อ้อมแอ้มสาวโสดวัยยี่สิบหกปีใช้ชีวิตเพียงลำพังคนเดียว ตั้งแต่หญิงสาวจบมัธยมศึกษาปีที่หก จากนั้นจึงได้ออกจากบ้านเด็กกำพร้าที่เธออาศัยมาตลอดตั้งแต่จำความได้เมื่อออกมาใช้ชีวิตคนเดียวหญิงสาวหางานทำและส่งตัวเองเรียนไปด้วย แต่ด้วยพิษเศรษฐกิจทำให้อ้อมแอ้มต้องตกงาน จนวันหนึ่งเธอลองแต่งนิยายลงในแอปพลิเคชันสีฟ้าและมันก็ได้สร้างรายได้ให้กับเธอด้วยเห็นว่าสามารถทำเป็นอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ อ้อมแอ้มจึงยึดการแต่งนิยายลงแอปพลิเคชันฟ้าและแอปพลิเคชันส้ม อีกทั้งยังทำอีบุ๊กลงขายในแอปพลิเคชันเขียวควบคู่กันไปด้วยใครว่าการเป็นนักเขียนแล้วจะไส้แห้ง บอกได้ตรงนี้เลยว่ามันแห้งมาก เพราะตัวเธอชมชอบการแต่งนิยายแนวดราม่าน้ำตาแตก บีบคั้นจิตใจนักอ่านไม่ว่าจะลงเรื่องไหนไปคนอ่านก็ตามจิกตามด่า แต่จะถามว่าเธอสนใจไหมก็ตอบได้คำเดียวว่า ไม่และในตอนนี้เธอก็กำลังนั่งอ่านคอมเมนต์ของนักอ่าน เพื่อว่าจะได้เช็กเรตติ้งในผลงานใหม่ของเธอในเรื่อง ‘รักโคตรเลว’ ที่เธอลงงานเขียนไปเมื่อคืน‘ไรท์ถ้าคุณมึงจะแต่งให้นางเอกเป็นเมียน้อย อย่าทำเลย’‘คนแต่งประสาทกลับป่ะเนี่ย บทตัวละครกลับกันเลย นางร้ายจิตใจดี นางเอกก็เล๊วเลว’‘นั่นพระเอกหรือควาย
อ้อมแอ้มลืมตาตื่นขึ้นมาในรุ่งเช้าด้วยอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัว และที่เจ็บมากที่สุดคือตรงส่วนท้ายทอย มันปวดหนึบราวกับว่าโดนของแข็งมากระทบอย่างแรง หญิงสาวกะพริบตาถี่ ๆ ค่อยปรับสายตาให้เข้ากับแสงที่ส่องออกมาตามรูของผนังบ้าน ที่ทำจากใบไม้และหญ้าหรือจะเรียกได้ว่าเป็นกระท่อมคงจะไม่เกินจริงเดี๋ยวนะผนังบ้านที่ทำจากใบไม้และหญ้าอย่างนั้นหรือ คราวนี้ร่างบางได้ตื่นเต็มตาเธอมองไปรอบ ๆ ทุกอย่างในนี้มุงจากหญ้าและใบไม้ ดีที่สุดก็คือเตียงที่เหมือนกับแคร่ไม้ไผ่ปูด้วยผ้าผืนบาง อ้อมแอ้มยกฝ่ามือขึ้นดูมือที่ดูเหมือนจะเล็กนิดเดียว กับเสื้อเก่า ๆ ถูกปะชุนจนแทบจะหาพื้นที่ดีไม่ได้เอาเสียเลยจะบ้าตายนี่มันที่ไหนกัน เธอควรจะอยู่ในโรงแรมที่เซี่ยงไฮ้ไม่ใช่หรือ แล้วตอนนี้ตัวเธอมาอยู่ที่ไหน การแต่งตัวก็ดูประหลาดอย่างไรชอบกล และร่างกายนี้ดูผอมมากเกินไปราวกับว่าไม่ใช่ตัวของเธอด้วยซ้ำ“โอ๊ย ปวดหัว” หญิงสาวยกมือขึ้นกุมขมับ ความปวดร้าวแล่นขึ้นสมอง ภาพทั้งหลายหลั่งไหลเข้ามาราวกับพายุ เริ่มตั้งแต่ภาพวัยเด็กเรื่อยไปจนถึงโตเป็นสาว แต่ภาพที่สะเทือนใจจนอ้อมแอ้มต้องร้องไห้ออกมา มันคือภาพของครอบครัวเจ้าของร่างถูกฆ่าตายในสงครามแ
ลี่อินตื่นขึ้นมาในยามเหม่า(05.00-06.59 น.) เสียงอ้อแอ้ของเจ้าตัวเล็กที่นอนตาแป๋วอยู่ข้างกาย มือไม้โบกพัดไปมาราวกับจะบอกว่าท่านแม่ตื่นได้แล้ว“แอ้ แอ้”“ว่าอย่างไร เสี่ยวเหลียนของแม่” หญิงสาวหยอกเย้าบุตรสาว ก้มลงหอมฟัดแก้มนุ่มนั้นอย่างมันเขี้ยวส่วนเจ้ามนุษย์เหงือกน้อยหัวเราะชอบใจใหญ่ เพราะมีคนตื่นมาเล่นกับตนเสียที“แอ้” ใบหน้าน้อย ๆ เริ่มเบะปากจนกลายเป็นร้องจ้า ลี่อินจึงได้เปิดผ้าอ้อมออกดูปรากฏว่านางได้ฉี่จนเปียกไปทั้งช่วงล่าง“หืม ไม่สบายตัวล่ะสิ มาเดี๋ยวแม่เช็ดตัวให้ก่อนจะได้สบายตัวเนอะเจ้ามนุษย์เหงือกน้อย” ลี่อินพูดหยอกล้อบุตรสาว เจ้าเด็กอ้วนก็เอาแต่เบะปากร้องอ้อแอ้ประท้วงไม่หยุดก่อนจะออกไปล้างหน้าล้างตาและนำผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตัวให้เสี่ยวเหลียนตัวน้อย เพื่อให้นางได้รู้สึกสบายตัวมากขึ้น พอเช็ดตัวเปลี่ยนผ้าอ้อมเสร็จแล้วเจ้าเด็กน้อยจึงได้อารมณ์ดีขึ้น และได้เคลิ้มหลับไปในที่สุดเมื่อเห็นว่าเสี่ยวเหลียนได้เคลิ้มหลับไปแล้ว หญิงสาวต้องมานั่งหนักใจพลางขบคิดไปว่า วันนี้จะหาอะไรให้เสี่ยวเหลียนน้อยกิน เด็กตัวเท่านี้นมแม่ก็มิได้ดื่มดั่งเช่นเด็กคนอื่นแต่พอมองใบหน้าที่หลับพริ้มอย่างมีความส
“แมะ เอิ๊ก ๆ” ร่างอวบอ้วนของเสี่ยวเหลียนที่กำลังนั่งเล่นกองดินอยู่ใต้ร่มไม้ เมื่อมองสบตากับมารดานางจะยิ้มกว้างเห็นฟันสวย ๆ หนึ่งซี่ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับท่านแม่ด้านลี่อินยามใดได้มองหน้าเจ้าตัวน้อย ส่งยิ้มหน้าบานหัวเราะเสียงดัง เพียงเท่านี้นางก็หายเหนื่อยได้ในทันที พร้อมกับส่งยิ้มหวานตอบกลับบุตรสาวตัวน้อย“รอแม่อยู่ตรงนั้นก่อนนะเสี่ยวเหลียน แม่ปลูกมันเสร็จแล้วจะรีบไปหาหนูเลย” หญิงสาวพูดเสียงเล็กเสียงน้อย เจ้าตัวเล็กก็รู้เรื่องเสียจริงเพียงได้ยินเสียงมารดาบอก เสี่ยวเหลียนก็ตอบรับในทันที“จ๋า จ้ะ” ยิ้มหวานให้ท่านแม่หนึ่งที เสี่ยวเหลียนก็ก้มลงเล่นดินต่อ มิได้สนใจมารดาอีกเลยจากนั้นลี่อินจึงหันกลับมาปลูกหัวมันตามร่องดินที่ขุดไว้ต่อ แม้พื้นที่หลังกระท่อมน้อยที่นางใช้ปลูกจะไม่ใช่ที่ดินของตนเอง แต่ด้วยความสงสารชาวบ้านและหัวหน้าหมู่บ้านหงชุน ได้อนุญาตให้นางใช้สอยพื้นที่ว่างไปก่อนได้ จนกว่าที่ดินผืนนี้จะมีเจ้าของครอบครองลี่อินจึงได้เลือกปลูกหัวมันและต้นกล้วย เผื่อว่าในอนาคตนางจะได้เก็บผลผลิตนำมากินและขายได้ จะได้มีตำลึงเงินไว้เลี้ยงเสี่ยวเหลียนน้อยของนางด้วย เพราะรายนั้นยิ่งโตก็ยิ่งกินเก่งเห
ลี่อินยังคิดว่าจะตัดเอาหน่อกล้วยนำมาปลูกไว้ จะได้ไม่ต้องเข้าไปเก็บในป่าให้เสียเวลา และไม่ต้องทิ้งเสี่ยวเหลียนให้อยู่คนเดียวอีกด้วย หากเก็บตำลึงเงินได้มากพอนางจะขอซื้อที่ดินผืนนี้ไว้เสียเองดังนั้นพื้นที่จากกระท่อมที่นางใช้อาศัยเลยไปจนเกือบจะถึงริมคลอง หญิงสาวก็จัดการปลูกมันหวานที่ขุดมาได้จากป่าเมื่อหลายวันก่อน นำมาปลูกไว้กินเสียเลยและนางจะปลูกกล้วย ผักหวาน ผักหนาม หอมและกระเทียมป่าที่นางบังเอิญไปเจอมา ปลูกไว้หากว่างอกงามจะได้เอาไปขายและเอาไว้กินเองเมื่อผลผลิตโตพอที่ลี่อินจะนำไปขายได้ นางก็จะได้มีตำลึงเงินมากขึ้น จากนั้นลี่อินกับเสี่ยวเหลียนก็จะสบายไม่ต้องอดมื้อกินมื้ออีกต่อไป“มาแล้วเจ้าค่ะท่านป้าเจียง วันก่อนข้าเข้าป่าได้เห็ดเยื่อไผ่มาเยอะเลย แบ่งให้ท่านป้าเอาไปทำอาหารด้วยเจ้าค่ะ” ลี่อินยื่นกล้วยสองหวีและเห็ดที่ห่อด้วยใบกล้วยกำใหญ่ให้กับท่านป้าเจียง“ให้อะไรข้ามาเยอะแยะ เจ้าเก็บไว้ให้เสี่ยวเหลียนกินเถอะ ดูสิเนี่ยหลานสาวยายกำลังถึงวัยต้องกิน” ท่านป้าเจียงหยอกเย้าเจ้าเด็กน้อย ที่นับวันจะอ้วนจ้ำม่ำพุงยื่นจนน่าหยิก“จ๋าจ้ะ ยาย” แม้จะพูดประโยคยาว ๆ ยังไม่ได้ แต่เสี่ยวเหลียนก็ยังสามารถตอบ
ลี่อินมองดูเสบียงที่นางมีก็ได้แต่ถอนหายใจ เพราะว่ามันเหลือน้อยเต็มทน ของที่นางปลูกไว้ก็ยังไม่สามารถนำมาทำอะไรได้ จึงจำเป็นจะต้องเข้าป่าหาเสบียงเก็บไว้ทำอาหาร ในระหว่างที่รอพืชผลที่ปลูกไว้โตพอเก็บกินได้เสียก่อนหญิงสาวได้พาเสี่ยวเหลียนน้อยไปฝากป้าเจียงไว้ก่อน เด็กน้อยรู้ว่ามารดาต้องทำงานก็ไม่ได้งอแงให้รำคาญใจ นางเพียงแค่เบะปากทำปากยื่นน้ำตาคลอหน่วย แต่ก็ไม่ได้ร้องไห้ออกมา ราวกับว่าเสี่ยวเหลียนพยายามจะไม่ทำให้ท่านแม่ไม่สบายใจ เสี่ยวเหลียนจะเป็นเด็กดีรอท่านแม่กลับมารับกลับบ้าน“ท่านป้าเจียงข้าฝากเสี่ยวเหลียนก่อนนะเจ้าคะ ข้าจะรีบไปรีบกลับไม่รบกวนท่านนาน” ลี่อินบอกกับท่านป้าเจียงด้วยความเกรงใจ แม้ไม่อยากจะเป็นภาระใครแต่เรื่องปากท้องก็สำคัญเช่นกัน“เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก เสี่ยวเหลียนก็เหมือนหลานข้า นางเลี้ยงง่ายจะตายเจ้าไปเถอะ เข้าป่าคนเดียวดูแลตัวเองให้ดี” ป้าเจียงรับเจ้าเด็กน้อยมาอุ้มไว้ ก่อนที่แม่ของเจ้าเด็กอ้วนในอ้อมแขนจะเข้าป่า ป้าเจียงจึงได้เตือนให้ระมัดระวังตัว เป็นเพียงสตรีร่างเล็กเข้าป่าคนเดียวอันตรายมีรอบด้าน“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านป้า ข้าจะระวังตัวให้ดี” หญิงสาวกล่าวขอบคุณท่านป้าเจียงอย่
เสียงที่ดังออกมาไม่ไกลจากที่ลี่อินยืนอยู่เท่าไหร่ นางจึงได้เดินตามเสียงว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะเจอกับชายผู้หนึ่งกำลังถือไม้อยู่ในมือ จากนั้นก็ฟาดไปมาใส่เจ้าสิ่งนั้นไม่หยุดเมื่อลี่อินเพ่งสายตามมองให้ดีแล้ว หญิงสาวเจอกับงูตัวยาวเฟื้อยกำลังชูคอเตรียมเข้าหาชายตรงหน้า แล้วทำไมเขาถึงไม่รีบออกไปจากตรงนั้น จะยืนอยู่ให้มันฉกทำไม“โอ๊ย!” ชายผู้นั้นร้องลั่น พร้อมกับทิ้งไม้ที่อยู่ในมือจับกุมตรงขาที่ถูกงูฉกแต่เหมือนว่าเจ้างูตัวนั้นไม่ยอมจากไปง่าย ๆ จะเข้าไปฉกซ้ำอีกรอบให้ได้ หญิงสาวเห็นท่าไม่ดีจึงได้มองหาไม้ที่อยู่ใกล้มือ ฟาดเข้าใส่งูเต็มแรงจนมันลงไปนอนดิ้นบนพื้น ลี่อินจึงฟาดไม้ซ้ำอีกหลายทีจนแน่ใจแล้วว่ามันตายในที่สุด“ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ท่านถูกกัดนี่” หญิงสาวรีบเข้าไปช่วยอย่างไม่ลังเล เพราะนางไม่รู้ว่าเจ้างูตัวนั้นเป็นงูชนิดใดและมีพิษหรือไม่นางใช้มีดกรีดชายกระโปรงของตน นำมามัดเหนือบาดแผลที่ถูกฉกไว้ให้แน่น ก่อนจะมองรอบ ๆ เพื่อหาบางอย่าง“นั่นไงเจอแล้ว” เมื่อเจอเป้าหมาย ร่างบางจึงได้รีบวิ่งไปหาสิ่งนั้นอย่างรวดเร็ว แล้วรีบขุดเอารากของรางจืดขึ้นมา นำเอาแต่ส่วนรากมาล้างน้ำให้สะอาด แต่ต้องบดให้ละเอียด
“ท่านหมอขอรับ ช่วยคุณชายข้าด้วยขอรับ” บ่าวทั้งสองเมื่อพาเจ้านายของตนเองมาถึงยังโรงหมอ พวกเขารีบแบกเจ้านายหนุ่มเข้าไปด้านในทันที พร้อมกับร้องเรียกหมอเสียงดังอย่างร้อนรนท่านหมอชราเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียก จึงได้รีบร้อนออกมาดู“รีบ ๆ พาเข้ามาด้านในเลย นั่นเป็นอะไรมาหรือ” ท่านหมอสอบถามสาเหตุเบื้องต้น พร้อมกับรีบเดินไปเปิดประตูห้องพักผู้ป่วย“ถูกงูกัดมาขอรับ ช่วยคุณชายข้าด้วยเถอะท่านหมอ” บ่าวชายร่างใหญ่โตผู้แบกเจ้านายหนุ่มเข้ามา พูดด้วยอาการเหนื่อยหอบ ภายในใจก็ยังเป็นกังวลอยู่ว่าผู้เป็นนายจะเป็นอะไรมากหรือไม่“โอ้ พาคุณชายไปที่เตียงคนไข้ก่อน แล้วรู้หรือไม่ว่าเป็นงูชนิดใด” ท่านหมอรีบเตรียมอุปกรณ์การรักษาออกมาในทันที เมื่อทราบแล้วว่าคนไข้เป็นอะไรมา“นี่ขอรับท่านหมอ” บ่าวชายอีกคนที่นั่งอยู่ข้างกัน รีบนำงูชะตาขาดตัวนั้นออกมาให้ท่านหมอดูหลังจากนั้นท่านหมอได้ตรวจชีพจร และเปิดเปลือกตาของผู้ป่วยดูอาการ ดูเหมือนว่าจะยังโชคดีอยู่มาก เมื่อตรวจอาการอย่างละเอียดแล้วพิษงูได้เจือจางไปมาก และการปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้ดีมากเช่นกัน เขาเป็นหมอต้องชื่นชมในการรักษาเบื้องต้น ทั้งยังรอบคอบโดยการนำงูร้ายตัวนั้นมา
“ไหนดูสิว่าเรตติ้งจะดีไหม” ร่างบางเปิดคอมพิวเตอร์เครื่องมือทำมาหากินคู่กาย ได้แอบลุ้นว่ายอดวิวจะดีไหม“ยอดวิวห้าหมื่นในหนึ่งวัน ไม่ได้ฝันไปใช่ไหมเนี่ยฉัน” แต่พอลองตบหน้าตัวเองดูมันก็เจ็บ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีคนสนใจมากขนาดนี้ ปกติแล้วในความทรงจำของอ้อมแอ้ม นิยายของเธอหนึ่งวันยอดวิวหลักสิบ ครึ่งหนึ่งจากแฟนคลับเดนตายของเธอ อีกครึ่งคือคนที่แวะเข้ามาด่าหญิงสาวรีบกดรีเฟรชหน้าเว็บดูอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าระบบนิยายไม่ได้รวน แต่กดเท่าไหร่ก็มียอดเท่าเดิม ไม่สิมันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ต่างหาก‘ฮือออ ไรท์คะ นางเอกกับลูกสาวสู้ชีวิตมาก’‘ติดตามเลยค่า นิยายสนุกมาก’‘อู๊ยยย พระเอกคือดีงาม’‘น้อนน่าร๊ากกก’‘ไรท์เปลี่ยนแนวนิยายแล้วหรือคะ นิยายเรื่องเก่าของไรท์ประสาทแดกมากค่ะ’และยังมีอีกหลายคอมเมนต์แต่ก็มาในทิศทางที่ดี แสดงว่าตัวเธอมาถูกทางแล้ว ที่เหลือก็รอยอดอีบุ๊กอีกสองวัน เปิดขายวันแรกจะเป็นอย่างไรก็ต้องมาวัดกันแล้ว ว่าเธอควรจะสามารถยึดอาชีพนักเขียนต่อไปไหม ถ้าไม่โอเคก็จะหาอย่างอื่นทำเสริมสองวันผ่านไป“ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง” อ้อมแอ้มกำลังนับถอยหลัง เธอกำลังลุ้นกับยอดขายอีบุ๊กเรื่องแรกในฐานะอ้อมแอ้มคนใ
ย้อนกลับไปเมื่อปลายปีที่แล้ว โลกใบนี้ช่างตื่นตาตื่นใจเสียจริง ลี่อินฟื้นขึ้นมาในห้องที่ดูแปลกประหลาดไม่คุ้นตา กับใบหน้าของเธอที่ยังคงเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน ในตอนแรกลี่อินก็ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีเรื่องน่าอัศจรรย์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเองได้ลี่อินฟื้นขึ้นมาในวันหนึ่งพบว่าตัวเองอยู่ในห้องสีขาว มีเครื่องมือแปลกประหลาด มีสายอะไรต่อมิอะไรห้อยระโยงระยางตามตัวเธอเต็มไปหมด ความทรงจำเดิมเริ่มกลับมากเป็นสาย เรื่องราวมากมายไหลเวียนเข้ามาภายในหัวไม่หยุดอ้อมแอ้มหรือก็คือชื่อใหม่ของเธอ ไม่เพียงแค่ความทรงจำเดิมของเจ้าของร่าง แต่ยังมีอีกอย่างที่เธอได้ อ้อมแอ้มตัวจริงสลับไปเป็นลี่อิน พวกเธอทั้งสองต่างสลับกันอยู่ในโลกต่างมิติของกันและกัน ไม่สิไม่ใช่เธอสองคนแต่เป็นคนเดียวกันต่างหาก คนหนึ่งเป็นมิติอนาคตส่วนอีกคนเป็นมิติโบราณ มิติที่ควรจะเป็นไปตามครรลองของกาลเวลาที่มันควรจะเป็น มันกลับเปลี่ยนสลับเธอให้กลับไปในมิติต่างเวลาหลังจากพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลในประเทศจีนจนหายดีแล้ว อ้อมแอ้มก็ได้เดินทางกลับประเทศไทย ต่อจากนี้ไปเธอคืออ้อมแอ้ม และจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ตามใจของตัวเอง ที่แห่งนี้มีทั้งอิสระไม่มีกฎระเบีย
“หนูซื้อหมดเลย คุณยายขายเท่าไหร่คะ” อ้อมแอ้มรับของมาถือไว้ ก่อนที่หญิงสาวจะล้วงเอากระเป๋าเงินออกมา เพื่อจะจ่ายเงินค่าโสมให้กับคุณยาย“หนึ่งร้อยหยวนลูก” เห็นไหมหลานของนางน่ารักถึงเพียงนี้ ตาแก่นั้นทำหลานสาวนางได้ลงคอ“นี่ค่ะคุณยาย แต่ทำไมขายถูกนักล่ะคะ” เธอคิดว่ามันถูกมากเกินไป เงินหนึ่งร้อยหยวนเทียบกับเงินไทยแล้วเป็นเงินแค่ห้าร้อยยี่สิบห้าบาทเอง ถูกกว่าร้านอาหารบางที่ที่เธอเข้าไปทานมาอีก โสมสามต้นเธอก็เปิดดูแล้ว หากเอาไปขายก็คงจะได้ราคาดีอยู่ ถึงจะไม่มีความรู้เรื่องโสมแต่หญิงสาวก็มั่นใจว่ามันจะต้องแพงกว่านี้“ยายคิดแค่นี้ หนูก็เก็บใส่กระเป๋าไว้ให้ดี มันจำเป็นหนูจะต้องได้ใช้มัน”“คุณยายคะ อะอ้าว หายไปไหนแล้วล่ะ” เธอแค่ก้มเก็บของใส่กระเป๋าแป๊บเดียวเอง จะว่าคุณยายเดินเร็วก็คงจะไม่ใช่ เวลาแค่ไม่ถึงนาทีจะหายตัวไปได้อย่างไรกัน อย่าบอกนะว่าเป็น...? ยิ่งอยู่ในวัดด้วย วิ่งสิคะรออะไร“อ๊ากกกกกกกก”อีกหนึ่งโลกมิติ‘ลี่อินเอ๊ย’ลี่อินที่วันนี้นอนซมเพราะพิษไข้ นอนอยู่บนเตียงทำจากไม้ไผ่กลางเก่ากลางใหม่ ตัวนางที่ดูเหมือนจะหลับลึกตั้งแต่หัวค่ำ แต่ตอนนี้หูกลับได้ยินเสียงของใครบางคนแว่วอยู่ข้างหู หญิงส
ผู้เฒ่าดวงชะตาแทบจะนั่งไม่ติด เดินวกไปวนมาคิดจนหัวแทบจะระเบิด แต่ก็ยังไม่สามารถคิดหาวิธีแก้ไขความผิดของตนเองได้ สองวันที่แล้วในขณะกำลังทำหน้าที่ของตนอยู่นั้น ด้วยเพราะความเผอเรอทำให้เขาขีดเขียนเส้นดวงชะตาสลับกันทำให้คนอีกช่วงเวลาแห่งมิติที่ถึงเวลาตายกลับไม่ตาย ส่วนคนที่ชะตายังไม่ถึงฆาตกลับสลับดวงวิญญาณเป็นคนที่ต้องตายแทน ตอนนี้วงล้อแห่งดวงชะตาของพวกนางทั้งสองได้หมุนสลับมั่วกันไปหมด ผู้เฒ่าดวงชะตาไม่รู้จะทำเช่นไรดี คนที่ต้องตายแต่ไม่ตายก็ช่างเถิด แต่คนที่ยังไม่ถึงชะตานี่สิคือปัญหาใหญ่เหลือเวลาอีกเพียงน้อยนิด ก็จะเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงตามวงล้อแห่งชะตาแล้ว หากจะขีดเขียนเส้นดวงชะตาขึ้นใหม่ก็ต้องใช้เวลาอีกสักพัก เวลานี้ตาเฒ่าหัวหงอกเช่นเขาก็ยังคิดวิธีไม่ออกจะแก้เช่นไรได้ทันกัน“ตาเฒ่าเหตุใดถึงหน้าไม่สู้ดีนักเล่า” แม่ซื้อเห็นเฒ่าดวงชะตามีสีหน้าไม่สู้ดีมาหลายวันแล้ว นางรู้สึกเป็นห่วงจึงได้ลองมาถามไถ่ถึงสาเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายลำบากใจ“คือว่า เรื่องมันเป็นอย่างนี้นะยายเฒ่า” เฒ่าดวงชะตาตัดสินใจเล่าให้กับแม่ซื้อฟัง เขาพยายามคิดแก้ปัญหาเรื่องนี้คนเดียวมาหลายวันแล้ว คิดอย่างไรก็คิดไม่ตกเสียทีโป๊ก
“อะแฮ่ม ท่านแม่ของพวกเจ้ากำลังจะมีน้อง” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืดออก พูดอย่างภูมิใจแจ้งข่าวดีให้กับลูก ๆ ทั้งสาม ส่วนใบหน้าหรือก็ยิ้มไม่หุบ“ข้าไม่เอาน้องสาวนะเจ้าคะ” อี้หลานฮวา“ข้าก็ไม่ชอบน้องสาว” หวงหลานฮวา พร้อมกับเหล่ตาไปทางน้องเล็กสุด ที่มือไม่เคยว่างเว้นกัดกินหมั่นโถวเต็มปาก จากนั้นก็เคี้ยวจนแก้มตุ่ย“ข้าจะได้เป็นพี่” ไป๋หลานฮวา ต่อไปนางก็ไม่ต้องคอยทำตามคำสั่งของใครแล้ว นางจะได้เป็นผู้สั่งบ้างเสียที แค่คิดก็มีความสุขแล้วนางจะใช้น้องเล็กไปเอาของกินในครัวมาให้ ยามที่ถูกท่านแม่จำกัดมื้ออาหารเด็ก ๆ ทั้งสามเมื่อรู้ว่าท่านแม่จะมีน้อง ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าขอเป็นน้องชายบ้าง เพราะว่าท่านพี่หลี่เจี๋ยบุตรชายของท่านป้าเฟยฮวาทั้งฉลาดและเก่งกาจ พวกนางก็อยากจะได้น้องชายแล้วเก่งดั่งเช่นท่านพี่หลี่เจี๋ยบ้าง ด้วยตนเป็นสตรีต้องทำตามขนบธรรมเนียม บางอย่างก็ไม่สามารถทำได้ จึงอยากจะให้น้องที่กำลังจะเกิดมาเป็นชายมากกว่าสตรี“ท่านพี่แล้วเสี่ยวเหลียนไปไหนเจ้าคะ ไม่เห็นสองสามวันแล้ว” ลี่อินถามถึงบุตรสาวอีกคนเสี่ยวเลียนพอโตเป็นสาวรูปโฉมงดงามไม่แพ้หญิงงามอันดับหนึ่ง เป็นถึงท่านหญิงมู่ตานผู้เลื่องชื่อ ใน
“ยินดีด้วยขอรับ ฮูหยินน้อยตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้ว ประเดี๋ยวข้าจะจัดเทียบยาบำรุงครรภ์ให้นะขอรับ” ท่านหมอประจำตระกูลกล่าวแสดงความยินดี“ขอบคุณท่านหมอเจ้าค่ะ”ลี่อินที่มีสีหน้าซีดเซียวนอนดมยาดมอยู่บนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน หญิงสาวคิดไว้แล้วว่าจะต้องเป็นเช่นนี้ ก็ในเมื่อสามีตัวดีไม่เคยว่างเว้นเลยสักวัน นี้ก็ผ่านมาสิบปีแล้วสามีก็ยังคงตัวติดกันมิได้ห่าง เมื่อก่อนเป็นเช่นไร ผ่านไปสิบปีแล้วก็ยังคงเป็นเช่นเดิมนางก็อุตส่าห์กินยาคุมกำเนิดมิได้ขาดแล้วเชียวนะ ก่อนกินยังตรวจดูให้ดีเสียก่อนจะกินทุกครั้ง ด้วยกลัวว่าสามีตัวดีจะแอบเปลี่ยนเม็ดยาคุมกำเนิดอีก ก็ระวังตัวดีแล้วเชียวเหตุใดถึงได้ตั้งครรภ์อีกจนได้เอ๊ะ!หรือว่านางเองที่เป็นคนลืมกินยาคุมกำเนิดกันนะ แล้วจะเป็นตอนไหนกัน หรือว่าจะเป็นตอนที่แอบหนีไปท่องเที่ยวกันสองคน หรือจะเป็นตอนแอบหนีลูก ๆ ไปเที่ยวงานประจำเมือง หรือจะเป็นตอนที่สามีกลับจากทำภารกิจตึง ตึงปัง“ภรรยารักเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง พี่ดีใจเหลือเกินที่เรากำลังจะมีลูกเพิ่มอีกแล้ว” แม้เวลาจะเปลี่ยนไปกว่าสิบปี แต่ทว่ากาลเวลาก็ไม่อาจทำให้ชายหนุ่มดูแก่ลงเลย เขายังคงดูหนุ่มแน่นทั้งยังดูสง่างามยิ่งกว่
งานเลี้ยงฉลองภายในครอบครัวเป็นไปอย่างชื่นมื่น ทุกคนต่างกล่าวยินดีและคุยกันอย่างสนุกสนาน ลี่อินที่คอยดูแลสามีเพราะเจ้าตัวเอาแต่นั่งกระแอมเสียงดังไม่ได้หยุด มองจ้าวหรงตาขวางทุกครั้งที่อีกฝ่ายป้อนอาหารให้กับเสี่ยวเหลียน จนตนเองก็หลงลืมที่จะเอาใจภรรยา แต่ก็มีบางครั้งที่เขาจะหันกลับมาคีบอาหารให้กับลี่อินบ้างเป็นบางครา“อุ๊บ!” ลี่อินที่กำลังจะคีบปลาหมึกย่างเข้าปาก นางกลับรู้สึกเหม็นคาวและคลื่นไส้อยากจะอาเจียนขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัวแต่ไม่ว่าจะพยายามกลืนก้อนที่จุกอยู่ตรงคอลงไปเท่าไหร่ เมื่อได้กลิ่นอาหารทะเลมันกลับตีรวนขึ้นมาอยู่ร่ำไป“น้องหญิงเจ้าไม่สบายหรือ” ฮุ่ยหมิ่นรีบวางถ้วยกับตะเกียบลงทันที ที่เห็นว่าภรรยาเอามือปิดปากใบหน้าซีดเซียว“ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ คงจะเหม็นกลิ่นคาวอาหารทะเล” หญิงสาวรีบเอามือผลักถ้วยปลาหมึกออกห่างตัว เพียงแค่ได้กลิ่นเล็กน้อยก็ทำให้นางแทบจะอาเจียนออกมาเสียให้ได้“พี่ว่าเชิญท่านหมอมาตรวจดูดีหรือไม่” ภรรยาเขาคงจะไม่สบายเป็นแน่ อาหารทุกอย่างก็ไม่ได้มีกลิ่นเหม็นจนถึงขั้นต้องอาเจียน เหมือนดั่งเช่นที่ภรรยาเขาบอก ฮุ่ยหมิ่นรีบสั่งให้บ่าวชายไปเชิญท่านหมอทันทีไม่รั้งรอคำตอบ
“ก่อนอื่นให้เอามันหมูวางไว้ส่วนบนสุดของกระทะนะเจ้าคะ พอน้ำมันเริ่มออกก็ถูมันหมูให้ทั่วกระทะเสียก่อน เวลาเราเอาเนื้อลงย่างจะได้ไม่ติดกระทะเจ้าค่ะ” ลี่อินจัดการสาธิตทำเป็นตัวอย่างให้กับทุกคนดู เพียงแค่นำมันหมูถูไปจนทั่วกระทะที่กำลังร้อน ก็เกิดเสียงฉ่าออกมาทันทีทุกคนเห็นทำตามลี่อินทุกขึ้นตอน เสียงมันหมูดังฉ่าเมื่อถูกกับความร้อนของกระทะ กับเนื้อที่เอาลงไปย่างจนสุกส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วทั้งบริเวณ แต่ละคนที่ตั้งตารอต่างก็กลืนน้ำลายดังอึกกันถ้วนหน้า อยากจะลิ้มลองเสียเต็มประดา“ระหว่างรอเนื้อสุก เราก็จะนำผักข้าวโพดหรือเห็ดที่ชอบลงต้นในน้ำซุปด้วยเจ้าค่ะ พอเนื้อสุกได้ที่แล้ว เราก็นำมาจิ้มกับน้ำจิ้ม จากนั้นก็กินได้เลยเจ้าค่ะ” ลี่อินนำเนื้อที่นางย่างแล้วจิ้มน้ำจิ้มที่ปรุงรสมาอย่างดี กระเทียม พริกสับ ผักชีหั่นฝอย ใส่น้ำมะนาวอีกนิด เป็นอันว่าเลิศรสที่สุดแล้วเนื้อสุกกำลังดีจิ้มกับน้ำจิ้มเลิศรสถูกส่งเข้าปากของฮุ่ยหมิ่นเป็นคำแรก ชายหนุ่มได้แต่นั่งยิ้มหน้าบาน ที่ภรรยาเอาอกเอาใจตนเอง ท่ามกลางสายตาของทุกคนทั่วทั้งจวนเช่นนี้“องค์รัชทายาทเสด็จ”ทุกคนที่กำลังกินหมูกระทะกันอย่างเอร็ดอร่อยจึงได้หยุดชะงัก พ
หลังจากจบเรื่องราวอันแสนวุ่นวาย ความสงบสุขก็ได้กลับมาอีกครั้ง ไม่นานมานี้ลี่อินได้มีโอกาสกลับไปที่หมู่บ้านหงชุน บ้านหลังเล็กของนางในตอนนี้มันไม่เล็กอีกต่อไปแล้ว ไม่รู้ว่าฮุ่ยหมิ่นให้คนไปต่อเติมไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ตัวบ้านถูกขยายเต็มพื้นที่ มิหนำซ้ำยังซื้อที่ขยายเพิ่มออกไปอีกท่านน้าทั้งสองที่เป็นผู้ดูแลบ้าน พวกเขาก็ได้มีสมาชิกเพิ่มทั้งบุตรชายบุตรสาว เพียงเท่านี้ลี่อินก็มีความสุขมากแล้วจากนั้นหญิงสาวจึงได้แวะไปดูร้านขนมเซียงเจียว มันได้กลายเป็นร้านขนมขึ้นชื่อของอำเภอไปแล้ว หากผู้ใดได้มาอำเภอฉงชิ่งเป็นต้องแวะซื้อขนมที่ทำจากกล้วยเพื่อเป็นของฝาก ไม่เช่นนั้นจะถือว่ามาไม่ถึงอำเภอฉงชิ่งสถานที่สุดท้ายที่ทั้งสามคนพ่อแม่ลูก ได้แวะไปที่ว่าการอำเภอก่อนกลับเมืองหลวง เพราะเสี่ยวเหลียนน้อยไม่ได้พบกับเหมยเหมยนานนับปีแล้ว และเสี่ยวเหลียนเองก็บ่นหาสหายรักอยู่เสมอ ฮุ่ยหมิ่นจึงได้พาบุตรสาวมาพบกับเพื่อนเก่า จนเสี่ยวเหลียนยิ้มไม่หุบก็ว่าได้“เหมยเหมย ข้ามีของฝากมาให้เจ้าเยอะแยะเลย” เสี่ยวเหลียนที่ตัวสูงขึ้นมากกว่าแต่ก่อน เห็นสหายแล้วก็ได้แต่คิดถึงช่วงเวลาที่ได้เล่นด้วยกัน“ขอบใจนะเสี่ยวเหลียน เจ้าตัวสูงขึ