“ท่านราชเลขาฯ จางหวงแหนน้องสาวยิ่งข้าได้ประจักษ์ด้วยตาตนเองก็วันนี้” เจิ้งเข่อชิงกล่าว
“อย่ามัวแต่เยินยอพี่ชายข้าเลย เราไปนั่งคุยกันตรงนั้นดีหรือไม่ ข้าอยากชมดอกไม้” แม้จะพลาดไม่ได้ดูฉากตกหลุมรักของพระเอกนางเอก อย่างน้อยได้ชมดอกไม้ให้รื่นหูรื่นตาบ้างก็ยังดี
“เจ้านี่นะ ชมดอกไม้น่ะแค่กล่าวเอาไว้ให้ดูดี จุดประสงค์แท้จริงคือให้มาชมบุรุษ” หวังเยว่ฉิงกล่าว
สตรีทั้งสามคนสนทนากันพลางเดินไปที่สวนดอกไม้ โดยไม่รู้ว่ามีสายตามากมายจับจ้อง
“ไม่รู้ว่าคุณหนูจางจะโกรธเคืองข้าหรือไม่ ข้าต้องไปขอโทษนางเป็นการส่วนตัวอีกครั้ง...” หลิวเฟิงเหมียนยังกล่าวไม่ทันจบก็ต้องเดินสะดุดกับอะไรบางอย่างจนเซไปเกาะองค์รัชทายาท
“เจ้าขัดขาข้าอันฉี”
“สะดุดขาตนเอง แล้วยังมาใส่ร้ายผู้อื่น โง่เง่า” ชินอ๋องซื่อจื่อกล่าวแล้วลุกยืนขึ้นปัดอาภรณ์ตนเองเล็กน้อย
“อันฉีข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง วันนี้ข้าไปเหยียบเท้าเจ้าหรือทำอันใดให้เจ้าไม่พอใจหรือไม่” เหตุใดเขาถึงได้รู้สึกว่าตนเองกำลังถูกซื่อจื่อผู้นี้หมายหัว
“หึ” ชินอ๋องซื่อจื่อกล่าวเพียงแค่นั้นก่อนจะเดินจากไป
“เรื่องนี้ข้าช่วยเจ้าไม่ได้” องค์รัชทายาทกล่าวก่อนจะเดินแยกไปอีกคนทิ้งให้เจ้าของจวนมองตามสหายทั้งสองด้วยสีหน้างุนงง
ในระหว่างที่สตรีทั้งสามกำลังนั่งสนทนากันอย่างออกรส จู่ๆ ก็มีบุรุษสามคนเดินเข้ามาหวังจะทักทายแต่ก็ต้องชะงักเมื่อพบว่าองค์รัชทายาทกำลังยืนมองทั้งสามคนอยู่แล้ว คุณชายเหล่านั้นจึงได้แต่ก้าวถอยก่อนจะเดินหนีไป
“เจ้าน่าเอ็นดูเช่นนี้นี่เอง ไม่แปลกใจเลยเหตุใดพี่ชายเจ้าถึงได้หวงแหนนัก” หวังเยว่ฉิงกล่าว
“ข้าเห็นด้วยกับเยว่ฉิง เจ้าช่างน่าเอ็นดูนักชิงหนี่ว์” คุณหนูเจิ้งไม่เพียงแต่กล่าว แต่มือเรียวยังกอบกุมมือน้อยพลางลูบไล้
“เข่อชิงนั่นเจ้ากำลังทำอันใด” เสียงขององค์รัชทายาททำให้สตรีที่นั่งสนทนากันอยู่ตกใจไม่น้อย มีเพียงเจิ้งเข่อชิงที่ปรายตามองชายสูงศักดิ์ด้วยสายตาเฉยชา
“นั่งสนทนากับสหายอย่างไรล่ะเพคะ หรือพระองค์เห็นพวกหม่อมฉันกำลังทำขนมกันอยู่” นางร้ายตอบองค์รัชทายาทก่อนจะเมินเฉยแล้วหันมาสนทนากับนางแทน
“ชิงหนี่ว์มือเจ้าเนียนนุ่มยิ่งนัก เจ้าใช้อะไรบำรุงมือหรือ กลิ่นหอมถูกใจข้ายิ่ง” สหายคนใหม่กล่าวพลางยกมือนางขึ้นมาดมกลิ่น
เอ่อ...นี่นางร้ายกำลังใช้นางเป็นเครื่องมือยั่วโทสะพระรองหรือนี่ แต่พวกท่านลืมอันใดไปกันหรือไม่
‘ข้าเป็นสตรีนะเจ้าคะ ท่านจะทุบไหน้ำส้มแตกเพราะข้าไม่ได้’ นางคิดในใจก่อนจะเอ่ยตอบ
“เป็นน้ำมันทาผิวที่ข้าลองทำเอง หากเจ้าสนใจ ข้าจะให้คนนำไปมอบให้”
“แต่ข้าอยากให้เจ้านำมามอบให้ด้วยตนเองมากกว่า”
“เจิ้งเข่อชิง เจ้ากล้าเมินเฉยข้า” องค์รัชทายาทเอ่ยเสียงลอดไรฟัน
“ในเมื่อหม่อมฉันเมินเฉยต่อพระองค์ เหตุใดพระองค์ไม่เดินไปหาสตรีนางอื่นแทนล่ะเพคะ จะมายืนให้เกะกะอยู่ตรงนี้ด้วยเหตุใด” คุณหนูเจิ้งกล่าวประโยคท้ายเสียงเบา เมื่อตัดสินใจจะให้ท่านพ่อไปยกเลิกการหมั้นหมายแล้ว เหตุใดนางยังต้องเอาอกเอาใจบุรุษผู้นี้กันเล่า
ที่ผ่านมาหากไม่ใช่เพราะท่านป้าฮองเฮาสหายสนิทของมารดา มีหรือนางจะยอมอดทนต่อนิสัยโง่เง่าของบุรุษผู้นี้ ต่อจากนี้อยากจะพึงใจสตรีคนใดก็ทำไปเถิด นางไม่สนใจเขาแล้วเพราะชิงหนี่ว์น่าสนใจกว่าบุรุษผู้นี้มาก
“นี่เจ้า!”
“เชิญพระองค์ไปหาสตรีที่ทรงสร้างความเกษมสำราญให้เถิดเพคะ อย่าได้มารบกวนพวกหม่อมฉันเลย”
“ได้! ในเมื่อเอ่ยปากไล่กันเช่นนั้น ข้าก็จะไม่ยุ่งกับเจ้าแล้ว แต่จะทำอันใด คำนึงถึงหน้าตาวงศ์ตระกูลด้วย” กล่าวจบบุรุษสูงศักดิ์ก็สะบัดอาภรณ์เดินจากไป
“เข่อชิงวันนี้เจ้าทำให้สหายเช่นข้าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว” หวังเยว่ฉิงแทบจะปรบมือให้
“ข้าสุดจะทนกับบุรุษผู้นี้แล้ว” ในขณะที่ตนต้องรักษาภาพลักษณ์ที่ดีงาม แต่เขาที่เป็นถึงราชวงศ์กลับทำตัวเสื่อมเสียหลงมารยาสตรีดอกบัวขาวทำตัวโง่งมเช่นนั้นไม่ควรค่าให้นางต้องอดทนอีกต่อไปแล้ว
“เจ้าต่อว่าองค์รัชทายาทเช่นนั้นจะไม่เป็นไรหรือ” จางชิงหนี่ว์เอ่ยถามสหาย
“หากเขาคิดจะเอาเรื่องข้าเพราะข้ากล่าวเช่นนั้น ก็แล้วแต่เขาเถิด” ใจจริงอยากจะกล่าวว่าตนกำลังคิดจะถอนหมั้น แต่กลัวบุรุษผู้นั้นรู้ตัวเสียก่อนจึงไม่ได้เอ่ยไป
“เอาเถิดเรื่องราวระหว่างเจ้าและองค์รัชทายาท เจ้าจะทำอย่างไรตัดสินใจเช่นไรข้าพร้อมจะสนับสนุน”
“ชิงหนี่ว์ เจ้าช่างแสนดี ขอบคุณนะ” เจิ้งเข่อชิงผู้ชื่นชอบความน่ารักโผเข้ากอดนางอย่างแนบเนียนก่อนจะผละออกห่างด้วยความเสียดาย
เนื้อตัวก็นุ่มนิ่มน่ากอดเป็นที่สุด...
4บุรุษสวมหน้ากากกับท่าทางแปลกๆ ของเขา (1) ด้านชินอ๋องซื่อจื่อที่เดินแยกตัวออกไป เดินไปหยุดนิ่งที่ใต้ต้นเหมยนัยน์ตาดำฉายแววล้ำลึกเมื่อจับจ้องไปยังจุดหนึ่ง ‘มีใครอยู่แถวนี้ไหมเจ้าคะ ข้าหกล้มเท้าบาดเจ็บ’ เสียงอ่อนหวานของสตรีนางหนึ่งดังขึ้น ‘ช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ ข้าเจ็บเท้า ลุกไม่ขึ้น’ พอเห็นอะไรบางอย่างที่ดูขัดสายตา จึงใช้กำลังภายในเล็กน้อยดีดผลเหอเถาออกไป ‘ช่วยข้าด้วย คุณชายที่ยืนอยู่ตรงนั้น’ “...” โจวอันฉีไม่ตอบก่อนจะเดินออกจากจุดที่ยืนเมื่อครู่ไปทางต้นเสียง “เป็นชินอ๋องซื่อจื่อเองหรือเพคะ หม่อมฉันต้องขอประทานอภัยที่ต้องรบกวนพระองค์” ดวงตารื้นน้ำตาฉายแววเจ็บปวดทอประกายความหวังเมื่อเห็นบุรุษเลิศล้ำกำลังเดินมาหาตน “...” บุรุษรูปงามไม่กล่าวอันใด ฝีเท้ายังคงก้าวเดินอย่างมั่นคง “หม่อมฉันพลาดพลั้งหกล้มจนเจ็บเท้า ต้องรบกวนท่านอ๋องแล้วเพคะ” โฉมงามอันดับหนึ่งกล่าวพลางกรีดนิ้วเช็ดน้ำตาที่ไม่มีจริงตรงหางตา ท่าทางอ่อนแอน่าปกป้องของสตรีที่มีดวงหน้างดงามทำให้บุรุษอยากปกป้อง ในช่วงที
“มันก็เป็นได้แค่เรื่องสมมติ เพราะสตรีอย่างไรก็กลายเป็นบุรุษไม่ได้” เสียงทุ้มของบุรุษที่แทรกเข้ามาในบทสนทนาทำให้ทั้งสามคนหันไปมอง “คารวะชินอ๋องซื่อจื่อ” คุณหนูทั้งสามแสดงความเคารพตามมารยาทแต่ในใจกลับคิดต่างกันออกไป ‘จู่ๆ ชินอ๋องเดินเข้ามาพูดคุยกับพวกข้าเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด’ มันคือสิ่งที่หวังเยว่ฉิงคิด ‘บุรุษผู้นี้กำลังเอ่ยวาจาดักคอข้าอยู่ใช่หรือไม่’ คุณหนูเจิ้งคิด ‘เจ้าพระเอกตัวซวย อย่ามาใกล้ข้านะ ถอยไปให้ห่างๆ ข้า นางเอกของเจ้าอยู่ทางโน้น’ จางชิงหนี่ว์คิดพลางก้มหน้าซ่อนสายตาไม่ใคร่จะชอบใจเอาไว้ “ตามสบาย เปิ่นหวางไม่ได้ตั้งใจจะมารบกวนพวกเจ้า เพียงแค่เห็นว่าคุณหนู
“แต่บ่าวอยากให้คุณหนูได้พักผ่อนนี่เจ้าคะ คุณหนูเอาแต่วาดภาพบุรุษขาย จนบางครั้งตอนกลางวันก็ไม่ยอมหยุดพักเพื่อกินข้าว” หากไม่ติดว่าตอนเช้าและเย็นต้องกินข้าวพร้อมคุณชายใหญ่ คุณหนูของนางก็คงไม่สนใจที่จะหยุดพักเป็นแน่ “ช่วงนี้ราคาภาพวาดกำลังดี มีคุณหนูต้องการมากมาย ข้าจึงต้องเร่งมือ” สุดท้ายสาวใช้คนสนิทก็ไม่อาจห้ามคุณหนูของตนได้อีกจึงได้แต่นั่งพัดและรินน้ำชาให้อย่างเงียบๆ จางชิงหนี่ว์วาดภาพได้ตามจำนวนที่ต้องการจึงยอมหยุดพักแล้วไปเดินเล่นระหว่างรอภาพวาดแห้ง ส่วนจื่อรั่วก็ปล่อยให้เก็บอุปกรณ์วาดภาพไป “เริ่มหิวแล้วสิ แต่หากกินข้าวตอนนี้ แล้วพี่ใหญ่กลับมาข้าก็จะไม่หิวน่ะสิ” และเมื่อใดที่นางกินข้าวน้อยก็มักจะทำให้พี่ใหญ่ไม่สบายใ
“ช่างเถิดหากได้เจอกันอีกครั้งค่อยหาวิธีพิสูจน์” คุณหนูจางบอกกับตัวเองก่อนจะเดินกลับเรือนของตนเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์รอพี่ใหญ่กลับจวน ภาพวาดที่นางวาดโดยใช้เรือนร่างของจื่อเป่าเป็นต้นแบบถูกเถ้าแก่เนี้ยร้านขายภาพวาดรับซื้อเอาไว้หมด พร้อมทั้งสั่งเพิ่มอีกหลายๆ ภาพเท่าที่นางจะวาดไหว “มือก็หายแล้ว แต่จะไปหาบุรุษจากที่ใดมาวาดภาพเล่า” ลานฝึกยุทธ์ก็ไปไม่ได้ นางไม่กล้าเอาชีวิตน้อยๆ ของตนเองไปเสี่ยงอีก “คุณหนู ท่านอย่าออกไปวาดภาพบุรุษอีกเลยนะเจ้าคะ” คราวที่แล้วก็ได้บาดแผลมาจนต้องช่วยกันหาข้ออ้างโกหกคุณชายใหญ่ “ไม่ได้! ข้าต้องไป มือข้าหายแล้วเจ้าไม่ต้องห่วง” แม้จะรู้ว่าจวนตนไม่ได้ขัด
5บุรุษสวมหน้ากากกับท่าทางแปลกๆ ของเขา (2) คุณหนูจางที่ตอนนี้อยู่ในคราบบุรุษเดินตามผู้ดูแลไปที่ห้องส่วนตัว “คุณชายรอข้าน้อยเพียงครู่เดียว ข้าน้อยจะไปพาเหล่าบุรุษมาให้ท่านเลือกขอรับ” “อืม” นางตอบรับพลางโยนตำลึงสีเงินก้อนใหญ่ให้ผู้ดูแล ซึ่งชายวัยกลางคนรับมาแล้วยิ้มอย่างอารมณ์ดีก่อนจะหายออกไปทางประตู ผ่านไปไม่ถึงชั่วจิบชาผู้ดูแลกลับมาพร้อมกับบุรุษจำนวนเจ็ดคนเพื่อให้นางเลือกสรร “คุณชายสามารถเลือกคนที่คุณชายต้องการได้เลยขอรับ”&nb
“เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วยามก่อนผู้ดูแลจะพาชายงามมาให้ข้าเลือกเพิ่ม คราวนี้ข้าขอเปลี่ยนท่านั่งพวกเจ้าใหม่” สตรีในคราบบุรุษกล่าวก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปใกล้ทั้งสามคน จางชิงหนี่ว์จัดบุรุษคนหนึ่งให้นอนเอนหลังลงกับพื้น ส่วนบุรุษอีกคนคุกเข่านั่งคร่อมขาข้างหนึ่งของคนที่นอนอยู่ มือใหญ่ของคนที่อยู่ด้านบนวางลงตรงแผ่นอก ส่วนแขนอีกข้างยันพื้นเอาไว้ ชายอีกหนึ่งคนที่เหลือ นางให้นอนคว่ำแล้วซบใบหน้าลงตรงต้นขาที่ไม่มีอาภรณ์ปกปิด มือใหญ่ข้างหนึ่งเอื้อมไปวางลงบนหน้าท้อง “อู่เจ๋อ ท่าทางเจ้ายังไม่ได้ มานี่ประเดี๋ยวข้าทำให้ดู” นางดันตัวเล็กน้อยเพื่อให้อีกฝ่ายหลบ “เจ้าต้องทำเช่นนี้ อืม โน้มใบหน้าเข้าไปใกล้เช่นนี้ดีกว่า” นางขึ้นคร่อมขาข้างหนึ่งของชายงามที่นอนอยู่ก่อนจะใช้ม
“พวกท่านรีบใส่อาภรณ์เถิดเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวจะเป็นหวัดเอาได้” นางเอ่ยพลางส่งยิ้มให้กับชายงามทั้งสามที่ช่วยให้งานของนางลุล่วงไปได้ “...” บุรุษสวมหน้ากากตวัดสายตามองเช่นกัน ทำให้ทั้งสามคนได้แต่ก้มหน้า คุณชายผู้นี้หวงแหนฮูหยินยิ่งนัก... “พวกท่านจะนั่งดื่มกินก่อนก็ได้นะเจ้าคะ ประเดี๋ยวผู้ดูแลนำบุรุษมาให้ข้าเลือกเพิ่ม พวกท่านค่อยไปก็ได้” “นี่เจ้ายังจะเลือกบุรุษมาเพิ่มอีกหรือ” “ข้ายังวาดได้ไม่มาก จึงต้องหาคนเพิ่มอีกเจ้าค่ะ” “ที่นี่เป็นหอชายงา
“เลิกมองช้าเช่นนั้นเลยนะเจ้าคะ ข้าไม่ได้จะเสนอตัวเป็นฮูหยินให้ท่าน แต่ข้ามีสหายเป็นคุณหนูงดงามถึงสองนาง หากท่านสนใจข้าก็ไม่รังเกียจที่เป็นผู้เฒ่าจันทราช่วยผูกด้ายแดงให้” “...” “เงียบเช่นนี้ไม่สนใจสหายของข้าสินะเจ้าคะ” “อืม” “เช่นนั้นเป็นใครดีล่ะ อืม...คุณหนูสวี่ลู่ฟาง สาวงามอันดับหนึ่งก็ไม่ได้ เพราะนางเป็นคนรักของชินอ๋องซื่อจื่ออยู่” กล่าวอ้อมไปอ้อมมาตั้งนาน ได้เวลาเข้าเรื่องเสียที นัยน์ตาดำที่มองลอดผ่านหน้ากากหนังฉายแววกรุ่นโกรธ ทำให้นางยิ่งมั่นใจว่าบุรุษผู้นี้อาจจะเป็นตัวร้ายผู้นั้น แ
การแต่งฮูหยินที่เร่งรีบของท่านราชครู มีคนมากมายที่อาจจะสงสัยว่าเหตุใดท่านราชครูจางเหว่ยถึงได้เร่งรีบตบแต่งเถ้าแก่เนี้ยร้านขายภาพวาดซือซือเข้าจวนจาง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีข่าวลือว่าคบหากัน หรืออาจจะเป็นเพราะได้เห็นบทเรียนจากการเล่าลือเรื่องของคุณหนูสวี่ ที่จู่ๆ คนเหล่านั้นบังเอิญลิ้นขาดกลายเป็นคนพูดไม่ได้ แต่โชคดีหนึ่งในนั้นมีคนเขียนอักษรได้ จึงได้เขียนเตือนคนรอบตัวไม่ให้เล่าลือเรื่องราวเกี่ยวกับเชื้อพระวงศ์หรือตระกูลที่ใกล้ชิดราชวงศ์ สุดท้ายจึงไม่มีใครกล้าเล่าลือหรือสงสัยถึงความเร่งรีบของท่านราชครู “พี่เหว่ย ท่านจะไม่เสียใจทีหลังห
ฮองเฮาพบปะสหาย ภายในจวนท่านราชเลขาฯจาง วุ่นวายไม่น้อยเมื่อมีผู้สูงศักดิ์มาเยือนโดยได้นัดหมายกันล่วงหน้า “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ” ชินอ๋องที่เพิ่งลงจากรถม้าแสดงความเคารพโอรสสวรรค์และฮองเฮา “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” พระชายาสกุลจางที่ลงรถม้ามาภายหลังทำความเคารพอีกฝ่ายเช่นกัน “ตามสบายเถิด พวกเจ้าเป็นสหายของเราใช้คำธรรมดาสามัญเถิด”
“เจ้าโอบอุ้มบุตรชายของเราให้แน่นๆ ส่วนเจ้าพี่จะจับให้แน่นๆ เอง” กล่าวจบเขาก็ใช้วิชาตัวเบาโอบอุ้มพานางและบุตรชายกลับตำหนัก ทันทีที่ถึงตำหนักโจวหลี่หมิงถูกส่งตัวให้ซานจี สาวใช้ประจำตัวคนใหม่ของนางที่ทางพระสวามีหามาให้ แน่นอนว่านางมิใช่สาวใช้ธรรมดา เพราะสตรีผู้นี้คือองครักษ์เงาที่ถูกฝึกมาอย่างหนักเพื่อดูแลดวงใจของท่านอ๋อง “นำไปซื่อจื่อไปมอบให้แม่นมแล้วเจ้าไปพัก ข้าจะดูแลพระชายาเอง” บุรุษที่ชื่นชอบการปรนนิบัติฮูหยินกล่าว “แงๆ” แม้จะดีดดิ้นเพียงใด แต่บุตรชายมีหรือจะต่อต้านบิดาได้ “ท่านพี่ หากลูกไม่อยากไป...” ไม่มีมาร
เรื่องเล่าหลังเป็นพระชายาของชิงหนี่ว์ ดวงตาเมล็ดซิ่งทอดมองผืนดินที่เขียวชอุ่มไปด้วยพืชผัก ที่ดินผืนนี้นางใช้เงินที่ได้จากการวาดภาพขายมาซื้อเก็บไว้ เพื่อสร้างรายได้ให้กับบ่าวรับใช้ผู้ภักดีทั้งสอง ก่อนหน้าที่นางจะแต่งเข้าตำหนักอ๋องไม่นาน นางก็จัดการให้จื่อรั่วและจื่อเป่าที่ความสัมพันธ์คืบหน้าไปอย่างรวดเร็วได้เข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกันก่อนจะคืนสัญญาทาสแล้วให้ทั้งสองคนย้ายมาปลูกจวนอยู่บนที่ผืนนี้ “พระชายาท่านนั่งพักดื่มน้ำก่อนเถิดเพคะ รอแดดร่มลมตกค่อยออกไปเดินดูด้านนอก”&
“เช่นนั้นก่อนจะลงโทษน้อง ท่านพี่กินข้าวก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ” “มิต้อง” กล่าวจบเขาก็รั้งนางเข้าไปแนบชิด มือใหญ่จับยึดคางเรียวเอาไว้ริมฝีปากร้อนกดลงบนกลีบปากบาง ลิ้นร้อนบุกรุกโพรงปากนางอย่างเอาแต่ใจ ในขณะที่มือช่วยปลดเปลื้องอาภรณ์ให้นางอย่างรวดเร็ว ช่างใจร้อนเสียจริง... ดวงหน้าหวานแดงก่ำด้วยความเขินอาย เมื่อพระสวามีของตนที่เพิ่งถอนจุมพิตเร่าร้อนเมื่อครู่ จับจ้องนางราวกับหมาป่าหิวกระหาย “น้องหญิงของพี่เลิศรสกว่าอาหารใดๆ” กล่าวจบเขาก็ช้อนเรือนร่างเปลือยเปล่าเข้าหลังฉากกั้น ว่ากันว่าฮองเฮาชื่นชอบการแช่น้ำร้อน ภายในตำหนักจึงมีบ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่อยู่ติดห้องบรรทม 
ฮ่องเต้ผู้เด็ดขาดกับฮองเฮา (แค่บนเตียง) นัยน์ตาดำของบุรุษสูงศักดิ์จับจ้องใบหน้าของสตรีที่ตนรักอย่างไม่ละสายตา มือใหญ่ช่วยคีบอาหารใส่ชามให้นางอย่างเอาใจ “ท่านพี่กินบ้างเถิดเจ้าค่ะ อย่ามัวแต่คีบให้ข้าเลยเจ้าค่ะ” แม้ยามนี้ทั้งสอ
“เอ่อ...ท่านช่วยพาข้าลงจากหลังม้าได้หรือไม่เจ้าคะ” สิ้นเสียงนาง รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าไร้ที่ติแม้จะหล่อเหลาน้อยกว่าชินอ๋องซื่อจื่อ แต่ทว่าก็มีสตรีไม่น้อยที่ชื่นชอบบุรุษผู้นี้ หลังจากที่นางได้ขี่ม้าตัวเดียวกับบุรุษที่สตรีหลายคนหมายปอง นางก็มักจะเจอเขาที่เหลาอาหารหรือโรงเตี๊ยมอยู่บ่อยครั้ง เพราะไม่สบายใจกับสายตาจาบจ้วงของบุรุษในวันนั้นนางจึงไม่กล้าไปที่ร้านบะหมี่เนื้อของท่านป้าผู้นั้นอีก แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องแปลกหรือไม่ นางมักจะเจอท่านราชเลขาฯจางผู้นั้นอยู่บ่อยครั้ง วันนี้ก็เช่นกัน “ดูเหมือนเจ้าจะชื่นชอบการออกมากินข้าวนอกจวน มิทราบว่าพ่อครัวจวนหวังทำอาหารไม่อร่อยหรือ” เขามานั่งร่วมโต๊ะโดยที่นางไม่ต้องเชิญทุกครา จนกลายเป็นความเคยชิ
“ข้าอิ่มแล้วเจ้าค่ะ ได้โปรดยกเท้าที่เหยียบชายอาภรณ์ข้าด้วยเจ้าค่ะ” “เจ้ารู้หรือไม่ มีขอทานและคนยากจนที่ไม่มีแม้แต่ข้าวจะกิน หากคนพวกนั้นมาเห็นเจ้ากินเหลือเช่นนั้น พวกเขาคงตัดพ้อ พวกเขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้กินบะหมี่น้ำธรรมดา แต่เจ้าที่เป็นคุณหนูกลับกินทิ้งกินขว้าง กินเพียงคำสองคนไม่ถูกใจก็ทิ้ง จะว่าไปก็น่าสงสารชาวบ้านที่เขาทำปลูกพืชผักและเลี้ยงสัตว์นะ พวกเขาลำบากเพียงใดกว่าจะปลูกพืชผักและเลี้ยงสัตว์มาเพื่อเป็นอาหารให้พวกเราได้กิน...” “พอแล้วเจ้าค่ะ ข้ากินให้หมดก็ได้” คุณหนูหวังกล่าวก่อนจะนั่งลงตามเดิม มือเรียวหยิบตะเกียบมาคีบกินบะหมี่เนื้อที่ตนกินค้างไว้ พร้อมกับบะหมี่เนื้อที่เขาสั่งถูกนำมาให้พอดี มุมปากของเขาหยักยิ้มเมื่อเห็นท่าทางของนาง จางชิงเทียนกินบะหมี่เนื้อไปลอบมองสหายของน้องสาวไป เขาเพิ่งสังเกตว่าคุณหน
“ข้าเห็นเจ้าเดินออกจากโรงเตี๊ยมจึงเดินตามเพียงเท่านั้น” กล่าวจบสายตาของท่านราชเลขาฯ ก็จับจ้องดวงหน้าหวานที่มักจะส่งยิ้มให้เขาอยู่เสมอ แต่ทว่าวันนี้กลับบึ้งตึง “ท่านป้าเจ้าขา วันนี้ข้าต้องไปแล้ว ท่านมาเก็บโต๊ะเถิดเจ้าค่ะ คุณชายพวกนี้จะได้มีโต๊ะนั่งไม่ต้องมายืนจ้องผู้อื่นให้เสียมารยาทเช่นนี้” กล่าวจบนางก็วางเหรียญอีแปะลงบนโต๊ะก่อนจะเดินออกจากร้านไป ตั้งแต่ต้นจนจบนางไม่ทักทายเขาเช่นที่เคยทำ ต้องเป็นเพราะที่เขากล่าววาจาไม่ดีใส่นางในวันนั้นเป็นแน่ “ชิงเทียนเจ้ารู้จักคุณหนูผู้นั้นหรือ” “เจ้าชอบนางหรือ” “ใช่ ข้าอยากเกี้ยวพานาง ในเมืองหลวงนี้จะมีคุณหนูส