ลี่อินตื่นขึ้นมาในยามเหม่า(05.00-06.59 น.) เสียงอ้อแอ้ของเจ้าตัวเล็กที่นอนตาแป๋วอยู่ข้างกาย มือไม้โบกพัดไปมาราวกับจะบอกว่าท่านแม่ตื่นได้แล้ว
“แอ้ แอ้”
“ว่าอย่างไร เสี่ยวเหลียนของแม่” หญิงสาวหยอกเย้าบุตรสาว ก้มลงหอมฟัดแก้มนุ่มนั้นอย่างมันเขี้ยวส่วนเจ้ามนุษย์เหงือกน้อยหัวเราะชอบใจใหญ่ เพราะมีคนตื่นมาเล่นกับตนเสียที
“แอ้” ใบหน้าน้อย ๆ เริ่มเบะปากจนกลายเป็นร้องจ้า ลี่อินจึงได้เปิดผ้าอ้อมออกดูปรากฏว่านางได้ฉี่จนเปียกไปทั้งช่วงล่าง
“หืม ไม่สบายตัวล่ะสิ มาเดี๋ยวแม่เช็ดตัวให้ก่อนจะได้สบายตัวเนอะเจ้ามนุษย์เหงือกน้อย” ลี่อินพูดหยอกล้อบุตรสาว เจ้าเด็กอ้วนก็เอาแต่เบะปากร้องอ้อแอ้ประท้วงไม่หยุด
ก่อนจะออกไปล้างหน้าล้างตาและนำผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตัวให้เสี่ยวเหลียนตัวน้อย เพื่อให้นางได้รู้สึกสบายตัวมากขึ้น พอเช็ดตัวเปลี่ยนผ้าอ้อมเสร็จแล้วเจ้าเด็กน้อยจึงได้อารมณ์ดีขึ้น และได้เคลิ้มหลับไปในที่สุด
เมื่อเห็นว่าเสี่ยวเหลียนได้เคลิ้มหลับไปแล้ว หญิงสาวต้องมานั่งหนักใจพลางขบคิดไปว่า วันนี้จะหาอะไรให้เสี่ยวเหลียนน้อยกิน เด็กตัวเท่านี้นมแม่ก็มิได้ดื่มดั่งเช่นเด็กคนอื่น
แต่พอมองใบหน้าที่หลับพริ้มอย่างมีความสุขของเสี่ยวเหลียน ลี่อินก็คงจะทำได้แค่สู้ต่อไปสินะ สู้เพื่อตัวนางเองให้มีชีวิตรอดสู้เพื่อเจ้ามนุษย์เหงือกด้วย
หลังจากที่แน่ใจว่าบุตรสาวหลับแล้ว ร่างบางเริ่มเดินสำรวจกระท่อมที่ตนอาศัยอยู่ ว่าจะสามารถหาอะไรพอที่จะนำมาทำอาหารได้บ้าง เพราะในครัวมีเพียงหัวเผือกและหัวมันไม่กี่หัว
ข้าวสารมีอยู่แค่หนึ่งกำมือพอสำหรับต้มข้าวให้เสี่ยวเหลียนน้อยได้แค่วันเดียวเท่านั้น พอนึกย้อนกลับไปในช่วงที่ทั้งสองคนอยู่กันก่อนหน้านี้คงจะลำบากไม่น้อย
“อยู่กันมาได้อย่างไรนะ ได้กินอิ่มกันบ้างหรือไม่ลี่อินเจ้ามิต้องห่วงเสี่ยวเหลียนนะ ข้าจะดูแลนางแทนเจ้าเอง ขอให้เจ้าปล่อยวางแล้วไปในภพภูมิที่ดี” นางได้แต่นึกสงสารร่างเก่า ได้แต่ให้คำมั่นสัญญาจะรับช่วงต่อดูแลบุตรสาวให้กับร่างเดิม
และราวกับว่าลี่อินคนเดิมจะรับรู้ถึงความจริงใจ เหมือนมีสายลมสายหนึ่งพัดผ่านหน้างามไปอย่างประหลาด เหมือนมีสายลมโอบล้อมร่างบางไว้ราวกับจะบอกว่าขอบคุณ
โชคชะตานำพาคนที่ลำบากมาพบกับคนที่ลำบากโดยแท้ ในโลกก่อนนางเป็นนักเขียนไส้แห้ง ต้องลำบากตรากตรำหาเลี้ยงตัวเอง พอทะลุมิติมาภพใหม่ก็ยังคงต้องมาลำบากเช่นเดิม ทะลุมิติมาเพื่อสู้ชีวิตให้มันได้อย่างนี้สิ ถึงเวลาข้ารวยเมื่อไหร่แม่จะนั่งกินนอนกินให้หนำใจ
แต่ที่น่าเป็นห่วงที่สุดมิใช่นางแล้วตอนนี้ หากแต่เป็นเจ้าตัวเล็กมนุษย์เหงือกที่ร่างเดิมช่วยมา เสี่ยวเหลียนยังเล็กมากและเด็กวัยนี้ยังต้องได้ดื่มนมอยู่
ร่างเดิมลำบากหนีตายมาต้องเลี้ยงเด็กทารกด้วยน้ำต้มข้าว นางนับถือใจของคนทั้งสองจริง ๆ เด็กน้อยก็สู้เหลือเกินส่วนร่างเดิมก็สู้จนถึงที่สุดแล้ว นางสัญญาว่าจะดูแลเสี่ยวเหลียนน้อยแทนร่างเดิมให้ดีที่สุด
ลี่อินสำรวจกระท่อมหลังน้อยไปจนถึงด้านหลังเกือบจะติดกับชายป่า และติดริมคลองเล็ก ๆ ที่น้ำไหลเอื่อยไปจนสุดทางออกหมู่บ้าน
ถึงแม้แถบนี้จะไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์สักเท่าไหร่ แต่ก็พอจะหาของป่าพอประทังชีวิตไปก่อน เนื่องจากเสี่ยวเหลียนยังเล็กอยู่จึงไม่สามารถทิ้งนางไปที่ไหนไกล ๆ และเป็นเวลานานได้
หญิงสาวมองตามแนวป่าไปเรื่อย ๆ จนสายตาปะทะเข้ากับสิ่งหนึ่ง ซึ่งบางลูกมันกำลังเหลืองสุกได้ที่ นางไม่รอช้ารีบสาวเท้าเข้าไปทันที ลี่อินแทบอยากจะกรี๊ดออกมาดัง ๆ อย่างน้อยมีเจ้าผลนี้นางกับเสี่ยวเหลียนน้อย ก็จะมีอะไรให้กินไปได้อีกหลายวัน
“ว้าว กล้วยลูกใหญ่มากสุกกำลังดีเลย เกิดในป่าคงจะไม่มีเจ้าของหรอกกระมัง” ลี่อินเดินกลับเข้าไปในกระท่อมเพื่อหามีดมาตัดเครือกล้วยน้ำว้าสุกเหลืองอร่ามทั้งเครือ นางตัดเอามาเก็บไว้ทั้งหมดเพราะเกรงว่าหากไม่เอามาหมด พวกนกกระรอกจะแทะกินไปซะก่อน
เมื่อจัดการเก็บกล้วยที่ตัดมาไว้เรียบร้อยแล้ว หญิงสาวจึงได้ก่อไฟเพื่อจะได้เผาหัวมันไว้กินในยามหิว พลางคิดไปว่าต่อจากนี้คงจะต้องวางแผนการใช้ชีวิตเสียใหม่ หากว่าตนยังต้องใช้ชีวิตในโลกแห่งนี้ต่อไป อย่างแรกจะต้องหาอาหารไว้สำหรับปากท้องก่อน จากนั้นค่อยหาลู่ทางในการหาเงิน
และก็อีกเรื่องคือกระท่อมหลังทรุดโทรมนี้ จะต้องซ่อมแซมให้แข็งแรงสภาพเช่นนี้หากมีพายุเข้าก็คงจะปลิวไปตามลมได้โดยง่าย อย่าว่าแต่พายุเลยลำพังแค่ฝนตกยังไม่รู้ว่ากันฝนได้หรือไม่
ระหว่างรอเผาหัวมันไว้กินลี่อินก็ได้ตั้งหม้อต้มข้าวให้กับเสี่ยวเหลียน หญิงสาวต้มข้าวโดยไม่ได้ปรุงรสอะไรเลย ด้วยภายในกระท่อมหลังนี้แทบจะไม่มีอะไรให้ได้ปรุงรส นอกจากเครื่องครัวบางอย่างและถ้วยชามไม่กี่ชิ้น
หลังจากรอให้ข้าวสุกแล้วหญิงสาวจึงยกหม้อออกมาตั้งพักไว้ให้เย็น ตักข้าวต้มที่พอมีน้ำขลุกขลิกลงถ้วย แล้วนำกล้วยที่สุกกำลังดีปอกเปลือกขูดเอาแต่เนื้อกล้วยนำมาบดกับข้าวต้มให้ละเอียด เป็นอันว่าทั้งนางและบุตรสาวได้อาหารเช้าแล้ววันนี้
ลี่อินนั่งกินหัวมันอิ่มแล้วจึงได้ถือถ้วยข้าวบดกล้วยเข้าไปในห้อง เมื่อเปิดประตูก็เห็นแล้วว่าเสี่ยวเหลียนน้อยตื่นนอนพอดี
“เสี่ยวเหลียนตื่นแล้วหรือลูก วันนี้แม่มีข้าวบดกล้วยอร่อย ๆ มาให้หนูกินด้วยนา” ลี่อินคุยกับเจ้าตัวเล็กเสียงอ่อนเสียงหวาน
“แอ้” เสี่ยวเหลียนได้ยินเสียงของมารดา เจ้าเด็กน้อยตอบรับในทันทีพร้อมกับทำปากจ๊วบจ๊าบน้ำลายไหลออกข้างแก้ม
“หิวแล้วใช่หรือไม่ มา ๆ หม่ำ ๆ” ลี่อินอุ้มบุตรสาวตัวน้อยวางไว้บนตักของตัวเอง จากนั้นจึงได้ค่อย ๆ ป้อนข้าวบดกล้วยให้นางได้กินทีละนิด ในบางคราก็จะสลับตักน้ำให้กินบ้าง จนเจ้าตัวน้อยจัดการกินข้าวจนหมดถ้วย
หลังจากป้อนข้าวเสี่ยวเหลียนจนอิ่มหญิงสาวจัดการเช็ดปาก ทำความสะอาดผลัดเปลี่ยนชุดให้เด็กน้อยใหม่ ซึ่งชุดที่พับไว้ที่ชั้นวางมีเพียงสองสามชุดเก่า ๆ เท่านั้นเอง
“คงจะต้องซักไว้ก่อนสินะ จะได้มีไว้ผลัดเปลี่ยน” ลี่อินมองเจ้าตัวเล็ก ที่เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับมารดา มันช่างน่าเอ็นดูและมันเขี้ยวนักในสายตาหญิงสาว จนอดใจไม่ไหวต้องกลับไปขย้ำพุงน้อย ๆ อีกครั้ง
เมื่อสองแม่ลูกหยอกล้อกันจนพอใจแล้ว ลี่อินจึงอุ้มเสี่ยวเหลียนน้อยขึ้นมา หาผ้าที่พอจะผูกบุตรสาวติดกับตัวนางได้ พันเจ้าตัวเล็กติดตัวไว้เรียบร้อยและแน่ใจว่าบุตรสาวจะไม่ตก
ลี่อินจึงได้หอบเอาชุดสำหรับที่จะต้องนำซัก เดินตรงไปยังริมคลองเพื่อซักผ้าทั้งผ้าอ้อมสี่ผืนชุดของนางอีกหนึ่งชุดเพื่อเอาไว้สลับใส่กับชุดที่มีอยู่
เดิมทีลี่อินมีชุดติดตัวมาสี่ชุด แต่นางได้ฉีกและเย็บทำเป็นผ้าอ้อมกับชุดของเสี่ยวเหลียน ตัวนางเองจึงเหลือเพียงสองชุดไว้ซักแล้วสลับใส่ไปเท่านั้น
การทะลุมิติมาในวันแรกมันช่างเหน็ดเหนื่อยอะไรเช่นนี้ จากที่ไม่เคยเลี้ยงเด็กอ่อนก็ได้มาเลี้ยง และไม่คิดว่าวิชาลูกเสือที่ตนเรียนเกี่ยวกับการเอาตัวรอด จะได้นำมาใช้จริง ๆ
“แมะ เอิ๊ก ๆ” ร่างอวบอ้วนของเสี่ยวเหลียนที่กำลังนั่งเล่นกองดินอยู่ใต้ร่มไม้ เมื่อมองสบตากับมารดานางจะยิ้มกว้างเห็นฟันสวย ๆ หนึ่งซี่ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับท่านแม่ด้านลี่อินยามใดได้มองหน้าเจ้าตัวน้อย ส่งยิ้มหน้าบานหัวเราะเสียงดัง เพียงเท่านี้นางก็หายเหนื่อยได้ในทันที พร้อมกับส่งยิ้มหวานตอบกลับบุตรสาวตัวน้อย“รอแม่อยู่ตรงนั้นก่อนนะเสี่ยวเหลียน แม่ปลูกมันเสร็จแล้วจะรีบไปหาหนูเลย” หญิงสาวพูดเสียงเล็กเสียงน้อย เจ้าตัวเล็กก็รู้เรื่องเสียจริงเพียงได้ยินเสียงมารดาบอก เสี่ยวเหลียนก็ตอบรับในทันที“จ๋า จ้ะ” ยิ้มหวานให้ท่านแม่หนึ่งที เสี่ยวเหลียนก็ก้มลงเล่นดินต่อ มิได้สนใจมารดาอีกเลยจากนั้นลี่อินจึงหันกลับมาปลูกหัวมันตามร่องดินที่ขุดไว้ต่อ แม้พื้นที่หลังกระท่อมน้อยที่นางใช้ปลูกจะไม่ใช่ที่ดินของตนเอง แต่ด้วยความสงสารชาวบ้านและหัวหน้าหมู่บ้านหงชุน ได้อนุญาตให้นางใช้สอยพื้นที่ว่างไปก่อนได้ จนกว่าที่ดินผืนนี้จะมีเจ้าของครอบครองลี่อินจึงได้เลือกปลูกหัวมันและต้นกล้วย เผื่อว่าในอนาคตนางจะได้เก็บผลผลิตนำมากินและขายได้ จะได้มีตำลึงเงินไว้เลี้ยงเสี่ยวเหลียนน้อยของนางด้วย เพราะรายนั้นยิ่งโตก็ยิ่งกินเก่งเห
ลี่อินยังคิดว่าจะตัดเอาหน่อกล้วยนำมาปลูกไว้ จะได้ไม่ต้องเข้าไปเก็บในป่าให้เสียเวลา และไม่ต้องทิ้งเสี่ยวเหลียนให้อยู่คนเดียวอีกด้วย หากเก็บตำลึงเงินได้มากพอนางจะขอซื้อที่ดินผืนนี้ไว้เสียเองดังนั้นพื้นที่จากกระท่อมที่นางใช้อาศัยเลยไปจนเกือบจะถึงริมคลอง หญิงสาวก็จัดการปลูกมันหวานที่ขุดมาได้จากป่าเมื่อหลายวันก่อน นำมาปลูกไว้กินเสียเลยและนางจะปลูกกล้วย ผักหวาน ผักหนาม หอมและกระเทียมป่าที่นางบังเอิญไปเจอมา ปลูกไว้หากว่างอกงามจะได้เอาไปขายและเอาไว้กินเองเมื่อผลผลิตโตพอที่ลี่อินจะนำไปขายได้ นางก็จะได้มีตำลึงเงินมากขึ้น จากนั้นลี่อินกับเสี่ยวเหลียนก็จะสบายไม่ต้องอดมื้อกินมื้ออีกต่อไป“มาแล้วเจ้าค่ะท่านป้าเจียง วันก่อนข้าเข้าป่าได้เห็ดเยื่อไผ่มาเยอะเลย แบ่งให้ท่านป้าเอาไปทำอาหารด้วยเจ้าค่ะ” ลี่อินยื่นกล้วยสองหวีและเห็ดที่ห่อด้วยใบกล้วยกำใหญ่ให้กับท่านป้าเจียง“ให้อะไรข้ามาเยอะแยะ เจ้าเก็บไว้ให้เสี่ยวเหลียนกินเถอะ ดูสิเนี่ยหลานสาวยายกำลังถึงวัยต้องกิน” ท่านป้าเจียงหยอกเย้าเจ้าเด็กน้อย ที่นับวันจะอ้วนจ้ำม่ำพุงยื่นจนน่าหยิก“จ๋าจ้ะ ยาย” แม้จะพูดประโยคยาว ๆ ยังไม่ได้ แต่เสี่ยวเหลียนก็ยังสามารถตอบ
ลี่อินมองดูเสบียงที่นางมีก็ได้แต่ถอนหายใจ เพราะว่ามันเหลือน้อยเต็มทน ของที่นางปลูกไว้ก็ยังไม่สามารถนำมาทำอะไรได้ จึงจำเป็นจะต้องเข้าป่าหาเสบียงเก็บไว้ทำอาหาร ในระหว่างที่รอพืชผลที่ปลูกไว้โตพอเก็บกินได้เสียก่อนหญิงสาวได้พาเสี่ยวเหลียนน้อยไปฝากป้าเจียงไว้ก่อน เด็กน้อยรู้ว่ามารดาต้องทำงานก็ไม่ได้งอแงให้รำคาญใจ นางเพียงแค่เบะปากทำปากยื่นน้ำตาคลอหน่วย แต่ก็ไม่ได้ร้องไห้ออกมา ราวกับว่าเสี่ยวเหลียนพยายามจะไม่ทำให้ท่านแม่ไม่สบายใจ เสี่ยวเหลียนจะเป็นเด็กดีรอท่านแม่กลับมารับกลับบ้าน“ท่านป้าเจียงข้าฝากเสี่ยวเหลียนก่อนนะเจ้าคะ ข้าจะรีบไปรีบกลับไม่รบกวนท่านนาน” ลี่อินบอกกับท่านป้าเจียงด้วยความเกรงใจ แม้ไม่อยากจะเป็นภาระใครแต่เรื่องปากท้องก็สำคัญเช่นกัน“เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก เสี่ยวเหลียนก็เหมือนหลานข้า นางเลี้ยงง่ายจะตายเจ้าไปเถอะ เข้าป่าคนเดียวดูแลตัวเองให้ดี” ป้าเจียงรับเจ้าเด็กน้อยมาอุ้มไว้ ก่อนที่แม่ของเจ้าเด็กอ้วนในอ้อมแขนจะเข้าป่า ป้าเจียงจึงได้เตือนให้ระมัดระวังตัว เป็นเพียงสตรีร่างเล็กเข้าป่าคนเดียวอันตรายมีรอบด้าน“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านป้า ข้าจะระวังตัวให้ดี” หญิงสาวกล่าวขอบคุณท่านป้าเจียงอย่
เสียงที่ดังออกมาไม่ไกลจากที่ลี่อินยืนอยู่เท่าไหร่ นางจึงได้เดินตามเสียงว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะเจอกับชายผู้หนึ่งกำลังถือไม้อยู่ในมือ จากนั้นก็ฟาดไปมาใส่เจ้าสิ่งนั้นไม่หยุดเมื่อลี่อินเพ่งสายตามมองให้ดีแล้ว หญิงสาวเจอกับงูตัวยาวเฟื้อยกำลังชูคอเตรียมเข้าหาชายตรงหน้า แล้วทำไมเขาถึงไม่รีบออกไปจากตรงนั้น จะยืนอยู่ให้มันฉกทำไม“โอ๊ย!” ชายผู้นั้นร้องลั่น พร้อมกับทิ้งไม้ที่อยู่ในมือจับกุมตรงขาที่ถูกงูฉกแต่เหมือนว่าเจ้างูตัวนั้นไม่ยอมจากไปง่าย ๆ จะเข้าไปฉกซ้ำอีกรอบให้ได้ หญิงสาวเห็นท่าไม่ดีจึงได้มองหาไม้ที่อยู่ใกล้มือ ฟาดเข้าใส่งูเต็มแรงจนมันลงไปนอนดิ้นบนพื้น ลี่อินจึงฟาดไม้ซ้ำอีกหลายทีจนแน่ใจแล้วว่ามันตายในที่สุด“ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ท่านถูกกัดนี่” หญิงสาวรีบเข้าไปช่วยอย่างไม่ลังเล เพราะนางไม่รู้ว่าเจ้างูตัวนั้นเป็นงูชนิดใดและมีพิษหรือไม่นางใช้มีดกรีดชายกระโปรงของตน นำมามัดเหนือบาดแผลที่ถูกฉกไว้ให้แน่น ก่อนจะมองรอบ ๆ เพื่อหาบางอย่าง“นั่นไงเจอแล้ว” เมื่อเจอเป้าหมาย ร่างบางจึงได้รีบวิ่งไปหาสิ่งนั้นอย่างรวดเร็ว แล้วรีบขุดเอารากของรางจืดขึ้นมา นำเอาแต่ส่วนรากมาล้างน้ำให้สะอาด แต่ต้องบดให้ละเอียด
“ท่านหมอขอรับ ช่วยคุณชายข้าด้วยขอรับ” บ่าวทั้งสองเมื่อพาเจ้านายของตนเองมาถึงยังโรงหมอ พวกเขารีบแบกเจ้านายหนุ่มเข้าไปด้านในทันที พร้อมกับร้องเรียกหมอเสียงดังอย่างร้อนรนท่านหมอชราเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียก จึงได้รีบร้อนออกมาดู“รีบ ๆ พาเข้ามาด้านในเลย นั่นเป็นอะไรมาหรือ” ท่านหมอสอบถามสาเหตุเบื้องต้น พร้อมกับรีบเดินไปเปิดประตูห้องพักผู้ป่วย“ถูกงูกัดมาขอรับ ช่วยคุณชายข้าด้วยเถอะท่านหมอ” บ่าวชายร่างใหญ่โตผู้แบกเจ้านายหนุ่มเข้ามา พูดด้วยอาการเหนื่อยหอบ ภายในใจก็ยังเป็นกังวลอยู่ว่าผู้เป็นนายจะเป็นอะไรมากหรือไม่“โอ้ พาคุณชายไปที่เตียงคนไข้ก่อน แล้วรู้หรือไม่ว่าเป็นงูชนิดใด” ท่านหมอรีบเตรียมอุปกรณ์การรักษาออกมาในทันที เมื่อทราบแล้วว่าคนไข้เป็นอะไรมา“นี่ขอรับท่านหมอ” บ่าวชายอีกคนที่นั่งอยู่ข้างกัน รีบนำงูชะตาขาดตัวนั้นออกมาให้ท่านหมอดูหลังจากนั้นท่านหมอได้ตรวจชีพจร และเปิดเปลือกตาของผู้ป่วยดูอาการ ดูเหมือนว่าจะยังโชคดีอยู่มาก เมื่อตรวจอาการอย่างละเอียดแล้วพิษงูได้เจือจางไปมาก และการปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้ดีมากเช่นกัน เขาเป็นหมอต้องชื่นชมในการรักษาเบื้องต้น ทั้งยังรอบคอบโดยการนำงูร้ายตัวนั้นมา
ด้านลี่อินที่เดินออกมาพ้นจากแนวป่าแล้ว หญิงสาวได้นำของที่หาได้ไปเก็บที่กระท่อมหลังน้อยก่อน ล้างเนื้อล้างตัวให้เรียบร้อยก่อนจะไปรับบุตรสาวกลับบ้าน ป่านนี้เจ้าลูกหมีน้อยของนางคงจะงอแงร้องหาตนแล้ว“เสี่ยวเหลียนแม่มาแล้ว” ลี่อินร้องเรียกเจ้าตัวน้อยมาแต่ไกล เมื่อเห็นว่าท่านป้าเจียงพานางออกมานั่งรออยู่ใต้ร่มไม้หน้าบ้าน คงจะออกมารอนางกระมังนั่งชะเง้อคอมองซะขนาดนั้น“ยาย แม่” มือน้อย ๆ ชี้มาทางมารดา เพื่อบอกให้ท่านยายเจียงรู้ว่าท่านแม่มาแล้ว ทั้งยังยิ้มจนเห็นฟันสองซี่ที่เพิ่งจะขึ้นอีกด้วย“พอเจอหน้าแม่ลืมยายอย่างข้าเลยนะเสี่ยวเหลียน” ป้าเจียงเอ่ยหยอกเย้าเด็กน้อย พอเสี่ยวเหลียนได้อยู่ในอ้อมกอดมารดา ทั้งอ้อนทั้งหอมไม่สนใจนางอีกเลย“ขอบคุณท่านป้ามากนะเจ้าคะ ที่ช่วยดูแลเสี่ยวเหลียนให้ข้า” ลี่อินโค้งตัวเล็กน้อย ขอบคุณที่ป้าเจียงช่วยดูแลบุตรสาวให้ระหว่างที่นางเข้าป่า“ไม่เป็นไร เสี่ยวเหลียนก็เหมือนหลานข้าคนหนึ่ง” อยู่กับเสี่ยวเหลียนนางไม่เหงาเลยสนุกเสียด้วยซ้ำ“ขอบคุณเจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะท่านป้า” เมื่อเห็นว่ารบกวนท่านป้าเจียงมานานแล้ว หญิงสาวจึงได้ขอตัวลาท่านป้าเจียงจะได้พักผ่อนเ
ตั้งแต่วันที่ลี่อินได้ช่วยชายแปลกหน้าเอาไว้ ตอนนี้ก็ผ่านไปเกือบเดือนแล้ว หญิงสาวอดเป็นห่วงไม่ได้หวังว่าชายผู้นั้นจะถึงโรงหมอได้ทันการ และยังมีช่วยชีวิตอยู่ไม่ตายไปเสียก่อนส่วนเสี่ยวเหลียนน้อยอายุนางหนึ่งหนาวกับอีกสามเดือนแล้ว ลี่อินไม่รู้ว่าเจ้าลูกหมีน้อยเกิดวันเดือนอะไร นางจึงถือว่าวันที่ได้พบหน้ากันครั้งแรกเป็นวันเกิดของเสี่ยวเหลียนแทนค่ำคืนนี้สองแม่ลูกจึงได้ฉลองวันเกิดกันสองคน ลี่อินทำซาลาเปาเป็นรูปหมูสีชมพูลูกขาวอวบ วางเรียงกันสี่ลูกแทนเค้กปักด้วยเทียนอันเล็กหนึ่งเล่ม ก็เป็นอันเสร็จพร้อมร้องเพลงวันเกิดแล้วเป่าเทียนได้“เสี่ยวเหลียนอย่าเพิ่งกินลูก ร้องเพลงวันเกิดแล้วเป่าเทียนก่อน” หญิงสาวรีบคว้ามือเล็ก ๆ นั้นไว้เกือบไม่ทัน แรงม้าที่ว่าวิ่งเร็วแล้วยังเร็วไม่เท่ากับมือเจ้าลูกหมีของนางเลย ยิ่งช่วงวัยกำลังอยากรู้อยากเห็น เผลอเป็นไม่ได้ต้องคว้าของเอาเข้าปากตลอด“หม่ำๆ” เหนือสิ่งอื่นใดคือซาลาเปาลูกโตช่างน่ากินนัก นางนั่งมองจนน้ำลายสอหมดแล้ว ท่านแม่ก็ยังมิยอมให้ตนได้หม่ำสักที“เรามาร้องเพลงวันเกิดก่อน เสี่ยวเหลียนช่วยแม่ปรบมือด้วยนะ” ลี่อินบอกแก่เจ้าตัวน้อยที่นั่งอยู่บนตัก ที่เอาแต่จะคว
ที่ว่าการอำเภอฮุ่ยหมิ่นตรวจสอบเอกสารอย่างขะมักเขม้น เขาต้องสะสางปัญหามากมายที่สะสมมาตั้งแต่นายอำเภอคนก่อน เพราะนายอำเภอคนก่อนต้องโทษการทุจริตในหน้าที่ ติดสินบนขุนนางน้อยใหญ่ เปิดโอกาสให้พวกพ่อค้าคนกลาง เอารัดเอาเปรียบชาวบ้านจนได้รับความเดือดร้อนเขาที่เพิ่งได้เข้ารับตำแหน่งรักษาการแทน ต้องทำงานหนักแทบจะไม่ได้พักผ่อน ปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านที่เข้ามาร้องทุกข์ก็ช่างมากมายเหลือเกิน“คุณชายขอรับ” อาเปาที่กลับมาจากการทำธุระให้กับผู้เป็นนาย ยามนี้เขาต้องการคำสั่งต่อไปเพื่อจะได้ทำภารกิจให้สำเร็จ“ได้ความว่าอย่างไรบ้าง” ฮุ่ยหมิ่นละสายตาจากงานตรงหน้า เอ่ยถามคนสนิทในทันทีที่อาเปามาถึง“ข้าสอบถามจากหัวหน้าหมู่บ้านหงชุน ได้ความมาว่าแม่นางลี่อินอาศัยอยู่ท้ายหมู่บ้านกับบุตรสาวขอรับ” แต่ทว่าอาเปายังรายงานไม่ทันจบ คุณชายของตนกลับพูดขึ้นเสียก่อน“มีบุตรแล้วหรือ” ชายหนุ่มถอนหายใจ นางมีบุตรแล้วเช่นนั้นหรือแล้วบุรุษคนใดเป็นผู้โชคดีกัน เสียดายที่ตัวเขาได้พบกับนางช้าเกินไป“เอ่อ.. คือคุณชายขอรับ” อาเปาที่เห็นคุณชายเอาแต่นิ่งเงียบ จึงไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อดีหรือไม่ เพียงเห็นสีหน้าเขาก็รู้แล้วว่าคุณชายรู้
“ขอบคุณท่านลุงมากเจ้าค่ะ” ลี่อินกล่าวขอบคุณท่านลุงหวงอย่างซาบซึ้งใจ ในน้ำใจที่ท่านลุงหวงกับภรรยามีให้กับนางและเสี่ยวเหลียนมาโดยตลอด“คุณท่างยุง” เสี่ยวเหลียนเห็นท่านแม่ขอบคุณท่านลุง นางจึงพยายามจะเลียนแบบมารดา ศีรษะเล็กถูกมัดผมจุกอย่างน่ารักผงกหัวงึก ๆ โยกจนหัวสั่นหัวคลอน“รู้ความนักนะตัวแค่นี้” ลุงหวงได้เอ็นดูนักก่อนกลับยังมอบขนมให้เสี่ยวเหลียนไปสองชิ้น เจ้าเด็กอ้วนได้ของที่ถูกใจถึงกับยิ้มจนหน้าบาน โบกไม้โบกมือลาท่านลุงเสียยกใหญ่ผ่านไปสองวันก็มีนายช่างมาหาลี่อินที่กระท่อมจริง ๆ คราแรกที่นายช่างมาถึงได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ บ้านที่หัวหน้าหมู่บ้านหวงแนะนำมาจะมีสภาพผุพังเต็มทน เจ้าของกระท่อมจะมีเงินจ้างพวกเขาหรืออย่างไรมาถึงที่แล้วจะถอยกลับก็ไม่ได้ คงต้องลองพูดคุยกันดูก่อนแล้วกัน นายช่างจึงได้ร้องเรียกเจ้าของกระท่อมว่าพวกตนได้มาถึงแล้ว“มีใครอยู่หรือไม่ ข้าเป็นนายช่างสร้างบ้านหัวหน้าหมู่บ้านหวงแนะนำข้ามา” นายช่างที่ดูแก่ที่สุดร้องเรียกคนภายในกระท่อมยืนรอไม่นานลี่อินจึงได้ออกมาต้อนรับ หญิงสาวอายอยู่สักหน่อยที่ภายในกระท่อมน้อยของนาง สภาพมิได้น่าดูนัก น้ำชาก็ไม่มีไว้สำหรั
หลังจากได้ไปพูดคุยกับท่านลุงหวงเรื่องซื้อที่ดินเมื่อสามวันก่อน ลี่อินคิดว่าต้องหาเวลาไปหาท่านนายอำเภอให้ได้ในสักวัน เหตุใดคนไม่รู้จักกันจึงต้องซื้อที่ดินให้นางกันนะ ไม่ว่าหญิงสาวจะพยายามคิดเช่นไรก็คิดไม่ออก นางมั่นใจว่าไม่รู้จักกับท่านนายอำเภออย่างแน่นอนเอาไว้ได้เจอกับท่านนายอำเภอเมื่อไหร่ จะนำยี่สิบตำลึงคืนให้เป็นค่าที่ดินก็แล้วกัน ตอนนี้นางจะต้องหาช่างมาสร้างเรือนใหม่เสียก่อน กระท่อมที่อาศัยอยู่ก็แทบจะพังแล้วด้วยซ้ำ ลมพัดมาเมื่อใดหลังคากระท่อมน้อยแทบจะเปิดปลิวออกไปทั้งหลังคืนนี้ระหว่างที่กล่อมเสี่ยวเหลียนหลับไปแล้ว ลี่อินจึงนั่งวาดแบบบ้านที่นางต้องการ พรุ่งนี้จะได้วานท่านลุงหวงแนะนำนายช่างให้ แล้วค่อยเอาแบบบ้านให้เหล่านายช่างดูภายหลังลี่อินใช้ดินสอค่อย ๆ วาดลงสมุด โชคดีนักที่ได้กระเป๋าสารพัดนึกมาครอบครอง มันสามารถทุ่นแรงไปได้เยอะเลย หากต้องให้ดิ้นรนใช้ชีวิตต่อไปมีหวังทั้งตัวนางเองทั้งเสี่ยวเหลียน ไม่รู้จะอดตายเมื่อใดจะได้ลืมตาอ้าปากเสียทีลี่อินนั่งวาดอยู่ไม่นานก็ได้แบบบ้านขึ้นมาเป็นรูปเป็นร่าง บ้านที่ลี่อินต้องการจะสร้างเป็นบ้านชั้นเดียว หลังคามุงด้วยกระเบื้อง ตัวบ้านทำจากไม้ทั้
“คือข้ามีเงินซื้อนะเจ้าคะท่านลุง ข้านำเครื่องประดับที่ติดตัวมาไปขายเจ้าค่ะ” หญิงสาวพูดโป้ปดเรื่องที่นำเครื่องประดับไปขายอะไรนั่นไม่มีหรอก ถ้าบอกว่านางมีเงินหลายพันตำลึงในกระเป๋าวิเศษก็คงถูกหาว่าบ้า“ลุงก็ไม่ได้ว่าอันใดเจ้า ลุงแค่ไม่เข้าใจซื้อที่ไปแล้วไยต้องมาซื้ออีก” ก็เมื่อไม่นานมานี้มีคนของท่านนายอำเภอมาขอซื้อที่จำนวนแปดหมู่ แล้วยังบอกด้วยว่าแม่นางลี่อินวานเป็นธุระให้ เพราะกลัวว่านางไม่ใช่คนในหมู่บ้าน จะไม่ยอมขายให้คนต่างถิ่นที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า แล้ววันนี้นังหนูลี่อินถึงได้มาถามซื้ออีกได้เล่า“อะไรนะเจ้าคะ มีคนซื้อไปแล้วหรือ โธ่! ข้ามาช้าไปหรือนี่” หญิงสาวทำหน้าบอกบุญไม่รับ นางก็อุตส่าห์เร่งรีบมาขอซื้อทันทีที่มีตำลึงเงิน แต่นี่อะไรนางมาช้าเกินไป แล้วผู้ใดที่มาขอซื้อไปก่อนนางกันแบบนี้นางกับเสี่ยวเหลียนจะไปอยู่ที่ไหน“อ้าว! ก็เจ้าวานให้คนของท่านนายอำเภอมาซื้อที่ให้มิใช่หรือ ซื้อไปทั้งหมดแปดหมู่เชียวนะ” ท่านลุงหวงถามอย่างแปลกใจ เหตุใดถึงได้ทำเหมือนไม่รู้เรื่อง“ข้าไม่เคยรู้จักคนของนายอำเภอนะเจ้าคะท่านลุง นายอำเภอคือผู้ใดหน้าตาอย่างไรข้าก็ยังไม่รู้จักเจ้าค่ะ” คิ้วบางขมวดมุ่น นอกจากเข้
ยามเฉิน(07.00-08.59 น.) หลังจากที่ลี่อินรดน้ำสวนผักหลังกระท่อมน้อยเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวจึงได้อุ้มเสี่ยวเหลียนออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปยังเรือนหัวหน้าหมู่บ้าน เพื่อทำการเจรจาขอซื้อที่ดินจำนวนห้าหมู่ ตรงกระท่อมน้อยที่นางกับบุตรสาวใช้พักอาศัยเพราะเกรงว่าหากช้าไปมากกว่านี้จะมีผู้มาขอซื้อไปก่อน พื้นที่ตรงนั้นเป็นทำเลดีสำหรับลี่อิน นางสามารถปลูกผักและทำการเกษตรได้ง่าย เนื่องจากใกล้กับคลองน้ำสะดวกต่อการรดน้ำผัก และยังง่ายต่อการนำมาใช้สอยอุปโภคบริโภคด้วยลี่อินดีใจมากที่ได้พบกระเป๋าเดินทาง ไม่เช่นนั้นต่อให้ทำงานให้ตายก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะหาเงินจำนวนยี่สิบตำลึงได้ครบ ลำพังแค่ขายพืชผลที่หามาได้ทั้งเดือน เก็บเงินได้เพียงแค่สิบอีแปะเท่านั้นลี่อินใช้เวลาเดินในไปเรือนหัวหน้าหมู่บ้านถึงสองเค่อ (30นาที) ไม่ใช่เพราะว่ากระท่อมของนางอยู่ไกลมากแต่อย่างใด แต่เพราะเจ้าตัวน้อยอยากจะลงเดินเอง ทั้งที่แค่จะยืนด้วยขาตนเองยังโยกเยกไปมา ไม่ค่อยจะมั่นคงกว่าจะไปได้แต่ละก้าว ลี่อินก็แทบอยากจะอ้อนวอนขอให้ท่านแม่อุ้มเจ้าเถอะนะเสี่ยวเหลียน“เสี่ยวเหลียนมาให้แม่อุ้มเจ้าเถอะ ให้เจ้าเดินเองเมื่อไหร่จะถึงบ้านท่านลุงหวงล่ะลู
ที่ว่าการอำเภอฮุ่ยหมิ่นตรวจสอบเอกสารอย่างขะมักเขม้น เขาต้องสะสางปัญหามากมายที่สะสมมาตั้งแต่นายอำเภอคนก่อน เพราะนายอำเภอคนก่อนต้องโทษการทุจริตในหน้าที่ ติดสินบนขุนนางน้อยใหญ่ เปิดโอกาสให้พวกพ่อค้าคนกลาง เอารัดเอาเปรียบชาวบ้านจนได้รับความเดือดร้อนเขาที่เพิ่งได้เข้ารับตำแหน่งรักษาการแทน ต้องทำงานหนักแทบจะไม่ได้พักผ่อน ปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านที่เข้ามาร้องทุกข์ก็ช่างมากมายเหลือเกิน“คุณชายขอรับ” อาเปาที่กลับมาจากการทำธุระให้กับผู้เป็นนาย ยามนี้เขาต้องการคำสั่งต่อไปเพื่อจะได้ทำภารกิจให้สำเร็จ“ได้ความว่าอย่างไรบ้าง” ฮุ่ยหมิ่นละสายตาจากงานตรงหน้า เอ่ยถามคนสนิทในทันทีที่อาเปามาถึง“ข้าสอบถามจากหัวหน้าหมู่บ้านหงชุน ได้ความมาว่าแม่นางลี่อินอาศัยอยู่ท้ายหมู่บ้านกับบุตรสาวขอรับ” แต่ทว่าอาเปายังรายงานไม่ทันจบ คุณชายของตนกลับพูดขึ้นเสียก่อน“มีบุตรแล้วหรือ” ชายหนุ่มถอนหายใจ นางมีบุตรแล้วเช่นนั้นหรือแล้วบุรุษคนใดเป็นผู้โชคดีกัน เสียดายที่ตัวเขาได้พบกับนางช้าเกินไป“เอ่อ.. คือคุณชายขอรับ” อาเปาที่เห็นคุณชายเอาแต่นิ่งเงียบ จึงไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อดีหรือไม่ เพียงเห็นสีหน้าเขาก็รู้แล้วว่าคุณชายรู้
ตั้งแต่วันที่ลี่อินได้ช่วยชายแปลกหน้าเอาไว้ ตอนนี้ก็ผ่านไปเกือบเดือนแล้ว หญิงสาวอดเป็นห่วงไม่ได้หวังว่าชายผู้นั้นจะถึงโรงหมอได้ทันการ และยังมีช่วยชีวิตอยู่ไม่ตายไปเสียก่อนส่วนเสี่ยวเหลียนน้อยอายุนางหนึ่งหนาวกับอีกสามเดือนแล้ว ลี่อินไม่รู้ว่าเจ้าลูกหมีน้อยเกิดวันเดือนอะไร นางจึงถือว่าวันที่ได้พบหน้ากันครั้งแรกเป็นวันเกิดของเสี่ยวเหลียนแทนค่ำคืนนี้สองแม่ลูกจึงได้ฉลองวันเกิดกันสองคน ลี่อินทำซาลาเปาเป็นรูปหมูสีชมพูลูกขาวอวบ วางเรียงกันสี่ลูกแทนเค้กปักด้วยเทียนอันเล็กหนึ่งเล่ม ก็เป็นอันเสร็จพร้อมร้องเพลงวันเกิดแล้วเป่าเทียนได้“เสี่ยวเหลียนอย่าเพิ่งกินลูก ร้องเพลงวันเกิดแล้วเป่าเทียนก่อน” หญิงสาวรีบคว้ามือเล็ก ๆ นั้นไว้เกือบไม่ทัน แรงม้าที่ว่าวิ่งเร็วแล้วยังเร็วไม่เท่ากับมือเจ้าลูกหมีของนางเลย ยิ่งช่วงวัยกำลังอยากรู้อยากเห็น เผลอเป็นไม่ได้ต้องคว้าของเอาเข้าปากตลอด“หม่ำๆ” เหนือสิ่งอื่นใดคือซาลาเปาลูกโตช่างน่ากินนัก นางนั่งมองจนน้ำลายสอหมดแล้ว ท่านแม่ก็ยังมิยอมให้ตนได้หม่ำสักที“เรามาร้องเพลงวันเกิดก่อน เสี่ยวเหลียนช่วยแม่ปรบมือด้วยนะ” ลี่อินบอกแก่เจ้าตัวน้อยที่นั่งอยู่บนตัก ที่เอาแต่จะคว
ด้านลี่อินที่เดินออกมาพ้นจากแนวป่าแล้ว หญิงสาวได้นำของที่หาได้ไปเก็บที่กระท่อมหลังน้อยก่อน ล้างเนื้อล้างตัวให้เรียบร้อยก่อนจะไปรับบุตรสาวกลับบ้าน ป่านนี้เจ้าลูกหมีน้อยของนางคงจะงอแงร้องหาตนแล้ว“เสี่ยวเหลียนแม่มาแล้ว” ลี่อินร้องเรียกเจ้าตัวน้อยมาแต่ไกล เมื่อเห็นว่าท่านป้าเจียงพานางออกมานั่งรออยู่ใต้ร่มไม้หน้าบ้าน คงจะออกมารอนางกระมังนั่งชะเง้อคอมองซะขนาดนั้น“ยาย แม่” มือน้อย ๆ ชี้มาทางมารดา เพื่อบอกให้ท่านยายเจียงรู้ว่าท่านแม่มาแล้ว ทั้งยังยิ้มจนเห็นฟันสองซี่ที่เพิ่งจะขึ้นอีกด้วย“พอเจอหน้าแม่ลืมยายอย่างข้าเลยนะเสี่ยวเหลียน” ป้าเจียงเอ่ยหยอกเย้าเด็กน้อย พอเสี่ยวเหลียนได้อยู่ในอ้อมกอดมารดา ทั้งอ้อนทั้งหอมไม่สนใจนางอีกเลย“ขอบคุณท่านป้ามากนะเจ้าคะ ที่ช่วยดูแลเสี่ยวเหลียนให้ข้า” ลี่อินโค้งตัวเล็กน้อย ขอบคุณที่ป้าเจียงช่วยดูแลบุตรสาวให้ระหว่างที่นางเข้าป่า“ไม่เป็นไร เสี่ยวเหลียนก็เหมือนหลานข้าคนหนึ่ง” อยู่กับเสี่ยวเหลียนนางไม่เหงาเลยสนุกเสียด้วยซ้ำ“ขอบคุณเจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะท่านป้า” เมื่อเห็นว่ารบกวนท่านป้าเจียงมานานแล้ว หญิงสาวจึงได้ขอตัวลาท่านป้าเจียงจะได้พักผ่อนเ
“ท่านหมอขอรับ ช่วยคุณชายข้าด้วยขอรับ” บ่าวทั้งสองเมื่อพาเจ้านายของตนเองมาถึงยังโรงหมอ พวกเขารีบแบกเจ้านายหนุ่มเข้าไปด้านในทันที พร้อมกับร้องเรียกหมอเสียงดังอย่างร้อนรนท่านหมอชราเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียก จึงได้รีบร้อนออกมาดู“รีบ ๆ พาเข้ามาด้านในเลย นั่นเป็นอะไรมาหรือ” ท่านหมอสอบถามสาเหตุเบื้องต้น พร้อมกับรีบเดินไปเปิดประตูห้องพักผู้ป่วย“ถูกงูกัดมาขอรับ ช่วยคุณชายข้าด้วยเถอะท่านหมอ” บ่าวชายร่างใหญ่โตผู้แบกเจ้านายหนุ่มเข้ามา พูดด้วยอาการเหนื่อยหอบ ภายในใจก็ยังเป็นกังวลอยู่ว่าผู้เป็นนายจะเป็นอะไรมากหรือไม่“โอ้ พาคุณชายไปที่เตียงคนไข้ก่อน แล้วรู้หรือไม่ว่าเป็นงูชนิดใด” ท่านหมอรีบเตรียมอุปกรณ์การรักษาออกมาในทันที เมื่อทราบแล้วว่าคนไข้เป็นอะไรมา“นี่ขอรับท่านหมอ” บ่าวชายอีกคนที่นั่งอยู่ข้างกัน รีบนำงูชะตาขาดตัวนั้นออกมาให้ท่านหมอดูหลังจากนั้นท่านหมอได้ตรวจชีพจร และเปิดเปลือกตาของผู้ป่วยดูอาการ ดูเหมือนว่าจะยังโชคดีอยู่มาก เมื่อตรวจอาการอย่างละเอียดแล้วพิษงูได้เจือจางไปมาก และการปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้ดีมากเช่นกัน เขาเป็นหมอต้องชื่นชมในการรักษาเบื้องต้น ทั้งยังรอบคอบโดยการนำงูร้ายตัวนั้นมา
เสียงที่ดังออกมาไม่ไกลจากที่ลี่อินยืนอยู่เท่าไหร่ นางจึงได้เดินตามเสียงว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะเจอกับชายผู้หนึ่งกำลังถือไม้อยู่ในมือ จากนั้นก็ฟาดไปมาใส่เจ้าสิ่งนั้นไม่หยุดเมื่อลี่อินเพ่งสายตามมองให้ดีแล้ว หญิงสาวเจอกับงูตัวยาวเฟื้อยกำลังชูคอเตรียมเข้าหาชายตรงหน้า แล้วทำไมเขาถึงไม่รีบออกไปจากตรงนั้น จะยืนอยู่ให้มันฉกทำไม“โอ๊ย!” ชายผู้นั้นร้องลั่น พร้อมกับทิ้งไม้ที่อยู่ในมือจับกุมตรงขาที่ถูกงูฉกแต่เหมือนว่าเจ้างูตัวนั้นไม่ยอมจากไปง่าย ๆ จะเข้าไปฉกซ้ำอีกรอบให้ได้ หญิงสาวเห็นท่าไม่ดีจึงได้มองหาไม้ที่อยู่ใกล้มือ ฟาดเข้าใส่งูเต็มแรงจนมันลงไปนอนดิ้นบนพื้น ลี่อินจึงฟาดไม้ซ้ำอีกหลายทีจนแน่ใจแล้วว่ามันตายในที่สุด“ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ท่านถูกกัดนี่” หญิงสาวรีบเข้าไปช่วยอย่างไม่ลังเล เพราะนางไม่รู้ว่าเจ้างูตัวนั้นเป็นงูชนิดใดและมีพิษหรือไม่นางใช้มีดกรีดชายกระโปรงของตน นำมามัดเหนือบาดแผลที่ถูกฉกไว้ให้แน่น ก่อนจะมองรอบ ๆ เพื่อหาบางอย่าง“นั่นไงเจอแล้ว” เมื่อเจอเป้าหมาย ร่างบางจึงได้รีบวิ่งไปหาสิ่งนั้นอย่างรวดเร็ว แล้วรีบขุดเอารากของรางจืดขึ้นมา นำเอาแต่ส่วนรากมาล้างน้ำให้สะอาด แต่ต้องบดให้ละเอียด