ตั้งแต่วันที่ลี่อินได้ช่วยชายแปลกหน้าเอาไว้ ตอนนี้ก็ผ่านไปเกือบเดือนแล้ว หญิงสาวอดเป็นห่วงไม่ได้หวังว่าชายผู้นั้นจะถึงโรงหมอได้ทันการ และยังมีช่วยชีวิตอยู่ไม่ตายไปเสียก่อน
ส่วนเสี่ยวเหลียนน้อยอายุนางหนึ่งหนาวกับอีกสามเดือนแล้ว ลี่อินไม่รู้ว่าเจ้าลูกหมีน้อยเกิดวันเดือนอะไร นางจึงถือว่าวันที่ได้พบหน้ากันครั้งแรกเป็นวันเกิดของเสี่ยวเหลียนแทน
ค่ำคืนนี้สองแม่ลูกจึงได้ฉลองวันเกิดกันสองคน ลี่อินทำซาลาเปาเป็นรูปหมูสีชมพูลูกขาวอวบ วางเรียงกันสี่ลูกแทนเค้กปักด้วยเทียนอันเล็กหนึ่งเล่ม ก็เป็นอันเสร็จพร้อมร้องเพลงวันเกิดแล้วเป่าเทียนได้
“เสี่ยวเหลียนอย่าเพิ่งกินลูก ร้องเพลงวันเกิดแล้วเป่าเทียนก่อน” หญิงสาวรีบคว้ามือเล็ก ๆ นั้นไว้เกือบไม่ทัน แรงม้าที่ว่าวิ่งเร็วแล้วยังเร็วไม่เท่ากับมือเจ้าลูกหมีของนางเลย ยิ่งช่วงวัยกำลังอยากรู้อยากเห็น เผลอเป็นไม่ได้ต้องคว้าของเอาเข้าปากตลอด
“หม่ำๆ” เหนือสิ่งอื่นใดคือซาลาเปาลูกโตช่างน่ากินนัก นางนั่งมองจนน้ำลายสอหมดแล้ว ท่านแม่ก็ยังมิยอมให้ตนได้หม่ำสักที
“เรามาร้องเพลงวันเกิดก่อน เสี่ยวเหลียนช่วยแม่ปรบมือด้วยนะ” ลี่อินบอกแก่เจ้าตัวน้อยที่นั่งอยู่บนตัก ที่เอาแต่จะคว้าซาลาเปาตรงหน้าให้ได้ท่าเดียว
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู” ระหว่างร้องเพลงอวยพรวันเกิด ลี่อินก็ได้จับมือของบุตรสาวปรบมือเป็นจังหวะพร้อมกันไปด้วย มันช่างน่าเอ็นดูนักที่เสี่ยวเหลียนพยายามจะร้องตามท่านแม่ให้ได้
“ยู ยู” แปะ ๆ เด็กน้อยปรบมือเป็นจังหวะตามผู้เป็นมารดา อีกทั้งยังหัวเราะชอบใจอีกด้วย
“เอ้า เจ้าลูกหมีเป่าเทียนเลย”
เมื่อมารดาบอกให้เป่า เสี่ยวเหลียนน้อยมีหรือจะรอช้า รวบรวมลมไว้เต็มกระพุ้งแก้ม ก่อนจะเป่าลมออกไปสุดกำลังที่ตนเองมี
“ฟู่ ฟู่”
“เจ้าลูกหมี แม่ให้เป่าเทียนไม่ใช่ให้เจ้าพรมน้ำมนต์ของเจ้านะรู้ไหม คิก คิก” ลี่อินอดใจไม่ไหว จนต้องหยิกเจ้าแก้มกลม ๆ อย่างมันเขี้ยว
“แม่ หม่ำ ๆ” ทนความหิวไม่ไหวเจ้าเด็กน้อยชี้นิ้วไปทางซาลาเปา ก่อนจะชี้มาที่ปากจิ้มลิ้มของตัวเอง เพื่อจะบอกให้ท่านแม่ได้รู้ว่า นางหิวแล้วนะเมื่อไหร่ท่านแม่จะให้เสี่ยวเหลียนกินเสียที
“กินเยอะระวังอ้วนไม่สวยนะลูก” ลี่อินหยอกเย้าเจ้าก้อนแป้ง นางกินเก่งเหลือเกินกินได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งผักที่ต้มเป็นชิ้นเล็ก ๆ ผสมกับอาหารให้กิน ดูเหมือนเสี่ยวเหลียนจะชอบผักเสียด้วยซ้ำไป
“โน ๆ” เจ้าเด็กตะกละตอบกลับมารดาทันที
“คิก คิก ตัวแค่นี้ รู้ด้วยหรือสวยคืออะไร” หญิงสาวหัวเราะร่าอย่างถูกใจ กับคำตอบของบุตรสาว
“เก่ง” เจ้าเด็กน้อยโอ้อวดตัวเอง พร้อมกับปรบมือให้มารดาได้รู้ว่านางเก่งเพียงใด
“จ้า เสี่ยวเหลียนของแม่เก่งที่สุดเลย” ไม่รู้ว่าบุตรสาวเอานิสัยหลงตัวเองมาจากใคร
ลี่อินนางเป็นคนสอนให้บุตรสาวรู้จักภาษาของโลกที่นางจากมา ด้วยตัวนางเองนึกสนุกและไม่คิดว่าเจ้าเด็กน้อยจะจดจำได้ กลายเป็นว่าสอนอะไรไปเสี่ยวเหลียนกลับรู้เรื่องไปเสียหมด ได้แต่แปลกใจกับพัฒนาการของเด็กน้อยอายุเพียงหนึ่งหนาวกับอีกสามเดือน
แต่นางก็ไม่ลืมที่จะย้ำกับเจ้าตัวน้อยให้รู้ว่า เสี่ยวเหลียนจะต้องพูดกับท่านแม่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ห้ามนำคำพวกนี้ไปพูดคุยกับคนอื่นเด็ดขาด มิเช่นนั้นผู้คนจะหาว่าเป็นคนบ้า เสี่ยวเหลียนก็ตอบรับมารดาด้วยการผงกหัวให้ ลี่อินจึงคิดเข้าข้างตนเองว่าบุตรสาวนางรับรู้และเข้าใจก็แล้วกัน
จากนั้นสองแม่ลูกได้ฉลองวันเกิดด้วยกันอย่างสนุกสนาน ต่างคนต่างเข้ามาเติมเต็มให้กันและกัน ถึงแม้จะลำบากไปบ้าง แต่ก็มีความสุขเสียมากกว่า
ที่ว่าการอำเภอฮุ่ยหมิ่นตรวจสอบเอกสารอย่างขะมักเขม้น เขาต้องสะสางปัญหามากมายที่สะสมมาตั้งแต่นายอำเภอคนก่อน เพราะนายอำเภอคนก่อนต้องโทษการทุจริตในหน้าที่ ติดสินบนขุนนางน้อยใหญ่ เปิดโอกาสให้พวกพ่อค้าคนกลาง เอารัดเอาเปรียบชาวบ้านจนได้รับความเดือดร้อนเขาที่เพิ่งได้เข้ารับตำแหน่งรักษาการแทน ต้องทำงานหนักแทบจะไม่ได้พักผ่อน ปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านที่เข้ามาร้องทุกข์ก็ช่างมากมายเหลือเกิน“คุณชายขอรับ” อาเปาที่กลับมาจากการทำธุระให้กับผู้เป็นนาย ยามนี้เขาต้องการคำสั่งต่อไปเพื่อจะได้ทำภารกิจให้สำเร็จ“ได้ความว่าอย่างไรบ้าง” ฮุ่ยหมิ่นละสายตาจากงานตรงหน้า เอ่ยถามคนสนิทในทันทีที่อาเปามาถึง“ข้าสอบถามจากหัวหน้าหมู่บ้านหงชุน ได้ความมาว่าแม่นางลี่อินอาศัยอยู่ท้ายหมู่บ้านกับบุตรสาวขอรับ” แต่ทว่าอาเปายังรายงานไม่ทันจบ คุณชายของตนกลับพูดขึ้นเสียก่อน“มีบุตรแล้วหรือ” ชายหนุ่มถอนหายใจ นางมีบุตรแล้วเช่นนั้นหรือแล้วบุรุษคนใดเป็นผู้โชคดีกัน เสียดายที่ตัวเขาได้พบกับนางช้าเกินไป“เอ่อ.. คือคุณชายขอรับ” อาเปาที่เห็นคุณชายเอาแต่นิ่งเงียบ จึงไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อดีหรือไม่ เพียงเห็นสีหน้าเขาก็รู้แล้วว่าคุณชายรู้
ยามเฉิน(07.00-08.59 น.) หลังจากที่ลี่อินรดน้ำสวนผักหลังกระท่อมน้อยเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวจึงได้อุ้มเสี่ยวเหลียนออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปยังเรือนหัวหน้าหมู่บ้าน เพื่อทำการเจรจาขอซื้อที่ดินจำนวนห้าหมู่ ตรงกระท่อมน้อยที่นางกับบุตรสาวใช้พักอาศัยเพราะเกรงว่าหากช้าไปมากกว่านี้จะมีผู้มาขอซื้อไปก่อน พื้นที่ตรงนั้นเป็นทำเลดีสำหรับลี่อิน นางสามารถปลูกผักและทำการเกษตรได้ง่าย เนื่องจากใกล้กับคลองน้ำสะดวกต่อการรดน้ำผัก และยังง่ายต่อการนำมาใช้สอยอุปโภคบริโภคด้วยลี่อินดีใจมากที่ได้พบกระเป๋าเดินทาง ไม่เช่นนั้นต่อให้ทำงานให้ตายก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะหาเงินจำนวนยี่สิบตำลึงได้ครบ ลำพังแค่ขายพืชผลที่หามาได้ทั้งเดือน เก็บเงินได้เพียงแค่สิบอีแปะเท่านั้นลี่อินใช้เวลาเดินในไปเรือนหัวหน้าหมู่บ้านถึงสองเค่อ (30นาที) ไม่ใช่เพราะว่ากระท่อมของนางอยู่ไกลมากแต่อย่างใด แต่เพราะเจ้าตัวน้อยอยากจะลงเดินเอง ทั้งที่แค่จะยืนด้วยขาตนเองยังโยกเยกไปมา ไม่ค่อยจะมั่นคงกว่าจะไปได้แต่ละก้าว ลี่อินก็แทบอยากจะอ้อนวอนขอให้ท่านแม่อุ้มเจ้าเถอะนะเสี่ยวเหลียน“เสี่ยวเหลียนมาให้แม่อุ้มเจ้าเถอะ ให้เจ้าเดินเองเมื่อไหร่จะถึงบ้านท่านลุงหวงล่ะลู
“คือข้ามีเงินซื้อนะเจ้าคะท่านลุง ข้านำเครื่องประดับที่ติดตัวมาไปขายเจ้าค่ะ” หญิงสาวพูดโป้ปดเรื่องที่นำเครื่องประดับไปขายอะไรนั่นไม่มีหรอก ถ้าบอกว่านางมีเงินหลายพันตำลึงในกระเป๋าวิเศษก็คงถูกหาว่าบ้า“ลุงก็ไม่ได้ว่าอันใดเจ้า ลุงแค่ไม่เข้าใจซื้อที่ไปแล้วไยต้องมาซื้ออีก” ก็เมื่อไม่นานมานี้มีคนของท่านนายอำเภอมาขอซื้อที่จำนวนแปดหมู่ แล้วยังบอกด้วยว่าแม่นางลี่อินวานเป็นธุระให้ เพราะกลัวว่านางไม่ใช่คนในหมู่บ้าน จะไม่ยอมขายให้คนต่างถิ่นที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า แล้ววันนี้นังหนูลี่อินถึงได้มาถามซื้ออีกได้เล่า“อะไรนะเจ้าคะ มีคนซื้อไปแล้วหรือ โธ่! ข้ามาช้าไปหรือนี่” หญิงสาวทำหน้าบอกบุญไม่รับ นางก็อุตส่าห์เร่งรีบมาขอซื้อทันทีที่มีตำลึงเงิน แต่นี่อะไรนางมาช้าเกินไป แล้วผู้ใดที่มาขอซื้อไปก่อนนางกันแบบนี้นางกับเสี่ยวเหลียนจะไปอยู่ที่ไหน“อ้าว! ก็เจ้าวานให้คนของท่านนายอำเภอมาซื้อที่ให้มิใช่หรือ ซื้อไปทั้งหมดแปดหมู่เชียวนะ” ท่านลุงหวงถามอย่างแปลกใจ เหตุใดถึงได้ทำเหมือนไม่รู้เรื่อง“ข้าไม่เคยรู้จักคนของนายอำเภอนะเจ้าคะท่านลุง นายอำเภอคือผู้ใดหน้าตาอย่างไรข้าก็ยังไม่รู้จักเจ้าค่ะ” คิ้วบางขมวดมุ่น นอกจากเข้
หลังจากได้ไปพูดคุยกับท่านลุงหวงเรื่องซื้อที่ดินเมื่อสามวันก่อน ลี่อินคิดว่าต้องหาเวลาไปหาท่านนายอำเภอให้ได้ในสักวัน เหตุใดคนไม่รู้จักกันจึงต้องซื้อที่ดินให้นางกันนะ ไม่ว่าหญิงสาวจะพยายามคิดเช่นไรก็คิดไม่ออก นางมั่นใจว่าไม่รู้จักกับท่านนายอำเภออย่างแน่นอนเอาไว้ได้เจอกับท่านนายอำเภอเมื่อไหร่ จะนำยี่สิบตำลึงคืนให้เป็นค่าที่ดินก็แล้วกัน ตอนนี้นางจะต้องหาช่างมาสร้างเรือนใหม่เสียก่อน กระท่อมที่อาศัยอยู่ก็แทบจะพังแล้วด้วยซ้ำ ลมพัดมาเมื่อใดหลังคากระท่อมน้อยแทบจะเปิดปลิวออกไปทั้งหลังคืนนี้ระหว่างที่กล่อมเสี่ยวเหลียนหลับไปแล้ว ลี่อินจึงนั่งวาดแบบบ้านที่นางต้องการ พรุ่งนี้จะได้วานท่านลุงหวงแนะนำนายช่างให้ แล้วค่อยเอาแบบบ้านให้เหล่านายช่างดูภายหลังลี่อินใช้ดินสอค่อย ๆ วาดลงสมุด โชคดีนักที่ได้กระเป๋าสารพัดนึกมาครอบครอง มันสามารถทุ่นแรงไปได้เยอะเลย หากต้องให้ดิ้นรนใช้ชีวิตต่อไปมีหวังทั้งตัวนางเองทั้งเสี่ยวเหลียน ไม่รู้จะอดตายเมื่อใดจะได้ลืมตาอ้าปากเสียทีลี่อินนั่งวาดอยู่ไม่นานก็ได้แบบบ้านขึ้นมาเป็นรูปเป็นร่าง บ้านที่ลี่อินต้องการจะสร้างเป็นบ้านชั้นเดียว หลังคามุงด้วยกระเบื้อง ตัวบ้านทำจากไม้ทั้
“ขอบคุณท่านลุงมากเจ้าค่ะ” ลี่อินกล่าวขอบคุณท่านลุงหวงอย่างซาบซึ้งใจ ในน้ำใจที่ท่านลุงหวงกับภรรยามีให้กับนางและเสี่ยวเหลียนมาโดยตลอด“คุณท่างยุง” เสี่ยวเหลียนเห็นท่านแม่ขอบคุณท่านลุง นางจึงพยายามจะเลียนแบบมารดา ศีรษะเล็กถูกมัดผมจุกอย่างน่ารักผงกหัวงึก ๆ โยกจนหัวสั่นหัวคลอน“รู้ความนักนะตัวแค่นี้” ลุงหวงได้เอ็นดูนักก่อนกลับยังมอบขนมให้เสี่ยวเหลียนไปสองชิ้น เจ้าเด็กอ้วนได้ของที่ถูกใจถึงกับยิ้มจนหน้าบาน โบกไม้โบกมือลาท่านลุงเสียยกใหญ่ผ่านไปสองวันก็มีนายช่างมาหาลี่อินที่กระท่อมจริง ๆ คราแรกที่นายช่างมาถึงได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ บ้านที่หัวหน้าหมู่บ้านหวงแนะนำมาจะมีสภาพผุพังเต็มทน เจ้าของกระท่อมจะมีเงินจ้างพวกเขาหรืออย่างไรมาถึงที่แล้วจะถอยกลับก็ไม่ได้ คงต้องลองพูดคุยกันดูก่อนแล้วกัน นายช่างจึงได้ร้องเรียกเจ้าของกระท่อมว่าพวกตนได้มาถึงแล้ว“มีใครอยู่หรือไม่ ข้าเป็นนายช่างสร้างบ้านหัวหน้าหมู่บ้านหวงแนะนำข้ามา” นายช่างที่ดูแก่ที่สุดร้องเรียกคนภายในกระท่อมยืนรอไม่นานลี่อินจึงได้ออกมาต้อนรับ หญิงสาวอายอยู่สักหน่อยที่ภายในกระท่อมน้อยของนาง สภาพมิได้น่าดูนัก น้ำชาก็ไม่มีไว้สำหรั
หลังจากหมดเรื่องสร้างบ้านไปแล้ว จากกระท่อมหลังผุพังตอนนี้เป็นกระท่อมอัปเกรด กลายเป็นเรือนหลังน้อยน่าอยู่ไปแล้ว ลี่อินก็ถือโอกาสว่าจ้างชาวบ้านขุดหน้าดินเพื่อจะปลูกผักสวนผสมหญิงสาวให้ทำแปลงผักยาวประมาณหนึ่งวา(2 เมตร) แบ่งตามรูปแบบที่ลี่อินวาดให้สองสามีภรรยาที่นางได้จ้างมาทำงาน ทำสี่แปลงเว้นขุดเป็นร่องน้ำคั่นกลาง ถึงเวลารดน้ำจะได้ปล่อยน้ำจากคลองด้านหลัง ให้เข้ามาตามร่องน้ำที่ทำเตรียมไว้เพื่อจะได้สะดวกในยามรดน้ำผักเมื่อปล่อยน้ำไปตามร่องน้ำก็ไม่ต้องเสียเวลาเดินไปตักน้ำให้เหนื่อย เพียงแค่ใช้ที่วิดน้ำวิดจากร่องน้ำใส่แปลงผักรวดเร็วกว่าและไม่เปลืองแรงส่วนที่เหลือนางจะเก็บไว้ปลูกสวนกล้วยกับต้นพลับป่า ลี่อินคิดจะทำขนมจากกล้วยไว้ขายที่ตลาดในเมือง หากนางปลูกเองก็มิต้องลงทุนอะไรมาก เพียงแค่เสียค่าเช่าแผงหรือเช่าร้านเท่านั้นลี่อินใช้เวลาในการเตรียมหน้าดินและทำแปลงผักไปถึงห้าวัน เนื่องจากต้องทำร่องน้ำไปด้วยจึงทำให้เสียเวลาไปมาก เพราะจ้างคนมาทำเพียงแค่สองคนเท่านั้นส่วนค่าจ้างหญิงสาวให้คนละสิบอีแปะต่อวัน มีอาหารให้หนึ่งมื้อคืออาหารกลางวัน ส่วนอาหารเช้าไม่ต้องทำ เพราะพวกเขาทานมาเองจากที่บ้านอยู่แล้
อีกฝั่งของชายป่า“คุณชายขอรับ นั่นแม่นางลี่อินนี่ขอรับ” อาเปาสะกิดผู้เป็นนาย พร้อมกับชี้นิ้วไปยังอีกฟากของคลองน้ำฮุ่ยหมิ่นมองไปยังทางที่อาเปาชี้ให้ตนดู เขาเห็นลี่อินกำลังยืนคุยกับบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่ง วันนี้เขามีภารกิจออกสำรวจพื้นที่รอบหมู่บ้านหงชุน ช่างเป็นโอกาสดียิ่งนักที่ได้เจอจะได้ใช้โอกาสนี้ทำความรู้จักสตรีน้อยผู้นั้นเสียเลยร่างสูงก้าวเท้าอาด ๆ ออกไปอย่างมั่นคงโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา มุ่งตรงไปหาสตรีที่เฝ้าคิดถึงตลอดหลายวันที่ผ่านมา อาเปากับอาฉือมองหน้ากันพลางคิดว่าคุณชายท่านช่างใจร้อนยิ่ง ก่อนทั้งสองจะรีบวิ่งตามผู้เป็นนายไปอย่างรวดเร็วด้านลี่อินเหลือบเห็นคนที่กำลังจะเดินเข้ามาพอดี พอเห็นหน้าชัดแล้วทำให้หญิงสาวนึกออกทันที เขาคือชายที่นางช่วยไว้เมื่อตอนที่เข้าไปหาของป่าดียิ่งคิดว่าคุณชายจะไม่รอดแล้วเสียอีก เพราะวันนั้นที่เขาถูกงูฉกนางก็ไม่รู้ว่ามีพิษหรือไม่ คิดไปต่าง ๆ นานา ว่าหากถึงมือหมอไม่ทันป่านนี้จะเป็นเช่นไร“คุณชาย” ลี่อินตะโกนเรียกเสียงดัง วิ่งไปเกาะรั้วเตี้ยที่ทำไว้เพียงถึงเอว ยิ้มอย่างดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้งหัวใจพลันเต้นราวกลองศึก ฮุ่ยหมิ่นไม่คิดว่านางจะจำเขาได้ อยาก
หลังจากที่เกาอี้ฝานกลับมาจากจ่ายค่าเช่าบ้าน สามีบอกว่านายหญิงมีเรื่องอยากจะคุยด้วย ให้นางและสามีเข้าไปหาได้เลย ทั้งสองจึงได้รีบเข้ามาหาลี่อิน เกรงว่านายหญิงจะมีเรื่องด่วนให้พวกเขาทำ หรือบางทีอาจจะไม่ใช่เรื่องดีก็ได้ สองสามีภรรยากลัวว่าลี่อินจะเลิกจ้างงานพวกเขา ถ้าเป็นเช่นนั้นจะไม่ขอรับเงินค่าจ้างเท่าเดิมก็ได้ ขอเพียงแค่ให้ได้มีงานทำก็พอ ถึงจะได้ค่าแรงน้อยแต่ก็ยังดีกว่าไม่มีงานทำเลย“พวกท่านเป็นอะไรกันหรือเจ้าคะ สีหน้าไม่ดีเลย” ลี่อินเห็นพวกเขาหน้านิ่วคิ้วขมวด ดูเป็นกังวลตั้งแต่เข้ามาพบนางแล้ว“นายหญิงจะไม่เลิกจ้างพวกเราสองคนใช่หรือไม่ขอรับ” เกาเถียนเอ่ยออกมาในที่สุด หลังจากที่เอาแต่ยืนอ้ำอึ้งอยู่นาน“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้าแค่จะคุยเรื่องที่จะให้พวกท่านย้ายมาอยู่กับข้า พวกท่านจะยินดีหรือไม่”ลี่อินคิดว่าในเมื่อท่านน้าทั้งสองยังคงเช่าบ้านอยู่ และต้องเดินทางไปมาระหว่างบ้านกับที่ทำงาน เช่นนั้นก็ให้มาอยู่กับตนจะได้ไม่เสียเวลาในการเดินทาง และไม่ต้องเสียค่าเช่าบ้านในแต่ละเดือนด้วย เงินที่ได้จากการจ้างงานพวกเขาทั้งสองก็จะได้เต็ม ๆ อีกทั้งระยะเวลาที่ทำงานด้วยกันทั้งสองคนก็ขยันขันแข็งไม่อู้งานบางครั
“ไหนดูสิว่าเรตติ้งจะดีไหม” ร่างบางเปิดคอมพิวเตอร์เครื่องมือทำมาหากินคู่กาย ได้แอบลุ้นว่ายอดวิวจะดีไหม“ยอดวิวห้าหมื่นในหนึ่งวัน ไม่ได้ฝันไปใช่ไหมเนี่ยฉัน” แต่พอลองตบหน้าตัวเองดูมันก็เจ็บ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีคนสนใจมากขนาดนี้ ปกติแล้วในความทรงจำของอ้อมแอ้ม นิยายของเธอหนึ่งวันยอดวิวหลักสิบ ครึ่งหนึ่งจากแฟนคลับเดนตายของเธอ อีกครึ่งคือคนที่แวะเข้ามาด่าหญิงสาวรีบกดรีเฟรชหน้าเว็บดูอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าระบบนิยายไม่ได้รวน แต่กดเท่าไหร่ก็มียอดเท่าเดิม ไม่สิมันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ต่างหาก‘ฮือออ ไรท์คะ นางเอกกับลูกสาวสู้ชีวิตมาก’‘ติดตามเลยค่า นิยายสนุกมาก’‘อู๊ยยย พระเอกคือดีงาม’‘น้อนน่าร๊ากกก’‘ไรท์เปลี่ยนแนวนิยายแล้วหรือคะ นิยายเรื่องเก่าของไรท์ประสาทแดกมากค่ะ’และยังมีอีกหลายคอมเมนต์แต่ก็มาในทิศทางที่ดี แสดงว่าตัวเธอมาถูกทางแล้ว ที่เหลือก็รอยอดอีบุ๊กอีกสองวัน เปิดขายวันแรกจะเป็นอย่างไรก็ต้องมาวัดกันแล้ว ว่าเธอควรจะสามารถยึดอาชีพนักเขียนต่อไปไหม ถ้าไม่โอเคก็จะหาอย่างอื่นทำเสริมสองวันผ่านไป“ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง” อ้อมแอ้มกำลังนับถอยหลัง เธอกำลังลุ้นกับยอดขายอีบุ๊กเรื่องแรกในฐานะอ้อมแอ้มคนใ
ย้อนกลับไปเมื่อปลายปีที่แล้ว โลกใบนี้ช่างตื่นตาตื่นใจเสียจริง ลี่อินฟื้นขึ้นมาในห้องที่ดูแปลกประหลาดไม่คุ้นตา กับใบหน้าของเธอที่ยังคงเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน ในตอนแรกลี่อินก็ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีเรื่องน่าอัศจรรย์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเองได้ลี่อินฟื้นขึ้นมาในวันหนึ่งพบว่าตัวเองอยู่ในห้องสีขาว มีเครื่องมือแปลกประหลาด มีสายอะไรต่อมิอะไรห้อยระโยงระยางตามตัวเธอเต็มไปหมด ความทรงจำเดิมเริ่มกลับมากเป็นสาย เรื่องราวมากมายไหลเวียนเข้ามาภายในหัวไม่หยุดอ้อมแอ้มหรือก็คือชื่อใหม่ของเธอ ไม่เพียงแค่ความทรงจำเดิมของเจ้าของร่าง แต่ยังมีอีกอย่างที่เธอได้ อ้อมแอ้มตัวจริงสลับไปเป็นลี่อิน พวกเธอทั้งสองต่างสลับกันอยู่ในโลกต่างมิติของกันและกัน ไม่สิไม่ใช่เธอสองคนแต่เป็นคนเดียวกันต่างหาก คนหนึ่งเป็นมิติอนาคตส่วนอีกคนเป็นมิติโบราณ มิติที่ควรจะเป็นไปตามครรลองของกาลเวลาที่มันควรจะเป็น มันกลับเปลี่ยนสลับเธอให้กลับไปในมิติต่างเวลาหลังจากพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลในประเทศจีนจนหายดีแล้ว อ้อมแอ้มก็ได้เดินทางกลับประเทศไทย ต่อจากนี้ไปเธอคืออ้อมแอ้ม และจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ตามใจของตัวเอง ที่แห่งนี้มีทั้งอิสระไม่มีกฎระเบีย
“หนูซื้อหมดเลย คุณยายขายเท่าไหร่คะ” อ้อมแอ้มรับของมาถือไว้ ก่อนที่หญิงสาวจะล้วงเอากระเป๋าเงินออกมา เพื่อจะจ่ายเงินค่าโสมให้กับคุณยาย“หนึ่งร้อยหยวนลูก” เห็นไหมหลานของนางน่ารักถึงเพียงนี้ ตาแก่นั้นทำหลานสาวนางได้ลงคอ“นี่ค่ะคุณยาย แต่ทำไมขายถูกนักล่ะคะ” เธอคิดว่ามันถูกมากเกินไป เงินหนึ่งร้อยหยวนเทียบกับเงินไทยแล้วเป็นเงินแค่ห้าร้อยยี่สิบห้าบาทเอง ถูกกว่าร้านอาหารบางที่ที่เธอเข้าไปทานมาอีก โสมสามต้นเธอก็เปิดดูแล้ว หากเอาไปขายก็คงจะได้ราคาดีอยู่ ถึงจะไม่มีความรู้เรื่องโสมแต่หญิงสาวก็มั่นใจว่ามันจะต้องแพงกว่านี้“ยายคิดแค่นี้ หนูก็เก็บใส่กระเป๋าไว้ให้ดี มันจำเป็นหนูจะต้องได้ใช้มัน”“คุณยายคะ อะอ้าว หายไปไหนแล้วล่ะ” เธอแค่ก้มเก็บของใส่กระเป๋าแป๊บเดียวเอง จะว่าคุณยายเดินเร็วก็คงจะไม่ใช่ เวลาแค่ไม่ถึงนาทีจะหายตัวไปได้อย่างไรกัน อย่าบอกนะว่าเป็น...? ยิ่งอยู่ในวัดด้วย วิ่งสิคะรออะไร“อ๊ากกกกกกกก”อีกหนึ่งโลกมิติ‘ลี่อินเอ๊ย’ลี่อินที่วันนี้นอนซมเพราะพิษไข้ นอนอยู่บนเตียงทำจากไม้ไผ่กลางเก่ากลางใหม่ ตัวนางที่ดูเหมือนจะหลับลึกตั้งแต่หัวค่ำ แต่ตอนนี้หูกลับได้ยินเสียงของใครบางคนแว่วอยู่ข้างหู หญิงส
ผู้เฒ่าดวงชะตาแทบจะนั่งไม่ติด เดินวกไปวนมาคิดจนหัวแทบจะระเบิด แต่ก็ยังไม่สามารถคิดหาวิธีแก้ไขความผิดของตนเองได้ สองวันที่แล้วในขณะกำลังทำหน้าที่ของตนอยู่นั้น ด้วยเพราะความเผอเรอทำให้เขาขีดเขียนเส้นดวงชะตาสลับกันทำให้คนอีกช่วงเวลาแห่งมิติที่ถึงเวลาตายกลับไม่ตาย ส่วนคนที่ชะตายังไม่ถึงฆาตกลับสลับดวงวิญญาณเป็นคนที่ต้องตายแทน ตอนนี้วงล้อแห่งดวงชะตาของพวกนางทั้งสองได้หมุนสลับมั่วกันไปหมด ผู้เฒ่าดวงชะตาไม่รู้จะทำเช่นไรดี คนที่ต้องตายแต่ไม่ตายก็ช่างเถิด แต่คนที่ยังไม่ถึงชะตานี่สิคือปัญหาใหญ่เหลือเวลาอีกเพียงน้อยนิด ก็จะเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงตามวงล้อแห่งชะตาแล้ว หากจะขีดเขียนเส้นดวงชะตาขึ้นใหม่ก็ต้องใช้เวลาอีกสักพัก เวลานี้ตาเฒ่าหัวหงอกเช่นเขาก็ยังคิดวิธีไม่ออกจะแก้เช่นไรได้ทันกัน“ตาเฒ่าเหตุใดถึงหน้าไม่สู้ดีนักเล่า” แม่ซื้อเห็นเฒ่าดวงชะตามีสีหน้าไม่สู้ดีมาหลายวันแล้ว นางรู้สึกเป็นห่วงจึงได้ลองมาถามไถ่ถึงสาเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายลำบากใจ“คือว่า เรื่องมันเป็นอย่างนี้นะยายเฒ่า” เฒ่าดวงชะตาตัดสินใจเล่าให้กับแม่ซื้อฟัง เขาพยายามคิดแก้ปัญหาเรื่องนี้คนเดียวมาหลายวันแล้ว คิดอย่างไรก็คิดไม่ตกเสียทีโป๊ก
“อะแฮ่ม ท่านแม่ของพวกเจ้ากำลังจะมีน้อง” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืดออก พูดอย่างภูมิใจแจ้งข่าวดีให้กับลูก ๆ ทั้งสาม ส่วนใบหน้าหรือก็ยิ้มไม่หุบ“ข้าไม่เอาน้องสาวนะเจ้าคะ” อี้หลานฮวา“ข้าก็ไม่ชอบน้องสาว” หวงหลานฮวา พร้อมกับเหล่ตาไปทางน้องเล็กสุด ที่มือไม่เคยว่างเว้นกัดกินหมั่นโถวเต็มปาก จากนั้นก็เคี้ยวจนแก้มตุ่ย“ข้าจะได้เป็นพี่” ไป๋หลานฮวา ต่อไปนางก็ไม่ต้องคอยทำตามคำสั่งของใครแล้ว นางจะได้เป็นผู้สั่งบ้างเสียที แค่คิดก็มีความสุขแล้วนางจะใช้น้องเล็กไปเอาของกินในครัวมาให้ ยามที่ถูกท่านแม่จำกัดมื้ออาหารเด็ก ๆ ทั้งสามเมื่อรู้ว่าท่านแม่จะมีน้อง ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าขอเป็นน้องชายบ้าง เพราะว่าท่านพี่หลี่เจี๋ยบุตรชายของท่านป้าเฟยฮวาทั้งฉลาดและเก่งกาจ พวกนางก็อยากจะได้น้องชายแล้วเก่งดั่งเช่นท่านพี่หลี่เจี๋ยบ้าง ด้วยตนเป็นสตรีต้องทำตามขนบธรรมเนียม บางอย่างก็ไม่สามารถทำได้ จึงอยากจะให้น้องที่กำลังจะเกิดมาเป็นชายมากกว่าสตรี“ท่านพี่แล้วเสี่ยวเหลียนไปไหนเจ้าคะ ไม่เห็นสองสามวันแล้ว” ลี่อินถามถึงบุตรสาวอีกคนเสี่ยวเลียนพอโตเป็นสาวรูปโฉมงดงามไม่แพ้หญิงงามอันดับหนึ่ง เป็นถึงท่านหญิงมู่ตานผู้เลื่องชื่อ ใน
“ยินดีด้วยขอรับ ฮูหยินน้อยตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้ว ประเดี๋ยวข้าจะจัดเทียบยาบำรุงครรภ์ให้นะขอรับ” ท่านหมอประจำตระกูลกล่าวแสดงความยินดี“ขอบคุณท่านหมอเจ้าค่ะ”ลี่อินที่มีสีหน้าซีดเซียวนอนดมยาดมอยู่บนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน หญิงสาวคิดไว้แล้วว่าจะต้องเป็นเช่นนี้ ก็ในเมื่อสามีตัวดีไม่เคยว่างเว้นเลยสักวัน นี้ก็ผ่านมาสิบปีแล้วสามีก็ยังคงตัวติดกันมิได้ห่าง เมื่อก่อนเป็นเช่นไร ผ่านไปสิบปีแล้วก็ยังคงเป็นเช่นเดิมนางก็อุตส่าห์กินยาคุมกำเนิดมิได้ขาดแล้วเชียวนะ ก่อนกินยังตรวจดูให้ดีเสียก่อนจะกินทุกครั้ง ด้วยกลัวว่าสามีตัวดีจะแอบเปลี่ยนเม็ดยาคุมกำเนิดอีก ก็ระวังตัวดีแล้วเชียวเหตุใดถึงได้ตั้งครรภ์อีกจนได้เอ๊ะ!หรือว่านางเองที่เป็นคนลืมกินยาคุมกำเนิดกันนะ แล้วจะเป็นตอนไหนกัน หรือว่าจะเป็นตอนที่แอบหนีไปท่องเที่ยวกันสองคน หรือจะเป็นตอนแอบหนีลูก ๆ ไปเที่ยวงานประจำเมือง หรือจะเป็นตอนที่สามีกลับจากทำภารกิจตึง ตึงปัง“ภรรยารักเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง พี่ดีใจเหลือเกินที่เรากำลังจะมีลูกเพิ่มอีกแล้ว” แม้เวลาจะเปลี่ยนไปกว่าสิบปี แต่ทว่ากาลเวลาก็ไม่อาจทำให้ชายหนุ่มดูแก่ลงเลย เขายังคงดูหนุ่มแน่นทั้งยังดูสง่างามยิ่งกว่
งานเลี้ยงฉลองภายในครอบครัวเป็นไปอย่างชื่นมื่น ทุกคนต่างกล่าวยินดีและคุยกันอย่างสนุกสนาน ลี่อินที่คอยดูแลสามีเพราะเจ้าตัวเอาแต่นั่งกระแอมเสียงดังไม่ได้หยุด มองจ้าวหรงตาขวางทุกครั้งที่อีกฝ่ายป้อนอาหารให้กับเสี่ยวเหลียน จนตนเองก็หลงลืมที่จะเอาใจภรรยา แต่ก็มีบางครั้งที่เขาจะหันกลับมาคีบอาหารให้กับลี่อินบ้างเป็นบางครา“อุ๊บ!” ลี่อินที่กำลังจะคีบปลาหมึกย่างเข้าปาก นางกลับรู้สึกเหม็นคาวและคลื่นไส้อยากจะอาเจียนขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัวแต่ไม่ว่าจะพยายามกลืนก้อนที่จุกอยู่ตรงคอลงไปเท่าไหร่ เมื่อได้กลิ่นอาหารทะเลมันกลับตีรวนขึ้นมาอยู่ร่ำไป“น้องหญิงเจ้าไม่สบายหรือ” ฮุ่ยหมิ่นรีบวางถ้วยกับตะเกียบลงทันที ที่เห็นว่าภรรยาเอามือปิดปากใบหน้าซีดเซียว“ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ คงจะเหม็นกลิ่นคาวอาหารทะเล” หญิงสาวรีบเอามือผลักถ้วยปลาหมึกออกห่างตัว เพียงแค่ได้กลิ่นเล็กน้อยก็ทำให้นางแทบจะอาเจียนออกมาเสียให้ได้“พี่ว่าเชิญท่านหมอมาตรวจดูดีหรือไม่” ภรรยาเขาคงจะไม่สบายเป็นแน่ อาหารทุกอย่างก็ไม่ได้มีกลิ่นเหม็นจนถึงขั้นต้องอาเจียน เหมือนดั่งเช่นที่ภรรยาเขาบอก ฮุ่ยหมิ่นรีบสั่งให้บ่าวชายไปเชิญท่านหมอทันทีไม่รั้งรอคำตอบ
“ก่อนอื่นให้เอามันหมูวางไว้ส่วนบนสุดของกระทะนะเจ้าคะ พอน้ำมันเริ่มออกก็ถูมันหมูให้ทั่วกระทะเสียก่อน เวลาเราเอาเนื้อลงย่างจะได้ไม่ติดกระทะเจ้าค่ะ” ลี่อินจัดการสาธิตทำเป็นตัวอย่างให้กับทุกคนดู เพียงแค่นำมันหมูถูไปจนทั่วกระทะที่กำลังร้อน ก็เกิดเสียงฉ่าออกมาทันทีทุกคนเห็นทำตามลี่อินทุกขึ้นตอน เสียงมันหมูดังฉ่าเมื่อถูกกับความร้อนของกระทะ กับเนื้อที่เอาลงไปย่างจนสุกส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วทั้งบริเวณ แต่ละคนที่ตั้งตารอต่างก็กลืนน้ำลายดังอึกกันถ้วนหน้า อยากจะลิ้มลองเสียเต็มประดา“ระหว่างรอเนื้อสุก เราก็จะนำผักข้าวโพดหรือเห็ดที่ชอบลงต้นในน้ำซุปด้วยเจ้าค่ะ พอเนื้อสุกได้ที่แล้ว เราก็นำมาจิ้มกับน้ำจิ้ม จากนั้นก็กินได้เลยเจ้าค่ะ” ลี่อินนำเนื้อที่นางย่างแล้วจิ้มน้ำจิ้มที่ปรุงรสมาอย่างดี กระเทียม พริกสับ ผักชีหั่นฝอย ใส่น้ำมะนาวอีกนิด เป็นอันว่าเลิศรสที่สุดแล้วเนื้อสุกกำลังดีจิ้มกับน้ำจิ้มเลิศรสถูกส่งเข้าปากของฮุ่ยหมิ่นเป็นคำแรก ชายหนุ่มได้แต่นั่งยิ้มหน้าบาน ที่ภรรยาเอาอกเอาใจตนเอง ท่ามกลางสายตาของทุกคนทั่วทั้งจวนเช่นนี้“องค์รัชทายาทเสด็จ”ทุกคนที่กำลังกินหมูกระทะกันอย่างเอร็ดอร่อยจึงได้หยุดชะงัก พ
หลังจากจบเรื่องราวอันแสนวุ่นวาย ความสงบสุขก็ได้กลับมาอีกครั้ง ไม่นานมานี้ลี่อินได้มีโอกาสกลับไปที่หมู่บ้านหงชุน บ้านหลังเล็กของนางในตอนนี้มันไม่เล็กอีกต่อไปแล้ว ไม่รู้ว่าฮุ่ยหมิ่นให้คนไปต่อเติมไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ตัวบ้านถูกขยายเต็มพื้นที่ มิหนำซ้ำยังซื้อที่ขยายเพิ่มออกไปอีกท่านน้าทั้งสองที่เป็นผู้ดูแลบ้าน พวกเขาก็ได้มีสมาชิกเพิ่มทั้งบุตรชายบุตรสาว เพียงเท่านี้ลี่อินก็มีความสุขมากแล้วจากนั้นหญิงสาวจึงได้แวะไปดูร้านขนมเซียงเจียว มันได้กลายเป็นร้านขนมขึ้นชื่อของอำเภอไปแล้ว หากผู้ใดได้มาอำเภอฉงชิ่งเป็นต้องแวะซื้อขนมที่ทำจากกล้วยเพื่อเป็นของฝาก ไม่เช่นนั้นจะถือว่ามาไม่ถึงอำเภอฉงชิ่งสถานที่สุดท้ายที่ทั้งสามคนพ่อแม่ลูก ได้แวะไปที่ว่าการอำเภอก่อนกลับเมืองหลวง เพราะเสี่ยวเหลียนน้อยไม่ได้พบกับเหมยเหมยนานนับปีแล้ว และเสี่ยวเหลียนเองก็บ่นหาสหายรักอยู่เสมอ ฮุ่ยหมิ่นจึงได้พาบุตรสาวมาพบกับเพื่อนเก่า จนเสี่ยวเหลียนยิ้มไม่หุบก็ว่าได้“เหมยเหมย ข้ามีของฝากมาให้เจ้าเยอะแยะเลย” เสี่ยวเหลียนที่ตัวสูงขึ้นมากกว่าแต่ก่อน เห็นสหายแล้วก็ได้แต่คิดถึงช่วงเวลาที่ได้เล่นด้วยกัน“ขอบใจนะเสี่ยวเหลียน เจ้าตัวสูงขึ