูดตรงๆ เลย หม่อมฉันสนใจในตัวคุณชายจีน ท่าทางไร้เดียงสาอ่อนต่อโลกแต่เข้มแข็งและเฉลียวฉลาดในยามคับขัน เหมือนอ่อนนอกแข็งใน ใจเย็นและแก้ไขสถานการณ์ได้ดี ถ้ามาเป็นดัชเชสตระกูลข้าคงจะดีไม่น้อย ยังไงที่นี่ก็มีเทคโนโลยีที่จะทำให้ผู้ชายท้องได้อยู่แล้ว เรื่องการสืบทายาทคงไม่ยากเท่าไหร่ เผลอๆ ร่างกายของคุณชายจีนอาจจะเปลี่ยนแปลงเพราะก้าวเข้าดินแดนแห่งนี้ก็เป็นได้ เพราะกลิ่นเลือดหอมหวานน่าลิ้มลองนั้นติดจมูกจริงๆ ครับ" มาร์แชลตัดสินใจพูดความในใจทุกอย่างต่อหน้าจักรพรรดิ จักรพรรดินี รัชทายาท รวมถึงคนที่ถูกกล่าวถึงด้วย ต้องนับถือในความกล้าหาญที่กล้าเสี่ยงแบบนี้เลยทีเดียว
"ก็ลองดูนะว่าลูกจีนจะเลือกใคร เพราะว่าถึงแม้จะเป็นคู่หมั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะแต่งงานกับคนนี้เสียหน่อย" จักรพรรดิยอมตอบรับคำสารภาพลูกผู้ชายของตระกูลมาร์แชล เขารู้ดีว่าเลือดของอีกคนมันเป็นยังไง ขนาดอยู่ไกลขนาดนี้ยังได้กลิ่นหอมมากๆ ถ้าได้ลิ้มลองมีหวังได้ติดใจจนไม่อยากให้ได้ไปแน่ๆ
"แบบนี้ก็ดี ข้าจะแต่งตั้งให้ลูกจีนเป็นลูกบุญธรรมของจักรพรรดิองค์ก่อน ซึ่งก็คือพี่ชายของฉันเอง ทีนี้ก็ต้องแข่งกันจีบแล้วล่ะนะว่าลูกจีนจะเลือกใคร" คนที่ถูกพูดถึงได้แต่ส่ายหน้าเป็นพัลวันในการปฏิเสธ
"ผมเองก็ไม่ทราบครับ เอาเป็นว่าให้เวลาเป็นตัวตัดสินดีกว่าครับ" จีนตัดสินใจพูดไปแบบนั้นเพื่อตัดปัญหาการแย่งชิงเขาชั่วคราว ถึงจะไม่ใช่สงครามแวมไพร์แยกกันเหมือนในหนังแต่นี่มันก็สงครามเย็นชัดๆ เลย มองกันตาไม่กระพริบขนาดนี้ ถ้าไม่อยู่ในท้องพระโรงป่านนี้ตีกันไปแล้วมั้ง
"หม่อมฉันจะไปเตรียมอาหารให้ทุกคนพะยะค่ะ" มีเทนบอกพลางโค้งตัวให้กับเหล่าเจ้านายทั้งหลาย
"ผมไปด้วยครับ ผมชอบทำอาหาร" เสียงหวานเอ่ยเรียกพลางเดินตามไปด้วยความเร็วเพื่อที่จะตามอีกคนให้ทัน
"ไม่ได้ขอรับ คุณชายจีนเป็นถึงคุณชายจะมาทำงานแบบนี้ไม่ได้ครับ" มีเทนรีบปฏิเสธในทันที
"ไม่ได้จริงๆ เหรอครับ" ใบหน้าหวานมีแววตาที่เศร้าสร้อยลงอย่างเห็นได้ชัด เหมือนลูกหมาที่กำลังถูกทิ้งไม่มีผิดเลย แต่แล้วก็มีสายตาอันโหดเหี้ยมจากทางด้านหลังเป็นจำนวนมากทำให้อีกฝ่ายต้องรีบตอบรับแทนปฏิเสธ
"กล้าขัดใจลูกจีนได้ยังไงมีเทน"
"ข้าเพิ่งจะแต่งตั้งแบบไม่เป็นทางการไปหมาดๆ ว่าลูกจีนเป็นลูกบุตรธรรมของฝั่งพี่ชายข้า"
"ทำไมถึงพูดกับกระรอกน้อยแบบนั้น มีเทน"
"ทำไมต้องต่อว่าคุณชายจีนด้วย"
แวมไพร์ทั้งสี่ต่อว่าองค์รักษ์ผู้อยู่เหนือองค์รักษ์ทั้งหมดในจักรวรรดิทันที มีเทนขึ้นชื่อว่าหัวแข็งและเคร่งในกฎระเบียบเป็นอย่างมาก เขาจะไม่ยอมโอนอ่อนใดๆ ทั้งสิ้นหากใครละเมิดกฎแม้แต่ข้อเดียว ไม่ว่าจะใครเขาก็ไม่เคยละเว้น และทุกคนก็ทำตามเขาอย่างง่ายดายแต่ทำไมครั้งนี้ถึงพากันคัดค้านขนาดนี้นะ แววตาน่าสงสารนั่นอีก เขายอมแพ้แล้ว
"กระผมยอมแพ้ขอรับ อนุญาตให้คุณชายจีนไปทำอาหารด้วยได้"
"งั้นนำทางผมไปเลยครับ"
"เชิญทางนี้ขอรับ" มีเทนผายมือเชื้อเชิญคุณชายวัยละอ่อนให้เดินตามไปอีกฟากของวังหลวง
ภายในห้องครัวนั้นถือเป็นห้องทำอาหารขนาดใหญ่ที่สามารถทำร่วมกันได้หลายคนเลยทีเดียว การจัดตกแต่งเป็นระเบียบและสะอาดสะอ้านมาก บ่งบอกถึงความเคร่งครัดและความใส่ใจของพ่อบ้านยิ่งนัก ยิ่งมีฐานะมากเท่าไหร่จะต้องใส่ใจทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อให้ไม่เจ้านายขายหน้าเวลามีแขกมาเยือนที่บ้าน
"วันนี้จะทำอาหารอะไรกันเหรอครับ" ปากเรียวเล็กได้รูปเอ่ยถามทันที
"วันนี้จะมีสเต๊กปลาแซลมอน ไวน์ขาว แล้วก็เค้กวนิลา ส่วนคุณชายพวกข้าจะทำเป็นนมสดให้รับประทานแทนเพราะอายุยังไม่ถึงขอรับ" เมล์แจกแจงรายละเอียดของอาหารในวันนี้
"ผมว่าน่าจะมีซุปข้าวโพดด้วยนะครับ ความหวานจากผักหวานจะทำให้กลิ่นคาวปลาหายไปด้วยครับ"
"คุณชายจีนรู้เรื่องของกินเป็นอย่างดีมากเลยขอรับ เหมาะที่จะเป็นแม่ศรีเรือนมาก" มีเทนชมจากใจเพราะว่าผู้ชายส่วนมากไม่ค่อยจะเข้าครัวเสียเท่าไหร่ด้วย
"ส่วนมากผมชอบทำของที่กินคู่กัน หรือว่าพวกของหวานกับของกินเล่นมากกว่าครับ พวกอาหารจานหลักก็ทำไม่เป็นหรอก เดี๋ยวผมจะทำซุปข้าวโพดกับเค้กวนิลาเอง แล้วก็นมสดเดี๋ยวผมต้มเองครับ นอกนั้นเมล์กับมีเทนทำกันตามสบายเลยครับ ผมไม่ถนัด" สิ่งที่คุณชายจีนถนัดนั้นมันก็มากพอสำหรับผู้ชายสูงศักดิ์แล้วนะ จะทำให้ใครหลายๆ คนประทับใจไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย
มือขาวตักสัดส่วนในการทำแป้งอย่างชำนาญ สองมือนวดแป้งอย่างรู้สึกสนุกสนานเพราะว่าที่บ้านของเขาเป็นร้านทำขนมไงล่ะ ทำไมเรื่องแค่นี้เขาจะทำไม่ได้กัน แน่นอนว่าร้านขนมจะต้องทำพวกเครื่องดื่มกินเป็นการล้างคอด้วยไปในตัว ส่วนเรื่องอาหารจานหลักต้องยกให้แม่ของเขามากกว่า เก่งกาจไปเสียทุกเรื่องแบบนั้น เค้กในถาดถูกวางลงในเตาอบอย่างเบามือและจะต้องอบที่ไฟประมาณ 165 องศาเซสเซียส เป็นเวลา 20 นาทีหรือนานกว่านิดหน่อยเพื่อเค้กเย็นตัวลงจนจับกันเป็นก้อนแล้วนั่นเอง
การทำบัตเตอร์ครีมนั้นจะบอกว่าง่ายก็ง่ายจะว่ายากก็ยาก ทั้งนี้อยู่ที่สมาธิของคนทำด้วยว่าเป็นยังไง ท่าทางทำอาหารที่ทะมัดทะแมงเหล่านั้นอยู่ในสายตาของพ่อบ้านทั้งสอง พวกเขาทึ่งในความสามารถของอีกฝ่าย จัดเป็นมนุษย์ที่ทำได้หลากหลายและน่าประทับใจ พวกเขาอาจจะหลงเสน่ห์ตามคุณชายตระกูลมาร์แชลและองค์รัชทายาทในไม่ช้านี้อย่างแน่นอน
ปกติแล้วทางวังหลวงจะมีพ่อครัวมาช่วยทำอีกสองสามคนเนื่องจากอาหารจะมีหลายอย่างดั่งเช่นวันนี้ แต่ความสามารถของคูรชายจีนทำให้พ่อครัวประจำวังหลวงไม่สามารถทำตามทันและต้องมาเป็นลูกมือช่วยผสมและนำไปจัดเรียงเสียนี้กระไร อาหารและเครื่องเคียงต่างๆ ถูกวางในระดับที่เหมาะสมและการนั่งถูกเรียงตามลำดับยศของแต่ละบุคคล เนื่องจากยศของจีนและมาร์แชลคือคุณชายเหมือนกันแต่ว่าตำแหน่งลูกบุญธรรมทำให้นั่งฝั่งตรงข้ามกับตระกูลมาร์แชลเป็นลำดับถัดมา โดยเรียงจากหัวโต๊ะคือจักรพรรดิ คนที่จะนั่งฝั่งขวาข้างองค์จักรพรรดิคือจักรพรรดินี โดยการนั่งเรียงแบบนี้ฝั่งขวาถือเป็นตำแหน่งคู่บุญบารมีคนที่นั่งหัวโต๊ะ และคนที่นั่งฝั่งซ้ายจะเป็นตำแหน่งรองลงมาคือรัชทายาท และฝั่งขวาข้างองค์จักรพรรดินีคือคุณชายจีนผู้เป็นบุตรบุญธรรมของตระกูลจักรพรรดิองค์ก่อน และลำดับสุดท้ายคือคุณชายจากตระกูลมาร์แชลนั่นเอง
ทำให้อีกฝ่ายพึงพอใจกับการจัดลำดับยศของจักรวรรดิเสียเหลือเกิน เพราะมันทำให้เขามองเห็นคุณชายจีนได้ง่ายมากขึ้น ในขณะที่องค์รัชทายาทอยู่ไกลกว่านั่นเอง แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจอะไร เนื่องจากกฎของวังหลวงคือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงลำดับการนั่งรับประทานอาหารไม่ได้
"อาหารสีเหมือนครีมอันนี้คืออะไรเหรอ ทำไมข้าถึงไม่เคยเห็นมาก่อนเลย" คีย์ถามด้วยความสงสัย เพราะปกติแล้วจะไม่มีอาหารที่้เป็นของว่างมาวางไว้บนโต๊ะอาหารแบบนี้หรอกนะ เมล์กับมีเทนไม่ชอบทำของวางแบบนี้จะเน้นเป็นเค้กเสียมากกว่า
"หรือว่าจะเป็นฝีมือของกระรอกน้อย ก่อนเดินทางมาที่วังก็เห็นทำของกินเล่นแบบนี้รอบนึงแล้ว"
"ครับ ผมเป็นคนทำเอง"
"อันนี้เรียกว่าอะไรเหรอครับคุณชายจีน" มาร์แชลให้ความสนใจและรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยที่อีกฝ่ายทำของกินน่ารักๆ แบบนี้ได้ด้วย แล้วแบบนี้ใครจะยอมให้ไปเป็นจักรพรรดินีเล่า
"เรียกว่าซุปข้าวโพด มีส่วนผสมของหัวหอมใหญ่ เนยสด ครีมสด น้ำซุป ใบกระวาน แล้วก็เติมเกลือ พริกไทย น้ำตาล เป็นของกินที่เหมาะกับการกินต่อจากสเต๊กปลาครับ แล้วการกินเค้กวานิลลาที่เป็นของหวานละลายในปากจะทำให้ชุ่มคอและนอนหลับสบายด้วยครับ"
"เก่งจังกระรอกน้อย ความสามารถหลากหลายมากเลยนะ"
"ไม่ใช่แค่นั้นขอรับ คุณชายจีนทำซุปข้าวโพด เค้กวนิลา และนมสดที่ต้องดื่มเองเพราะอายุยังไม่ถึงด้วยตัวเองหมดเลยครับ" มีเทนอธิบายเพิ่มเติมเพราะดูจากท่าทางแล้วอาจจะไม่อยากบอกว่าทำอะไรได้เยอะเกินไปหรือเปล่า หรือด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ เขาซึ่งเป็นพ่อบ้านขององค์จักรพรรดิควรชี้แจงให้ถูกต้องมากกว่า
"ลูกทำได้ยังไงอะลูก แม่ยังทำไม่เป็นเลย"
"พอดีว่าแม่ผมสอนมาครับ พวกเราเปิดร้านทำขนมแล้วผมเป็นคนทำขนมกับลูกมือช่วยปรุงเครื่องดื่ม แต่อาหารหลักจะเป็นแม่ครับ ผมทำอาหารจานหลักไม่เป็นครับ"
"เท่านี้ก็เก่งมากแล้วครับคุณชายจีน ผู้ชายของจักรวรรดิส่วนใหญ่ทำอาหารไม่เป็นหรอกครับ ยกเว้นพ่อบ้านเท่านั้น" มาร์แชลบอกเนื่องจากพวกเขาถูกสอนมาให้รบเก่งกว่าการทำอาหารแบบนี้
"ครับ ผมว่ารับประทานอาหารกันครับ เดี๋ยวของกินเย็นแล้วจะไม่อร่อยนะครับ"
บรรยากาศในการรับประทานเงียบสงบกว่าที่เขาคิดไว้มากนัก นึกว่าพี่คีย์กับคุณบลัฟจะพูดจาแดกดันเหมือนที่เขาเคยเห็นเสียอีก แต่เหมือนต่างคนต่างสงวนท่าทีของตนเองไว้แล้วรอดูว่าใครจะเริ่มก่อนมากกว่า ไม่แปลกที่จะถูกเลี้ยงมาอย่างดี แม้แต่ตอนจะสู้กันยังมีชั้นเชิงแบบนี้
"ผมขอตัวไปนอนก่อนนะครับ ฝันดีครับท่านพี่"
"ฝันดี กระรอกน้อย"
ในขณะที่ร่างสูงจะกลับไปยังห้องนอนของตนเอง ก็มีเสียงเอ่ยเรียกไว้เสียก่อน
"ข้าขอคุยอะไรกับรัชทายาทสักหน่อยได้ไหมพะยะค่ะ"
"ได้สิ ข้าเองก็อยากจะคุยกับเจ้าอยู่เหมือนกัน" เขาเองก็ปรารถนาเช่นนั้นเหมือนกัน
"ข้าไม่ได้พูดเล่น ข้าชอบคุณชายจีนจริงๆ " อีกฝ่ายเอ่ยความต้องการของตนเองออกมาอย่างเปิดเผย
"ข้าเองก็ชอบกระรอกน้อย แล้วกระรอกน้อยก็คือคนในคำทำนาย ยังไงเจ้าก็ไม่มีทางพรากเนื้อคู่ของข้าให้ไปอยู่กับเจ้าได้หรอกนะ" เพราะว่าเขาถือไพ่เหนือกว่าตั้งแต่แรกแล้วยังไงล่ะ
"ไม่รู้สิ ของยังงี้ต้องให้คุณชายจีนตัดสินใจถึงจะถูก"
"กระรอกน้อยไม่มีทางเลือกเจ้าอยู่แล้ว"
"ดูมั่นใจจังเลย รัชทายาท"
"เพราะว่าข้าเห็นท่าทีของกระรอกน้อยตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งวันนี้ เจ้าไม่มีทางปกป้องเขาได้อยู่แล้ว"
"ข้าอยากทราบว่าทำไมถึงเรียกคุณชายจีนว่ากระรอกน้อยครับ"
"พวกเราเจอกันวันแรก จีนมีท่าทางสั่นเกร็ง แววตาหวาดกลัวทุกสิ่ง แต่ก็ไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากใคร ซึ่งเป็นวิสัยของกระรอก ส่วนคำว่าน้อยนั้นมาจากที่เขายังเด็กกว่านั่นเอง มีอะไรจะถามอีกไหม คุณชายจากตระกูลมาร์แชล"
"เรียกข้าซะเต็มยศแบบนี้ ข้าเขินแย่เลยพะยะค่ะ"
"ข้าชอบกระรอกน้อยตรงไหน เพราะตัวตน ฐานะ หรือว่าเพราะเลือด"
"หมายความว่ายังไง รัชทายาท"
"ข้าชอบกระรอกน้อยคนนี้คนเดียวเท่านั้น ไม่ได้ชอบเพราะกลิ่นเลือด ไม่ได้ชอบเพราะฐานะ หรือเพราะว่าเขาแปลก แต่จะต้องเป็นคนนี้เพียงคนเดียวเท่านั้น ข้าจะไม่แต่งงานกับคนอื่นเด็ดขาด"
"ไว้จะกลับไปคิด ว่าข้าชอบคุณชายจีนเพราะอะไรกันแน่ เพราะว่าไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่ท่าทางการต่อสู้แบบเอาตัวรอดยิบตาแบบนั้นประทับใจข้ามากจริงๆ ครับ"
"เจ้าชอบกระรอกน้อยที่สามารถเอาตัวรอดได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพราะกลิ่นเลือด กลับไปนอนคิดมาให้ดีๆ คุณชายตระกูลมาร์แชล" เขาว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะรู้ด้วยซ้ำว่าชอบกระรอกน้อยในฐานะไหน แล้วจะมาดูแลคู่หมั้นของเขาได้ยังไงกัน คนที่จะดูแลได้ต้องเป็นเขาเท่านั้น
"ขอรับ รัชทายาท"
"ฝันดี"
"ฝันดีพะยะค่ะ"
เปลือกตาสวยกลมโตกระพริบตาสองสามครั้งเมื่อสายแดดส่องมายังห้องนอนของเขา เวลานี้ถือเป็นเวลากลางวันซึ่งไม่ใช่วิสัยของแวมไพร์ที่จะตื่น ทั้งวังก็คงจะเงียบน่าดูเลยทีเดียวเชียว ร่างบางลุกขึ้นมาอาบน้ำชำระร่างกายตามพฤติกรรมของมนุษย์ทั่วไป ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในจักรวรรดิก็เถอะ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีจะคล้อยตามนอนกลางวันแล้วตื่นในเวลากลางคืนแบบนั้นแกร๊ก!"อรุณสวัสดิ์ กระรอกน้อยของพี่" คีย์เอ่ยทักด้วยรอยยิ้มเหมือนเคยแต่ติดตรงที่ว่าทำไมถึงได้ตื่นเช้าแบบนี้กันนะ มันไม่ใช่เวลาของแวมไพร์ไม่ใช่เหรอ"อรุณสวัสดิ์ คุณชายจีน" มาร์แชลเอ่ยทักทายยามเช้าอีกคน ยิ่งทำให้น่าสงสัยกันเข้าไปใหญ่เลยว่าคนใหญ่คนโตของที่นี่เขาไม่รู้จักทำงานทำการกันหรือยังไงนะ"ตื่นเช้าดีนะครับ มาทำอะไรกันหน้าห้องผมแต่เช้าเลย" เสียงหวานเอ่ยถามด้วยความสงสัย ดวงตากลมโตฉายแววฉงนอย่างเห็นได้ชัด คอที่เอียงไปมานั้นบ่งบอกถึงความอยากรู้อยากเห็นเป็นเท่าตัว การกระทำทุกอย่างอยู่ในสายตาของรัชทายาทแห่งบีเลอและคุณชายแห่งมาร์แชล ถ้าไม่ได้มีร่างกายที่ดูออกจะแข็งแรงเหมือนคนออกกำลังกายรวมถึงส่วนสูงและสรีระที่เหมือนผู้ชายแต่ก็ไม่ใช่ผู้ชายซะทีเดียวเรียก
เขารู้ตัวดีว่ากำลังหลบหน้าใครบางคน จะกล้าสู้หน้าได้ยังไงล่ะ! พูดซะขนาดนั้นแล้วนี่นา สงบใจไม่ได้เลยสักนิดเดียว"คุณชายจีนขอรับ เรียนเชิญทางนี้ขอรับ" เมล์บอกพลางผายมือไปทางโรงอาหาร"ขอบคุณครับ""เป็นอะไรหรือเปล่าขอรับ หน้าตาดูแดงตลอดเวลาเลย" เมล์ถามด้วยความเป็นห่วง หากคนโปรดของรัชทายาทไม่สบายจะต้องโดนดุอย่างแน่นอนเลย"ไม่เป็นไรครับ สบายดีครับ" ใครจะกล้าบอกว่าเขินพี่คีย์จนไม่กล้าสู้หน้ากันล่ะปึก!"ระวังหน่อยครับคุณชายจีน ถ้าข้าคว้าไม่ทันคือล้มแล้วนะ" มาร์แชลบอกพลางจับร่างบางมานั่งเก้าอี้แล้วช่วยปัดเศษฝุ่นออก"ขอบคุณครับ ผมไม่ระวังตัวเอง""ทำไมไม่ระวังตัวเลยนะ""แต่ว่า...""ซุ่มซ่ามแบบนี้ก็น่ารักดีนะ" เสียงทุ้มต่ำบอกด้วยรอยยิ้ม"ผ... ผม... ผมไม่คุยกับพวกคุณแล้ว ไปทางไหนมีแต่คนพูดจาแปลกๆ กันทั้งนั้นเลย" ช่วงขาเรียวยาวเดินหนีไปอีกทางทันที โดยที่ไม่ได้รับรู้ถึงสายตาเอ็นดูจากคนด้านหลังเลยสักนิดเดียวที่นี่มันคือโลกแบบไหนกันแน่นะ รู้ตัวว่าข้ามเวลามาอีกโลกหนึ่ง แต่ไม่คิดว่าจะแปลกประหลาดกันขนาดนี้ เหมือนเวลาจิรายุไปใกล้ใครคนนั้นก็จะพากันหลงรักไปเสียหมด เขาเป็นผู้ชายนะ! ทุกคนอย่าลืมสิ ทำไมถึงมีแ
เสียงหัวใจเต้นโครมครามจนแทบจะหลุดออกจากอก คนข้างกายจะรู้ไหมว่าเขาแสดงท่าทีแบบไหน ให้ตายเถอะ! เขามีอิทธิพลกับหัวใจมากจริงๆ"ผมว่าพวกเรารีบไปกินข้าวกันเถอะครับ ผมหิวแล้ว" ร่างสูงโปร่งรีบเดินหนีจากสถานการณ์ตรงหน้าเพราะจนปัญญาที่จะรับมือไหว ใบหน้าริ้วแดงนั้นสร้างความหลงใหลให้กับผู้ที่พบเห็นไม่น้อยเลยทีเดียว ช่างน่ารักน่ากินไปทั้งตัวยังไม่รวมกลิ่นเลือดหอมหวานนั่นอีก"พอเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่คีย์ถึงหวงนัก""นั่นสิ เป็นใครเจอแบบนี้ก็หวงกันหมด"ฉายาแฝดนรกของจักรวรรดิไม่ได้มีเพียงชื่อเท่านั้น ความแสบสันและการพูดจาก็ร้ายกาจไม่แพ้กัน บุคคลที่คลาสและครอสกลัวที่สุดคือพี่ชายคนโตหรือรัชทายาทนั่นเอง ส่วนสาเหตุนั้นไม่มีใครอาจตอบได้เพราะแม้แต่จักรพรรดิยังเอาไม่อยู่"ยังไงข้าก็ไม่ยอมแพ้แน่ คุณชายจีนจะต้องมาเป็นดัชเชสของมาร์แชล" มาร์แชลบอกด้วยความมั่นใจและไม่ยอมแพ้ ในเมื่อเจ้าตัวยังไม่ได้ตัดสินใจ ทุกคนก็มีโอกาสจะเข้าหาทั้งหมด"อย่าเพิ่งเถียงกันเลย รีบตามกระรอกน้อยไปเถอะ"ความสดใส น่ารัก ไร้เดียงสาที่แผ่ออกมารอบตัวจิรายุ ตกอยู่ในสายตาเหล่าแวมไพร์น้อยใหญ่ทั้งหมด ไม่มีมนุษย์คนไหนมาเยือนโลกนี้นานแล้ว ด้วยความท
"ทำหน้าแบบนี้แปลว่าตัดสินใจได้แล้วใช่ไหม ว่าควรทำตัวยังไง""มาร์แชล บลัฟเฟอร์" แฝดนรกก็คือแฝดนรกอยู่ดี คำพูดที่หลอกล่อให้คล้อยตามและหลงเชื่อ ไม่ว่าใครจะหนักแน่นหรือมั่นคงในความคิดของตนเองมากแค่ไหน หากโดนคำพูดขององค์ชายคลาสกับองค์ชายครอส ไม่มีทางที่จะหนีพ้น เหมือนเสียงกระซิบของปีศาจที่ต้องยอมทำตามแต่โดยดีอย่างไม่มีเงื่อนไข"แล้วองค์ชายทั้งสองไม่ติดใจอะไรบ้างเหรอพะยะค่ะ ว่าทำไมมนุษย์อย่างคุณชายจีนถึงได้รับตำแหน่งเป็นคุณชายญาติทางฝั่งพระจักรพรรดินี" มาร์แชลกลั้นใจถามออกไป เขายอมแพ้ที่จะสืบหาความจริงแล้วแต่ไม่มีทางที่ทั้งสองพระองค์จะยอมล่าถอยง่ายๆ แบบนี้ ทุกคนต้องรู้ดีถึงความน่ากลัว การปกครองที่สงบสุขหลายร้อยปีที่ผ่านมาไม่ได้มีเพียงแค่หน้าตา ความสามารถ ความเฉลียวฉลาดถือว่าไม่เป็นรององค์รัชทายาทเลยเพียงแต่เกิดช้ากว่าเท่านั้นเอง"จริงๆ ข้าก็อยากรู้นะ ท่านพี่ว่าไง""ข้าไม่ขอเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ท่านแม่ตัดสินใจเด็ดขาด ความน่ากลัวของท่านแม่มีมากมายนัก อยากมีชีวิตแบบที่แวมไพร์ควรเป็น ยังไม่อยากตายเยี่ยงมนุษย์""นี่คือข้อสรุปของพวกเราสองแฝด ไปนอนกัน" รูปร่างสง่างามที่เหมือนกันราวกับแกะทั้งสองเดิน
"มีเรื่องกันหรือเปล่าครับ ผมเป็นห่วง" ท่าทางกังวลถูกฉายชัดผ่านดวงตากลมโต เสื้อคลุมถูกสวมใส่อย่างลวกๆ หยดน้ำไหลเป็นทางตามร่างกายขาว หากผิวขาวซีดจะดูไม่น่าดึงดูดแต่ไวท์ดันขาวอมชมพู ยิ่งอาบน้ำมาใหม่ๆ ดูยั่วยวนโดยธรรมชาติมาก รัชทายาทลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ สามัญสำนึกบอกให้เขาหยุดคิดอะไรที่ไม่ดีไม่งาม"กระรอกน้อยรีบวิ่งออกมาจากห้องน้ำใช่หรือไม่" เสียงทุ้มต่ำถามพลางสะกดอารมณ์ของตนเองลง"ครับ ผมได้ยินเสียงเลยรีบคว้าชุดคลุมออกมาเลย" มือหนาคว้าผ้าห่มขนาดใหญ่ขึ้นมาแล้วพันร่างของไวท์ไว้ทั้งหมดพลางอุ้มพากลับไปห้องอาบน้ำ ไม่รู้ว่าระหว่างทางจะมีใครเห็นบ้าง สายตาพิฆาตถูกส่งไปยันทหารในคฤหาสน์ ทุกคนก้มลงกับพื้นหมดเพราะไม่อาจทนรังสีความหวงของรัชทายาทได้"แต่งตัวนะ แล้วเช็ดผมให้แห้งนะ""ครับ""ข้าว่าพวกเรากลับวังกันเถอะ""จะดีเหรอครับ""กระรอกน้อยช่วยทำฝายชะลอน้ำแล้ว""ทุกคนจะต้องไม่เป็นอะไร""ที่นี่อากาศเย็นเกินไป ข้าคิดว่าร่างกายของกระรอกน้อยจะรับไม่ไหว"คนที่รับไม่ไหวและรับมือยากที่สุดมันคือพระองค์ต่างหากล่ะ! รัชทายาท เขาลอบเถียงในใจ แต่ดูเหมือนว่าอีกคนจะรู้ทันเสียแล้ว"จะบอกว่าข้ารับมือยากเหรอ""ทำไมถึ
ณ วังหลวง"จักรพรรดินีเพคะ องค์รัชทายาทแจ้งว่ากำลังเดินทางกลับมาวังหลวง" นีน่ารายงานตามเอกสารที่ได้รับมาทันที เพราะสถานการณ์ตอนนี้ถึงจะดีขึ้นแล้วแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่นัก ยังมีเหล่าขุนนางจำนวนมากที่อยากเห็นหน้าว่าที่คู่หมั้น"ดีแล้วล่ะ ขออย่าให้เกิดเรื่องก่อนมาถึงก็พอ""ทำไมคิดเช่นนั้นเพคะ""มีหลายคนที่ไม่พอใจเรื่องนี้เยอะ มันจะต้องมีการลอบสังหารเกิดขึ้นแน่" ที่นี่ไม่ใช่เมืองมนุษย์ฉะนั้นกฎทุกอย่างมีไว้แหก ไม่ได้มีไว้ทำตามดั่งที่ควรจะเป็น"แล้วพระองค์จะทำเช่นไรเพคะ""ไม่รู้เหมือนกัน ของแบบนี้ต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง"ขุนนางบางส่วนที่หวังพึ่งอำนาจจากเจ้าชายฝาแฝดมากกว่ารัชทายาทคนปัจจุบัน เนื่องจากไม่ชอบความคิดที่รู้ไปทุกเรื่องโดยไม่ฟังคำจากผู้ใหญ่ หากมีเรื่องมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องแล้วหมายความจุดอ่อนคือสิ่งนี้ เมื่อรู้จุดอ่อนของศัตรูเป็นธรรมดาที่จะต้องกำจัดทิ้ง"กระผมจ้างทหารรับจ้างให้ไปลอบสังหารรัชทายาทแล้วขอรับ""ทำดีมาก ชาร์ที""ข้าอยากจะรู้นักว่ารัชทายาทจะปกป้องคนรักได้หรือไม่""ขอรับ"การเดินทางกลับวังหลวงนั้นจำเป็นต้องใช้รถม้าเนื่องจากเป็นการเดินทางที่เป็นทางการ ไม่สามารถใช้แบบรถค้างคาวไป
ทำไมรัชทายาทไปนานเหลือเกิน มีเสียงต่อสู้กันอย่างหนักแล้วทำไมเงียบลงแบบนี้ ไวท์ไม่รู้ตัวเลยว่ารถม้ากำลังเคลื่อนตัวไปทางอื่นเนื่องจากโดยภาพมายาหลอกว่ายังอยู่ที่เดิม แผนการนี้ตอนแรกจงใจจะทำลายความน่าเชื่อถือของเชื้อพระวงศ์แต่ขุนนางอย่างเขาก็คิดได้ว่ายังมีมนุษย์ที่เป็นตัวแปรสำคัญในครั้งนี้อยู่กลิ่นหวานชวนกลืนกินนั้นยังคงติดตราติดตรึงใจตั้งแต่ครั้งที่เจอในงานเลี้ยงเมื่อไม่กี่วันก่อน อยากลองเห็นหน้าชัดๆ สักครั้งว่ามีดีแค่ไหนกัน ทำไมใครต่อใครถึงได้ออกโรงปกป้องกันนัก ทั้งจักรพรรดิ จักรพรรดินี รัชทายาท องค์ชายแฝด แบบนี้มันไม่ธรรมดาแล้ว จะสืบออกนอกหน้าก็ไม่ได้ เส้นสายของจักรพรรดินีมีทั่วอาณาจักร"คนที่คุณชายอยากพบ เดินทางมาถึงแล้วขอรับ" ชาร์ทีบอกพลางผายมือไปทางรถม้าที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าคฤหาสน์ตระกูลสวิต ถือเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่เป็นเชื้อพระวงศ์ วิธีการที่ใช้เลือกผู้นำแต่ละสมัยจะไม่เหมือนกัน สมัยขององค์จักรพรรดิจะเลือกจากผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นผู้นำ โดยผ่านการต่อสู้มาอย่างหนักหลากหลายรูปแบบเพื่อช่วงชิงความเป็นหนึ่งทุกหนึ่งร้อยปีจะมีการจัดการแข่งขันเพื่อช่วงชิงความเป็นหนึ่งของจักรวรรดิ แวมไ
คิดถูกแล้วที่ตัดสินใจส่งจดหมายก่อนที่คุณชายริคจะเดินทางมาถึง เพราะว่าเวลาไม่นานร่างสูงปีกสีดำขนาดใหญ่ก็บินมาถึงบ้านของเขาเสียแล้ว แสดงว่าร้อนใจจะไม่สามารถนั่งรถม้าหรือรถค้างคาวมารับได้เลยสินะ เด็กคนนี้ต้องมีดีอะไรพอสมควรเลยปึง!"กระรอกน้อย! ไม่เป็นอะไรใช่ไหม! ใครทำอะไรหรือเปล่า! " คียร้อนใจจนไม่สามารถบังคับตนเองได้แล้ว หากมีอะไรเกิดขึ้นกับแก้วตาดวงใจแล้วล่ะก็...คฤหาสน์หลังนี้พังไม่เป็นท่าแน่ๆ"ทำไมต้องโวยวายเสียงดังด้วยพะยะค่ะ ใจเย็นลงก่อน" เทรเลอร์ตอบกลับอย่างใจเย็น ไม่บ่อยนักที่จะเห็นอาการแบบนี้ออกมา ปกติเป็นคนสุขุม รอบคอบ ใจเย็น ได้เห็นอะไรที่ไม่เคยซะแล้วสิ"จะให้เย็นได้ยังไง ความต่างของเผ่าพันธ์มันเยอะขนาดนี้""แถมกลิ่นเลือดยังหอมหวานชวนให้ดื่มตลอดเวลา ข้าไม่ไหวใจเจ้า! สวิต เทรเลอร์""รัชทายาท ใจเย็นลงก่อนพะยะค่ะ" เมล์ห้ามปรามเจ้านายของตนทันที ไม่มีความจำเป็นต้องไปเดินตามเกมส์ของคนตระกูลสวิต"ต่อให้ท่านจะฆ่าเขาเสียตรงนี้ ก็ไม่มีโอกาสได้รู้ว่าคุณชายริคอยู่ที่ไหน" ท่าทีของคีย์โอนอ่อนลงทันที คนรับใช้ตระกูลโฟลช์ถูกขัดเกลามาให้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ให้ความช่วยเหลือ และห้ามปรามกษัตริย