หลังจากหมดเรื่องสร้างบ้านไปแล้ว จากกระท่อมหลังผุพังตอนนี้เป็นกระท่อมอัปเกรด กลายเป็นเรือนหลังน้อยน่าอยู่ไปแล้ว ลี่อินก็ถือโอกาสว่าจ้างชาวบ้านขุดหน้าดินเพื่อจะปลูกผักสวนผสมหญิงสาวให้ทำแปลงผักยาวประมาณหนึ่งวา(2 เมตร) แบ่งตามรูปแบบที่ลี่อินวาดให้สองสามีภรรยาที่นางได้จ้างมาทำงาน ทำสี่แปลงเว้นขุดเป็นร่องน้ำคั่นกลาง ถึงเวลารดน้ำจะได้ปล่อยน้ำจากคลองด้านหลัง ให้เข้ามาตามร่องน้ำที่ทำเตรียมไว้เพื่อจะได้สะดวกในยามรดน้ำผักเมื่อปล่อยน้ำไปตามร่องน้ำก็ไม่ต้องเสียเวลาเดินไปตักน้ำให้เหนื่อย เพียงแค่ใช้ที่วิดน้ำวิดจากร่องน้ำใส่แปลงผักรวดเร็วกว่าและไม่เปลืองแรงส่วนที่เหลือนางจะเก็บไว้ปลูกสวนกล้วยกับต้นพลับป่า ลี่อินคิดจะทำขนมจากกล้วยไว้ขายที่ตลาดในเมือง หากนางปลูกเองก็มิต้องลงทุนอะไรมาก เพียงแค่เสียค่าเช่าแผงหรือเช่าร้านเท่านั้นลี่อินใช้เวลาในการเตรียมหน้าดินและทำแปลงผักไปถึงห้าวัน เนื่องจากต้องทำร่องน้ำไปด้วยจึงทำให้เสียเวลาไปมาก เพราะจ้างคนมาทำเพียงแค่สองคนเท่านั้นส่วนค่าจ้างหญิงสาวให้คนละสิบอีแปะต่อวัน มีอาหารให้หนึ่งมื้อคืออาหารกลางวัน ส่วนอาหารเช้าไม่ต้องทำ เพราะพวกเขาทานมาเองจากที่บ้านอยู่แล้
อีกฝั่งของชายป่า“คุณชายขอรับ นั่นแม่นางลี่อินนี่ขอรับ” อาเปาสะกิดผู้เป็นนาย พร้อมกับชี้นิ้วไปยังอีกฟากของคลองน้ำฮุ่ยหมิ่นมองไปยังทางที่อาเปาชี้ให้ตนดู เขาเห็นลี่อินกำลังยืนคุยกับบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่ง วันนี้เขามีภารกิจออกสำรวจพื้นที่รอบหมู่บ้านหงชุน ช่างเป็นโอกาสดียิ่งนักที่ได้เจอจะได้ใช้โอกาสนี้ทำความรู้จักสตรีน้อยผู้นั้นเสียเลยร่างสูงก้าวเท้าอาด ๆ ออกไปอย่างมั่นคงโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา มุ่งตรงไปหาสตรีที่เฝ้าคิดถึงตลอดหลายวันที่ผ่านมา อาเปากับอาฉือมองหน้ากันพลางคิดว่าคุณชายท่านช่างใจร้อนยิ่ง ก่อนทั้งสองจะรีบวิ่งตามผู้เป็นนายไปอย่างรวดเร็วด้านลี่อินเหลือบเห็นคนที่กำลังจะเดินเข้ามาพอดี พอเห็นหน้าชัดแล้วทำให้หญิงสาวนึกออกทันที เขาคือชายที่นางช่วยไว้เมื่อตอนที่เข้าไปหาของป่าดียิ่งคิดว่าคุณชายจะไม่รอดแล้วเสียอีก เพราะวันนั้นที่เขาถูกงูฉกนางก็ไม่รู้ว่ามีพิษหรือไม่ คิดไปต่าง ๆ นานา ว่าหากถึงมือหมอไม่ทันป่านนี้จะเป็นเช่นไร“คุณชาย” ลี่อินตะโกนเรียกเสียงดัง วิ่งไปเกาะรั้วเตี้ยที่ทำไว้เพียงถึงเอว ยิ้มอย่างดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้งหัวใจพลันเต้นราวกลองศึก ฮุ่ยหมิ่นไม่คิดว่านางจะจำเขาได้ อยาก
หลังจากที่เกาอี้ฝานกลับมาจากจ่ายค่าเช่าบ้าน สามีบอกว่านายหญิงมีเรื่องอยากจะคุยด้วย ให้นางและสามีเข้าไปหาได้เลย ทั้งสองจึงได้รีบเข้ามาหาลี่อิน เกรงว่านายหญิงจะมีเรื่องด่วนให้พวกเขาทำ หรือบางทีอาจจะไม่ใช่เรื่องดีก็ได้ สองสามีภรรยากลัวว่าลี่อินจะเลิกจ้างงานพวกเขา ถ้าเป็นเช่นนั้นจะไม่ขอรับเงินค่าจ้างเท่าเดิมก็ได้ ขอเพียงแค่ให้ได้มีงานทำก็พอ ถึงจะได้ค่าแรงน้อยแต่ก็ยังดีกว่าไม่มีงานทำเลย“พวกท่านเป็นอะไรกันหรือเจ้าคะ สีหน้าไม่ดีเลย” ลี่อินเห็นพวกเขาหน้านิ่วคิ้วขมวด ดูเป็นกังวลตั้งแต่เข้ามาพบนางแล้ว“นายหญิงจะไม่เลิกจ้างพวกเราสองคนใช่หรือไม่ขอรับ” เกาเถียนเอ่ยออกมาในที่สุด หลังจากที่เอาแต่ยืนอ้ำอึ้งอยู่นาน“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้าแค่จะคุยเรื่องที่จะให้พวกท่านย้ายมาอยู่กับข้า พวกท่านจะยินดีหรือไม่”ลี่อินคิดว่าในเมื่อท่านน้าทั้งสองยังคงเช่าบ้านอยู่ และต้องเดินทางไปมาระหว่างบ้านกับที่ทำงาน เช่นนั้นก็ให้มาอยู่กับตนจะได้ไม่เสียเวลาในการเดินทาง และไม่ต้องเสียค่าเช่าบ้านในแต่ละเดือนด้วย เงินที่ได้จากการจ้างงานพวกเขาทั้งสองก็จะได้เต็ม ๆ อีกทั้งระยะเวลาที่ทำงานด้วยกันทั้งสองคนก็ขยันขันแข็งไม่อู้งานบางครั
เมื่อถึงยามเช้าตรู่ลี่อินตื่นมาแต่เช้าเพื่อจะขอติดเกวียนท่านลุงหวงเข้าเมืองเสียหน่อย จะได้เอาหยกไปขายแล้วนำเงินมาซื้อเมล็ดพันธุ์ผัก และก็พวกข้าวสารอาหารแห้งเก็บตุนเอาไว้หากถามว่าในเมื่อนางมีกระเป๋าวิเศษแล้ว ทำไมไม่เอาเงินหรือข้าวของต่าง ๆ ที่มีมาใช้น่ะหรือ ตอบได้เลยว่าชาวบ้านจะสงสัยได้น่ะสิ อยู่ดี ๆ เอาเงินและข้าวของมากมายมาจากไหน เฮ้อ.. พอมีเงินเยอะก็ไม่สามารถใช้ได้ตามใจตนเองวันนี้ลี่อินจะเข้าเมืองกับท่านน้าเกาเถียนสองคน ส่วนเสี่ยวเหลียนจะไม่พาไปด้วยให้อยู่กับท่านน้าอี้ฝานแทน ด้วยเด็กน้อยยังเล็กนักนางไม่สามารถพาบุตรสาวไปได้เมื่อรู้ว่ามารดาไม่ได้พาไปด้วยเจ้าลูกหมีเบะปากน้ำตาคลอหน่วย ราวกับจะท้วงว่าท่านแม่ไม่พานางไปด้วยหรือ เดือดร้อนต้องจ่ายค่าจ้างด้วยขนมแสนอร่อย เจ้าตัวตะกละจึงเลิกงอแงจะตามมารดาไปด้วย“แม่ เร็ว ๆ” เสี่ยวเหลียนอยากจะบอกว่าให้ท่านแม่รีบกลับมาหานางเร็วๆ อย่าได้ไปนาน“จ้า ๆ แม่จะรีบกลับ เสี่ยวเหลียนห้ามดื้อกับท่านยายอี้ฝานนะรู้ไหม”“เหลียนดื้อ” เด็กน้อยจะบอกมารดาว่านางจะไม่ดื้อกับท่านยายแน่นอน“แม่ต้องไปแล้วเดี๋ยวจะสายเสียก่อน” ก่อนจากกันก็มิวายหอมแก้มซ้ายขวา กว่าจะจาก
นี่ก็ผ่านมาได้หลายวันแล้วหลังจากที่ลี่อินเข้าเมือง การเตรียมหน้าดินไว้สำหรับปลูกพืชผักก็เหมาะที่จะลงปลูกแล้ว หญิงสาวจึงชักชวนเกาเถียนและเกาอี้ฝานหว่านเมล็ดผักวันนี้แดดยามสายกำลังดีไม่ร้อนมากลมกำลังเย็นสบาย หญิงสาวจึงให้เสี่ยวเหลียนออกมาช่วยปลูกผัก แต่ก็ไม่รู้ว่าเสี่ยวเหลียนน้อยจะมาช่วยท่านแม่หรือเล่นน้ำในถังกันแน่ เพราะเจ้าตัวน้อยดูเหมือนว่ากำลังสนุกกับการวิดน้ำในถังเล่น“เสี่ยวเหลียนแม่เปียกหมดแล้ว” ลี่อินที่กำลังนั่งหยอดเมล็ดพันธุ์ผักลงตามหลุมเล็กที่ใช้นิ้วเจาะไว้ เพื่อรอการหยอดเมล็ดผักลงไป หันกลับไปพูดกับบุตรสาวที่ตอนนี้นั่งอยู่ในถังไม้มีขันใบเล็กอยู่ในมือ“เหลียนช่วย” สองมือเล็ก ๆ ใช้ขันตักน้ำพร้อมกับสาดออกไปด้วยแรงอันน้อยนิด แต่ก็ไม่ถึงแปลงผักมันดันไปถึงแค่หลังของมารดาแทน“แต่แม่ว่าน่าจะมายุ่งมากกว่าช่วยนะ คิกคิก” หญิงสาวหัวเราะคิกคัก เมื่อเจ้าเด็กอ้วนอมลมแก้มป่องลี่อินอยากจะให้เสี่ยวเหลียนมีภูมิต้านทานบ้าง จึงได้ปล่อยให้เล่นดิน เล่นทรายและตากลมหรือแดดบ้าง แต่ก็ให้อยู่ในสายตาและความเหมาะสม ปล่อยให้เด็กน้อยได้เล่นเสริมสร้างพัฒนาการตามวัยของเขา โตขึ้นจะได้ไม่เจ็บป่วยง่ายดั่งเช่นเ
เมื่อกล่อมบุตรสาวนอนกลางวันแล้ว หญิงสาวได้ออกมานั่งเล่นตรงม้านั่งหน้าเรือน ส่วนนี้นางทำไว้สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ พอมองออกไปยังเห็นทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามทำให้สมองปลอดโปร่ง พรุ่งนี้นางว่าจะเข้าเมืองสักหน่อย จะได้เดินหาทำเลดี ๆ ไว้สำหรับเปิดร้านขายขนมกล้วยลี่อินนั่งจิบชาแล้วหลับตาลงดื่มด่ำกับธรรมชาติสายลมแสงแดด พลางคิดว่าตอนนี้ตนเองมีเกือบทุกอย่างแล้ว ทั้งเงิน อาหาร ที่อยู่ เหลือก็แต่การสร้างอาชีพให้กับตนเอง พอนึกถึงสิ่งที่จะทำหญิงสาวก็คิดออก นางจะเปิดร้านขายขนมที่ทำจากกล้วย ในเมื่อธรรมชาติสร้างไว้เยอะแล้ว ก็ขอนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดก็แล้วกันพอคิดถึงอนาคตที่มีตัวนางเองอยู่กับเสี่ยวเหลียน อยู่กินอย่างสุขสบายสองคนแม่ลูกมันช่างมีความสุขอะไรเช่นนี้ ใบหน้างามก็ได้แย้มยิ้มออกมา นี่แหละชีวิตที่นางใฝ่ฝันมาตลอดข้างรั้วบ้าน“คุณชายขอรับ ข้าว่าเข้าไปทักทายแม่นางลี่อินจะดีกว่ายืนดูอยู่เช่นนี้นะขอรับ” อาฉือสะกิดผู้เป็นนาย ที่เอาแต่เกาะรั้วบ้านของสตรีน้อยอยู่เช่นนี้ แล้วเมื่อไหร่จะได้พูดคุยทำความรู้จักเสียทีฮุ่ยหมิ่นตวัดสายตามองผู้ติดตาม ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่น้อย
“แม่นางลี่อิน”เสียงเรียกจากทางด้านหลังทำให้ร่างบางหันกลับไปมองทันที นั่นมันท่านนายอำเภอมิใช่หรือ ดีจริงนางจะได้นำเงินค่าที่ดินคือให้เสียที จะได้ไม่ต้องมีอะไรติดค้างกันอีก“คารวะท่านนายอำเภอเจ้าค่ะ” ลี่อินโค้งคำนับเล็กน้อย“เจ้าเดินหาอะไรอยู่หรือ” ฮุ่ยหมิ่นเดินเข้ามายืนข้างหญิงสาว เขาเห็นแม่นางน้อยผู้นี้เดินวกไปวนมาหลายที่ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการสิ่งใด เขาจึงถือโอกาสเข้ามาพูดคุยเพื่อว่าจะได้มีอะไรช่วยเหลือได้“ข้าคิดจะทำขนมขาย ก็เลยมาเดินหาที่เปิดร้านเจ้าค่ะ” หญิงสาวบอกกล่าวถึงเหตุผลที่ตนมาตลาดวันนี้ แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะหายากหาเย็นเหลือเกิน นางเดินจนเหนื่อยก็ยังไม่ได้ที่ถูกใจเลยสักที่“เช่นนั้นข้าช่วยเจ้าหาก็แล้วกัน วันนี้ข้าว่างพอดี” ชายหนุ่มรีบเสนอตัวช่วยเหลือ ดีเหมือนกันวันนี้เขานั่งประชุมมองหน้าคนแก่ทั้งวัน เขาเบื่อจะแย่อยู่แล้ว“จะไม่เป็นการรบกวนหรือเจ้าคะ” ลี่อินรู้สึกเกรงใจที่จะให้ท่านนายอำเภอ ที่ช่วยเป็นธุระจัดการเรื่องหาร้านให้“ไม่เป็นไรเจ้าไม่ต้องคิดมาก เชิญตามข้ามาเถิดไม่ต้องเกรงใจ” เขายิ้มให้สาวน้อยอย่างอ่อนโยน พร้อมกับเดินนำหน้ากลับเข้าตลาดอีกครั้ง“ขอรบกวนท่านแล้ว” หากมี
“ท่านนายอำเภอเจ้าคะ คือข้ามีเรื่องจะคุยด้วยเจ้าค่ะ” ทันทีที่เดินกลับมาจนถึงรถม้าที่ลี่อินจะต้องมารอท่านลุงหวง เมื่อสบโอกาสจึงคิดว่าต้องพูดเรื่องคืนเงินค่าที่ดินกับเขาให้ได้“เจ้ามีอะไรให้ข้าช่วยอีกหรือ” ฮู่ยหมิ่นเอ่ยถามอย่างสงสัย ขอเพียงนางเอ่ยปากเขาพร้อมช่วยเหลือเต็มที่“คือข้าอยากจะคืนเงินค่าที่ดินแปดหมู่เจ้าค่ะ”“ข้าไม่รับคืน ถือว่าเป็นค่าตอบแทนที่แม่นางช่วยชีวิตข้าไว้ก็แล้วกัน แค่ที่ดินแปดหมู่ยังน้อยไปด้วยซ้ำ” ชายหนุ่มปฏิเสธทันทีอย่างไม่ต้องคิด“มิได้เจ้าค่ะ สำหรับข้ามันมากไปเรื่องช่วยท่านก็เถอะ หากเป็นผู้อื่นข้าก็ช่วยอยู่ดี ข้ารับไว้ไม่ได้จริง ๆ” ลี่อินล้วงเอาเงินยี่สิบตำลึงคืนชายหนุ่มไป แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมรับคืน“ข้าให้แล้วมิรับคืน เอาเป็นว่าตอบแทนด้วยอาหารเย็นสักมื้อก็แล้วกัน ไม่เช่นนั้นข้าก็จะไม่พูดเรื่องซื้อร้านให้”“แต่ว่าข้าเกรงใจนี่เจ้าคะ” เงินตั้งมากมายไม่ยอมรับคืน แต่ต้องการแค่เลี้ยงข้าวหนึ่งมื้อเนี่ยนะ นิสัยคนรวยชัด ๆ“เอาเป็นว่าอีกสองวันข้าจะไปกินข้าวเย็นที่บ้านแม่นางก็แล้วกัน” ชายหนุ่มพูดตัดบททันที หากปล่อยให้นานกว่านี้ นางคงจะต้องคืนเงินเขาให้ได้เป็นแน่“เช่นนั้นก็ไ
“ไหนดูสิว่าเรตติ้งจะดีไหม” ร่างบางเปิดคอมพิวเตอร์เครื่องมือทำมาหากินคู่กาย ได้แอบลุ้นว่ายอดวิวจะดีไหม“ยอดวิวห้าหมื่นในหนึ่งวัน ไม่ได้ฝันไปใช่ไหมเนี่ยฉัน” แต่พอลองตบหน้าตัวเองดูมันก็เจ็บ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีคนสนใจมากขนาดนี้ ปกติแล้วในความทรงจำของอ้อมแอ้ม นิยายของเธอหนึ่งวันยอดวิวหลักสิบ ครึ่งหนึ่งจากแฟนคลับเดนตายของเธอ อีกครึ่งคือคนที่แวะเข้ามาด่าหญิงสาวรีบกดรีเฟรชหน้าเว็บดูอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าระบบนิยายไม่ได้รวน แต่กดเท่าไหร่ก็มียอดเท่าเดิม ไม่สิมันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ต่างหาก‘ฮือออ ไรท์คะ นางเอกกับลูกสาวสู้ชีวิตมาก’‘ติดตามเลยค่า นิยายสนุกมาก’‘อู๊ยยย พระเอกคือดีงาม’‘น้อนน่าร๊ากกก’‘ไรท์เปลี่ยนแนวนิยายแล้วหรือคะ นิยายเรื่องเก่าของไรท์ประสาทแดกมากค่ะ’และยังมีอีกหลายคอมเมนต์แต่ก็มาในทิศทางที่ดี แสดงว่าตัวเธอมาถูกทางแล้ว ที่เหลือก็รอยอดอีบุ๊กอีกสองวัน เปิดขายวันแรกจะเป็นอย่างไรก็ต้องมาวัดกันแล้ว ว่าเธอควรจะสามารถยึดอาชีพนักเขียนต่อไปไหม ถ้าไม่โอเคก็จะหาอย่างอื่นทำเสริมสองวันผ่านไป“ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง” อ้อมแอ้มกำลังนับถอยหลัง เธอกำลังลุ้นกับยอดขายอีบุ๊กเรื่องแรกในฐานะอ้อมแอ้มคนใ
ย้อนกลับไปเมื่อปลายปีที่แล้ว โลกใบนี้ช่างตื่นตาตื่นใจเสียจริง ลี่อินฟื้นขึ้นมาในห้องที่ดูแปลกประหลาดไม่คุ้นตา กับใบหน้าของเธอที่ยังคงเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน ในตอนแรกลี่อินก็ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีเรื่องน่าอัศจรรย์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเองได้ลี่อินฟื้นขึ้นมาในวันหนึ่งพบว่าตัวเองอยู่ในห้องสีขาว มีเครื่องมือแปลกประหลาด มีสายอะไรต่อมิอะไรห้อยระโยงระยางตามตัวเธอเต็มไปหมด ความทรงจำเดิมเริ่มกลับมากเป็นสาย เรื่องราวมากมายไหลเวียนเข้ามาภายในหัวไม่หยุดอ้อมแอ้มหรือก็คือชื่อใหม่ของเธอ ไม่เพียงแค่ความทรงจำเดิมของเจ้าของร่าง แต่ยังมีอีกอย่างที่เธอได้ อ้อมแอ้มตัวจริงสลับไปเป็นลี่อิน พวกเธอทั้งสองต่างสลับกันอยู่ในโลกต่างมิติของกันและกัน ไม่สิไม่ใช่เธอสองคนแต่เป็นคนเดียวกันต่างหาก คนหนึ่งเป็นมิติอนาคตส่วนอีกคนเป็นมิติโบราณ มิติที่ควรจะเป็นไปตามครรลองของกาลเวลาที่มันควรจะเป็น มันกลับเปลี่ยนสลับเธอให้กลับไปในมิติต่างเวลาหลังจากพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลในประเทศจีนจนหายดีแล้ว อ้อมแอ้มก็ได้เดินทางกลับประเทศไทย ต่อจากนี้ไปเธอคืออ้อมแอ้ม และจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ตามใจของตัวเอง ที่แห่งนี้มีทั้งอิสระไม่มีกฎระเบีย
“หนูซื้อหมดเลย คุณยายขายเท่าไหร่คะ” อ้อมแอ้มรับของมาถือไว้ ก่อนที่หญิงสาวจะล้วงเอากระเป๋าเงินออกมา เพื่อจะจ่ายเงินค่าโสมให้กับคุณยาย“หนึ่งร้อยหยวนลูก” เห็นไหมหลานของนางน่ารักถึงเพียงนี้ ตาแก่นั้นทำหลานสาวนางได้ลงคอ“นี่ค่ะคุณยาย แต่ทำไมขายถูกนักล่ะคะ” เธอคิดว่ามันถูกมากเกินไป เงินหนึ่งร้อยหยวนเทียบกับเงินไทยแล้วเป็นเงินแค่ห้าร้อยยี่สิบห้าบาทเอง ถูกกว่าร้านอาหารบางที่ที่เธอเข้าไปทานมาอีก โสมสามต้นเธอก็เปิดดูแล้ว หากเอาไปขายก็คงจะได้ราคาดีอยู่ ถึงจะไม่มีความรู้เรื่องโสมแต่หญิงสาวก็มั่นใจว่ามันจะต้องแพงกว่านี้“ยายคิดแค่นี้ หนูก็เก็บใส่กระเป๋าไว้ให้ดี มันจำเป็นหนูจะต้องได้ใช้มัน”“คุณยายคะ อะอ้าว หายไปไหนแล้วล่ะ” เธอแค่ก้มเก็บของใส่กระเป๋าแป๊บเดียวเอง จะว่าคุณยายเดินเร็วก็คงจะไม่ใช่ เวลาแค่ไม่ถึงนาทีจะหายตัวไปได้อย่างไรกัน อย่าบอกนะว่าเป็น...? ยิ่งอยู่ในวัดด้วย วิ่งสิคะรออะไร“อ๊ากกกกกกกก”อีกหนึ่งโลกมิติ‘ลี่อินเอ๊ย’ลี่อินที่วันนี้นอนซมเพราะพิษไข้ นอนอยู่บนเตียงทำจากไม้ไผ่กลางเก่ากลางใหม่ ตัวนางที่ดูเหมือนจะหลับลึกตั้งแต่หัวค่ำ แต่ตอนนี้หูกลับได้ยินเสียงของใครบางคนแว่วอยู่ข้างหู หญิงส
ผู้เฒ่าดวงชะตาแทบจะนั่งไม่ติด เดินวกไปวนมาคิดจนหัวแทบจะระเบิด แต่ก็ยังไม่สามารถคิดหาวิธีแก้ไขความผิดของตนเองได้ สองวันที่แล้วในขณะกำลังทำหน้าที่ของตนอยู่นั้น ด้วยเพราะความเผอเรอทำให้เขาขีดเขียนเส้นดวงชะตาสลับกันทำให้คนอีกช่วงเวลาแห่งมิติที่ถึงเวลาตายกลับไม่ตาย ส่วนคนที่ชะตายังไม่ถึงฆาตกลับสลับดวงวิญญาณเป็นคนที่ต้องตายแทน ตอนนี้วงล้อแห่งดวงชะตาของพวกนางทั้งสองได้หมุนสลับมั่วกันไปหมด ผู้เฒ่าดวงชะตาไม่รู้จะทำเช่นไรดี คนที่ต้องตายแต่ไม่ตายก็ช่างเถิด แต่คนที่ยังไม่ถึงชะตานี่สิคือปัญหาใหญ่เหลือเวลาอีกเพียงน้อยนิด ก็จะเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงตามวงล้อแห่งชะตาแล้ว หากจะขีดเขียนเส้นดวงชะตาขึ้นใหม่ก็ต้องใช้เวลาอีกสักพัก เวลานี้ตาเฒ่าหัวหงอกเช่นเขาก็ยังคิดวิธีไม่ออกจะแก้เช่นไรได้ทันกัน“ตาเฒ่าเหตุใดถึงหน้าไม่สู้ดีนักเล่า” แม่ซื้อเห็นเฒ่าดวงชะตามีสีหน้าไม่สู้ดีมาหลายวันแล้ว นางรู้สึกเป็นห่วงจึงได้ลองมาถามไถ่ถึงสาเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายลำบากใจ“คือว่า เรื่องมันเป็นอย่างนี้นะยายเฒ่า” เฒ่าดวงชะตาตัดสินใจเล่าให้กับแม่ซื้อฟัง เขาพยายามคิดแก้ปัญหาเรื่องนี้คนเดียวมาหลายวันแล้ว คิดอย่างไรก็คิดไม่ตกเสียทีโป๊ก
“อะแฮ่ม ท่านแม่ของพวกเจ้ากำลังจะมีน้อง” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืดออก พูดอย่างภูมิใจแจ้งข่าวดีให้กับลูก ๆ ทั้งสาม ส่วนใบหน้าหรือก็ยิ้มไม่หุบ“ข้าไม่เอาน้องสาวนะเจ้าคะ” อี้หลานฮวา“ข้าก็ไม่ชอบน้องสาว” หวงหลานฮวา พร้อมกับเหล่ตาไปทางน้องเล็กสุด ที่มือไม่เคยว่างเว้นกัดกินหมั่นโถวเต็มปาก จากนั้นก็เคี้ยวจนแก้มตุ่ย“ข้าจะได้เป็นพี่” ไป๋หลานฮวา ต่อไปนางก็ไม่ต้องคอยทำตามคำสั่งของใครแล้ว นางจะได้เป็นผู้สั่งบ้างเสียที แค่คิดก็มีความสุขแล้วนางจะใช้น้องเล็กไปเอาของกินในครัวมาให้ ยามที่ถูกท่านแม่จำกัดมื้ออาหารเด็ก ๆ ทั้งสามเมื่อรู้ว่าท่านแม่จะมีน้อง ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าขอเป็นน้องชายบ้าง เพราะว่าท่านพี่หลี่เจี๋ยบุตรชายของท่านป้าเฟยฮวาทั้งฉลาดและเก่งกาจ พวกนางก็อยากจะได้น้องชายแล้วเก่งดั่งเช่นท่านพี่หลี่เจี๋ยบ้าง ด้วยตนเป็นสตรีต้องทำตามขนบธรรมเนียม บางอย่างก็ไม่สามารถทำได้ จึงอยากจะให้น้องที่กำลังจะเกิดมาเป็นชายมากกว่าสตรี“ท่านพี่แล้วเสี่ยวเหลียนไปไหนเจ้าคะ ไม่เห็นสองสามวันแล้ว” ลี่อินถามถึงบุตรสาวอีกคนเสี่ยวเลียนพอโตเป็นสาวรูปโฉมงดงามไม่แพ้หญิงงามอันดับหนึ่ง เป็นถึงท่านหญิงมู่ตานผู้เลื่องชื่อ ใน
“ยินดีด้วยขอรับ ฮูหยินน้อยตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้ว ประเดี๋ยวข้าจะจัดเทียบยาบำรุงครรภ์ให้นะขอรับ” ท่านหมอประจำตระกูลกล่าวแสดงความยินดี“ขอบคุณท่านหมอเจ้าค่ะ”ลี่อินที่มีสีหน้าซีดเซียวนอนดมยาดมอยู่บนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน หญิงสาวคิดไว้แล้วว่าจะต้องเป็นเช่นนี้ ก็ในเมื่อสามีตัวดีไม่เคยว่างเว้นเลยสักวัน นี้ก็ผ่านมาสิบปีแล้วสามีก็ยังคงตัวติดกันมิได้ห่าง เมื่อก่อนเป็นเช่นไร ผ่านไปสิบปีแล้วก็ยังคงเป็นเช่นเดิมนางก็อุตส่าห์กินยาคุมกำเนิดมิได้ขาดแล้วเชียวนะ ก่อนกินยังตรวจดูให้ดีเสียก่อนจะกินทุกครั้ง ด้วยกลัวว่าสามีตัวดีจะแอบเปลี่ยนเม็ดยาคุมกำเนิดอีก ก็ระวังตัวดีแล้วเชียวเหตุใดถึงได้ตั้งครรภ์อีกจนได้เอ๊ะ!หรือว่านางเองที่เป็นคนลืมกินยาคุมกำเนิดกันนะ แล้วจะเป็นตอนไหนกัน หรือว่าจะเป็นตอนที่แอบหนีไปท่องเที่ยวกันสองคน หรือจะเป็นตอนแอบหนีลูก ๆ ไปเที่ยวงานประจำเมือง หรือจะเป็นตอนที่สามีกลับจากทำภารกิจตึง ตึงปัง“ภรรยารักเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง พี่ดีใจเหลือเกินที่เรากำลังจะมีลูกเพิ่มอีกแล้ว” แม้เวลาจะเปลี่ยนไปกว่าสิบปี แต่ทว่ากาลเวลาก็ไม่อาจทำให้ชายหนุ่มดูแก่ลงเลย เขายังคงดูหนุ่มแน่นทั้งยังดูสง่างามยิ่งกว่
งานเลี้ยงฉลองภายในครอบครัวเป็นไปอย่างชื่นมื่น ทุกคนต่างกล่าวยินดีและคุยกันอย่างสนุกสนาน ลี่อินที่คอยดูแลสามีเพราะเจ้าตัวเอาแต่นั่งกระแอมเสียงดังไม่ได้หยุด มองจ้าวหรงตาขวางทุกครั้งที่อีกฝ่ายป้อนอาหารให้กับเสี่ยวเหลียน จนตนเองก็หลงลืมที่จะเอาใจภรรยา แต่ก็มีบางครั้งที่เขาจะหันกลับมาคีบอาหารให้กับลี่อินบ้างเป็นบางครา“อุ๊บ!” ลี่อินที่กำลังจะคีบปลาหมึกย่างเข้าปาก นางกลับรู้สึกเหม็นคาวและคลื่นไส้อยากจะอาเจียนขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัวแต่ไม่ว่าจะพยายามกลืนก้อนที่จุกอยู่ตรงคอลงไปเท่าไหร่ เมื่อได้กลิ่นอาหารทะเลมันกลับตีรวนขึ้นมาอยู่ร่ำไป“น้องหญิงเจ้าไม่สบายหรือ” ฮุ่ยหมิ่นรีบวางถ้วยกับตะเกียบลงทันที ที่เห็นว่าภรรยาเอามือปิดปากใบหน้าซีดเซียว“ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ คงจะเหม็นกลิ่นคาวอาหารทะเล” หญิงสาวรีบเอามือผลักถ้วยปลาหมึกออกห่างตัว เพียงแค่ได้กลิ่นเล็กน้อยก็ทำให้นางแทบจะอาเจียนออกมาเสียให้ได้“พี่ว่าเชิญท่านหมอมาตรวจดูดีหรือไม่” ภรรยาเขาคงจะไม่สบายเป็นแน่ อาหารทุกอย่างก็ไม่ได้มีกลิ่นเหม็นจนถึงขั้นต้องอาเจียน เหมือนดั่งเช่นที่ภรรยาเขาบอก ฮุ่ยหมิ่นรีบสั่งให้บ่าวชายไปเชิญท่านหมอทันทีไม่รั้งรอคำตอบ
“ก่อนอื่นให้เอามันหมูวางไว้ส่วนบนสุดของกระทะนะเจ้าคะ พอน้ำมันเริ่มออกก็ถูมันหมูให้ทั่วกระทะเสียก่อน เวลาเราเอาเนื้อลงย่างจะได้ไม่ติดกระทะเจ้าค่ะ” ลี่อินจัดการสาธิตทำเป็นตัวอย่างให้กับทุกคนดู เพียงแค่นำมันหมูถูไปจนทั่วกระทะที่กำลังร้อน ก็เกิดเสียงฉ่าออกมาทันทีทุกคนเห็นทำตามลี่อินทุกขึ้นตอน เสียงมันหมูดังฉ่าเมื่อถูกกับความร้อนของกระทะ กับเนื้อที่เอาลงไปย่างจนสุกส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วทั้งบริเวณ แต่ละคนที่ตั้งตารอต่างก็กลืนน้ำลายดังอึกกันถ้วนหน้า อยากจะลิ้มลองเสียเต็มประดา“ระหว่างรอเนื้อสุก เราก็จะนำผักข้าวโพดหรือเห็ดที่ชอบลงต้นในน้ำซุปด้วยเจ้าค่ะ พอเนื้อสุกได้ที่แล้ว เราก็นำมาจิ้มกับน้ำจิ้ม จากนั้นก็กินได้เลยเจ้าค่ะ” ลี่อินนำเนื้อที่นางย่างแล้วจิ้มน้ำจิ้มที่ปรุงรสมาอย่างดี กระเทียม พริกสับ ผักชีหั่นฝอย ใส่น้ำมะนาวอีกนิด เป็นอันว่าเลิศรสที่สุดแล้วเนื้อสุกกำลังดีจิ้มกับน้ำจิ้มเลิศรสถูกส่งเข้าปากของฮุ่ยหมิ่นเป็นคำแรก ชายหนุ่มได้แต่นั่งยิ้มหน้าบาน ที่ภรรยาเอาอกเอาใจตนเอง ท่ามกลางสายตาของทุกคนทั่วทั้งจวนเช่นนี้“องค์รัชทายาทเสด็จ”ทุกคนที่กำลังกินหมูกระทะกันอย่างเอร็ดอร่อยจึงได้หยุดชะงัก พ
หลังจากจบเรื่องราวอันแสนวุ่นวาย ความสงบสุขก็ได้กลับมาอีกครั้ง ไม่นานมานี้ลี่อินได้มีโอกาสกลับไปที่หมู่บ้านหงชุน บ้านหลังเล็กของนางในตอนนี้มันไม่เล็กอีกต่อไปแล้ว ไม่รู้ว่าฮุ่ยหมิ่นให้คนไปต่อเติมไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ตัวบ้านถูกขยายเต็มพื้นที่ มิหนำซ้ำยังซื้อที่ขยายเพิ่มออกไปอีกท่านน้าทั้งสองที่เป็นผู้ดูแลบ้าน พวกเขาก็ได้มีสมาชิกเพิ่มทั้งบุตรชายบุตรสาว เพียงเท่านี้ลี่อินก็มีความสุขมากแล้วจากนั้นหญิงสาวจึงได้แวะไปดูร้านขนมเซียงเจียว มันได้กลายเป็นร้านขนมขึ้นชื่อของอำเภอไปแล้ว หากผู้ใดได้มาอำเภอฉงชิ่งเป็นต้องแวะซื้อขนมที่ทำจากกล้วยเพื่อเป็นของฝาก ไม่เช่นนั้นจะถือว่ามาไม่ถึงอำเภอฉงชิ่งสถานที่สุดท้ายที่ทั้งสามคนพ่อแม่ลูก ได้แวะไปที่ว่าการอำเภอก่อนกลับเมืองหลวง เพราะเสี่ยวเหลียนน้อยไม่ได้พบกับเหมยเหมยนานนับปีแล้ว และเสี่ยวเหลียนเองก็บ่นหาสหายรักอยู่เสมอ ฮุ่ยหมิ่นจึงได้พาบุตรสาวมาพบกับเพื่อนเก่า จนเสี่ยวเหลียนยิ้มไม่หุบก็ว่าได้“เหมยเหมย ข้ามีของฝากมาให้เจ้าเยอะแยะเลย” เสี่ยวเหลียนที่ตัวสูงขึ้นมากกว่าแต่ก่อน เห็นสหายแล้วก็ได้แต่คิดถึงช่วงเวลาที่ได้เล่นด้วยกัน“ขอบใจนะเสี่ยวเหลียน เจ้าตัวสูงขึ